Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
[บทบันทึกภาคต่อ]SJ:Super Show 3 ปรากฏการณ์ “เอลฟ์” สั่นสะเทือนสังคมไทย: เสียงสะท้อนจากผู้ใหญ่และอีกด้านของเด็กน้อย ติดต่อทีมงาน

ความนี้เป็นภาคเสริมของกระทู้นี้

http://www.pantip.com/cafe/chalermkrung/topic/C10136546/C10136546.html#32

จากเดิมที่ได้ร่ายยาวไปถึงประเด็นมากมาย บทความนี้จะขอเก็บตกส่วนที่ไม่
ได้พูดถึงและพูดไม่ครบ

เราอาจจะได้มุมมองที่น่าสนใจเพิ่มเติมหลังจากที่เราได้พูดคุยกับผู้ใหญ่อีกหลายคนซึ่งเป็นผู้ปกครองที่มารอลูกสาวในงานนี้

“ แม่มาเป็นเพื่อนลูกสาวตั้งแต่หกโมงเช้า เพราะเขาอยู่โซนบัตรยืนเลยต้องรีบมา”

คิดยังไงบ้างกับราคาบัตรคอนเสิร์ตที่ราคาสูงขนาดนี้ แล้วทำไมถึงยอมสนับสนุนให้ลูกมาดูคอนเสิร์ต

“ส่วนตัวแม่คิดว่า การที่ลูกสาวมาดูคอนเสิร์ตเพราะว่า นานๆศิลปินที่ลูกเขาชอบจะมาที ดีกว่าให้ลูกไปทำอะไรอย่างอื่นที่ไม่ดี การมาดูคอนเสิร์ตแบบนี้เราก็ยังตามมาดูแลเขาได้ ดีกว่าเขาไปผับไปบาร์ เพราะคุณแม่ก็เคยผ่านช่วงเวลาวัยรุ่นเหมือนกัน เวลาแบบนี้มันมีน้อยครั้งในชีวิต”

แล้วปกติแล้วลูกสาวเก็บเงินเองหรือเปล่า

“ส่วนมากลูกสาวก็จะเก็บเงินเอง”


คุณแม่อีกท่านที่นั่งคอยลูกสาวข้างเสาด้วยท่าทีอิดโรย

คุณแม่ครับมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างกับวัฒนธรรมเกาหลีที่บัตรคอนเสิร์ตมักจะราคาแพง

“แม่คิดว่า มันก็คงแพงแบบนี้เป็นปกติ จริงๆลูกสาวเขาก็เก็บเงินมาดูเอง บางทีไม่พอก็จะขอเป็นครั้งคราวไป แม่มองว่าการตามนักร้อง ตามมาดูคอนเสิร์ตไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่ มันอยู่ในวัยของเขา เราก็พยายามเข้าใจเขา ดีกว่าไปห้ามแล้วเขารู้สึกไม่ดี แม่คิดว่าแม่โอเคนะกับการมาดูคอนเสิร์ตเกาหลี”

ระหว่างที่เก็บข้อมูลเหล่านี้มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าสนใจมากที่เราเข้าไปพูดคุยแล้วก็ได้มุมมองเรื่องความปลอดภัยด้านร่างกายมาเพิ่มเป็นกรณีศึกษา นั้นคือพี่ๆพยาบาลที่จุดปฐมพยาบาล

คิดว่าอย่างไรบ้าง กับการที่น้องๆมารอเข้าประตูตั้งแต่ค่ำของอีกวันเพื่อรอเข้าไปดูเป็นกลุ่มแรก

“จริงเหรอคะ พี่ไม่รู้เลยนะ พี่มาก็สายๆเห็นน้องเค้ามานั่งรอกันยาวแล้ว ไม่คิดว่าจะมาคอยกันนานขนาดนี้ เมื่อวานมีอยู่เคสนึงเค้าทำบัตรหาย ร้องไห้จนเป็นลม แบบอาการเค้าเซไปชนเสาเลย พี่เห็นแล้วก็เป็นห่วงว่า น้องเขามาคนเดียวผู้ปกครองไม่ได้มาด้วย เลยเป็นห่วงมาก ดีที่พออาการดีขึ้นเขาค่อยไปติดต่อเรื่องบัตร พี่ก็ไม่รู้ว่าตกลงน้องคนนั้นได้เข้าไปดูไหม”

พี่มองเรื่องความปลอดภัยกับตัวน้องๆที่มาดูคอนเสิร์ตยังไงบ้าง

“ส่วนตัวพี่ว่านะ พี่เห็นพอเด็กเข้าไปในคอนเสิร์ต พ่อแม่ก็มานั่งคอยกันเต็มเลยนั่งรอกันตั้งแต่ห้าโมงยันจบเลย พี่เลยว่ามันไม่น่าห่วงมาก แต่ก็ยังหวั่นๆไม่ได้ว่าถ้าน้องที่พักผ่อนไม่พอ พอเข้าไปดูคอนเสิร์ตโซนยืนด้านในแล้วจะไหวไหม อันนี้ก็น่าห่วง”

เมื่อเราพูดคุยกับเด็กๆ เราจะได้อีกมุมมองตามประสาวัยของเขา

เราเก็บเงินกันมาดูเองป่าวเนี่ย

“ค่ะพี่ หนูยอมอดบางมื้อเลยนะเพื่อจะได้มาดู”

แล้วทำไมมาดูคนเดียวล่ะ เพื่อนไปไหน ไม่เหงาเหรอ

“จริงๆก็มากับเพื่อนค่ะ แต่หนูมีเงินแค่ 900 เลยต้องมานั่งข้างบนคนเดียวเพื่อนๆหนูอยู่กัน 4000 ซึ่งบ้านหนูไม่ค่อยมีเงิน เลยดูเท่าที่มี”

ขณะที่แก็งค์สาวม.ปลาย เล่าว่าพวกเธอมาดูคอนเสิร์ตโซนนั่งด้านบน เพราะเมื่อวานอยู่ในหลุมด้านล่าง เหนื่อยมากๆกับการต้องใช้พลกำลังในการเบียดกับแฟนคลับคนอื่น มานั่งดูด้านบนก็จะเห็นกว้างๆ แต่อยู่ด้านล่างก็จะได้ใกล้ชิดกับศิลปินมากๆ”

นี่เป็นสองด้านระหว่างผู้ใหญ่และเด็กๆซึ่งมองคนละประเด็น


เกิดอะไรขึ้นบ้างกับคอนเสิร์ตรอบที่สองวันนี้……. มหรกรรม We-booking ทำพิษ

เมื่อหลุมโซนด้านล่างไม่สามารถโหลดคนได้แล้ว จึงเกิดปัญหาคนล้น ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่า การขายบัตรของ We-booking ไม่ได้มีการกำหนดยอดผู้ชมหรืออย่างไร ทั้งที่ความเป็นจริงในรอบแรก ไม่เกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้น แน่นอนว่าถ้าคนล้น การแออัดยัดเยียดย่อมไม่ปลอดภัยต่อเด็กๆอยู่แล้ว ยิ่งแฟนคลับยิ่งแล้วใหญ่ น่ากลัวว่าโอกาสเหยียบกันตายย้อมเป็นไปได้

ใช่ว่าจะมีปัญหาแต่ด้านล่าง ชั้น 4 ราคาบัตร 3000 ลงไป เกิดปัญหาไม่มี “เก้าอี้” เพราะ we-booking เปิดจำหน่ายบัตรแล้วไม่ทำการเช็คจำนวนเก้าอี้ให้ถูกต้อง เป็นผลให้การออกบัตรเกิดความผิดพลาดประการใหญ่ จนทำให้แฟนคลับหลายคนเกิดอาการ “เลือดขึ้นหน้า” ต่างที่จะไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เจ้าหน้าที่พยายามจะแก้ไขสถานการณ์ให้ แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเริ่มเข้าที่เข้าทางหลังคอนเสิร์ตเริ่มต้นขึ้น

ความผิดนี้ We-Booking ควรออกมารับผิดชอบ


เมื่อสมบัติผลัดกันชม

ส่วนตัวไม่แน่ใจว่าวัฒนธรรมการโยนของไปให้ศิลปินบนเวทีนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด แต่ดูเหมือนว่า สิ่งของที่โยนขึ้นไปนั้น “ศิลปิน” จะสนใจแค่ว่าเขาจะเล่นอะไรกับมันได้บ้าง เมื่อหมดประโยชน์แล้วพวกเขาก็จะโยนลงไปให้ผู้ชมที่อยู่ด้านล่างรับ ประหนึ่งว่าของชิ้นนี้เป็นของแจกจากศิลปิน ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว มันก็เป็นของชิ้นหนึ่งที่แฟนคลับคนอื่นๆซื้อมา

หรือแค่ว่า “การโยนของให้ศิลปินแล้วเขาหยิบมันขึ้นมา” เท่านี้คือความสุขใจของคนที่ได้โยนของให้แล้ว โดยหารู้ไม่ว่าเมื่อจบงานสิ่งของเหล่านี้ถูกเก็บทิ้งแทบทั้งหมด มันจึงกลายเป็น “ความสุข” ชั่วยามที่เสียทั้งเงินและทำลายทรัพยากรแบบน่าเสียดาย


โปรเจ็คแท่งไฟ ความอัศจรรย์แห่งความพร้อมใจ

เมื่อแท่งไฟหลายสีถูกเปิดขึ้นในแต่ละเพลง ทำให้เกิดความงดงามยิ่งนักในอิมแพคอารีนา ซึ่งแตกต่างจากรอบวันเสาร์เป็นคนละแบบกัน ความน่าสนใจของมันก็คือ แฟนคลับเขามีกระบวนการวางแผนมาเป็นอย่างดี เพื่อจัดแจงแท่งไฟในแต่ละจุดให้ออกมากลายเป็นอักษรที่มีใจความว่า ELF.FOREVER ซึ่งเป็นคำนิยามของกลุ่มแฟนคลับ ที่พยายามจะบอกอะไรบางให้เหล่าศิลปินรับรู้

แต่อย่างไรก็ตามสุดท้ายก็ยังอยากทิ้งท้ายไว้ว่า ตลอดคอนเสิร์ต เหล่าหนุ่มหน้าหล่อบนเวที สองคำก็บอกรักสาวๆ อย่างนู้นอย่างนี้ สาวๆก็ซารังเฮโยไป อังกอร์เพลงกันไป จนเราอดนึกสงสัยไม่ได้เลยจริงๆว่า ทุกครั้งที่ แฟนคลับบอกรักศิลปิน ว่าฉันจะรักเธอตราบนานเท่านาน

เอลฟ์ล่ะได้บอกรักคนใกล้ตัวคุณที่สุด อย่างคนที่มารับมาส่ง มารอลูกตัวเองอยู่หน้าคอนเสิร์ตแล้วหรือยัง?

แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 54 01:42:04

 
 

จากคุณ : Onlineza
เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 01:20:30




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com