ความคิดเห็นที่ 1 จะดราม่าไหมเนี่ย... อ่านฉบับแปลไทยก่อนแล้วกันค่ะ ----- [Trans] Girls' Generation จะไม่เดินตามรอยเท้า TVXQ! ณ งานแถลงข่าวคอนเสิร์ต SM Town '10 ที่ Beverly Hills แอลเอ นายคิมยองมิน ประธานบริษัท SM Entertainment กล่าวว่า "แผนการในอนาคตสำหรับ Girls' Generation ในเอเชียนั้นจะต่างจากที่คาดการณ์กันไว้ คือเราจะไม่พุ่งเป้าไปที่ประเทศญี่ปุ่นเพียงอย่างเดียว" เขาต้องการจะสื่อว่า Girls' Generation นั้นจะสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองในญี่ปุ่นด้วยเส้นทางที่ตรงข้ามกับ TVXQ! โดยสิ้นเชิง ซึ่ง TVXQ! พุ่งเป้าไปที่การทำกิจกรรมในญี่ปุ่นอย่างเดียวหลังเดบิวท์ที่นั่นแล้วจึงค่อยกลายมาเป็นสุดยอดศิลปินของเอเชีย เขายังเน้นย้ำอีกว่า "เป้าหมายขั้นแรกของ Girls' Generation คือการเป็น 'ศิลปินอันดับหนึ่งของเอเชีย' ดังนั้นองค์ประกอบสำคัญคือการสร้างระบบให้พวกเธอได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับในพรสวรรค์จากประเทศอื่นๆทั่วเอเชียก่อน แล้วจากนั้นพวกเธอก็จะเป็นที่นิยมในญี่ปุ่นเอง พวกเธอจะไม่เดินตามรอย TVXQ! ซึ่งเริ่มโฟกัสไปที่ประเทศอื่นในเอเชียหลังจากประสบความสำเร็จในญี่ปุ่นแล้ว" Source: [munhwa ilbo] * คิมยองมิน คิดอย่างไรกับปัญหาความขัดแย้งกับ TVXQ ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับปัญหาความขัดแย้งกับ TVXQ นั้น คิมยองมินกล่าวว่า "มันรู้สึกเจ็บปวดและเหมือนใจสลายนะครับ ผมรู้สึกเจ็บปวดที่สื่อของญี่ปุ่นพุ่งเป้าไปที่อุตสาหกรรมบันเทิงของเกาหลีเพียงด้านเดียวแล้วพูดว่า 'วงเกาหลีแตกคอกันง่ายและมีปัญหาภายในอีกมากมาย'..." Source: [sports khan] * ในอดีต TVXQ ถูกมองว่าเริ่มต้นจากจุดต่ำสุดในญี่ปุ่นแล้วค่อยไต่เต้าขึ้นไปด้วยตัวเอง แต่ Girls' Generation มาแรงตั้งแต่เริ่มต้น "ผมหวังว่าทุกคนจะมองในอีกแง่หนึ่งด้วยนะครับ ในอดีตเมื่อ TVXQ เดบิวท์ในญี่ปุ่น พวกเขาไม่สามารถการันตีว่าจะได้รับความนิยมที่นั่น ดังนั้นพวกเขาจึงต้องใช้เวลาในการเอาชนะใจแฟนๆ การที่เห็น TVXQ ซึ่งเป็นสุดยอดศิลปินในเกาหลีไปแสดงบนเวทีเล็กๆในญี่ปุ่นอาจจะทำให้ผู้คนคิดว่าพวกเขาผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากแต่ที่จริงแล้วไม่ใช่เลยครับ" Source: [segye ilbo] Eng Translation credits: jeeelim5@tohosomnia .net Shared by: tohosomnia .net Thai translation : littlepretty@Pantip ----- ป.ล.ใครจะเม้นท์อะไร ก็ขอให้ระวังความรู้สึกกันด้วยนะคะ งานนี้สาวๆ ทั้ง 9 ไม่ได้ทำอะไรเลย ^^" จากคุณ : AlwaysSmiles เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 17:21:16

ความคิดเห็นที่ 2 ตอนแรกว่าจะตั้งกระทู้เลยค่ะ กะว่าจะตั้งว่าเป็น กระทู้เตือนใจแฟนๆศลป.SM :: เมื่อ CEO ของ SM พูดถึง SNSD และ TVXQ โดนเจ้าของกระทู้ตัดหน้าไปก่อนแล้ว ข้อความข้างบนเป็นตัวอย่างวิธีที่ CEO ของ SM Entertainment คุณ Kim Young Min (คิมยองมิน) เลือกที่จะกล่าวถึงศิลปินในค่ายของตัวเอง 2 กลุ่ม เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นถึงความแตกต่างถึงแนวทางการโปรโมทที่ญี่ปุ่น ก่อนอื่นเลยกรุณาอย่าพาดพิงศิลปินในทางที่เสียหายนะคะ  เพราะศิลปินไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย อย่างบอร์ดต่างประเทศก็มีบางส่วนเหมือนกันที่ว่าสาวๆทั้ง 9 ไปแล้ว - -" (งานนี้ขอไปลงที่ความไม่เป็นมืออาชีพของ CEO แล้วกันนะคะ) ประเด็นที่ทำให้เกิดข้อถกเถียงในข้อความด้านบนในบอร์ดแฟนๆโทโฮชินกิ/ดงบังชินกิ ไม่ใช่เรื่องการเปรียบเทียบแต่เป็นเรื่องความไม่เป็นมืออาชีพและกล่าวเหมือนกับว่าศิลปินที่ไปญี่ปุ่นก่อนไม่ได้ผ่านความยากลำบากมาก่อนเลย จากคุณ : gibt เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 17:31:15

ความคิดเห็นที่ 3 ข้อชี้แจงเป็นประเด็นไปแล้วกันว่าแต่ละจุดที่ CEO คิมยองมินให้สัมภาษณ์มีข้อเท็จจริงอย่างไรบ้าง /// "เป้าหมายขั้นแรกของ Girls' Generation คือการเป็น 'ศิลปินอันดับหนึ่งของเอเชีย' ดังนั้นองค์ประกอบสำคัญคือการสร้างระบบให้พวกเธอได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับในพรสวรรค์จากประเทศอื่นๆทั่วเอเชียก่อน แล้วจากนั้นพวกเธอก็จะเป็นที่นิยมในญี่ปุ่นเอง พวกเธอจะไม่เดินตามรอย TVXQ! ซึ่งเริ่มโฟกัสไปที่ประเทศอื่นในเอเชียหลังจากประสบความสำเร็จในญี่ปุ่นแล้ว"/// TVXQ! เริ่มทำกิจกรรมในญี่ปุ่นเดือนเมษายน 2005 แต่ได้มีการเริ่มออกอัลบั้มเป็นภาษาจีนบางส่วนเพื่อตีตลาดจีน ไต้หวัน ฮ่องกงตั้งแต่ปลายปี 2004 ช่วง 2005 ที่ออกซิงเกิ้ลในญี่ปุ่นนั้นยอดขายยังน้อยอยู่เลยค่ะ ประมาณ 5,000 - 20,000 แผ่น แต่ตอนนั้นที่เกาหลียอดขายอยู่ที่ 200,000 เป็นฐาน และได้เริ่มตีตลาดเอเชียตั้งแต่ปลายปี 2005 ที่ออกอัลบั้มที่ 2 ในเกาหลี ช่วงนั้นยังไม่อาจนับได้ว่าไปโฟกัสที่ญี่ปุ่นแต่อย่างใด TVXQ! เริ่มจัดคอนเสิร์ตทัวร์ในหลายประเทศในเอเชียทั้้งจีน ไทย มาเลเซีย พวกเขาเป็นศิลปินเกาหลีกลุ่มแรกที่ได้เปิดคอนเสิร์ตอย่างเป็นทางการที่มาเลเซียในปี 2006 พวกเขาบินไปกลับญี่ปุ่นเพื่อออกซิงเกิ้ลและอัลบั้มภาษาญี่ปุ่นควบคู่ไปกับการทัวร์ญี่ปุ่นและทัวร์เอเชีย และในปี 2006 ก็ยังได้ออกอัลบั้มภาษาเกาหลีอัลบั้มที่สาม "O" ซึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นอัลบั้มที่กวาดรางวัลให้พวกเขามากที่สุด รางวัลปลายปีรางวัลใหญ่ทุกๆรายการเป็นของดงบังชินกิทั้งหมด ช่วงที่บ้านเรายังไม่มีกระแสเกาหลีเข้ามาแต่ดงบังเป็นวงแรกๆที่เข้ามาแล้วมีแฟนๆไปรอรับที่สยามมากมายจนลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์หลายฉบับนั่นแหล่ะค่ะ เพราะฉะนั้นจริงๆแล้วพวกเขาดังในแถบประเทศเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ก่อนที่จะเริ่มต้นไปโฟกัสงานในญี่ปุ่นจริงๆในปี 2007 ซึ่งก็เริ่มทัวร์เอเชียควบคู่ไปด้วยเช่นกัน ไม่ใช่พุ่งเป้าไปที่ญี่ปุ่นก่อนเอเชีย และจริงๆแล้วเป้าหมายของศิลปินของ SM ไม่เคยต่ำกว่าการเป็นที่หนึ่งของเอเชีย (ซึ่งน่าจะหมายถึงเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) เพราะมันเป็นเป้าหมายสำคัญของค่ายที่จะตีตลาดในแถบนี้ให้ได้ตั้งแต่เจตนารมย์ในการตั้งค่ายเลย (หาอ่านได้จากเว็บหลักของ SM Entertainment) หรือการตั้งชื่อศิลปินอย่าง Xiah Junsu นั้น คำว่า Xiah ก็มาจากเอเชียนั่นเอง... เอาโปสเตอร์คอนเสิร์ตที่มาเลเซียมาให้ดูค่ะ มีวันที่ให้เรียบร้อย จากคุณ : gibt เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 17:50:21

ความคิดเห็นที่ 4 ข้อความของสื่อญี่ปุ่นที่ว่า /// ‘Korean groups break up easily, and there are many problems within this.’ วงเกาหลีแตกวงง่าย และมีปัญหาภายในวงการบันเทิงเกาหลีมากมาย/// ถ้าหากมองไปแล้วก็เป็นความจริงค่ะ และสื่อญี่ปุ่นก็ไม่ได้ออกข่าวเพียงแค่นั้น แต่จะเสนอให้เห็นถึงลักษณะสัญญา และลักษณะทั่วไปของวงการบันเทิงเกาหลี การเสนอข่าวของโทโฮชินกิในญี่ปุ่นก็จะพูดถึงข้อความจากทางทนายของน้องที่ฟ้องและและข้อความของทาง SM เองด้วย (จากคลิปข่าวที่ได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษ) เพราะฉะนั้นจริงๆแล้วสื่อญี่ปุ่นไม่ได้เสนอความด้านเดียวแต่อย่างใด ยิ่งถ้ามองจากไปที่ค่าย SM เองแล้ว แทบจะไม่มีวงรุ่นพี่ไหนที่ประสบความสำเร็จเหลืออยู่กับ SM เลย H.O.T. -  3 คนแยกวงไปเป็น JTL หลังจากหมดสัญญา (มีการฟ้องกับค่ายด้วยเช่นกัน และค่ายใช้อำนาจเล่นงานแบน JTL ไม่ให้โปรโมทตามรายการทีวี)             คังตะกับ มุนฮีจุนอยู่กับ SM กลายเป็นศิลปินเดี่ยว แต่สุดท้าย มุนฮีจุนก็ออกจาก SM อย่างถาวร S.E.S. - ไม่ต่อสัญญา หลังหมดสัญญา 5 ปี แต่ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน Shinhwa - ฟ้องค่ายเพื่อเอาชื่อวงและชื่อแฟนคลับออกมา ตอนนี้ยังอยู่เป็นวงรอการกลับมาหลังจากเกณฑ์ทหารเรียบร้อยแล้ว Fly to the Sky - ออกมาจากค่าย TVXQ! - ยื่นฟ้องไปสามคน Super Junior - Hangeng ยื่นฟ้องค่ายขอยกเลิกสัญญา เพราะฉะนั้นหากข้อความที่สื่อออกไปจะเป็นอย่างนั้นก็ไม่น่าแปลกใจเท่าใดนัก และปฏิเสธความจริงข้อนี้ไม่ได้อีกด้วย จากคุณ : gibt เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 18:03:30

ความคิดเห็นที่ 5 และข้อความต่อไปนี้คือสิ่งที่ทำให้แฟนๆโกรธมากที่สุดค่ะ "...การที่เห็น TVXQ ซึ่งเป็นสุดยอดศิลปินในเกาหลีไปแสดงบนเวทีเล็กๆในญี่ปุ่นอาจจะทำให้ผู้คนคิดว่าพวกเขาผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากแต่ที่จริงแล้วไม่ใช่เลยครับ" ประโยคนี้หลายคนรู้สึกว่าเป็นการดูถูกศิลปินในค่ายตัวเองอย่างมาก ไม่ได้นับแค่ TVXQ แต่รวมไปถึงรุ่นพี่อย่าง BoA ที่ไปเริ่มต้นงานในญี่ปุ่นตั้งแต่ยังไม่มีกระแส Hallyu เข้าไปช่วย ตัวสมาชิกของ TVXQ เองยังเคยพูดด้วยตัวเองว่าช่วงสองปีแรกที่ถูกส่งไปอยู่ญี่ปุ่นก็คิดตลอดว่าทำไมจะต้องไปญี่ปุ่นด้วย แล้วก็ไม่ได้เก่งภาษากันมาก่อน ค่อยๆไปฝึกเอาที่นั่นกันทั้งนั้น ทุกคนเล่าถึงช่วงเวลาที่กลายเป็นโรคซึมเศร้าขึ้นรุนแรง และช่วงปี 2006-2007 ที่พวกเขาประสบความสำเร็จในเกาหลีอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นที่สุดของเกาหลีแล้วในตอนนั้น แต่พอไปถึงญี่ปุ่นแล้วก็กลายเป็นวงน้องใหม่ธรรมดาที่ไม่ค่อยมีคนสนใจ จากแสดงบนเวทีใหญ่คนดูนับหมื่น อีกสองสามวันถัดมาต้องไปแสดงบนเวทีเล็กคนดูสองร้อย ในประเทศที่พูดภาษานั้นๆไม่ค่อยได้ มันเป็นความแตกต่างที่ทำให้สภาพจิตใจของทุกคนย่ำแย่ไปตามๆกัน ซึ่งตรงจุดนี้ถ้าไม่เรียกว่ายากลำบากก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไร จริงอยู่ว่าพวกเขาคงไม่ได้ถึงกับอดอยาก แต่มันเป็นเรื่องของสภาพจิตใจของเด็กอายุ 20 ค่ะ (ตอนนั้นชางมินยังไม่ถึง 20 ด้วยซ้ำ) สิ่งที่สมาชิกทั้ง 5 คนในนามโทโฮชินกิต้องทำในญี่ปุ่นตอนนั้น มันแตกต่างจากสถานะของพวกเขาในเกาหลีและประเทศอื่นๆในเอเชียอย่างสิ้นเชิง แม้กระทั่งช่วงต้นปี 2008 ที่พวกเขาเริ่มจะมีชื่อเสียงขึ้นมาก็ยังต้องไปเดินสายแจกใบปลิวโปรโมทอัลบั้มด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นประโยคข้างบนที่ CEO พูดมันเหมือนกับบอกว่าที่สมาชิกของ TVXQ เคยพูดมาทั้งหมดคือการโกหกค่ะ พวกเขาไม่ได้ลำบากอะไรกับการไปทำงานที่ญี่ปุ่น ลองดูเวทีที่พวกเขาขึ้นแสดงกันในช่วง 2006-2007 ค่ะ จากคุณ : gibt เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 18:18:48

ความคิดเห็นที่ 6 อีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้แฟนๆรู้สึกแย่กับการให้สัมภาษณ์ของ CEO มากๆเพราะนี่ไม่ใช่เป็นแค่การกล่าวพาดพิงไปถึงคนที่มีเรื่องกับค่ายอย่างจุนซู แจจุง ยูชอนเท่านั้น สิ่งที่เขาให้สัมภาษณ์เหมือนกับไม่ให้เกียรติและกดยุนโฮกับชางมินซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ TVXQ ที่ยังอยู่กับค่าย SM อีกด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหากคุณไม่ได้เป็นประโยชน์กับค่ายอย่างที่เคยได้ทำให้ค่ายมาตลอด  CEO ก็ไม่ได้สนใจที่จะให้เกียรติกับคุณแต่อย่างใด และแน่นอนว่าถึงแม้สมาชิกของแต่ละกลุ่มในค่าย SM ไม่ได้พูดอะไร หรือไม่ได้แสดงอะไร แฟนๆก็เห็นตารางการบินของพวกเขาว่าบินไปกลับ ทำงานกันข้ามประเทศเยอะแค่ไหน หรือตัวอย่างเบื้องหลังที่ถ่ายกันมาได้ ภาพจากแฟนแคมก็แสดงให้เห็นสิ่งที่แต่ละวงใน SM ต้องเจอ ตอนนี้อาจจะไปหนักที่สาวๆ SNSD ที่ต้องรับภาระหนักในการบินข้ามประเทศและโปรโมทหลายๆที่ ขอให้ไม่มีวงไหนจะต้องเจอกับการกระทำแบบเดียวกันจาก CEO คนนี้ และนโยบายของบริษัทอย่างนี้เช่นเดียวกับที่ดงบังชินกิเจอแล้วกันนะคะ นอกประเด็น ชั้นวางขายซีดีที่ญี่ปุ่น...SNSD กับ JJY หันหลังชนกัน จากคุณ : gibt เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 18:37:39

ความคิดเห็นที่ 7 "...ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหากคุณไม่ได้เป็นประโยชน์กับค่ายอย่างที่เคยได้ทำให้ค่ายมาตลอด  CEO ก็ไม่ได้สนใจที่จะให้เกียรติกับคุณแต่อย่างใด"   ประโยคนี้ถูกใจอิป้ามากค่ะ  คุณ gibt  อิป้าก็คิดอย่างนี้เหมือนกัน อ่านที่ CEO พูดแล้วโกรธอ่ะ  พูดได้แบบนี้  แสดงว่าคุณค่าของนักร้องในค่าย ไม่มีอะไรมากเกินไปกว่า การทำเงินให้ค่าย เลย   ทงบังดังมากๆในเกาหลี ช่วงนั้นบอกได้ว่า เป็นที่หนึ่งในเกาหลีด้วยซ้ำ  แล้วต้องไปทำงานในญี่ปุ่น แบบเด็กโนเนม  ภาษายุ่นไม่กระดิก  ไม่รู้ด้วยว่าทำไมต้องไป  ค่ายให้ไปก็ไป  ขนาดครูสอนร้อง สอนเต้นที่ญี่ปุ่นใช้ภาษามือกะน้องกันวุ่นไปหมด  ขนาดต้องจับตัว จัดท่าทางให้ เพราะพูดสื่อกันไม่รู้เรื่อง  รายการดังๆ ใหญ่ๆ ช่วงนั้นเร๊อะ อย่าหวังได้ไปออก  รายการแม่บ้าน เล็กน้อยยังไงน้องก็ไปโปรโมท  แจกใบปลิวเองก็เคย  เด็กอายุประมาณแค่ ยี่สิบ  ไปอยู่แบบนั้น  ไม่เล๊ยยยย  ไม่ลำบากกกกกก  ชิส์...... จากคุณ : boovoo เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 19:14:26

ความคิดเห็นที่ 8 ขออนุญาตแปะวีรเวรวีรกรรมของค่ายนี้  แล้วจะรู้ว่าที่สื่อญี่ปุ่นออกข่าวน่ะ   ไม่ได้ผิดจากความเป็นจริงเลย ,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,, การขัดขวางการดำเนินกิจกรรมและการฟ้องร้องโดย SM Entertainment และศิลปินผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในอดีต: ‘บันทึกอดีตพฤติกรรมของ SM และกรณีที่แพ้การฟ้องร้อง’ 2002 การเริ่มต้นของ “สัญญาทาส” ของวงการบันเทิงในปัจจุบัน” .... คำอธิบายจากต้นสังกัด ตามข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้องวงใน SM Entertainment มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายบริษัทเนื่องจากบริษัทถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจในการจัดการและเรื่องการมีสัญญาเพียงฝ่ายเดียวที่ไม่เป็นธรรมของศิลปินในสังกัด ตัวอย่างคืออดีตสมาชิกวง H.O.T. มุนฮีจุน และ อันซึงโฮ นอกจากนั้นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SM Entertainment อีซูมาน พร้อมด้วย  :-)ang Entertainment ,Giant A&V และอีก 4 บริษัทรวมตัวกันทั้งหมด 8 กลุ่มร่วมกันก่อตั้งบริษัท iKpop จากการตรวจสอบพบว่าเหตุผลในการเปิดบริษัทใหม่ขึ้นคือเพื่อรวบรวมเพลงและอัลบั้มทั้งหมดให้ออกมาจากเพียงบริษัทเดียว ซึ่งจะทำให้บริษัทกลายเป็นผู้ครองตลาดรายใหญ่ของวงการเพลงในขณะนั้นคิดเป็นเป็นสัดส่วนถึง 53.9% และค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของบริษัทประมาณหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ ยังพบอีกว่าผู้ก่อตั้งทำให้ศิลปินไม่สามารถออกอัลบั้มด้วยตัวเองได้ (สัญญาทาส และการผูกขาด) การยกเลิกการออกรายการของ JTL อย่างต่อเนื่อง – อิทธิพลของบริษัทค่ายเพลงยักษ์ใหญ่? อดีตสมาชิก H.O.T. จางอูฮยอก โทนี่ อัน และอีแจวอน ออกจากบริษัท SM Entertainment และออกผลงานกับต้นสังกัดใหม่ในนาม JTL อย่างไรก็ตามหลังจากออกอัลบั้มสองสัปดาห์ ก็ไม่ได้ยินเพลงของพวกเขาตามสถานีใด ๆ อีกเลย ยิ่งไปว่านั้นมิวสิควีดิโอเพลงใหม่ของ JTL ที่มีกำหนดออกอากาศเป็นลำดับที่ 6 ในรายการ “Inkigayo Live” ทางช่อง SBS ก็ถูกยกเลิกทันที โดยทาง SBS ให้เหตุผลว่า “ทางรายการจะนำเพลงนี้ออกอากาศก็ต่อเมื่อรายการทางช่องอื่น ๆ เปิดเพลงนี้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากรายการใหม่ของสถานีที่มี คังทา มุนฮีจุน จอนจิน และศิลปิน SM คนอื่น ๆ เป็นพิธีกรจะเริ่มออกอากาศในวันที่ 19 ที่จะถึงนี้ ทางสถานีมีความจำเป็นที่จะต้องเลือกการร่วมงานกับพวกเขา ดังนั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่ทางเราจะไปมีเรื่องขัดแย้งกับพวกเขา (SM)” (การบอยคอตของ SM และขัดขวางการดำเนินกิจกรรมของศิลปินที่หมดสัญญากับค่าย) 2004 “สัญญาของ SM : สัญญาทาสยุคใหม่” วันที่ 5 ศาลสูงประจำกรุงโซลปฏิเสธการยื่นอุทธรณ์คำตัดสินของศาลที่บริษัท SM Entertainment ได้รับให้ไปทบทวนสัญญาของบริษัทโดยกล่าวว่า “ค่าปรับจำนวนมหาศาลที่ศิลปิน SM ต้องจ่ายหากต้องการออกจากค่ายนั้นไม่เป็นธรรมอย่างมาก” กระทรวงยุติธรรมมีความเห็นในเรื่องนี้ด้วยการชี้แจงว่า “ถึงแม้ว่าบริษัทจะต้องใช้เงินจำนวนมากในการฝึกศิลปินฝึกหัดและรวมกับค่าความเสี่ยงในการลงทุนก็ตาม แต่โดยทั่วไปแล้วการลงทุนในธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงจะนำมาซึ่งผลกำไรที่สูงเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นหลักการลงทุนตามปกติที่ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้ลงทุนอยู่แล้ว ดังนั้นการตั้งค่าปรับชดเชยการยกเลิกสัญญาไว้สูงมากจนเกินไป ถือใช้อำนาจในทางที่ผิดด้วยการใช้แนวคิดที่พยายามโยกการขาดทุนจากศิลปินที่ไม่ประสบความสำเร็จไปเรียกเอาจากคนที่ประสบความสำเร็จอีกคนหนึ่งแทน” (คำตัดสินที่ SM ได้รับคือให้ไปทบทวนเกี่ยวกับสัญญาทาสของพวกเขาใหม่อีกครั้ง ทาง SM ยื่นอุทธรณ์แต่ถูกศาลปฏิเสธ) “การเปลี่ยนตัว MC งาน Asia Song Festival – โทนี่ อัน ด้วยเหตุผล ‘ไม่สามารถทำหน้าที่พิธีกรได้เนื่องจากความมีอคติ’” ต้นสังกัดเดิมของโทนี่ อันแสดงจุดยืนของตนโดยประกาศอย่างชัดเจนว่า “ถ้าหากโทนี่ อันเป็นพิธีกรรายการนี้ ทางบริษัทจะไม่ให้ศิลปินจากบริษัทเดียวกันเช่น TVXQ ขึ้นเวที” และแรงกดดันดังกล่าวทำให้ต้องเปลี่ยนตัวพิธีกรในรายการ (การบอยคอตของ SM และขัดขวางการดำเนินกิจกรรมของศิลปินที่หมดสัญญากับค่าย) อีซูมานถูกตัดสินลงโทษและภาคทัณฑ์จากข้อหา “การใช้เงินบริษัท” ผู้บริหารบริษัท SM อีซูมาน (52 ปี) ถูกตั้งข้อหาว่าใช้เงินบริษัทในการเพิ่มทุนถูกตัดสินลงโทษ 2 ปีและภาคทัณฑ์ไว้ 3 ปี (การใช้เงินของบริษัท) ////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////// By: Popples Day Source: Various Sources:Ohmynews, Osen News, Hani News, Newsen, fnnews (Note: This is not an exhaustive list) Translation: happy.colour@OneTVXQ.com Credits: OneTVXQ.com { One World. One Red Ocean. One TVXQ! } Feel free to repost, but please leave the full credits intact. Thanks! ------------------ Trans : กระทู้ข่าว # 30 pantip chalermkrung จากคุณ : sweetest เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 19:44:50

ความคิดเห็นที่ 9 สิ่งที่เคืองมากหลังจากอ่านจบคือทำไม๊พูดเหมือนกับว่าไอ้ที่ผ่านๆมาเนี่ย TVXQ มันเป็นความผิดพลาดของค่ายคุณหยั่งงั้นแหละ เข้าใจว่าท่าน CEO อยากจะกระแหนะกระแหนสามเมมเบอร์ แต่อีกสองหน่อสุดหล่อของเค้าหล่ะ ลืมไปรึเปล่าเนี่ยคุณว่าเค้ายังอยู่ค่ายคุณนะคะ อยากจะสาดโคลนใส่สามคนจนลืมสนใจอีกสองคนเหรอคะ ทำอะไรก็กรุณาไว้หน้าน้องขายาวหน่อยนะคะคุณ สงสารน้องวุ้ย อีกเรื่องนึง เค้าอ่านประโยคสุดท้ายแล้วตีความได้เหมือนพี่บิ๊ก เหมือนคุณ CEO เค้าอยากจะบอกว่าน้องโกหก สร้างภาพ มันไม่ลำบากอะไรหรอก O.o แบบว่าน้องตรูไม่ลำบาก กล้าพูดจริงๆให้ตายค่ะ กว่าจะมีวันนี้ได้ในญี่ปุ่นแฟนๆก็รู้ดีว่ามันเป็นยังไง เฮ้ออ อ่านๆแล้วก็สงสัยว่าคุณ CEO เค้าคิดก่อนให้สัมภาษณ์รึเปล่า ทำไมข้อมูลมันถึงได้แย้งกับความเป็นจริงนักคะ แบบว่าสงสัยเลยนะว่าเค้าโง่รึเปล่าฟระคะ พูดแต่ละคำออกมาช่องโหว่ตรึมค่ะ เห็นกันแบบโต้งๆ ไม่ต้องใช้สมองมากมายก็เห็นว่ามันมั่ว ทีหลังคิดดีๆก่อนนะคะคุณ ทำงี้คนที่เสียหายนะบริษัทคุณทั้งนั้น สงสารสาวๆ ถูกคุณ CEO หางานให้ซะงั้น -*- จากคุณ : earlgrey เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 19:47:29

ความคิดเห็นที่ 10 -ต่อ- 2006 นักแสดงโฆษณา ยูมินโฮ ยื่นฟ้อง SM Ent. – ศาลตัดสินให้สัญญาทาสเป็นโมฆะ <ข้าม> 2007 การกดขี่ข่มเหงในสัญญาของศิลปิน : คิมจีฮุน และสัญญาทาสของ SM? <ข้าม> บริษัทชั้นนำที่ไม่สามารถแก้นิสัยเรื่องการเซ็นสัญญาทาสได้ <ข้าม> (T/N: คิดว่าช่วงปี 2006-2007 เป็นเหตุการณ์เกี่ยวกับสัญญาทาสที่ SM เกี่ยวข้องด้วย แต่ไม่เกี่ยวกับน้องโดยตรง ทางผู้แปล(อังกฤษ) จึงละไว้นะคะ) 2009 คำร้องของทงบังชินกิ: “สัญญา 15 ปีรวมเวลาเข้ากรมรับใช้ชาติและส่วนแบ่งจากกำไร 0.04% ต่อคน” “พวกเราเหนื่อยล้าทั้งทางร่างกายและจิตใจจากตารางงานที่อัดแน่นและเป็นการจัดการเพียงฝ่ายเดียวของบริษัทมาเป็นเวลา 5 ปีตั้งแต่เดบิวท์” “นอกจากวันหยุด 1 สัปดาห์ต่อปีที่ได้รับ พวกเราทำงานตามตารางที่ให้เวลานอนแค่วันละ 3-4 ชั่วโมง” “สัญญา 13 ปีในความเป็นจริงหมายถึงสัญญาตลอดชีพ และถ้ารวมเวลาที่พวกเราต้องเข้ากรมรับใช้ชาติแล้วสัญญาจะยาวนานถึง 15 ปี ซึ่งหมายความว่าเรายังเหลือระยะเวลาภายใต้สัญญาอีกเกือบสิบปี ถ้าดูตามความเป็นจริงนั่นก็หมายความว่าพวกเราจะถูกผูกติดกับสัญญานี้ไปจนออกจากวงการ” “หากคุณได้อ่านเนื้อความและข้อบังคับในสัญญาที่เกี่ยวกับผลกำไรจากยอดขาย คุณจะพบว่าเฉพาะอัลบั้มที่มียอดขาย 500,000 ชุดขึ้นไปเท่านั้น สมาชิกจึงจะได้รับส่วนแบ่งประมาณคนละ 8,500 เหรียญสหรัฐ แต่ถ้ายอดขายไม่ถึง จะไม่ได้รับส่วนแบ่งใด ๆ จากกำไรที่ได้รับจากผลงานเลย” “สัญญาเพิ่งได้รับการแก้ไขเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2009 อย่างไรก็ตามหลังจากแก้ไขแล้ว ส่วนแบ่งรายได้ที่สมาชิกแต่ละคนจะได้รับก็ยังคงเป็น 0.4-1.0% ของผลกำไรเท่านั้น โดยขึ้นอยู่กับยอดขายในผลงานที่ออกมา” ปาร์คชานซอง: “สัญญาทาสของทงบังชินกิ และการถูกเปิดเผยล่าสุดของ SM” * เนื่องจากสมาชิกของทงบังชินกิเป็นผู้เยาว์ (อายุต่ำกว่า 19 ปี) ได้รับสัญญาที่เป็นไปได้ว่าน่าจะมีระยะเวลายาวนานที่สุดถึง 13 ปี เมื่อเปรียบเทียบกับอายุการทำงานในวงการบันเทิง นี่หมายความมว่าพวกเขาถูกยึดตัวไว้ตลอดชีวิต * พวกเขาต้องจ่ายค่าชดเชยการยกเลิกสัญญาเป็นเงินมากกว่า 2 เท่าของรายได้ในอนาคตที่พวกเขาทำได้หากทำงานจนครบอายุสัญญา * ไม่มีเอกสารหลักฐานที่แน่ชัดของเวลาที่เริ่มทำสัญญา (T/N: ไม่มีเอกสารที่ชัดเจนที่แสดงว่าจริง ๆ แล้วสัญญาเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่เท่าไหร่ อาจจะไม่มีวันที่เริ่มทำสัญญาให้ชัดเจนหรืออาจจะเขียนไว้แค่เริ่มต้นที่เดือนหรือปีมั้งคะ ไม่แน่ใจ) * พวกเขามีสัญญาแนบท้ายเพิ่มในสัญญาส่วนที่กล่าวว่าบริษัทจะไม่จ่ายเงินให้หากยอดขายอัลบั้มไม่ถึง 500,000 ชุด และหากทำได้จะได้รับเงินส่วนแบ่งจากกำไรเพียงคนละ 8,500 เหรียญสหรัฐ * ต้นสังกัดใช้อำนาจเหนือทงบังชินกิซึ่งเป็นผู้เยาว์และอยู่ในฐานะที่เสียเปรียบเนื่องจากเป็นศิลปินใหม่ในการทำสัญญาที่ไม่เป็นธรรมและได้รับส่วนแบ่งจากผลกำไรที่ไม่เหมาะสม การฟ้องร้องระหว่างฮันกยองและ SM... เนื้อหาสัญญาของ Super Junior ถูกเปิดเผย ประเด็นใหญ่ที่สุดเกี่ยวกับส่วนแบ่งผลกำไร โดยต้องทำยอดขายให้ได้มากกว่า 50,000 ชุด สมาชิกซูเปอร์จูเนียร์จะได้รับส่วนแบ่ง 2% ของกำไร แต่เนื่องจากสถานการณ์ของวงการเพลงในปัจจุบัน จึงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับการทำยอดขายชุดแรกให้ได้ถึง 50,000 ชุด นอกจากนั้นยังขึ้นกับสัญญาของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกันอีกด้วย ผลกำไรที่แท้จริงที่สมาชิกแต่ละคนได้รับอาจจะเป็นเพียงส่วนแบ่งจาก 2% ที่ว่านั้น ถึงแม้ว่าในอัลบั้มที่ 3 ของพวกเขาจะขายได้ถึง 250,000 ชุด แต่ส่วนแบ่งทั้งหมดที่สมาชิกทั้ง 13 คนได้รับก็ไม่เกินคนละ 3,500 ดอลลาร์ ไม่เพียงนั้น แต่ปัญหาใหญ่อย่างอื่นอีกที่ซ่อนอยู่ภายใต้ยอดขาย 250,000 ชุดในขณะที่วงการเพลงเป็นเช่นนี้ซึ่งดูเป็นตัวเลขที่น่าทึ่งมาก ซุปเปอร์จูเนียร์มีสัญญา 13 ปีเช่นเดียวกับทงบังชินกิ ในกรณีของฮันกยองเขาจะเป็นอิสระจาก SM ตอนอายุ 35 ปี นี่ทำให้สัญญานี้ถูกจัดเป็นสัญญาทาส นอกจากนั้นแล้วหากเขาเลือกที่จะยุติสัญญา จำนวนเงินค่าปรับที่ต้องจ่ายจะเป็นเงินประมาณ 3 เท่าของเงินที่ SM ลงทุนในวงและ 2 เท่าของรายได้ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตที่เหลืออยู่ตลอดสัญญา (สัญญาทาส) ข้อหา “ปลอมแปลงลายเซ็นของสมาชิกทงบังชินกิทั้งสามคนสำหรับคอนเสิร์ตที่เซินเจิ้น ประเทศจีน” จากคำชี้แจงของตัวแทนสมาชิกทั้งสามของทงบังชินกิในวันที่ 24 ว่า “แฟนเพลงชาวเกาหลีและจีนให้ความสนใจเรื่องลายเซ็นของสมาชิกทงบังชินกิทั้งสามคนในเอกสารยืนยันการจัดคอนเสิร์ตที่เซินเจิ้นว่าอาจจะถูกปลอมแปลง และจากการตรวจสอบอย่างใกล้ชิด พบว่าเป็นเรื่องจริง” นอกจากนี้เขายังเสริมว่า “SM เป็นคนก่อเรื่องนี้ให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ด้วยการให้คนปลอมลายเซ็น ทั้งที่ความจริงแล้วสมาชิกทั้งสามคนไม่เห็นด้วยในการเข้าร่วมคอนเสิร์ตที่เซินเจิ้น” (การปลอมแปลงเอกสาร) 2010 ผู้บริหาร SM Entertainment คิมยองมิน ถูกแจ้งความกับตำรวจ วันที่ 9 คุณ W เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจในคังนัม โซลดำเนินคดีกับ SM Entertainment บริษัทชั้นนำที่เกี่ยวข้องกับวงไอดอลชื่อดัง ทงบังชินกิ ในข้อหาทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและทำให้ธุรกิจได้รับความเสียหาย พบว่าเขาแจ้งความกับตำรวจให้ดำเนินคดีกับผู้บริหาร SM คิมยองมิน (40 ปี) โดยตรง ผลการสืบสวนของตำรวจชี้แจงว่า “แรงจูงใจเบื้องหลังการฟ้องร้องคดีที่เกี่ยวข้องกับสมาชิกทั้งสามของทงบังชินกิคือพวกเขาต้องการยุติสัญญาที่ยาวนานและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเครื่องสำอาง” ศาสตัดสินรับคำร้องขอส่วนหนึ่งของสมาชิกทั้งสามของทงบังชินกิให้เป็นอิสระจากสัญญากับบริษัท SM เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา (ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและทำให้ธุรกิจได้รับความเสียหาย) _______________________________________________________ ผู้เขียนได้ทำการรวมรวมข้อมูลเท่าที่หาได้จากบทความที่มีการตีพิมพ์ ในความเป็นจริงแล้วทุกสิ่งที่ถูกกล่าวอ้างข้างต้นเป็นสิ่งที่เปิดเผยต่อสาธารณชน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังอาจจะเรื่องไม่ถูกต้องอีกมากมายที่ SM ทำไว้และถูกเก็บซ่อนไว้ในมุมมืด <ข้าม> เห็นได้ชัดเลยว่าทงบังชินกิของพวกเราน่าจะต้องทนทุข์ทรมานมากมายกับสัญญาทาสมากกว่าที่ในบทความได้บอกเรา <ข้าม> ศาลรับคำร้องของทงบังชินกิของพวกเราที่ขอให้ทบทวนเรื่องส่วนแบบรายได้เรียบร้อยแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ฉันกังวลว่า SM จะงัดเล่ห์กลอะไรมาจัดการกับพวกเขาต่อไป By: Popples Day Source: Various Sources:Ohmynews, Osen News, Hani News, Newsen, fnnews (Note: This is not an exhaustive list) Translation: happy.colour@OneTVXQ.com Credits: OneTVXQ.com { One World. One Red Ocean. One TVXQ! } Feel free to repost, but please leave the full credits intact. Thanks! ------------------ Trans : กระทู้ข่าว # 30 pantip chalermkrung จากคุณ : sweetest เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 19:48:35

ความคิดเห็นที่ 11 อันนี้ควมเห็นส่วนตัว เราอ่านตั้งแต่เมื่อคืนแล้วค่ะ  โกรธจนนอนแทบไม่หลับ   อ่านเสร็จเรามีคำถามในใจอย่างหนึ่งที่ว่า  คนๆนี้เป็น  CEO  บริษัทใหญ่โตอย่าง  SM  จริงๆน่ะหรือ CEO ที่เราเห็นส่วนใหญ่นอกจากจะฉลาดหลักแหลม  การพูดจาอะไรก็จะระมัดระวังคิดถึงผลกระทบที่จะเกิดกับบริษัทให้มากที่สุด แต่เราไม่เห็นสองสิ่งนี้จากการให้สัมภาษณ์นี้เลย จากการสัมภาษณ์ครั้งนี้  นอกจากแสดงให้เห็นถึงการไม่ให้เกียรติสำหรับศิลปินที่ทำรายได้เป็นอันดับหนึ่งให้กับค่ายสามปีซ้อนอย่างดงบังชินกิ  คุณยังทำลายความภาคภูมิใจที่ดงบังชินกิได้ฝ่าฟันมาจนประสบความสำเร็จในญี่ปุ่นเสียไม่มีชิ้นดี  คุณทำให้ความพยายาม  ความลำบากเหล่านั้นเป็นสิ่งไร้ค่า เราจะไม่แปลกใจเลยถ้าคุณจะพุ่งเป้าการโจมตีไปที่แจจุง  จุนซู  และยูชอน  แต่นี่คุณกับพูดจาไม่ได้เห็นแก่จิตใจของยุนโฮและางมินที่ยังอยู่กับคุณเลย  เพราะความภาคภูมิใจในการฟันฝาความลำบากทั้งหลาย  คือความภาคภูมิใจของพวกเขาทั้งห้าคน  แต่คุณก็ได้ทำลายด้วยคำพูดพล่อยๆพวกนั้น แล้วการให้สัมภาษณ์แบบนี้  มันไม่ได้สร้างผลดีอะไรเลย  ภาพลักษณ์  CEO  แย่  บริษัทแย่  อาจจะส่งผลไปถึงสาวๆที่กำลังเริ่มต้นในญี่ปุ่นอย่างไม่ตั้งใจด้วย แฟนๆที่แยกแยะเป็นก็มาก  แต่คนที่ยกแยะไม่ได้ก็มีไม่น้อย  ถึงไม่ใช่แฟนๆของสาวๆโดยตรงคุณ CEO  ก็อย่าเพิ่มแอนตี้แฟนโดยไม่จำเป็นเถอะค่ะ ยังไม่รวมกับที่คุณกลับดำเป็นขาว  ข้อมูลก็มั่ว  เพียงเพื่อหวังทำลายดงบังชินกิ ก่อนหน้านี้ก่อนที่คุณจะเป็น  CEO คุณเป็นหัวหน้าฝ่ายกิจกรรมค่างประเทศของ  SM  ไม่ใช่เหรอ  แตคุณให้ข้อมูลมั่วๆแบบนี้  อย่างกับคนที่ไม่เคยทำงานส่วนนั้นมาก่อน อยากรู้จริง   ตำแหน่งที่คุณได้มาเนี่ย  เพราะบังเอิญกิจกรรมในต่างประเทศที่ดงบังชินกิ ซุจูทำมันสร้างรายได้มหาศาล แล้วคุณบอกว่าเป็นเครดิตตัวเอง จนกระทั่งคนอย่างนี้มาได้เป็น  CEO  แต่จริงๆไม่เคยทำงาน ไม่เคยรับรู้อะไร  มีแต่รับรายได้วอกงามและเคลมเป็นเครดิตตัวเองเท่านั้นเองกันแน่ สุดท้าย  มันทำให้เห็นว่าค่ายนี้จะเห็นคุณค่าคุณ  ชื่นชมคุณก็ต่อเมื่อทำเงินให้กับบริษัทได้ท่านั้นแหละ  ถ้าทำไม่ได้แล้ว  ก็จะถูกทำเหมือนของใช้แล้ว  แม้แต่เกียรติยศที่เคยทำมาก็ไร้ค่าทันที แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 53 19:55:30 จากคุณ : sweetest เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 19:50:30

ความคิดเห็นที่ 12 CEO คนนี้เค้าคิดแต่จะตีกระทบ 3 คนจนลืมไปหรือเปล่าว่า tvxq มี 5 คน รวมถึงอีก 2 คนที่เลือกจะอยู่กับเค้าด้วย ก่อนจะพูดอะไรช่วยหันกลับไปดูหน้าเด็กอีก 2 คนด้วยนะ - -" ไหนๆเค้าก็เลือกที่จะอยู่ข้างคุณแล้วก็ช่วยดูแล ให้เกียรติเค้าซักหน่อย นึกถึงใจพวกเค้าซักนิด อ่านแล้วเพลียจริงๆ - -" ๋ํ๋ จากคุณ : Muminnie เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 19:52:20

ความคิดเห็นที่ 13 #2 กระทู้เตือนใจแฟนๆศลป.SM ==> นึกถึงจดหมายจาก H.O.T 's fan ถึง แคสสิโอเปียเลย ^^" เป็นผู้บริหารแต่พูดจาแปลกๆเนอะ คนที่ติดตามจริงๆเค้าก็ต้องรู้นะว่าเป็นไงกันแน่ แล้วมาพูดขัดกับความจริงแบบนี้จะดีเหรอ (โดยเฉพาะ #3 ของคุณ gibt อ่ะเห็นได้ชัดมาก) จากคุณ : vanmnn เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 19:59:27

ความคิดเห็นที่ 14 ไม่ใช่ว่าเราทนเห็นน้องลำบากไม่ได้ ความภูมิใจของเราคือ ได้เห็นน้องตั้งใจ มุ่งมั่น พยายาม และไม่ย่อท้อ ที่จะทำกิจกรรมทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเวทีเล็กหรือใหญ่ ไม่ว่าผู้ฟังจะเป้นใคร และเอาชนะวันที่ยากลำบากนั้นมาได้อย่างสวยงาม หลอมรวมเป็น ทงบังชินกิ / โทโฮชินกิ ที่แฟนๆ รัก และภาคภูมิใจ ดังนั้น เรารับไม่ได้ ที่อยู่ๆ คุณทำให้วันที่ยากลำบากของทงบังชินกิ ดูเป็นแค่เรื่องโกหก ที่อยู่ๆ คุณจะมองความพยายามก้าวผ่านอุปสรรคของทงบังชินกิ เป็นแค่เรื่องไร้ค่า ที่อยู่ๆ คุณทำเหมือนความตั้งใจทำหน้าที่ให้ดีที่สุดของทงบังชินกิ เป็นแค่กิจกรรมผลิตเงิน ที่คุณเห็นความถ่อมตนของทงบังชินกิ เป็นสิ่งที่คุณเหยียบย่ำได้ และที่คุณพยายามฉีกความภาคภูมิใจของทงบังชินกิ ด้วยคำพูดรักษาหน้าตัวเองไม่กี่คำ ขอโทษนะคะ รับไม่ได้จริงๆ ปล. แถมคลิปให้ดูเล่น ข้ามไปดูนาทีที่สามเลยก็ได้ค่ะ แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 53 20:58:13 จากคุณ : yessir เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 20:29:25

ความคิดเห็นที่ 15 อ่านที่แปลมาแล้ว ณ ขณะนี้ ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นต่อ CEO อย่างสุภาพชนได้เลยค่ะ (คำหยาบวิ่งเต็มไปหมด - -) ขอละไว้..ไปตั้งสติก่อนนะ จากคุณ : เด็กเถื่อน เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 20:49:50

ความคิดเห็นที่ 16 ดูจากการกระทำที่ผ่านมานับตั้งแต่เกิดเรื่องฟ้องร้องกันขึ้นก็รู้แล้วค่ะว่าบริษัทนี้เห็นแก่หน้าตาเกียรติยศของตัวเองยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งหมด เอาความยิ่งใหญ่ของตัวเองเข้าข่มและกดอีกฝ่ายให้ดูแย่ในสายตาคนทั่วไปโดยไม่สนว่าจะต้องพูดโกหกหรือละเลยข้อเท็จจริงบางอย่างไป ถ้าเป็นในญี่ปุ่น มี CEO ที่ทำให้ผลประโยชน์และภาพลักษณ์บริษัทเสียหายหลายล้านแบบนี้ ป่านนี้คงรับผิดชอบด้วยการลาออกไปแล้วค่ะ (เพราะงั้นถึงได้โดนสื่อญี่ปุ่นโจมตีว่าวงการเพลงเกาหลียังด้อยพัฒนาไง) จากคุณ : littlepretty เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 01:20:18

ความคิดเห็นที่ 17   ขอบคุณมากจ้า สำหรับแปลไทย ช่วยย้ำว่าที่เราเข้าใจนั้นไม่ผิด แอบภูมิใจภาษาฝรั่งเราก้อยังพอใช้ได้นิ ^ ^ ไม่อยากเชื่อว่ามุมมองของ CEO บริษัท ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจบันเทิงเกาหลีจะคิด และ ให้สัมภาษณ์ออกสื่อแบบนี้ พูดเหมือนตลาดญี่ปุ่นนี่ง่ายจัง นักร้องที่ได้เป็นอันดับ 1 ในเอเชีย จะทำให้ดังในญี่ปุ่นได้เอง โดยไม่ต้องพยายามอะไร เหมือนกับที่ทงบังชินกิ ก้อไม่ได้ลำบากอะไรตอนไปเดบิวท์ในญี่ปุ่น ที่หนุ่มๆพูดออกมา ภาพต่างๆที่เราเห็น คงเป็นเรื่องโกหกทั้งนั้นเลยนะ ขอบคุณที่ออกมาพูดตรงๆ ทำให้เราได้เข้าใจอะไรมากขึ้น พอจะมองเห็นทางว่า CEO แบบนี้ จะนำพา SM ไปในทางไหน ขอบคุณที่ทำให้เรามีความหวังมากขึ้น ว่าเราคงได้เห็นหนุ่มๆทั้ง 5 คนด้วยกันเร็วกว่าที่เราคิด จากคุณ : นานา เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 01:40:59 A:113.53.65.102 X: TicketID:286154

ความคิดเห็นที่ 18 ความจริงก็เห็นใจทั้งสองฝ่าย มองคนหละด้าน อีกด้านก็ผิด แต่ปัญหามันอยู่้ที่ใครผิดมากกว่ากัน คนทำสัญญาทาส หรือ คนเซ็น สัญญาที่รู้ว่ามันคือสัญญา ทาส บางทีวางแผนตลอดเวลาสัญญา แต่นักร้องไม่เอาด้วย มันก็คงเครียดๆหละมั้ง แต่มันพูดเมื่อไรอะ นานรึยัง แก้คำผิด แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 53 02:31:41 แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 53 02:31:08 จากคุณ : Nabi_oppa เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 02:29:21

ความคิดเห็นที่ 19 ^ ^ ข่าวการสัมภาษณ์ออกเมื่อวานค่ะ  และให้สัมภาษณ์ไปเมื่อวันที่ 4 ที่ผ่านมา เราเชื่อค่ะว่าถ้าสมาชิกของทงบังชินกิทั้งหมดล่วงรู้อนาคตได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กับสัญญาที่เซ็นต์ไปเมื่อตอนอายุประมาณ 17 ปี  เค้าคงไม่จะไม่เซ็นต์ล่ะค่ะ แต่ว่าในเมื่อตอนนั้นทุกคนอาจจะไม่คิดว่าจะถูกใช้งานขนาดนี้  ใครล่ะคะจะไม่คว้าความฝันไว้ เรื่องแบบนี้เราคิดว่ามันเป็นเรื่องของแต่ละคนนะ  ถ้าหากไม่เคยเจอกับตัวเอง  เราคงไม่รู้สึกถึงจุดที่เค้ารู้สึก เราเองก็ไม่รู้หรอกค่ะว่าเค้าคิดยังไงรู้สึกยังไง  แต่เท่าที่เราติดตามมา  เห็นเค้ามาหลายปี  เราว่าสมควรค่ะที่จะทนไม่ไหว ตอนเห็นข่าวนี้เมื่อคืน  รู้เลยค่ะว่าโกรธจนตัวสั่น  จนเลือดขึ้นหน้า  จนน้ำตามันไหลออกมาเป็นยังไง รู้ซึ้งดีเพราะคน???นี้เลยค่ะ  เราก็ไม่คิดว่าแฟนคลับคนนึงจะสามารถรู้สึกรังเกียจคนที่ทำร้ายศิลปินที่รักได้ขนาดนี้ น่าแปลก  ทั้งที่ยุนโฮกับชางมินยังอยู่ในค่ายของคุณ  ยังคงเป็นทงบังชินกิเหมือนเดิม  แต่คุณกลับพูดจาไม่ไว้หน้าเลย ถ้าว่าแค่  จุนซู  แจจุง  ยูชอนเราจะไม่แปลกใจเท่านี้  เพราะคุณทำเป็นประจำอยู่แล้วนี่เนอะ แค่นี้ก็พอจะทำให้เราเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้วล่ะค่ะ  เราไม่หวังให้คุณหยุดพูดจาร้ายกาจแบบไร้สมองแบบนี้ แต่แค่หวังว่าอย่างน้อยที่สุดช่วยดูแลยุนโฮกับชางมินที่เค้ายังอยู่กับคุณได้มั๊ยคะ  มันจะมากไปรึเปล่านะ แค่ทุกวันนี้เราดูแฟนแคมยุนโฮกับชางมินในคอนเอสเอ็มที่ผ่านมาเราก็รู้สึกเศร้ามากแล้วล่ะค่ะ  มันเป็นแบบนี้เองสินะ อยากเห็นทั้งห้าคนยิ้มได้อย่างมีความสุขที่แท้จริงซักที  มันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่กันนะ  เฮ้อ  ดูคลิปข้างบนแล้วน้ำตาไหลจริงๆค่ะ จากคุณ : munamm เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 02:51:11

ความคิดเห็นที่ 20 ^ ^ ชี้คห. 18 สัญญาทาส = สัญญาไม่เป็นธรรม ใช่มั๊ยคะ ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ กับ เด็กฝึกหัดมา 6-7 ปี  ใครที่จะรู้ดีว่า สัญญาทาส หรือไม่ทาส เอา...ต่อให้บอกว่า ผู้ปกครองเด็กต้องรับรู้สัญญาทาส  ถ้าคุณเป็นพ่อแม่ ลูกฝึกมา 6-7 ปี รอวันที่จะได้เดบิวต์  รอวันให้ฝันเป็นจริง  พอมีสัญญายื่นมา คุณจะเซ็นต์มั๊ย     เซ็นต์สัญญาไปแล้ว ระยะเวลาสัญญายาวนานสิบกว่าปี  ทำงานตลอดเว  ปีนึงหยุดได้อย่างมาก 1 อาทิตย์  แถมสารพัดสารพันเงื่อนไข  เช่น  ถ้าไปแสดงไม่ได้ ต้องชดใช้เอง ส่วนรายได้  หุหุหุ เข้านักร้องสักกะติ๊ด  ที่เหลือก็ค่ายไง ซัดเรียบ  หุหุหุ จะต้องก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไปใช่ม๊ายยยย อ่านะ...ต่างจิตต่างใจมั๊งเน๊อะ...^^ ว่าแต่  ตรูจะพูดเพื่อ??? แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 53 02:52:17 จากคุณ : boovoo เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 02:51:17

ความคิดเห็นที่ 21 สัญญาทาสที่ว่าจริงๆระบุโดยใช้คำว่า"ต้องทำตามตารางงานของ SM โดยไม่มีข้อแม้ ถ้าหยุดก็ต้องโดนต่อสัญญาไปตามช่วงเวลาที่หยุด" แค่นี้มันก็เป็นช่องว่างทางคำพูดมากๆแล้ว คำว่า"ทำตามตารางงาน"เนี่ย คงไม่มีใครคิดว่ามันจะเป็นตารางงานหนักแบบป่วยจะล้มก็ต้องทำตลอด 5 ปีกว่า มันเป็นสัญญาที่เซนต์บนพื้นฐานความเชื่อใจ และคนร่างสัญญาก็ทำสัญญาเปิดกว้างมาก แต่ทำไปทำมาประโยชน์ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดมันไปตกอยู่ที่คนมีอำนาจเหนือกว่าแต่ฝ่ายเดียว นั่นคือจุดที่ทำให้มันกลายเป็นสัญญาทาสไปค่ะ เรื่องของดงบังนี่..แนะนำให้อ่านกระทู้นี้นะคะ ^^ http://www.pantip.com/cafe/chalermkrung/topic/C9531349/C9531349.html จากคุณ : gibt เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 11:02:32

ความคิดเห็นที่ 22 เมื่อวานมีธุระรีบไป เลยไม่ทันได้พิมพ์อะไร ^^ ข้างบนก็ชี้แจงกันไปหมดแล้ว... ตอนอ่านข่าวนี้ครั้งแรกก็โกรธมากเหมือนกัน เป็นผู้บริหารพูดแบบนี้ได้ยังไง เรื่องโจมตี/ทำลายเด็กสามคนนั้นเนี่ย เราชินแล้ว อยากทำอะไรทำไปเหอะเข้าใจเจตนาคุณดี แต่ที่รับไม่ได้คือการไม่ให้เกียรติยุนโฮกับชางมินเลย ทั้งๆ ที่น้องสองคนยังอยู่กับคุณ นอกจากจะไม่ให้เกียรติศิลปินของคุณเองแล้ว ยังไม่ให้เกียรติทีมงานที่ช่วยกันปั้นทงบังชินกิจนมาถึงจุดนี้ได้อีกด้วย อยากจะอวย จะยกย่องใครไม่มีใครว่าหรอกค่ะ เชิญตามสบาย แต่ช่วยดูแลจิตใจคนของคุณด้วยก็พอ แต่งงจริงๆ นะ ไม่คิดบ้างเหรอว่าการพูดอวย SNSD แบบนี้จะเป็นการหางานให้สาวๆ (แฟนๆ ที่ไม่แยกแยะและพร้อมจะพาลมีอยู่เยอะ คุณซีอีโอก็น่าจะรู้ดีนะ -*-) ทั้งนี้ทั้งนั้น จากข่าวนี้ทำให้เป็นห่วงยุนโฮกับชางมินมากขึ้น และ... จุนซู แจจุง ยูชอน ออกมาจากบริษัท/ผู้บริหารแบบนี้ได้อ่ะ ดีแล้วลูกกกกก... ก็อย่างที่พี่ yessir บอก ทุกสิ่งที่ผ่านมาทำให้เราภูมิใจในตัวน้องทั้งห้าและตัวน้องเองก็ต้องภูมิใจในตัวเองด้วยเช่นกัน...ใครไม่รู้ก็ช่าง แต่เรารู้กันก็พอแล้ว ^^ จากคุณ : AlwaysSmiles เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 11:05:17

ความคิดเห็นที่ 23   เห็นด้วยกับเรพบนค่ะ รู้สึกว่าโชคดีแล้วล่ะ j y j Ps. โฮมินคิดจะตามมามั๊ยจ๊ะ คริๆ จากคุณ : Yo-Ga-Akeru เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 11:48:43

ความคิดเห็นที่ 24 คุณความเห็นที่  18  คะ   สำหรับกระทู้นี้  ไอ้โกรธๆ  กันเนี่ย  ไม่ใช่เรื่องสัญญาทาสล้วล่ค่ะ   คือ  เข้าใจว่ายังไงค่ายมันคงไม่ยอมรับความเลวในเรื่องนี้หรอก  ค่อนข้างจะปลงกันแล้ว แต่ที่โกรธๆเนี่ย  เพราะการไม่ให้เกียรติกันของ  CEO คนนี้ต่างหาก  นอกจากการพูดจาไม่ให้เกียติ  เหยียบย่ำเกียรติยศ  ความภาคภูมิใจให้กลายเป็นสิ่งไร้ค่า    ทำให้น้องกลายเป็นคนโกหก  เพียงเพื่อต้องการยกอีกวงนึงขึ้นมา  ซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่ฉลาดเอาเสียเลย มีวิธีการให้สัมภาษณ์ที่ดีกว่านี้ในการที่จะยกย่องสาวๆ  น้องๆโซชิเขาก็มีจุดขายที่ดี  ที่แตกต่างกับดงบังชินกิอยู่แล้ว  วิธีพูดให้ดูดีกว่านี้  ฉลาดกว่านี้มีเป็นหมื่นเป็นแสน  แต่เลือกที่จะพูดออกมาแบบนี้  ก็รับผลไปเถอะนะ  คุณ  CEO จากคุณ : sweetest เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 13:01:00

ความคิดเห็นที่ 25 555  ทำไมเค้าพลาดกระทู้นี้หว่า  สงสัยมัวแต่ตามละครปาร์คกะภาพคอนเสิร์ต แล้วก็รอกระทู้ที่น้องบิ๊กจะตั้งเตือนใจแฟนคลับศิลปิน sm เลยไม่เห็นทู้นี้ซะอย่างนั้น ส่วนตัวเค้าเลยนะ  เค้าไม่โกรธแล้ว ขำๆ มากกว่า  คือมันเลยจุดที่จะโกรธอะไรไปแล้วอ่ะ เริ่มจะปลงกะค่ายมัน และแค่รอดูว่ามันจะมีอะไรน่าสมเพชที่จะพ่นออกมาอีก พอเห็นก็เลยออกแนวขำๆ ครั้งแรกที่อ่านข่าวก็รู้สึกว่า   เอ้อ  ว่างๆ มันก็หาเรื่องเห่าให้คนเค้าด่าเน๊อะ  แถมหางานเข้าให้ลูกสาวที่กำลังโปรดซะอย่างนั้น (เพราะยังทำงานทำเงินให้ได้อยุ่เลยโปรด ส่วนจะเลิกโปรดเมื่อไหร่ แฟนคลับคงต้องไปติดตามกันเอง) แต่แหม  ดูถูกแฟนคลับดงบังไปนะนั่น  คือไม่โง่น่ะ แปลออก บอกได้ว่าคำพูดอิค่ายนี้มันจริงมั้ย เชื่อถือได้แค่ไหน แล้วก็คิดว่าแฟนคลับศิลปินอื่นๆ ในค่ายก็ไม่ได้โง่ที่จะดูไม่ออก หากคุณเป็นคนที่ติดตามวงการบันเทิงเกาหลีมาตลอด เพราะบอกตรงๆ ว่า มาถึง ณ วันนี้ ก็ยังไม่เห็นแผนงานไหนที่ใช้กับสาวๆ โซชิ จะแตกต่างไปจากการเดินตามรอยรุ่นพี่เลย อ้อ แอ๊บมีต่างอยู่หน่อยนึงมั้ง ตรงที่การบุกตลาดญี่ปุ่น  ดงบังไปแบบฝังตัวเป็นนักร้องญี่ปุ่นที่มีสมาชิกเป็นเกาหลี ทำตลาดแบบค่อยเป็นค่อยไปให้คนรู้จักและยอมรับในฐานะศิลปิน J แต่โซชิไปแบบศิลปินต่างชาติที่พกความดังเข้าไปแล้ว ไปทำตลาด (อันนี้ประธานยูนิเวอร์แซลพูดเองนะ) ก็นับว่าเป็นจุดต่าง  ที่เหลือทั้งหมด  ทั้งค่ายก็เดินตามรอยรุ่นพี่มาทั้งนั้น  ต้องนับรวมดงบังด้วยนะ ที่ก็เดินตามรอยรุ่นพี่ๆ ในค่ายมาก่อนเช่นกัน เพียงแต่ดันประสบความสำเร็จมากกว่าคนอื่น (ใช้คำนี้เพราะถือว่านอกจากในเกาหลีเองแล้ว ยังสามารถตีตลาดเอเชียและญี่ปุ่นได้ในระดับที่ดี) จึงกลายเป็นตัวที่จะใช้ในการเปรียบเทียบเสมอๆ พออ่านข่าวแล้วก็เลยขำ  เอ้อ นิ ดงบังมุ่งตลาดญี่ปุ่นก่อน ค่อยมามุ่งตลาดเอเชีย หุหุ  14 ตุลา 2007  ลานพาราก้อนแตก รุ่งขึ้นลงข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ปลายปี 2006 ปิดทัวร์เอเชีย rising sun ที่ประเทศไทย หลังจากไปมาหลายประเทศแล้ว แต่ที่ญี่ปุ่นยังร้องเพลงเต้นๆ ด้วยไมค์สาย คนมางานไม่ถึงพัน ยังใช้เทปกาวเป็นตัวกั้นคนดูกับนักร้องอยู่เลย อืมมม  ตีตลาดญี่ปุ่นกระจัดกระจายแล้วค่อยออกมาตีตลาดเอเชียจริงๆ ด้วย 55555555555555 แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 53 17:24:52 จากคุณ : piya-chan เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 17:04:17

ความคิดเห็นที่ 26 โดยส่วนตัวแล้วไม่ได้รู้สึกอะไรกับวงสาว ๆ เลยค่ะ เพราะรู้ว่าสาว ๆ ก็ผ่านช่วงที่ลำบากมาเหมือนกัน แต่ละคนแต่ละวงมีช่วงเวลาที่ต้องฝ่าฟันเพื่อทีจะผ่านพ้นมันให้ได้ด้วยสถานการณ์ที่ต่างกัน ไม่เห็นด้วยนะคะถ้าใครจะเหมารวมว่าสาว ๆ ในทางที่ไม่ดีเพราะขี้ปากของคนคนเดียวที่เห็นแก่เงิน เขาคงไม่รู้ตัวว่าการพูดแบบนี้ นอกจากจะเป็นการดีสเครดิทตัวเองแล้ว ยังดูเหมือนฉุดสาว ๆ ให้ดูไม่ดีอีกด้วย ประเด็นของดิฉันตรงนี้อยู่ที่ว่าท่าทีของผู้บริหารคนนั้นค่ะ... เขาโตแล้วนะ เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาเป็นผู้นำยักษ์ใหญ่ของบริษัท และที่อยู่เคียงข้างเขามาตลอดก็คือคนที่เคารพเขา ผู้ชายของดิฉัน(??) ก็ผ่านช่วงที่ยากลำบากเหมือนกัน แต่พวกเขาก็เลือกที่จะอยู่ข้าง ๆ บริษัทของเขาที่สร้างเขามาตั้งแต่แรก (และแน่นอนค่ะอีก 3 หนุ่มที่แยกออกไป ก็ไม่ผิด เพราะเขามีสิทธิ์เลือก) สิ่งนี้ไม่บอกอะไรให้คุณเลยเหรอ คุณตอบแทนผู้ชายของดิฉันแบบนั้นได้อย่างไรคะ ส่อสิ่งดี ๆ ในใจคุณเหลือเกินค่ะคุณผู้บริหาร - - คงไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกว่าชื่อเสียงบริษัทของคุณว่าหลัก ๆ แล้วมาจากพวกเขา พวกเขาได้ให้อะำไรกับคุณบ้าง เงินทอง สัญญาทาส อิสระ เวลา และช่วงวัยรุ่นของเขา ทุกอย่างพวกเขาได้ทุ่มเทเพื่อแลกกับความฝันที่เป็นจริง ความสุขของผู้ชมอย่างฉันต้องแลกมากับน้ำตา หยาดเหงื่อ และสุขภาพของพวกเขา... คุณเห็นพวกเขาเป็นอะไรคะ สินค้าที่ไว้ดูดเงินหรือมนุษย์ที่ทำงานเพื่อสิ่งที่รัก แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่ามันมากกว่านั้น สิ่งหนึ่งที่หนุ่ม ๆ ของดิฉันได้ทำไว้คือโอกาส ได้เปิดอนาคตให้รุ่นน้องที่เดินตามหลัง อุปสรรคหนามแหลมที่เฉี่ยวพวกเขาจนเลือดซิบได้ถูกถางไปแล้วเพื่อให้คนอื่นเดินได้สะดวก เดินได้สะดวกจนสบายสินะคะ สบายมากจนลืมตัวไปเลยเหรอคะคุณ ^^ ดิฉันเชื่อว่าของแบบนี้ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศ คงมีแต่พวกติ่งหูไร้สมองเท่านั้นที่เชื่อคำพูดทุนนิยมของคุณ!! ผู้ชายคะ... ดิฉันรู้่ว่ามันอาจจะยาก ขนาดฉันเองที่เคยบอกว่าสนับสนุนคุณ ยังอดสะท้อนใจไม่ได้ หลายอย่างผ่านมา ทำให้ปลงได้ อย่ายึดติด ปล่อยวาง และผ่านไป... รอยยิ้มของพวกคุณทั้งห้าในวันวานก็ยังเป็นกำลังใจให้ฉันเสมอ การเลือกเก็บภาพสวยงามเหล่านั้น ไม่ได้แปลว่าฉันยึดติดใช่ไหม ฉันอาจโหยหาบ้าง... แต่ไม่เป็นไร นี่คือชีวิต นี่คือความจริง และนี่คือมนุษย์ คุณตัดสินใจแล้ว เลือกแล้ว อดีตผ่านไปแล้ว ฉันขอให้กำลังใจคุณกับปัจจุบันนะคะ ^^ ไม่หวังแต่ยังเชื่อ รักผู้ชายทั้ง 5 เสมอค่ะ ---------- ขอโทษที่เผลอใส่อารมณ์และพูดเรื่องเดิม ๆ ซ้ำซากนะคะ ว่าจะไม่ดราม่าแล้ว แต่อดไม่ได้จริง ๆ เลยค่ะ ^^ จากคุณ : i_ji_ko_burry เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 10:14:23

ความคิดเห็นที่ 27 CEO  อะไรของเมิ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง เดี๋ยวก็มีคนเอาป้ายวาฬโมสาร์ทไปแปะที่หน้าเมิงแทนร๊อก JYJ เค้าดังไปโน่น จนเองไม่มีปัญญาจะเอากลับมาแล้ว เลยเห่าออกมาแบบนี้ ???? ไอ้สะเหล็ดเป็ดเอ้ยยยยยยยยยยยย จากคุณ : aka shuri เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 03:35:37

ความคิดเห็นที่ 28   ไม่น่าเชื่อว่าคนๆ นี้จะเป็นถึง CEO ผู้กุมอำนาจของบริษัท ความคิด ความเฉลียวฉลาด บุคลิคภาพ ไม่มีซักอย่าง ขึ้นมาได้เพราะแย่งตำแหน่งคนอื่นมาใช่มั้ยคะ หรือเป็นแบบนี้กันทั้งบริษัท เลยทำให้ไม่มีใครอยากทำงานด้วยซักคน สร้างงานเข้าให้สาวๆ ซะแล้ว ตอนนี้กระแสของสาวๆ ยังวัดมากไม่ได้หรอก มันต้องดูกันยาวๆ เพราะที่ญี่ปุ่นกระแสใหม่ๆ จะมาเร็ว แรงมาก และไปเร็วเช่นกัน จะอยู่ได้นานรึไม่ ขึ้นกับตัวศิลปินนั้นๆ ด้วยค่ะ ตลาดญี่ปุ่นแข่งขันกันสูงมาก ถ้าคุณไม่แข็งพอ ก็จอดค่ะ ทำให้รู้วิสัยทัศน์ของผู้บริหาร และสงสารคนที่อยู่ในบริษัทนี้มาก ถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือหากิน และกักกันไว้ด้วยสัญญาทาส ถ้าคนที่หมดประโยชน์ไม่ต้องการแล้วก็ปล่อยพวกเค้าออกมาเหอะค่ะ อย่ายื้อไว้ด้วยความรู้สึกหวงก้าง หรือกลัวเสียหน้าเลย และหาเวลาว่างๆ นอกจากนับเงินที่ขูดรีดมา หันมาเรียนบริหารทรัพยากรบุคคลบ้างนะคะ คนดีๆ ไม่เหลือซักคน จากคุณ : ฟังเพลงด้วยใจ เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 21:37:45 A:124.122.161.133 X: TicketID:252930

ความคิดเห็นที่ 29 ไม่มีปัญญาเอา JYJ กลับมาล่ะสิ๊     หึหึ   ได้แต่เห่า จากคุณ : ลูกกระปุก เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 53 09:17:13