ความคิดเห็นที่ 1 อันดับ 5 - Weezer : Hurley อัลบัมหน้าปกเห่ยๆ ของบุรุษนามว่า “Jorge Garcia”ที่ใครเป็นแฟน series เรื่องดังอย่าง “Lost” คงจะคุ้นตาเจ้าหมอนี่ในบทของ Hugo “Hurley” Reyes เพียงแค่ให้จำได้ว่าอัลบัมนี้มีชื่อว่าอะไร มุขโคตรบ้าอย่างนี้ไม่น่าแปลกใจเลยที่จะมาจากวงดนตรีลูกบ้าสายพันธุ์อเมริกัน วงเก่าวงนี้ ที่มันยังอยู่รอดได้มาจวบจนถึงปัจจุบัน  ซึ่งถ้าไม่เพราะมีรากฐานแฟนเพลงทั้งเก่าทั้งใหม่อย่างเหนียวแน่น คงไม่สามารถทำให้วงสามารถออกอัลบัมใหม่ออกมาได้อย่างต่อเนื่องแบบนี้  อัลบัม “Hurley” นี้ เอาเข้าจริงๆ ก้อเป็นสตูดิโออัลบัมลำดับที่ 8 แล้ว ไม่น่าเชื่อว่ามีอัลบัมออกมาได้มากมายขนาดนี้  อีตา Rivers Cuomo ตัวกลั่นของวง ยังเคลมอีกว่านี่เป็นอัลบัมที่ดีที่สุดของ weezer ต่อจากสุดยอดอัลบัมอย่าง “Pinkerton” ที่เคยมีพระเอกอย่าง “El Scorcho” และ “The Good Life” (ถ้าจำไม่ผิดก้อชุดนี้นี่แหละ ที่ weezer ได้มีโอกาสมาเยี่ยมเยียนเมืองไทย)  จากบทสัมภาษณ์บอกว่าชื่ออัลบัมนี้จริงๆมีที่มาจาก บริษัทที่เป็นสปอนเซอร์ให้กับสมทบทุนในการอัดเสียงกับห้องอัดให้กับวงในการทำอัลบัมชุดนี้  ซึ่งโอกาสต่อไปหากว่ามีบริษัทอื่นเข้ามา offer ทางวงก้อพร้อมจะใช้ชื่อบริษัทนั้นให้อีกในอัลบัมชุดต่อๆไป ประมาณว่าเงินมาผ้าหลุด . มุขนี้เยี่ยมจริงๆ  ทุกเพลงโดยรวมยังถือว่าอยู่ในมาตรฐานของ weezer โดยส่วนตัวผมยังไม่รู้สึกว่าจะแตกต่างจาก อัลบัม “Raditude” ที่พึ่งจะออกเมื่อปีกลายเอง เพราะว่าอัลบัมนั้นปัจจุบันก้อยังเปิดฟังใน ipod อยู่บ่อยๆ  อาจจะแตกต่างไปบ้างอย่าง “Memories” เพลงแรก เผลอๆฟังนึกว่าเพลงของ Ash ซะอีก  เพลงอื่นๆ ซาวน์ดนตรี ทางคอร์ด ท่อนฮุค และเสียงประสานที่เป็นเอกลักษณ์ของ weezer ยังคงถูกนำมาใช้อย่างเคย แบบฟังปุ๊ปรู้ทันทีว่าเป็น weezer ที่บอกมาทั้งหมดไม่ใช่ว่าซ้ำแล้วจะแย่หรือไม่ดีนะคับ แต่อาจมองได้ว่าเป็นแสดงถึงความเคารพต่อแฟนเก่าๆของวงได้อย่างดีซะอีก  หากใครมีครอบครองในแบบ Deluxe Edition จะมีเพลงแถมมาให้อีก เพลง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Live cover version ของ “Viva la Vida” ของ Coldplay นั่นเอง ที่ได้เคยเล่นสดเมื่อปีกลายกลางนครนิวยอร์ค  ซึ่งเป็นนำมาเล่นแบบเคารพต้นฉบับทุกอย่าง แม้จะไม่อลังเท่า แต่เอาไปเอามาผมฟังเพลงนี้วนไปวนมา มากกว่าเพลงอื่นซะอีก จากคุณ : cunut เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 53 19:20:32

ความคิดเห็นที่ 2 อันดับ 4 - Belle & Sebastian : Write about Love   ไม่น่าเชื่อว่าอัลบัมที่ 8 ของวงดนตรีจาก Glasgow เจ้าพ่อแนวดนตรี Indie Pop หรือ Twee Pop ในบางชุด แม้จะห่างหายจากอัลบัมชุดก่อน “Life Pursuit” ไปถึง 4 ปีเต็ม ซึ่งไม่ต้องสงสัยว่าคงมีแฟนๆชาวไทยหลายคนในนี้ตั้งหน้าตั้งตารอผลงานใหม่ชุดนี้อยู่เป็นแน่แท้ การเขียนและเรียบเรียงเพลงของ Stuart Murdoch ยังคงอยู่มีความละเมียดอยู่ในมาตรฐานที่ดี แม้จะไม่มีอะไรแปลกใหม่ไปมาก แต่ก้อถือว่าแต่ละเพลงเป็น Pop ชั้นดีที่ฟังแล้วยิ้มได้เสมอ “come on sister” เป็น pop สนุกๆมีจังหวะจะโคน ติดหูตั้งแต่ฟังครั้งแรก “Little Lou, Ugly Jack, Prophet John” ที่ได้เจ้าแม่แจ๊ซอย่าง Norah Jones มาร่วมFeathering ทำให้เพลงดูน่าสนใจขึ้นแม้จะไม่มีอะไรมากมายให้น่าจดจำ ต่างกับ “write about love” เพลงชื่อเดียวกับอัลบัมที่ได้ Carey Mulligan นักแสดงหญิงชาติผู้ดี (บทบาทที่น่าจะเป็นที่รู้จักมากที่สุดน่าจะอยู่ในหนังเรื่อง “Pride and Prejudice” ถ้ายังมีคนจำได้) มาร่วมร้องแจม จังหวะเพลงที่สนุกอยู่แล้วเมื่อได้เสียงหวานๆของ Carey เข้ามาทำให้เพลงฟังแล้วเพราะขึ้นไปอีกเยอะเลย ก้อไม่รู้มาก่อนว่าคุณเธอนอกจากแสดงหนังแล้วยังเอาดีทางการร้องเพลงได้ไม่แพ้กันอีกด้วย  โดยสรุปอัลบัมนี้ก้อยังไป Pop ชั้นดี ฟังไพเราะ ที่ออกมาให้หายคิดถึงได้สำหรับวงเก่าแก่จากสก็อตแลนด์วงนี้ จากคุณ : cunut เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 53 19:21:18

ความคิดเห็นที่ 3 อันดับ 3 - Ash : A-Z Volume I-II ยังงัยส่วนตัวก็คงจะตกสำรวจงานของ Ash ไปไม่ได้ เพราะเป็นวงคู่บุญที่เติบโตกันมาตั้งแต่เริ่มฟัง Brit ยุคแรกๆ ซึ่งถ้านำไปเทียบกับตัวพ่อในยุคนั้นอย่าง Oasis, Blur หรือ Shed Seven ก็ดี ผมขอเลือก Ash เป็นอันดับหนึ่ง ไม่รู้ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม หลังจากฟังเพลงกับวงพวกนี้มาจะกว่า 20 ปีแล้ว แนวดนตรีของ Ash บวกกับเสียงของ Tim Wheeler ยังเป็นซาวด์ที่ผมชื่นชอบมากที่สุด และหยิบกลับมาฟังอยู่เสมอๆที่มีโอกาส  ถ้าสังเกตดีๆ วงที่กล่าวไปแล้วค่อยๆตายหายไปกับกระแส แต่ Ash ยังคงยืนหยัดอยู่ได้อีกวงหนึ่ง อีกทั้งยังคงเป็นวง Headline ในงานแสดงดนตรีหลายๆงาน แม้จะไม่ใช่เวทีหลักก้อตาม คงเป็นที่ยืนยันถึงฐานแฟนเพลงที่ยังคงมีอยู่อย่างเหนียวแน่นได้เป็นอย่างดี  อัลบัมชุดนี้ถ้าจะบอกว่าเป็นสตูดิโออัลบัม ก้อคงเป็นอัลบัมชุดที่ 7 ของวง ที่ไม่สามารถบอกได้เต็มปากว่าเป็นอัลบัม เพราะพี่แกมีไอเดียสุดบรรเจิดในการออกเพลงในชุดนี้เป็น Single ทุกๆ 2 week ให้ download กันได้ทางเว็ปไซต์ของวง โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2009 จนมาจบลงในวันที่ 27 สิงหาคม 2010 รวมเบ็ดเสร็จครบ series ทั้งสิ้น 26 เพลงตามชื่อตัวอักษร A-Z   ยังไม่นับเพลงแถม เวอร์ชั่นต่างๆอีกส่วนหนึ่ง ซึ่ง Volume I ได้รวมออกไปก่อนหน้าแล้วในวันที่ 19 เมษายน ที่ผ่านมา ส่วน Volume II เพิ่ง launch สดๆร้อนๆ วันที่ 11 ตุลาคมนี้นี่เอง ถ้าจะให้เลือกบรรยายสรรพคุณ แยกแต่ละเพลงคงจะลำบากเพราะเพลงดีๆมีเยอะมาก  แต่ถ้าให้กล่าวในภาพรวมแล้ว อารมณ์ดิบๆอย่างชุด “Trailor” หรือ “1977” อาจจะหายากซักหน่อย แต่ก้อได้มาซึ่งความละเมียดมากขึ้น งานชุดนี้มีการนำเสียงสังเคราะห์มาใช้มากขึ้นอย่างชัดเจน (ตามสมัยนิยม) แต่อย่างไรก้อดี มันก้อยังถูกใช้อย่างเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมอยู่ในสไตล์เพลงของ Ash ที่มี signature ชัดเจนไม่ว่าจะเป็นซาวด์ ทางคอร์ดหรือเสียงร้องที่ได้กล่าวไปข้างต้น  จะว่าไปแล้วเสียงพวกนี้เมื่อฟังดีๆมันช่วยเติมเต็มทำนองและจังหวะให้แน่นขึ้น หลังจากที่ขาดไลน์ประสานหวานๆของ Charlotte ไป   หากใครยังไม่รู้จักวงดนตรีวงนี้ และอยากฟัง Altenative Rock ดีๆ มันส์ๆ ฟังง่ายๆ แนะนำให้กลับไปทำความรู้จักโดยด่วน แล้วคุณจะติดใจจนโงหัวไม่ขึ้นกับวงขี้เถ้าวงนี้!!  ส่วนตัวยังฟังไม่จบรอบเลยสำหรับ Vol.2 แต่ได้ฟังหลายเพลงมาก่อนแล้วตั้งแต่ออกเป็นซิงเกิ้ล คิดว่าก้อน่าจะยังอยู่ในมาตรฐานเดิม  แต่ยังงัยเพลงที่ผมชอบที่สุดก้อยังคงเป็น “True Love 1980”จาก Vol.1  ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทั้งๆที่เพลงมันไม่ได้มีอะไรเลย แต่ฟังวนไปวนมาอยู่ได้ จากคุณ : cunut เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 53 19:23:03

ความคิดเห็นที่ 4 อันดับ 2 - Manic Street Preachers : Postcards from a Young Man 555 หลายๆคนคงจะคิดอยู่ในใจ ว่าจะมีอัลบัมชุดใหม่นี้ ของวงดนตรีโคตรพ่อ รุ่นบุกเบิกของแนว “ดนตรีนอกกระแส” ตัวจริง (โดยเฉพาะในประเทศไทย) อย่าง The Manics หรือไม่  จะยืนมอง นั่งมอง นอนมอง ทำยังงัย ผมก้อไม่สามารถที่จะดึงอัลบัมชุดนี้ออกไปจากในหัวได้  จริงๆตั้งใจฟังอัลบัมชุดนี้อย่างจริงจังมาจะเกือบอาทิตย์แล้ว ทั้งๆที่ชุดก่อนหน้าอย่าง “Send Away the Tigers (2007)” หรืออัลบัมชื่อประหลาดอย่าง “Journal for a Plague Lovers (2009)” ที่ฟังแทบจะนับครั้งได้ ยิ่งไอ้ชุดหลังนี่ฟังยังไม่ครบรอบเลยมั๊ง!!  ไม่ใช่ว่าไม่ดีคับ มันก้อยังเป็น The Manics ที่ทำเพลงได้มาตรฐานเหมือนเดิม แต่ความที่มันไม่สดแล้วนั่นเอง ทำให้ส่วนตัวไม่ได้หยิบขึ้นมาฟังก้อเท่านั้น  แต่สำหรับอัลบัมชุดใหม่นี้ “Postcards from a Young Man” ถูกสร้างมาในทางที่แตกต่าง โดยเฉพาะความแตกต่างจากสองชุดที่ผ่านมา โดยทางวงเลือกที่จะไปดึงเอาซาวน์เดิมๆในชุดยุคกลางออกมาอีกครั้ง  ถ้าจะให้ชัดสุดคงต้องบอกว่าเป็นอัลบัมนี้เป็น “Everything Must Go II” ก้อคงไม่ผิดนัก  สิ่งที่ชัดเจนที่สุดที่ถูกนำมาใช้ในอัลบัมชุดนี้คงเป็นซาวด์ของ “เครื่องสาย” ที่ถูกจัดวางในรูปแบบของกองหนุนของแทบทุกเพลงในอัลบัม ทำให้เพิ่มความอิ่มกับความไพเราะเสนาะโสตประสาท ตลอดจนลดดีกรีความ “กระด้าง” จากความเป็น “ร็อค” ลงเหลือแค่ “พ็อพ” เท่านั้น  หากจะแบ่งยุคของ The Manics  ผมคงซอยได้เป็น 3 ยุคหลักๆ ได้แก่ ยุคแรกในยุคที่ยังมี Richey Edwards เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการเขียนเพลง เพลงจะมีความดิบมาก มีความซับซ้อนทางเนื้อหาอย่างชัดเจน ซึ่งคงต้องยกให้ 3 อัลบัมแรก ถึงแม้ว่า James Bradfield จะมีความสามารถในการเขียนเพลงอย่างไร ในส่วนของ “เนื้อหา” ก้อไม่อาจจะไปเปรียบเทียบกับความอัจฉริยะของ Richey ได้เลย (ความเห็นส่วนตัว) ในยุคที่ 3 หรือยุคกลางแล้วกัน เป็นช่วงเวลาที่ปราศจากสมาชิกคนสำคัญอย่าง Richey  ซึ่งอีก 3 คนที่เหลืออยู่ในวงจะต้องก้าวต่อไปให้ได้ ทำให้ออกมาในชุด “Everything Must Go” สังเกตได้ว่าความเกรี้ยวกราด ของวัยรุ่นหัวขบถ เดิมๆในชุดก่อนๆ หายไปหมด กลับกลายมาเป็นเด็กที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ เนื้อหาที่ลดการเสียดสี ความเกลียดชังสังคมลงมา กับมุมมองที่สุขุมมากขึ้น จนออกมาเป็นผลผลิตใกล้เคียงที่สุดกับอัลบัมใหม่นี้ แต่ถ้าจะให้บอกจากความรู้สึก ผมว่าชุดใหม่นี้มีความเป็น “Pop” กว่ามากๆ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการให้บทบาทของ “เครื่องสาย” ที่เข้ามาชัดเจนกว่า  ส่วนยุคที่ 3 คงเป็น 3 อัลบัมหลังสุดก่อนอัลบัมนี้ตั้งแต่ “Lifeblood” ลงมา ถือเป็นยุค Mainstream ของการทำเพลงของ The Manics ซึ่งคงอยู่ในมาตรฐาน ที่ลดความ soft ลงไป แต่เสริมความเป็นร็อคมากขึ้น เนื้อหาแรงและสะท้อนสังคมมากขึ้นแต่ก้อยังอยู่ในมุมมองของผู้ใหญ่ เมื่อเทียบกับในยุคแรก  แต่อย่างไรก้อตามสิ่งที่ดูจะเป็นเอกลักษณ์ให้กับเพลงของ The Manics มากที่สุดย่อมหนีไม่พ้นเสียงร้องใช้การแผดกระชากปลายเสียงของตา James Bradfield ที่ไม่มีเหมือนใคร และไม่มีใครทำได้เหมือน อัลบัมนี้ถูก Nicky Wire เปรียบเปรยติดตลกว่า หาก “Send Awa the Tigers” เทียบชั้นได้กับอัลบัมยอดเยี่ยมตลอดการของ Aerosmith อย่าง “Permanent Vacation” แล้ว อัลบัมชุดนี้ก้อไม่ต่างอะไรกับภาคต่ออย่างอัลบัม “Pump” เช่นกัน (แต่ถ้าในความเห็นส่วนตัวแล้ว “Postcards from a Young Man” น่าจะเทียบกับ “Get a Grip” ดูจะลงตัวและเหมาะสมกว่า)เพลงพ็อพบัลลาดชั้นดีชื่อเดียวกับอัลบัม หรือ “Some Kind of Nothingness” ที่ได้เสียง Ian McCulloch แห่ง Echo and the Bunnymen มาร่วมร้องแจม ที่หวานซะจนไม่คิดว่า The Manics จะทำเพลงแบบนี้ออกมาได้  “Hazelton Avenue” ที่เล่นเสียงคีบอร์ดเด่นซะจนเป็นพระเอกไปเลย เพลงนี้ได้กลิ่นจางๆของ It Ain't Over 'til It's Over หากแต่เสียงร้องไม่ได้เป็นของ Lenny Kravitz เท่านั้น  เพลงที่กลับชอบมากที่สุดกลายเป็นเพลงพ็อพร็อคพื้นๆอย่าง “I Think I Found It” ที่เริ่มอินโทรด้วยเสียงอังกะลุงไฟฟ้า วางลงบนเมโลดี้และจังหวะกลองโจ๊ะๆ ไม่มีอะไรเลยแต่ชอบสุดๆ เอาจริงๆถ้าตัดซาวด์รอบข้างออกไป ให้เหลือแต่เครื่องดนตรีเบสิคแค่กีตาร์ เบส กลอง แล้วเปลี่ยนเสียงร้องมาเป็น Bryan Adams นี่เรียกว่าใช่เลย!! ซาวด์อเมริกันนี่ยังไม่หมด และเริ่มใส่กันให้เห็นชัดเจนขึ้นใน 4 tracks สุดท้าย “A Billion Balconies Facing the Sun” ที่ไม่รู้อีท่าไหน ได้ Duff Mckagan อดีตเบสตัวจริงของ GN’R มาเล่นเบสให้ อาจจะดู soft กว่างานของ GN’R แต่ไอ้ช่วงริฟท์กีตาร์ท่อนโซโลนี่ ไม่ทราบว่าพี่เชิญ Slash มาแจมด้วยอีกคนรึป่าว เพลงที่เหลืออย่าง “All we Make is Entertainment” “The Future Has Been Here 4 Ever” และ “Don’t Be Evil” จังหวะแบบนี้ นี่มันอเมริกันจ๋าเลย จะติดที่เป็นบริทก้อแค่ตรงเสียงร้องของตา James ที่ทำให้ฟังยังงัยก้อยังเป็น The Manics  โดยรวมแล้วซาวด์ในชุดนี้ให้แรงสุดก้อคงเป็นได้แค่ “พ็อพร็อค” ที่บวกความเป็นลูกทุ่งสำเนียงอเมริกันเข้ามาอยู่หลายๆเพลง (ที่แทบจะไม่เคยได้ยินและไม่คิดว่าจะได้ยินจาก The Manics มาก่อนในชีวิต) จะเรียกว่าสามารถนำไปขยายตลาดในอีกซีกโลกได้ก้อไม่ผิดนัก แทบทุกเพลงแม้จะฟังง่ายแต่ใช่ว่าจะไม่ดี ทุกเพลงล้วนแต่เป็นเพลงพ็อพที่ผ่านการเรียบเรียงและถูกพิถีพิถันในการคัดสรรค์มาแล้วเป็นอย่างดี เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบทุกเม็ดก่อนถูกนำมาใส่ไว้ในไว้ในอัลบัมนี้ ดังนั้นสำหรับอัลบัมชุดนี้ หากคุณชอบ The Manics โดยเฉพาะในยุคกลางๆแล้ว  ความรู้สึกของอัลบัมนี้อาจจะเป็นอัลบัมที่ดีที่สุดเลยก้อว่าได้  แต่หากคุณยังยึดติดอยู่กับ The Manics ในยุคแรกเริ่ม ก้ออาจจะผิดหวังและมองผ่านกับอัลบัมนี้ ที่มันเป็นแค่ “Pop” ชั้นดีที่อาจหาได้จากแหล่งอื่นๆ แต่ถ้าจะให้พูดตามตรง . The Manics อย่างที่เป็นในยุคแรกนั้น ไม่มีวันที่จะกลับมาอีกแล้วล่ะ!!  สู้เปิดใจรับ The Manics ยุคปัจจุบันที่ยังคงเป็นวงที่ยอดเยี่ยมอันดับหนึ่งของเกาะอังกฤษน่าจะเป็นทางเลือกดีกว่า!! จากคุณ : cunut เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 53 19:24:16

ความคิดเห็นที่ 5 อันดับ 1 - Linkin Park : A Thousand Suns พระเจ้าจ๊อด!! จะบอกอย่างไรดีว่า นี่น่าจะเป็นสิ่งเหนือความคาดหมายและไม่คาดคิด ของหลายๆคน หรือแม้กระทั่งตัวเอง ว่าจะกล้าเลือกอัลบัมนี้ ขึ้นมาเป็น “Selection of the Month” คิดแล้ววนไปวนมาหลายตลบ บวกด้วย Bias แง่ลบที่ชีวิตนี้ไม่เคยและไม่คิดจะเป็นสาวกของ LP เติ้งแห่งโลก Nu-Metal มาก่อนเลย จะมีประสบการณ์ก้อแค่ได้ดูคอนเสิร์ตตอนมันมาเล่นที่เมืองไทยครั้งแรก ซึ่งก้อฟังแค่ผ่านๆเอามันส์ก้อเท่านั้น  แต่ยังงัยก้อตามคะแนนของอัลบัมนี้ในความคิดของผม มันสูงซะจนทิ้งห่างจากอัลบัมอื่นๆอย่างชัดเจน  บอกไว้ก่อนนะคับว่านี่ออกมาจากความรู้สึกจริงๆที่ได้ฟังงานใหม่ชุดนี้จาก LP ต้องบอกว่าพวกเอ็ง .ยอดเยี่ยมกระเทียมดองจริงๆ ที่กล้าฝืนกระแสแหวกแนวออกมาได้มากถึงขนาดนี้   ไม่แปลกใจเลยคับที่เสียงวิจารย์ของกลุ่มแฟนอันเหนียวแน่นของ LP กลุ่มใหญ่จะออกมาก่นด่าต่อการออกมาของอัลบัมชิ้นนี้  บางความเห็นถึงกับใช้คำว่าโคตร Sh**t เลยทีเดียว!!  ตัวอย่างใกล้ตัวก้อคงเป็นรุ่นน้องของผมที่มันส่ายหัวบอกว่า “อะไรวะ” ทำไมเพลงมันออกมาแบบนี้ “ฟังจบครั้งแรก ก้อแทบอยากจะปาทิ้ง” 555 ขนาดแฟนคนไทยยังรู้สึกได้ขนาดนี้ ก้อไม่แปลกที่แฟนพันธุ์แท้จะรู้สึกไม่ต่างกัน  แต่เมื่อมองในทางกลับกันมันได้แฟนกลุ่มใหม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างผมหรือหลายๆคนในนี้ที่คาดว่าอาจจะเคยฟัง LP แค่ผ่านๆ ไม่ได้ตั้งใจฟังอย่างโงหัวไม่ขึ้นขนาดนี้ ก้อต้องบอกอีกทีว่าบรรยายไม่ถูกเลยสำหรับความสมบูรณ์ของงานในอัลบัมนี้  อย่างที่ทราบกันว่าทางวงตั้งใจให้เป็น Concept Album ใน Project รณรงค์ต่อต้านสงครามนิวเคลียส์ ดังนั้นเนื้อหาจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ มนุษย์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความคิด ความกลัว สิ่งที่จะเกิดกับความเป็นไปของโลกนี้ เป็นต้น (แปลมานะคับ ในส่วนของเนื้อหาจริงๆยังไม่มีเวลาเข้าไปสัมผัสเลย) แต่เมื่อฟังเฉพาะท่อนทำนอง จังหวะของเพลงที่นำมาต่อกัน ก้อพอจะเดาได้ว่าน่าจะมีคอนเส็ปอยู่ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หน้าปกเมื่อมองลงไปอาจจะดูเป็น Abstract แต่น่าจะมีที่มาจากการ สมมติว่าหากมีการระเบิดของรัศมีที่แผดผ่านจากดวงอาทิตย์นับพันดวง ขึ้นไปบนท้องฟ้าในเวลาเดียวกัน จะมีลักษณะไม่ต่างจากระเบิดนิวเคลียส์ หรือที่เรารู้จักกันในนาม “Atomic Bomb” อย่างที่ปรากฎให้เห็นในสื่อหลายครั้งจากเหตุการณ์ WW II สำหรับเพลงในอัลบัมดูล้ำมาก เหมือนอยู่ในห้วงอวกาศจริงๆ แต่ทั้งหมดอยู่บนพื้นฐานของความเป็น “Pop” ที่มีเมโลดีที่สวยงาม ท่ามกลางเสียงสังเคราะห์อันเป็นเอกลักษณ์ของ LP ซึ่งตรงนี้นี่เองน่าจะเป็นจุดที่ฐานแฟนเก่าแก่ของวงรับไม่ได้ เนื่องจากเพลงมันดูเบาลงอย่างชัดเจน เสียงของ Chester ก้อยังคงเหมาะกับเพลงจังหวะช้าๆ ซึ่งดูท่าจะติดใจกับการร้องเพลงสไตล์นี้จริงๆ (เพราะจุดขายของ LP ในงานชุดหลังๆก้อยังคงเป็นเพลงช้า ซึ่งดูให้ความสำคัญขึ้นเรื่อยๆ) การ rap ของ Mike Shinoda ก้อยังคงมีสลับกันไปในเพลงเร็วและช้า ซึ่งถูกวางมาในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน เพลงจังหวะช้าๆ โคตรเพราะอย่าง “Robot Boy” “Waiting For The End” และ “Iridescent” โดยเฉพาะสองเพลงหลัง นี่น่าจะติดลมบนไปแล้ว ส่วนตัวแล้วชอบจริงๆกับไอ้สองเพลงนี้ ตอนนี้ฟังเกือบวันละ 10 เที่ยว ซาวด์และเมโลดี้อลังการงานสร้างโดยแท้  “Catalyst” ซิงเกิ้ลแรกที่ยังคงบ่งบอกถึงความเป็น LP ไว้ได้อย่างดี “The Messenger” เพลงช้าที่เดินด้วยกีตาร์โปร่งและเสียงเปียโน ที่เข้ากันอย่างยิ่งเมื่อผสมกับเสียงแผดๆของ Chester เยี่ยมมากๆคับ     เอาเป็นว่าถ้าจะมองหาความสำเร็จแบบ “Hybrid Theory” หรืออยากฟังเพลงชาติประจำผับไทยอย่าง “In The End” ก้อลืมไปได้เลยที่จะได้มาจากอัลบัมชุดนี้    Linkin Park กล้าที่จะออกมาจากความสำเร็จเดิมๆมาหาสิ่งใหม่ๆทำ แม้จะดูว่าเป็นการก้าวกระโดดไปคนละทิศละทางจนบางคนจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่ต้องบอกว่าการเติบโตแบบนี้แหละ จะเป็นตัวสานต่อที่จะทำให้ LP กลายเป็นวงระดับตำนานอย่าง U2 ในอนาคต ลักษณะคล้ายๆกับที่ Coldplay เคยทำ แล้วตอนนี้ก้อได้ก้าวตามไปติดๆแล้วนั่นเอง จากคุณ : cunut เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 53 19:25:45

ความคิดเห็นที่ 6 สุดท้ายเอาเป็นว่าทั้ง 5 อัลบัมนี้ .เป็นความชอบและความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ ที่อาจมีหลายคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย อย่างไรก้อตาม ยินดีรับฟังคำวิจารณ์ของทุกคนนะคับ และถ้าเป็นไปได้ใครว่างอยากให้เข้ามาช่วยเลือกซักคนละ 5 อัลบัม/เดือน ไม่ว่าง review ไม่เป็นไร อย่างน้อยจะได้ถือเป็นการทำทานเล็กๆน้อยๆสำหรับนักฟังเพลง ให้รู้จักอะไรใหม่ๆบ้างคับ!! ยังงัยก้อขอฝากกระทู้นี้ไว้ในห้องรวมเพลงสากล และห้องย่อย “ดนตรีนอกกระแส” ด้วยคับ เผื่อมันจะได้มีกระแสขึ้นอีกซักวัน Credit : สุดท้ายขอขอบคุณ reference หลายๆส่วนทั้งจาก Wikipedia, Official Website ของแต่ละวง และที่ขาดไม่ได้คงเป็นเว็ป www.nme.com  กับฉบับ download free ทางอินเตอร์เน็ต หากไม่มีอะไรผิดพลาด เจอกันใหม่เดือนหน้าคับ!! จากคุณ : cunut เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 53 19:26:31

ความคิดเห็นที่ 7 ใช้รูป Hurley จริงๆด้วย แม่เจ้า = =" จากคุณ : -นักเลงเพลงสยาม- เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 53 19:45:47

ความคิดเห็นที่ 8 ดนตรีในกระแสทั้งนั้น นอกตรงไหนเนี้ย จากคุณ : Xelong เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 53 19:59:26

ความคิดเห็นที่ 9 ส่วนตัวชอบ  Weezer  แล้วก็ LP อัลบัมใหม่มากๆเหมือนกันครับ อัลบัมเหล่านี้  ถือว่าเป็นเพลงนอกกระแสหลักก็แล้วกันนะครับ ไม่ได้ถึงขั้นเป็นอินดี้ แต่ก็ไม่ใช่กระแสหลักในบ้านเราตอนนี้ครับ :-) จากคุณ : ถังเจ๋อ เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 53 20:47:51

ความคิดเห็นที่ 10 ลองพิมพ์ชื่อวง Weezer พร้อมกับอัลบั้มใน Google ในโซนรูปภาพ ผมก็ได้พบกับ Hurley เพียบ เพียบในลักษณะที่ว่าหลอนผมไปได้หลายวันเลยทีเดียว ลองไปหาชมกันได้ครับ จากคุณ : ลูกบ้าเที่ยวท้ายสุด เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 53 21:04:19

ความคิดเห็นที่ 11 ก่อนอื่นขอบคุณสำหรับบทรีวิวอัลบัมทั้งห้านะครับ ได้มีโอกาสฟัง "เฮอร์ลีย์" ของวีเซอร์ ผมว่าดีกว่าสองอัลบัมก่อนหน้านี้ [เรดอัลบัม, แรดทิจูด] แม้จะสู้สองชุดแรก [บลูอัลบัม,พิงค์เคอตัน] ที่มีแมทท์ ชาร์ป ไม่ได้ สำหรับเบลล์แอนด์เซบาสเตียน ผมได้มีโอกาสฟังสามสี่เพลง พบว่ายังคงทำเพลงออกมาได้ไพเราะน่าฟังเหมือนเดิม จากคุณ : Silent Sound เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 53 21:44:07

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณครับ สำหรับผม ซึ่งไม่ได้ตามข่าววงการเพลง เท่ากับช่วยแนะนำเพลงให้ไปหาฟังทีเดียวห้าอัลบั้มเลย ถ้าฟังแล้วติดใจอันไหนจะมาเล่าตอบมั่ง จากคุณ : รถเล็ก เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 53 22:58:23

ความคิดเห็นที่ 13 10  คุณลูกบ้าฯครับ จริงด้วย  ทำได้ไงอะ  อันนี้มันเป็นเอง  หรือว่าตั้งใจ สุดยอดเลย :-) จากคุณ : ถังเจ๋อ เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 53 23:37:48

ความคิดเห็นที่ 14 เรื่องอีตา Hurley นี่ ขอเอาไปเผยแพร่ในหน้ารวมให้เพื่อนๆได้ดูกันด้วยนะครับ ผมว่ามันฮาดี จากคุณ : ถังเจ๋อ เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 53 23:41:32

ความคิดเห็นที่ 15 ขอลองจัดดูบ้าง ไม่เรียงลำดับนะครับ The Drums / The Drums edwyn collin / losing sleep Phantogram / Eyelid movies Harlem / "hippies" Mystery Jets / serotonin สุดท้ายนี้อย่าลืมไปดู vampire weekend กันด้วยนะครับ ช่วยกันอุดหนุน คนจัดจะได้มีกำลังใจพาวงดีๆ มาบ่อยๆ จากคุณ : 4fingers เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 53 23:49:30

ความคิดเห็นที่ 16 ^ ^ the drums ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกเช่นกันครับ (แผ่นไทยมีขายแล้วเน้อ) lp ชุดใหม่ผมก็ชอบมากเช่นกันครับ (แต่ก่อนเฉยๆ มาก) รู้สึกว่ากล้าทำดีอ่ะ ส่วน ash เพิ่งฟังแต่ volume I (เพิ่งรู้ว่า volume II มันออกแล้ว เด๋วไปซื้อบ้าง) manic รอแผ่นไทยอยู่ ไม่ทราบว่าออกหรือยังครับ belle กับ weezer ไม่ใช่แฟน ขอผ่าน -_-" ตอนนี้กำลังอยากฟัง amiina ชุดใหม่มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก รอๆๆๆ จากคุณ : strawberry machine gun เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 53 09:54:45

ความคิดเห็นที่ 17 เรื่องห้องนอกกระแสนี่โดยส่วนตัวคิดว่าเพลงที่คุยกันในห้องนั้นมันก็ไม่ได้นอกกระแสอะไรหรอกมั้งครับ แต่เวลามาคุยในห้องรวมแล้วมันดูไม่มีที่ยืนยังไงไม่รู้ (ผมเคยตั้งกระทู้รายงานสดวันที่ arcade fire เล่นสดผ่านยูทูป เพราะอยากดูแต่ดูไม่ได้ ผลปรากฏว่ามีคนเข้ามาคุยกันตั้งสี่ห้าคนแน่ะ) ไม่ได้อยากให้เป็นนอกกระแสเล้ยยยยย อยากให้เป็นกระแสแรงๆ จัดๆ เขาจะได้เอาวงโน่นนี่มาเล่นคอนเสิร์ตบ้าง จากคุณ : strawberry machine gun เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 53 09:59:49

ความคิดเห็นที่ 18 เห้นด้วยกับคุณ strawberry machine gun คับ ว่าไอ้ห้องนอกกระแสนั้น นานๆทีถึงจะมีวงที่เป็น "นอกกระแส" จริงๆมาคุยกัน ไอ้วงพวกนี้ในความคิดของพวกเรามันก้อเป็นวงในกระแสอยู่แล้วล่ะคับ เพราะตามฟังกันอยู่ประจำ แต่สำหรับคนอื่นๆ โดยเฉพาะไอ้เพื่อนฝูงที่เวียนวนอยู่รอบตัวนี่ ยิ่งเฉพาะน้องๆเด็กรุ่นใหม่ สามารถพูดได้เต็มปากว่า มันแทบไม่จะไม่รู้จักหรือไม่เคยได้ยินชื่อเลยก้อมี คงบังคับกันไม่ได้หรอกคับ แล้วแต่มุมมองใครว่าอะไรนิยามที่แท้จริงของคำว่า "เพลงนอกกระแส" แต่เท่าที่เข้าใจมาตลอดคือถ้าจะคุยกันถึงเพลงพวกนี้โดยเฉพาะก้อต้องเข้ามาห้องนี่ล่ะถึงจะถูกต้องที่สุด   จริงๆมีวงใหม่ๆที่เป็นนอกกระแส ที่ฟังอยู่เช่นกัน ที่ฟังบ่อยช่วงนี้คงเป็น 1. Two Doors cinema Club : Tourist History - จริงๆไม่ใหม่แล้วล่ะแต่ชอบ เสียดายเพิ่งมาเล่นที่ฮ่องกงไปเองคับ 2. Fun. : Aim and Ignite - มันส์ดีคับ 3. Cassette Kids : Nothing on TV - วงอะไรทำเพลงได้น่ารักมากมาย 4. Mystery Jets : Serotonin - เช่นเดียวกับคุณ 4fingers วงนี้ออกอัลบัมมาทีไร ไม่เคยทำให้ผิดหวัง (เพิ่งรู้ว่า Edwyn Collins ออกชุดใหม่นะเนี่ย) 5. Pin Me Down : Pin Me Down - ชอบมากๆคับ 6. วงที่ไม่ได้ออกอัลบัมใหม่ แต่ช่วงนี้ต้องฟังบ่อยเพราะเป็นไฟต์บังคับ ได้แก่ Vampire Weekend ทั้งสองชุดคับ หวังแบบคุณ strawberry machine gun ว่าเมื่อไรเพลงพวกนี้มันจะเป็นเพลง "ในกระแส" ซะที ไม่มีใครอยากเป็นชนกลุ่มน้อยหรอกคับ จะได้มีวงดีๆมาเล่นในบ้านเราบ้าง ไม่ใช่บินผ่านไปผ่านมา....พูดแล้วก้อเซ็ง!!! จากคุณ : cunut เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 53 19:37:31

ความคิดเห็นที่ 19 คห. 17 & 18 [อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ อาจจะผิดก็ได้] วงการเพลงบ้านเราเปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะอะครับ เมื่อก่อนมีสื่อต่าง ๆ อาทิ ทีวี วิทยุ นิตรสาร ช่วยโปรโมทดนตรีสากลแนวนี้ รวมทั้งค่ายผลิตเทปและซีดีสากลและร้านค้าต่าง ๆ ก็ทยอยผลิตงานดนตรีแนวนี้ออกมาจำหน่ายในบ้านเรา   แต่ปัจจุบันแทบไม่หลงเหลือสื่อหรือสิ่งเหล่านี้อีกเลย [ร้านขายซีดีงานเหล่านี้ แทบจะนับนิ้วได้เลย] ดังนั้น คนฟังเพลงรุ่นใหม่เมื่อไม่ได้รับข่าวสารความเคลื่อนไหวของดนตรีแนวนี้สักเท่าไร รวมทั้งไม่มีสินค้า [เทป ซีดี แผ่นเสียง หรือแม้กระทั่งเอ็มพีสาม] ทำออกมาขายในบ้านเรา [น้อง ๆ ที่เรียนมัธยมหรือมหาลัย ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีเงินมากมายที่จะซื้อแผ่นอิมพอร์ตซึ่งมีราคาค่อนข้างสูง หรือมีบัตรเครดิตซื้อทางอินเทอเน็ต รวมทั้งไอจูนก็ไม่ได้เปิดขายเพลงเหล่านี้ในไทย] ดังนั้น การขยายกลุ่มคนฟังรุ่นใหม่สำหรับดนตรีแนวนี้ให้กว้างขึ้นจึงเป็นเรื่องยาก ส่วนคนฟังกลุ่มเดิมนับวันก็โตขึ้นเรื่อย ๆ หน้าที่ความรับผิดชอบก็มากขึ้น จนบางครั้งก็ทำให้ไม่มีเวลาพอที่จะอัพเดทข่าวสารความเคลื่อนไหวของดนตรีแนวนี้สักเท่าไร  [เพื่อนผมหลายคนสมัยเรียนมัธยมและระดับอุดมศึกษา ชอบดนตรีแนวนี้ คอยติดตามและคอยซื้อผลงานเหล่านี้ตลอด แต่เมื่อเข้าสู่วัยทำงาน พวกเขาเหล่านี้แทบไม่ได้ติดตามหรือซื้องานเหล่านี้อีกเลย] ดังนั้น แฟนกลุ่มเดิมของดนตรีแนวนี้นับวันจะหายไปเรื่อย ๆ เมื่อกลุ่มคนฟังรุ่นใหม่เกิดขึ้นน้อย คนฟังกลุ่มเดิมหายไปเรื่อย ๆ มันเลยทำให้ดนตรีแนวนี้ได้รับความนิยมน้อยในประเทศนี้ครับ แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 53 20:47:33 แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 53 20:46:38 แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 53 19:56:43 จากคุณ : Silent Sound เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 53 19:54:52

ความคิดเห็นที่ 20 เอามาแปะในกระทู้นี้อีกรอบนะคะ ตอบในห้องนั้นไปแล้ว โอ้โห จุใจเลย นานๆๆๆจะมีกระทู้นี้ นึกว่าจะร้างเป็นป่าช้าแล้วห้องนี้ แหะๆ ฟังชุดใหม่ของ Belle & Sebastian แล้วค่ะ ฟัง online อดใจไม่โหลดมาฟัง เหอะๆ รอซื้อซีดีทีเดียวเลย ชอบเพลง Calculating Bimbo กับ I'm Not Living in the Real World ส่วนเพลงที่ feat. Norah Jones ไม่ชอบค่ะ น่าเบื่อมาก ฟังทั้งอัลบั้มไปไม่กี่รอบเองค่ะ ก็รฟังได้เรื่อยๆ แต่ว่าไม่ได้แปลกใหม่อะไร ส่วน วงโปรดอย่าง Manic กรี๊ดดดดด โหลดมานานแล้ว แต่จิ้มฟังไปแค่ 3-4 เพลงเองค่ะ เหอะๆ เลยวิจารณ์ภาพรวมทั้งหมดไม่ได้ แต่แค่ฟัง Some Kind of Nothingness ครั้งแรกนี่นึกว่าไม่ใช่ manic แฮะ มัน pop มากๆ ยังกับเพลงของ Robbie Williams  ^^ แต่ก็เพราะนะคะ บางเพลงในอัลบั้มฟังแล้วรู้สึกเชยๆนะคะ แหะๆ คือมันก็เพราะแต่ว่าไม่ใช่แบบ Manic ที่เคยชอบหนะค่ะ อ้อ เรารู้สึกตรงข้ามกับ จขกท เราชอบ ชุด Journal for a Plague Lovers  มากค่ะ ชอบความเป็น Rock และเนื้อเพลงจากปลายปากกาของ Richey มากๆ จากคุณ : กี่เพ้า เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 53 23:12:30

ความคิดเห็นที่ 21 ไม่ได้เข้าห้องนอกนานพอควร ช่วงนี้บ้าแต่ในกระแสมากๆ ขอบคุณที่เอามารีวิวให้อ่านกัน อัลบั้ม(เหมือนจะ)นอกล่าสุดที่ได้ฟังก็คงเป็น teenage fanclub โน้น ไว้ทำอารมณ์ได้แล้วจะเอามารีวิวช่วยกันเนอะ จากคุณ : Song iS A beautifuL LiE เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 01:51:34

ความคิดเห็นที่ 22 กระทู้เทพ ควรได้รับการแนะนำ จากคุณ : หัตถาครองพิภพ เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 02:49:31

ความคิดเห็นที่ 23 ไอ้ผมก็รีวิวไม่เป็น ไม่เก่ง ได้แค่งูๆปลาๆ ก็กลัวว่ามารีวิวแบบ รู้ไม่ละเอียด แล้ว จะโดนวิจารณ์เสียๆหายๆ ครับ เพราะโดยส่วนตัว เดือนๆนึงก็มักจะไปสอยซีดีสากลจาก ร้าน บูมเมอแรง เซ็นทรัลพัทยาบีช อยู่ตลอด ิเฉลี่ยเดือนละสองสามแผ่น ใหม่บ้าง เก่าบ้าง แล้วแต่โอกาสอำนวย จริงๆผมว่าคนที่อยากรีวิวและมีเวลาจริงๆหนะเยอะนะ (อย่างผมเป็นต้น) แต่ไม่กล้าเอามาโชว์ กลัวโดนวิพากย์แบบสาดเสียเทเสีย ซะมากกว่า จากคุณ : zong12 เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 11:21:54

ความคิดเห็นที่ 24 พอดี ผมไม่เชื่อว่าจะเป็นปกนั้นจริงๆหน่ะครับ เลยไปหาหน้าปกดู ปรากฏว่าจริงแล้วเยอะซะด้วย ถ้าปกเดียวคงไม่เป็นไรนะครับ เจอหน้า Hurley เป็นสิบๆเต็มหน้า ก็หลอนได้นะครับเนี่ย จากคุณ : ลูกบ้าเที่ยวท้ายสุด เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 53 13:36:57

ความคิดเห็นที่ 25 ในกระแสหรือนอกกระแส ก็เพลงเหมือนกันล่ะคะ   อ่านแล้วอยากฟังอัลบั้มเต็มๆของ Linkin Park เลย ได้ฟังแค่บางเพลง  เพลงดูต่างจากเดิมดูเบาๆลง  แต่ส่วนตัวเราชอบนะ จากคุณ : Nant_GO เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 53 16:27:53

ความคิดเห็นที่ 26 ต้งแต่ได้  manicมา ยังไม่ได้เอาออกจากวิทยุในรถเลย ชุดนี้ฟังง่ายดี ชอบ มากครับ ส่วน lp ผมฟังยังไม่ค่อยติดหู ขอไปลองอีกทีครับ จากคุณ : Hernf@ เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 53 11:23:17

ความคิดเห็นที่ 27 กระทู้ดี จังครับ ถึงเพลงจะไม่ได้นอกกระแส จริงจัง ซักเท่าไหร่ แต่ ผมก็ชอบนะ ได้ความรู้สึกเหมือนตอน อ่าน GT เค้ารีวิว เล็กๆเหมือนกัน ส่วนตัวนะครับ คิดถึง แมนิค มากๆๆๆๆๆ แต่หลังจาก Everything must Go แล้วผมก็แอบน้อยใจผิดหวังเล็กๆ กะ Wire และก็ Bradfield มากๆๆๆ แอบคิดถึง Ritchie ตะหงิดๆ เฮ้อ  Weezer เอง หลังจาก Pinkerton แล้วผมก็ เหนื่อยใจเหมือนกัน แต่ก็คิดถึงวงเหล่านี้มากๆ นะครับเนี่ย จากคุณ : Ms. Poison (Poizone) เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 09:59:14