PANTIP.COM : C9734647 อยากทำเดโม่ร้องเพลงเองกับคอมที่บ้าน วานกูรู แนะนำหน่อยครับ [ดนตรีและอุปกรณ์]

ความคิดเห็นที่ 6

ไมค์คอมฯ ส่วนมากจะตัวเล็กๆ ซึ่งเท่ากับว่า มีขนาดของ "ไดอะแฟรม" ที่เล็ก...ซึ่งยิ่งเล็กยิ่งตอบสนองย่านเสียงสูงๆ มากกว่าย่านกลางและต่ำ (เบส)

ถ้าจะอัดเดโม อย่างน้อยไปซื้อไมค์คาราโอเกะจากแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้ามาก็ได้ครับ (ขนาดหัวไมค์ใหญ่ขึ้น = ไดอะแฟรมใหญ่ขึ้น เก็บย่านได้ครบกว่า) อาจจะได้ในราคาตามงบที่จขกท.ตั้งไว้ด้วยครับ.. -__-

////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
..."เรื่องควรรู้ในการเลือกใช้ไมค์"...

- เรื่องที่ควรต้องรู้ก่อน คือ "แพทเทิร์นแนวการรับเสียง" (Polar Patterns) ที่ไมค์ตัวนั้นใช้ครับ (ดูตามรูปนะครับ จากวิกิพีเดีย)
ตามรูป.... วงกลมตรงกลางในสุด>>>คือ "หัวไมค์"(ตามรูปคือหัวไมค์ตั้งชี้ขึ้นด้านบนนะครับ)

- >>>>>ดูแพทเทิร์นที่ 3 "Cardioid"<<<<<.....ไมค์ถือส่วนใหญ่จะใช้แพทเทิร์นนี้ครับ ไมค์ประชาชน(ไมค์คาราโอเกะ)จะใช้เกือบ100%ในตลาด...
แพทเทิร์นนี้จะรับเสียงจากด้านหน้าทั้งหมด 180องศา+ด้านหลังเข้าข้างๆ ซ้าย-ขวาอีกนิดหน่อย (ลองยกมือแบบจับไมค์เข้าหาตัวดูด้วยครับ)
(แพทเทิร์นนี้ใช้ในไดนามิคไมค์ส่วนใหญ่...เดี๋ยวมีอีกรูปชัดๆ ในคห.ล่างนะครับ)

- รูปของแพทเทิร์นมักจะมีอยู่บนตัวไมค์ (เวลาไปซื้อลองสังเกตหลายๆ ตัว) หรือไม่ก็แจ้งไว้ที่แพ๊คเกจอยู่แล้ว (ไมค์ทุกประเภทนะครับ ของคอมฯก็ด้วย-
ทั้งแบบตั้งโต๊ะ, เฮดเซ็ท และกระทั่งไมค์ที่ติดมากับเว็บแคม)

...ต่อไปเป็นเทคนิคการจัด Room เพื่อให้เหมาะกับแพทเทิร์นนี้ แบบที่ผมใช้ในเวลาจะอัดอะไรด่วนๆ ที่บ้านครับ
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////

"สร้าง Vocal Booth"(บูทอัดเสียงร้อง)...แบบสะดวกสำหรับทำเดโมที่บ้าน (ถ้ามีขาไมค์ก็ดีครับ ถ้าไม่มีจะใช้อย่างอื่นจับไมค์ก็ได้..จะถือก็โอเคครับ)

- ผมใช้ >>>>"ตู้เสื้อผ้า"<<<< ครับ...เปิดตู้แล้ววางขาไมค์ไว้ตรงกลางเลย (หน้าตู้ชิดตัวตู้) จะเหลือเสื้อผ้าไว้นิดหน่อยซ้าย-ขวาเพื่อ "ซับเสียงสะท้อน" ก็ได้ครับ
ผนังตู้หลัง-ด้านใน จะวางเสื้อไว้อีกตัวก็ได้ครับถ้าต้องการ...

- ^^^^^เท่านี้ก็ได้ "บูทร้อง" แบบที่เสียงวิ่งตามแนวแพทเทิร์น Cardioid ของไมค์แล้วครับ...เสียงจะเต็มเข้าไมค์เลย เก็บครบ -__-
(เพื่อความเนี๊ยบขึ้นไปอีก แนะนำว่า "ด้านหลังนักร้อง" ควรเป็นผนังหรือจะทำฉากกั้นหลังหน่อยก็ได้ เมื่อเปิดประตูของตู้ ก็จะกลายเป็น "ห้องอัดร้อง"-
..ที่สามารถเลื่อนระยะห่างของตัวตู้กับผนัง เพื่อขยาย-ลด ขนาดของห้องอัดร้องนี้ได้อีก)...ที่เหลือก็แค่ดูแลปิดห้องที่ตั้งตู้ให้เงียบหน่อย

/////////////////////////^^^^^เบ็ดเสร็จแล้ว จขกท.อาจจะหมดแค่ 300 ได้อยู่นะครับ...เอาซี๊..-__-

ป.ล. เรื่องเสียงลมกระแทกไมค์ จะยอมเปลืองไปหาซื้อ "วินด์สกรีน" มาใช้ก็ได้นะครับ...หรือแบบที่เค้าชอบแนะนำกันก็ "ถุงน่องที่ยังไม่ใช้..ขึงบนสะดึง"
หรือดึง "หน้ากากลำโพง" มาถือไว้หน้าไมค์ตอนร้องก็ใช้ได้ครับ(ดีเลยละ)(ถ้าไม่อยากถือก็ D.I.Y ทำที่ยึดเอาเองเลยครับ)
.......ที่เหลือก็ขอให้รื่นรมย์กับน้ำเสียงตัวเองก็แล้วกันนะครับ...-___-"

ป.ล.2 ไมค์คาราโอเกะ หรือที่หาซื้อได้ทั่วไปและ "ไม่แพงมาก" มักจะเป็นไดนามิคไมค์นะครับ (คอนเดนเซอร์จะเด่นเรื่องราคาแพงอยู่ก่อนแล้ว)

ป.ล.3 แพทเทิร์นอื่นๆ ลองมองจากรูปร่าง แล้วออกแบบบูทดูนะครับ...
แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 53 02:24:11
แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 53 01:43:16
แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 53 01:38:45
แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 53 01:25:23

จากคุณ : PASSION_WARFARE

เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 01:23:23

ความคิดเห็นที่ 15

มาทำความเข้าใจเรื่อง "การ์ดเสียง" กันดูสักนิดครับ

- คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแรกเริ่มเดิมทีมันสร้างมาเพื่อ "งานออฟฟิซ" ครับ ฮาร์ดแวร์ทั้งหลายแบบ "เบสิค" เพื่องานแบบออฟฟิซครับ..
- เมื่อเราต้องการ "ดัดแปลงฮาร์ดแวร์ระบบ" ให้ทำงานที่ปกติออฟฟิซไม่ได้ทำกัน...เราก็ต้อง "เปลี่ยนฮาร์ดแวร์" ให้เหมาะสมกับกิจกรรมที่จะทำ
- การ์ดเสียงงานออฟฟิซ ย่อมจะต่างกับ "การผลิตงานดนตรี"...เพราะ "เสียงสนทนาของคณะประชุม" เราคงเน้นกันที่ย่านความถี่ที่เป็นเสียงสนทนาของมนุษย์

- ซึ่ง "การผลิตงานดนตรี" นั้น ย่อมต้องการฮาร์ดแวร์ที่รองรับย่านความถี่ที่หลากหลายกว้างขวางพอ ซึ่งกำลังไฟฟ้าที่ต้องเพิ่มเข้ามาเพื่อรองรับประมวลย่านความถี่ต่างๆ ก็เรื่องนึง
...และ "ต้องจ่ายไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ซึ่งไม่มีภาคจ่ายไฟในตัวเอง..ที่เชื่อมต่อเข้ามาในระบบ"<<<ให้เพียงพอด้วย

/////////////////////////////////////////////////////////////////////////

- ซึ่ง "ไมค์ออฟฟิซ"<<<ไม่ได้มีหน้าที่มากไปกว่าการมุ่งจับเฉพาะย่านความถี่เสียงสนทนาของมนุษย์ ..การทำงานจึงสโคปเป็นวงแคบๆ..และในเมื่อเหลือให้จับไม่กี่ยอดคลื่น
...กำลังไฟฟ้าที่ต้องใช้มันก็น้อยลงตามไปด้วย การ์ดเสียงออฟฟิซจึงจ่ายไฟฟ้าได้เพียงพอ เพราะสร้างมาให้ใช้ด้วยกัน

>>>>>>>>>>>>>>ทีนี้...เมื่อเราต้องนำอุปกรณ์ไฟฟ้าของกิจกรรมการผลิตงานดนตรีเข้ามาใช้ ซึ่งกลุ่มนึงจะไม่มีแหล่งจ่ายไฟฟ้าในตัวเอง<<<<<<<
- ก่อนอื่น..สำรวจกิจกรรมที่เรากำลังจะตัดสินใจดำเนินการ แบบ "เฉพาะตัวเอง"ว่า... รวมๆ แล้วมันต้องการการจ่ายไฟฟ้าที่ "หนักหนา" สักปานใด

- ซึ่งแน่นอนว่าจขกท. ได้ผ่านการลองใช้ "ไมค์ออฟฟิซกับการ์ดเสียงออฟฟิซ" มาแล้ว ซึ่งก็คงให้เนื้อเสียงแคบและแบน แบบบันทึกการประชุมอย่างไม่ต้องสงสัย
- และเมื่อใช้ "ไมค์กิจกรรมดนตรีหนึ่ง"<<<ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีแหล่งจ่ายไฟฟ้าในตัวเอง..มาเชื่อมต่อแบบร้องขอไฟฟ้ากับ "การ์ดเสียงออฟฟิซ" ซึ่งจ่ายไฟฟ้าได้เท่าเก่า..
...ทุกอย่างที่ได้ออกมาก็เลยไม่หนีแบบเก่านัก

..........เพราะฉะนั้นควรต้องจัดการ "เปลี่ยน" ให้เป็น "การ์ดเสียงงานดนตรี" ซะก่อนครับ (ซึ่งก็ไม่ต้องถึงระดับอุตสาหกรรมก็ได้)
เพราะอย่างน้อยๆ มันจะสามารถจ่ายไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ที่เชื่อมเข้าไปได้ (อย่าลืมเช็คเรื่องเพาเวอร์ซัพพลายของคอมฯ ด้วยนะครับ)

/////////////////////////////////////////////////...แต่..ก่อนที่จะตัดสินใจหาซื้อมาเปลี่ยน...

>>>>>>>ว่าแต่ว่า...>>>>>ลองดับเบิ้ลคลิกรูปลำโพงที่มุมจอ เพื่อเปิด Mixer ของวินโดวส์ขึ้นมาดูบ้างรึยังครับ<<<<<
ตรงนี้ ได้ลองปรับ Volume ของ Wave/MP3 กับ Microphone เพิ่มขึ้นมาบ้างรึยังครับ<<<<<ถ้ายังไม่ได้ทำลองทำดูก่อนครับ
...แต่ถ้าเคยทำไปแล้ว และไม่เวิร์ค..อ่านต่อครับ...

- ถ้าการ์ดเสียงหรือเมนบอร์ดที่มีอยู่ไม่ใช่รุ่นโบร่ำโบราณเกินไปละก็ ..และถ้าที่บ้านมี "ชุดเครื่องเสียงสเตอริโอที่ต่อไมค์ได้" (มันจะเท่ากับว่าเป็นแหล่งจ่ายไฟฟ้าและขยายสัญญาณให้กับไมค์ก่อนจะเข้าการ์ด)
(กลายเป็นไมค์ที่มีไฟฟ้าในตัวเอง)<<<<<ต่อสายจากเครื่องเสียงไปที่ช่อง Line-In ครับ ลองปรับ Mixer ดู...

////////>>>>ถ้าเสียงหน่วง...(แต่ถ้าไม่หน่วงก็ลองอัดเสียงดูครับ)

- เปิดคู่มือดูว่า ฮาร์ดแวร์ที่มีอยู่นั้น รองรับ ASIO หรือไม่?.. ถ้ารองรับ ไปโหลด ASIO4ALL ที่ http://www.asio4all.com/ แล้วติดตั้งครับ
(ถอดอุปกรณ์ที่ต่อไว้ออกให้หมดค่อยทำนะครับ)

- เมื่อขั้นตอนการติดตั้งทั้งหมดเรียบร้อย...ลองเชื่อต่อกลับเข้าไปใหม่...ปรับแต่ง Mixer ดูครับ...และลองอัด

^^^^^^^^^^ถ้าในส่วนนี้ทั้งหมดไม่สามารถคาดหวังให้การ์ดที่มีทำงานได้....ก็ต้อง "เปลี่ยน" ครับ

//////////////////////////////////////////////////////////////////////////

เพราะไงต่อให้เป็น "ซาวด์ออนบอร์ด" ช่องไลน์อินมันก็ต่อพวกเครื่องเล่นเทป/ซีดี (ซึ่งมีไฟฟ้าในตัว) ได้มาตั้งนานมากแล้ว<<<<<ลองพลิกแพลงใช้ดูครับ
ถ้าเป็นเครื่องเสียงใหญ่ๆ ก็ระวังเรื่องลำดับการเปิดนิดนึง เพราะมันมีกำลังไฟฟ้าเยอะอยู่...สั่งใน Mixer ให้ Mute ช่องนั้นๆ ไว้ก่อน

...ถ้าไม่ได้จริงๆ แล้วยังอยากจะอัดอยู่ จะลองพิจารณาอุปกรณ์ตามที่คุณถังเจ๋อแนะมาก็ได้ครับ...หาข้อมูลเพิ่มเติม ให้เซิร์ชว่า "Audio Interface" นะครับ...

.....ถ้าสุดๆ แล้วไม่เข้าใจจริงๆ หลังไมค์มาได้ครับ...
แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 53 03:11:38

จากคุณ : PASSION_WARFARE

เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 03:09:00