ความคิดเห็นที่ 1 บางเนื้อหา ก็ แลดู จะอคติเยอะไปนะคะ แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 54 12:29:54 จากคุณ : Miracle_Life เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 11:38:05

ความคิดเห็นที่ 2 มันยังมี อคติ แฝงอยู่อะครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมเชื่อว่าคนเราไม่มีความเป็นกลาง 100 เปอร์เซน ดังนั้นบทความจะเป็นยังไง มันก็ขึ้นอยู่กับท่าน ที่ห่วงคือ พวกสักแต่ด่า ที่จะตามน้ำจนวัตถุประสงค์เพี้ยนไปมากกว่า จากคุณ : erkDaZe เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 12:43:09

ความคิดเห็นที่ 3 บทความแรก โอเค แต่บทความหลัง เหมือนจะใส่อารมณ์ไปหน่อย เราก็เป็นแฟนคลับ ซุปเปอร์จูเนียร์นะ แล้วก็เห็นด้วยในหลายๆ เรื่อง แต่บางเรื่อง ยังคิดว่า คุณมองแคบเกินไป ปล. พยามยามจะอ่านอย่างเป็นกลาง ปล. ไม่ได้ไปดูคอนเสิร์ต แต่ไปหน้าคอนเสิร์ต เพื่อไปทำกิจกรรม สุขสันต์วันเกิด Kim Young woon (Kangin) จากคุณ : Miracle_Life เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 13:45:28

ความคิดเห็นที่ 4 ก็ขอแค่อย่าคิดแทนคนอื่น โดยเอาเหตุผลตัวเองเป็นที่ตั้ง คนเราความคิดไม่เหมือนกันอยู่ในช่วงของวัย วัยคุณที่อาจ พอ ๆ กับเรายังคิดต่าง แล้วเด็กที่วัยไม่เท่าคุณเค้าจะเข้าใจคุณสื่อออกไปหรือ มันเป็นช่วงวัยค่ะ  เขียนเตือนพวกเค้าได้แต่อย่าแรงอย่าเสียดสี ทำยิ่งทำให้คนที่คิดต่างจากคุณก็ไม่พอใจ ก้อแค่นั้น (ได้ข่าวว่าอิฉันยังตามมาแว้งในกระทู้นี้อีก กร๊ากกก) แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 54 15:40:08 จากคุณ : lalah_11 เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 13:45:35

ความคิดเห็นที่ 5 ผมอ่านผ่านๆนะ แต่ให้กิ๊ฟกระทู้แรก พอกระทู้สอง เริ่มแปลกๆ แต่ไม่ได้แย่นะครับ ( ถ้าเป็นอย่างคุณต่อพงษ์ แบบนั้นก็ไม่ไหว อคติดเหลือเกิน ) เอาใจช่วย จขกท ล่ะกัน ** ขอแก้ไความคิดเห็นเยอะหน่อยนะครับ ผมขอไม่ยุ่งเกี่ยวกับบทความนี้ดีกว่า ** แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 54 15:44:01 แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 54 14:12:28 จากคุณ : ชอรอม เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 14:06:20

ความคิดเห็นที่ 6 เราเข้าใจที่จขกท.สื่อนะ  อาจจะเป็นด้วยวัยที่ใกล้เคียงกันมั้ง (เดาเอานะคะ) คือเค้าอยากบอกว่าเวลาที่จะกรี๊ดอะไร  ก็สามารถทำได้  แต่ขอให้มีขอบเขตซักหน่อย  ให้นึกถึงคนรอบข้าง  นึกถึงสังคม  นึกถึงสายตาที่มองมา  เท่าที่อ่านมา ก็ไม่เห็นว่ามันจะรุนแรงอะไรนะ  ก็เป็นอีกมุมมองหนึ่งของคนอีกวัยหนึ่งที่เค้ามองมายังกระแสที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้  อย่างเช่นบัตรคอนฯ อะไรแบบนี้ คือ เด็กหลายคนเป็นแบบที่จขกท. พูดจริงๆนะคะ  คือพวกเค้ายอมอดข้าว  งดทุกๆอย่างเพื่อซื้อบัตรพวกนี้จริงๆ  น้องข้างๆบ้านเราก็เป็น  อันนี้เราก็ไม่รู้ว่าทางผู้จัดเค้าคิดบ้างรึเปล่าว่ากลุ่มเป้าหมายของเค้าคือกลุ่มเด็กที่ยังไม่มีรายได้ คห.5 เราว่าที่จขกท.เขียนมันไม่ได้รุนแรงเท่า "ต่อพงษ์"นะคะ  รายนั้นมันเกรียนเกินเยียวยาคะ ^^ จากคุณ : นางสาวหิ่งห้อย เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 14:25:08

ความคิดเห็นที่ 7 เขียนไปเถอะครับ  ผมรออ่านอยู่ อยากรู้มุมมองอื่นๆ ของคนอื่นบ้าง สำหรับผม มันก็เป็นอีกความเห็นหนึ่ง ที่น่าสนใจครับ แค่คนอื่น อาจจะเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยเท่านั้น ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติครับ  ไม่มีทางที่จะทำให้ทุกคนเห็นชอบเหมือนกันหมดได้ เรื่องใส่อารมณ์ หรืออคติอะไร  ผมอ่านแล้วผมไม่รู้หรอกครับ ว่ามันมีอะไรแบบนี้แฝงอยู่หรือป่าว เพราะผมไม่ใช่ผู้เขียน...  นอกจากตัวผู้เขียนเองที่อาจจะรู้หรือไม่รู้ตัว คนที่รู้สึกแบบนี้เท่านั้น  ที่มีความคิดแบบนี้  เหมือนต้องการจะปกป้องอะไรซักอย่าง ซึ่งมันก็ปกติอีกน่ะแหละครับสำหรับมนุษย์ กรณีของคุณต่อพงศ์ บอกไว้ก่อนเลยครับว่า  ผมเป็นแฟนรายการทางวิทยุของคุณต่อพงศ์มานานมากแล้ว ผมได้สาระความรู้มาจากคนๆนี้เยอะครับ  คนตาบอดก็ชอบแก เพราะแกชอบอ่านพวกพงศาวดาร หรือเรื่องราวตำนานต่างๆ ทางวิทยุ และเรื่องเพลงต่างๆ ที่แกก็ชอบและศึกษามานานเหมือนกัน แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้ฟังวิทยุมาก็ 3-4 ปีแล้ว  เลยไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นไงบ้าง ไอเรื่องความเห็นเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้น  ถ้าอ่านไปก็จะรู้ว่า เรื่องอคติ  แกก็ยอมรับว่าแกมีอยู่จริงๆ แต่มันก็มาจากฐานทางข้อมูลอีกอย่างหนึ่ง แล้วมาคิดวิเคราะห์ในแบบของแก ซึ่งจะว่ากันง่ายๆ  ก็คือ มันก็แค่ความเห็นอีกความเห็นแค่นั้นแหละครับ แต่ที่ผมชอบคือการยอมรับครับ   ไอพวกที่ทำเป็นอยู่พวกเดียวกัน  ไอพวกทำเนียน ไม่พูดนี่ น่ากลัวกว่าและเกรียนกว่าเป็นไหนๆครับ หลายคนอาจจะเกลียดแก  ผมว่าแกก็ไม่ยี่หระหรอกครับ เพราะแกก็รู้ถึงเอฟเฟคที่มันจะเกิดขึ้นอยู่แล้ว ถามผมว่าเกลียดแกมั้ย  ก็ตอบตรงๆเลยว่าไม่ครับ เพราะคนเรายังมีส่วนที่ดีและไม่ดีอยู่ พอดีผมได้รับรู้ส่วนที่ดีมาจากแกมา  เรื่องไม่ดี หรือที่คนเห็นว่าไม่ดี เลยเป็นเรื่องธรรมดาไป จะเรียกแกว่าเกรียนนี่  ผมไม่มีสิทธิไปว่าเค้าหรอกครับ เพราะตัวเองยังแอบเกรียนเลย แกยังทำประโยชน์ต่อส่วนรวมมากกว่าผมเยอะเลยครับ คิดแล้วก็สมเพสตัวเอง  ที่เกิดมายังไม่ได้ทำอะไรต่อส่วนรวมเป็นชิ้นเป็นอันซักที จากคุณ : perfumaniac (kreatermetal) เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 15:11:57

ความคิดเห็นที่ 8 คนอ่านแล้วเขาชอบก็ว่าคนเขียนเขียนดี ถูกใจให้กิฟท์ คนอ่านเขาไม่ชอบ เหมือนตัวเองถูกตำหนิก็หาว่าคนเขียนอคติ จะเขียนอะไรก็เขียนไปเถอะครับ แคร์กระแสมากก็ไม่ต้องเขียนอะไรดีกว่า อยู่เฉยๆไปเลย ง่ายดี ป.ล. เชื่อขนมกินได้ว่ามีคนเอาชื่อเจ้าของกระทู้ไปเสิร์ช เพื่อจะเจอว่าเป็นแอนตี้แฟนหรือคนฟังเพลงกลุ่มอื่นก่อนด้วยรึเปล่าด้วยซ้ำไป จะได้หาเรื่องด่ากลับ หรือปิดหูปิดตาไม่ีรับรู้ข้อเขียนได้ง่ายๆกว่านี้ 555 จากคุณ : Berserk Rabbit เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 15:50:27

ความคิดเห็นที่ 9 มีแฟนคลับ "ต่อพงษ์" มาแก้ต่างให้ด้วยแฮะ จะเขียนอะไรก็เขียนไปเถอะครับ   แต่สำคัญคืออย่าถือวิสาสะ "ชี้"  ให้คนนู้นคิดอย่างนั้น ทำอย่างนี้   เพราะพอทำอย่างนั้น  ผลมันก็ออกมาอย่างที่เห็นนี้แหละ จากคุณ : numtyu เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 16:25:52

ความคิดเห็นที่ 10 เอ.......รึว่าเราจะแปลกแยกหนอที่ไม่เห็นรู้สึกสักนิดเลยว่าผู้เขียนมีอคติ ก็แค่ว่ากันไปตามเนื้อผ้าโดยสะท้อนกลับไปสู่ความเป็นจริงด้วย แต่ยังไงก็ไม่ควรสื่อไปในทางว่าผู้ที่ชื่นชอบศิลปินจะหลงลืมสิ่งสำคัญอื่นๆในชีวิตนะคะ คนเรามีความรักในกับใครได้แสดงว่ารู้จักที่จะรักอยู่แล้ว (ตราบใดที่ไม่เลยไปสู่ขั้น"หลง") :D จากคุณ : แค่นี้จิ๊บจ๊อยน่า... เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 16:57:29

ความคิดเห็นที่ 11 การเขียนอะไรแบบนี้บางทีมันต้องคิดให้ดีๆ ก่อนจะเขียนด้วยค่ะ แต่สิ่งที่เราเห็นแล้วก็ไม่ค่อย จะเห็นด้วยคือการย้ำประเด็นที่ว่า "เด็กบ้าเกาหลีจนพ่อแม่เดือดร้อน" หรือ "บ้าเกาหลี รักศิลปินเกาหลีจนลืมพ่อแม่ตัวเอง" เราว่ามันเป็นการชูประเด็นที่อ่อนไหวมากๆ และยังเป็น การชี้นำความคิดของคนที่เขาไม่รู้ว่าพวกแฟนเพลงเกาหลีเป็นแบบนี้เหมือนกันหมด ซึ่งความจริงแล้วแฟนๆ ของศิลปินก็อาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นไปเสียทั้งหมดก็ได้ (รวมถึงการรับข้อมูลมาแบบครึ่งๆ กลางๆ แล้วเอามาต่อยอดจากทัศนคติส่วนตัว) การยกประเด็นแบบนี้มาเป็นตัวเด่นในบทความก็จะทำให้คนเกิดมายาคติแบบเหมารวมได้ (ซึ่งทุกวันนี้ก็เป็นอยู่แล้ว) เราอ่านบทความของคุณทั้งสองบทความแล้วเราเห็นว่าคุณย้ำประเด็นนี้บ่อยมาก แม้ว่าคุณจะเขียนเหมือนกับไม่โจมตี แต่ความนัยในประเด็นที่ยกมามันย้ำให้ใครที่เขาเข้ามา อ่านคิดคล้อยตามไปได้แบบนั้นจริงๆ ค่ะ ถ้าอยากจะเขียนก็เขียนไปเถอะค่ะ แต่ขอแนะนำว่าให้เขียนด้วยการใส่น้ำหนักของทั้งด้านลบ และด้านดีให้เท่าๆ กันด้วย ไม่ใช่เน้นทางด้านลบเสียเยอะ แล้วเขียนในด้านดีเพียงแค่ไม่ กี่บรรทัดอย่างที่เป็นมาทั้งสองข้อความเลยค่ะ เพราะไม่อย่างนั้นมันจะไม่ใช่ "บทความวิเคราะห์" แต่จะกลายเป็น "บทความโจมตี" ในความรู้สึกของคนอ่านที่เขาเป็นแฟนๆ ศิลปินดังกล่าวค่ะ *แก้ไขข้อความตกหล่นค่ะ แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 54 18:32:40 จากคุณ : ตัว(Z) เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 18:17:34

ความคิดเห็นที่ 12 พยายามอย่ามองผ่านความคิดทางอคติ หรือคิดในแง่ร้ายไว้ก่อนจะดีกว่าค่ะ ชอบที่กล้าที่จะออกความคิดเห็น และชอบในบางความคิดของคุณด้วยค่ะ จากคุณ : infinity_kh เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 19:40:11

ความคิดเห็นที่ 13 คุณลองถามตัวเองดีกว่าค่ะ ว่าถ้าคุณเป็นคนอ่านคุณอยากอ่านบทความแบบไหน? เท่าที่เราดูมาทั้งสองกระทู้ เราเห็นแต่ด้านลบในบทความค่ะ จึงดูอคติ และเป็นการโจมตี ทั้งที่ในคอนเสิร์ตจริงๆมีด้านบวกมากมายให้คุณเขียน แต่คุณไม่เขียน เช่น การช่วยเหลือกันของแฟนคลับ (คนล้มในหลุมก็มีแฟนคลับด้วยกันเองนี่ล่ะค่ะ ดึงกันขึ้นมาช่วยประคองกันยืนขึ้น) การได้พบปะกับแฟนคลับด้วยกันจนได้เพื่อน พี่สาวเพิ่มขึ้นมาอีกคน เป็นพี่ที่คอยให้คำปรึกษา ให้ความห่วงใย และเอาจริงๆประเด็นจากทั้งสองกระทู้ของคุณไม่ไ้ด้เกิดจริงแค่ในวงการK-POP  ในเรื่องของการเสียเงินมากมายเพื่อซื้อบัตรคอนเสิร์ต โดยเดือดร้อนพ่อแม่ เรื่องเราคิดว่ามันก็เหมือนกันกับพวกเด็กจะซื้อมือถืิอแพงๆ เปลี่ยนมือถือบ่อยๆ โดยเดือดร้อนขอตังค์พ่อแม่น่ะ  การที่เสียเงินเพื่อซื้ออะไรตามใจชอบของตัวเองแล้วเดือดร้อนผู้มีพระคุณ นั่นคือสิ่งที่ผิดค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม  แต่ทำไมคุณถึงเจาะจงว่าเป็นเอลฟ์อย่างเดียวล่ะคะ?  แฟนคลับที่ดี มีเยอะกว่าที่คุณคิด ใครจะรู้คะ น้องคนที่คุณบอกว่าต้องเรียนเกรดให้ถึง3.5เท่านั้น พ่อแม่ถึงจะยอมให้ไปดูคอนเสิร์ตได้ เค้าอาจจะไม่ได้คิดว่า เค้าจะต้องเรียนให้ถึง3.5เพื่อแลกกับการที่พ่อแม่อนุญาตให้ไปดูคอนเสิร์ตเท่านั้น เรารู้จักกับน้องคนนึงนะคะ ผลการเรียนน้องดีมาก ดีพอที่จะติดมหาลัยของรัฐชื่อดังแถวสยามเลยล่ะ ทั้งที่เค้าเคยเป็นแค่เด็กเรียนปานกลาง จากรร.ปานกลางมาก่อน แรงผลักดันที่ทำให้น้องพยายามเรียนดีนั้น ไม่ใช่เพราะแลกกับการมาดูคอนเสิร์ตค่ะ 1.คือน้องเค้ารู้สึกผิด ศิลปินเคยบอกเสมอว่าให้ตั้งใจเรียนอย่าเสียการเรียนเพราะเค้า ดังนั้นเวลาจะเถลไถลไปกับการติดตามศิลปิน เวลามองหน้าศิลปินแล้วมันรู้สึกละอายแก่ใจอ่ะ ว่าเรากำลังทำให้คนมองเค้าในแง่ลบ เรากำลังทำให้หลายคนมองเค้าว่า นักร้องเกาหลีทำให้เด็กเสียการเรียน 2.นี่คือเหตุผลสำคัญที่สุด คือพ่อแม่ของน้อง น้องบอกว่าเพราะพ่อแม่ของน้องไม่เคยห้าม เข้าใจน้องอยู่เสมอ นั่นคือแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้น้องรู้สึกว่าน้องอยากตอบแทนอะไรบางอย่างให้พ่อแม่ ที่เข้าใจน้องเสมอ คุณพ่อคุณแม่พอเห็นว่าน้องชอบนักร้องเกาหลีแล้วไม่เสียการเรียน แถมยังเป็นการพัฒนาตัวเองขึ้นมาอีกยิ่งสนับสนุน ที่ท่านสนับสนุนไม่ใช่เพราะที่น้องเรียนได้เกรดดีๆ เข้ามหาลัยดังได้ แต่เพราะน้องคิดได้ คิดเป็นค่ะ แต่ก็ยอมรับว่ามีหลายประเด็นที่เจ้าของกระทู้เขียนไว้น่าสนใจดีค่ะ เช่นเรื่องของมารบาทในการดูคอนเสิร์ต การวิ่งกรูมาตรงรั้ว บังคนข้างหลังนี่ใช้ไม่ได้จริงๆ ดังนั้นถ้าโหวตได้เราจึงอยากโหวตว่าอยากอ่านค่ะ เพราะอาจจะได้เห็นแง่มุมใหม่ๆอีก จากคุณ : winnie.me เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 19:51:26

ความคิดเห็นที่ 14 บอร์ดสาธารณะค่ะ คุณอยากจะเขียนอะไรก็ได้ตราบใดที่มันไม่ได้ผิดกฏกติกาของบอร์ดนั้นๆ และในขณะเดียวกัน เมื่อเขียนแล้วคุณจะยอมรับความเห็นได้ทุกมุมมั้ย เราไม่ได้เป็นแฟนคลับเกาหลี เรียกว่าอยู่นอกวงโคจรเลยด้วยซ้ำ แต่ได้อ่านกระทู้ภาคต่อ ยังคิดว่าคุณโคดอคติและล้ำเส้นไปเยอะมาก ถ้าการแสดงออกของ fc บางคนมันสุดโต่ง ความเห็นเปรียบเทียบของคุณมันก็สุดโต่งไม่ต่างกัน จากคุณ : ชื่อใบตาลค่ะ เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 21:35:24

ความคิดเห็นที่ 15 คุณมีสิทธิ์เขียนอะไรก็ตามที่คุณคิด แต่จะวิจารณ์อะไรก็ควรจะเอาอคติออกไปจากใจเสียก่อน สำหรับสิ่งที่คุณเขียนมา 2 กระทู้นั้น "เจตนาดี แต่ไม่จรรโลงสังคม" ค่ะ จากคุณ : Ikez* เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 22:10:47

ความคิดเห็นที่ 16 อยากจะแสดงความเห็นต้้งแต่สองกระทู้แรก แต่เกรงจะหาว่าเป็นติ่งที่เข้าข้างพวกตัวเอง เพราะดิฉันก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบ SJ ไหนๆ ก็ออกมาตั้งกระทู้ที่สามแล้ว ขอออกมาแชร์ความเห็นส่วนตัวบ้างนิดหนึ่งว่า คุณยังมีมุมมองที่คับแคบ และไม่เข้าใจรูปแบบการนำเสนอคอนเสิร์ทของศิลปินวงนี้ดีพอ รวมถึงการมีส่วนร่วมของแฟนคลับ ให้เวลาตัวเองทำความคุ้นเคย ทำความรู้จักกับวงนี้ให้มากกว่านี้ แล้วค่อยวิจารณ์ในที่สาธารณะดีกว่าค่ะ และขอแสดงความเห็นในส่วนของคำพูดที่ว่า "ส่วนตัวค่อนข้าง “เป็นห่วง” ภาวะ KPOP Fever มากกว่า" ดิฉันอยากจะบอกคุณว่าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก มันก็เป็นแค่กระแสอย่างหนึ่ง ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง สักวันก็จะจางไปเอง ในมุมมองของดิฉัน ภาวะคอนเสิร์ท SJ ไม่ต่างอะไรกับช่วงที่มีฟุตบอลโลก ประกวดนางงาม หรือโอลิมปิก ที่คนที่สนใจ ตื่นเต้น และอยากมีส่วนร่วม ในขณะที่คนไม่สนใจก็จะมองผ่าน มองข้ามมันไป หรือแม้แต่มองว่าไร้สาระเหมือนที่คุณมอง แฟนคลับ SJ ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับ แฟนคลับสโมสรฟุตบอลอย่าง ลิเวอร์พูล แมนยู เชลซี แฟนเทนนิส หรือนักแข่งฟอร์มูล่าวัน คนที่เป็นแฟนคลับต่างทุ่มเทเชียร์คนที่เรารัก ยอมทุ่มทุนซื้อตั๋วแพงๆ เพื่อจะได้เห็นคนที่คุณรักทำในสิ่งที่เขารัก บ้างก็ยอมเสียค่าตั๋วเครื่องบินไปดูถึงที่ ไม่ว่าจะคอนเสิร์ท หรือสนามแข่งกีฬานั้นๆ หลายๆ คนยอมอดหลับอดนอนเพื่อจะได้ดูบอลหรือเทนนิสนัดโปรด ฟอร์มูล่าวันสนามที่ชอบ หรือตื่นไปรอนักบอลคนโปรดที่สนามบินไม่ต่างกับที่แฟนคลับ SJ ไปรอศิลปิน แฟนบอลก็ใฝ่ฝันอยากจะดูบอลที่ัอังกฤษสักนัดในชีวิต ในขณะที่แฟน SJ บางคนก็ใฝ่ฝันอยากจะเจออปป้าตัวเป็นๆ สักหน โค้ดเชียร์ในคอนเสิร์ท SJ กับ เพลงเชียร์ที่ร้องกันในสนามฟุตบอลดิฉันก็มองว่าไม่ได้ต่างกัน ของที่ระลึกในคอน SJ หรือของสะสมแพงๆ ของ SJ ก็ไม่ได้ต่างอะไร กับพระเครื่อง สแตมป์ ไวน์ น้ำหอม กระเป๋าแบรนด์เนม  รถโบราณ ของเก่า ที่บรรดานักสะสมของเหล่านั้นเสาะแสวงหา รสนิยมหรือความชอบของคนเราก็ต่างกัน   บางคนซื้อเสื้อแพงๆ ของสโมสรฟุตบอลมาเก็บสะสม บางคนใส่เชียร์บอลอยู่กับบ้าน บางคนเอารถดีๆ แพงๆ มาแต่งซะลายพร้อย โหลดเตี้ยซะจนแทบขับไปไหนใน กทม ไม่ได้ บางคนชอบดูฟุตบอล ในขณะที่คนไม่ดูแอบสงสัยว่าสนุกตรงไหน บอลมีลูกเดียว คนยี่สิบคนวิ่งแย่งกันอยู่ได้ทั้งสนาม พอได้มาก็เตะทิ้งซะงั้น   ถ้าคุณมองด้วยใจที่เป็นกลางและเปิดกว้างอีกสักนิดจะพบว่าที่กล่าวมาทั้งหมดนี้มันก็ไม่ได้ต่างกันกับการเป็นแฟนคลับ SJ หรือการไปดูคอนเสิร์ท SJ เท่าไหร่ มันเป็นความชื่นชอบ เป็นกระแส เป็นรสนิยมของคนที่เป็นแฟนของสิ่งต่างๆ เหล่านั้น จะไปเหมาว่ามันไร้สาระ ก็จะดูว่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางมากเกินไป  อย่าเอาตัวเองไปตัดสินเขาเลยค่ะ KPOP Fever เป็นแค่ปรากฎการณ์หนึ่ง ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องสุดท้าย และมันคงมีอีกหลายฟีเวอร์ตามมา สิ่งที่น่าห่วงสำหรับดิฉันคือรากฐานของสังคมอย่างการศึกษา ค่านิยมของสังคม และวัฒนธรรมของเราเองมากกว่า สุดท้ายนี้ อยากให้เปิดใจกว้างๆ มองโลกในมุมของคนอื่น และพยายามเข้าใจเขาบ้าง ก่อนจะออกมาวิจารณ์อะไรต่อมิอะไรในที่สาธารณะให้มันสะเทือนใจคนหมู่มาก จนเกิดมาม่าย่อมๆ แบบนี้ ปล. แอบติ่งมีเคืองนิดนึงที่พูดถึงสถาบันครอบครัวแบบเหมารวม ครอบครัวดิฉันรักและเข้าใจกันและกันดี รวมถึงยอมรับในความชื่นชอบของกันและกันได้ วันแม่ปีที่แล้วดิฉันพาแม่ไปติ่งที่เกาหลี ดูคอนเสิร์ท SJ ด้วยกัน และดิฉันควักเงินให้แม่และน้าสาวไปดูคอนเสิร์ทเอกชัยศรีวิชัยกันอย่างเป็นสุข ที่บ้าน รวมถึงบ้านญาติที่อยู่ข้างๆ ไม่เคยมีใครตำหนิเรื่องการเป็นแฟนคลับ และการทำหน้าที่ลูกของดิฉันค่ะ จากคุณ : อ้วนล่ำดำเตี้ย เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 22:51:35

ความคิดเห็นที่ 17 สั้นๆเลยนะ งานเขียนของคุณยังไม่เป็นกลาง   เนื้อหาโอนเอียงตำหนิแฟนเพลงที่ไปดูคอนเสิร์ทของ Super Junior   หากคุณลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา  และลองไปดูคอนเสิร์ทซักครั้ง  บทความของคุณอาจแตกต่างกับครั้งนี้ก็ได้ ปล. ดิฉันเป็นแฟนเพลงคนนึงที่ได้ไปดูคอนเสิร์ท  และได้อ่านบทความของคุณทั้งสองกระทู้ทั้งหมดแล้ว จากคุณ : NaYoMi เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 23:28:07

ความคิดเห็นที่ 18 เอาจริงๆเราว่างานเขียนคุณยังมีอคติอยู่ งานเขียนแบบนี้มันเป็นประเด็นที่เกิดดราม่าได้ง่ายมากๆ อยากให้คุณรู้จักโลกของแฟนคลับมากกว่านี้ เราว่ามุมมองของคุณยังแคบนะจากที่ได้อ่าน เราอยากให้ใส่ทั้งข้อดีและข้อเสียมากกว่า แต่คุณหนักไปทางข้อเสียซะส่วนใหญ่นะ เพียงแต่ว่าคุณใช้ภาษาที่สุภาพ มันเลยดูไม่รุนแรงมากมาย จากที่ได้อ่านบทความของคุณ บางที่เราก็รู้สึกว่าคุณยังไม่รู้จักพวกเค้าดีพอ แต่ตัดสินไปแล้วว่าเค้าเป็นคนไม่ดี จากคุณ : อารมณ์เย็น เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 06:36:40

ความคิดเห็นที่ 19 แตะไม่ได้จริงๆ พ่อเจ้าประคุณรุนช่อง เอ๊ยยย จากคุณ : คนที่ 9 นับจากทางซ้าย เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 54 22:14:44

ความคิดเห็นที่ 20 ทำไมไม่พูดในแง่สร้างสรรค์ ในแง่ของการเป็นตัวอย่างและแรงบันดาลใจล่ะคะ แทนที่จะไปย้ำประเด็นว่าไม่ดี ชี้นำผู้อ่าน และทำให้คนอีกกลุ่มนึงเสียความรู้สึกไป เราชอบนักร้องญี่ปุ่นเกาหลีมาตั้งแต่เด็กมากๆ คลุกคลีอยู่ในวงการมาตลอด แล้วก็เถียงไม่ได้เลยว่าที่มีกิน ทำงาน อยู่ได้ถึงทุกวันนี้ เพราะมีศิลปินหลายคนเป็นพื้นฐาน แต่อ่านบทความทำนองนี้ทีไร ก็กลายเป็นว่าชอบนักร้องต่างชาตินี่เป็นเรื่องคอรัปชั่นระดับโลกทุกที อย่าคิดแทนคนอ่าน อย่าเขียนเพื่อระบายอคติ.. เอาใจเค้ามาใส่ใจเราบ้างค่ะ จากคุณ : นางฟ้า ชากังราว เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 03:41:03

ความคิดเห็นที่ 21 รู้ว่ามาตอนตลาดวายแล้ว แต่ก็อยากมาตอบ เพราะคิดว่ามันจะจบไปตั้งแต่กระทู้แรก  แต่ก็ไม่จบ.... ก่อนอื่นขอตอบคำถามของ จขกท.ก่อนแล้วกันว่า  ที่นี่เป็นบอร์ดสาธารณะ ใครจะเขียนอะไรก็เขียนไปไม่มีใครห้ามได้ แต่ถามว่าอยากอ่านมั้ย? เราก็ขอตอบเลยว่า “ไม่” เพราะเท่าที่ได้อ่านมาทั้งสองกระทู้ก่อนหน้า และแม้แต่ในกระทู้นี้  เราสัมผัสไม่ได้ถึงสิ่งที่คุณบอกว่า “พยายามจะเข้าใจแฟนคลับ”เลยแม้แต่นิดเดียว แม้แต่”ความจริงใจ”ในการ “รับผิดชอบ”ต่อบทความ ตามที่คุณบอก เราก็ยังไม่รู้สึกเลยว่ามันมี ขอโทษที่ความเห็นนี้อาจจะแรง  แต่ลักษณะภาษาและคำพูดที่คุณใช้มันทำให้รู้สึกได้แบบนั้น ตราบใดที่คุณยังไม่”เปิดใจ” อย่างแท้จริง  ไม่ว่าคุณจะเขียนอีกซักกี่ครั้ง มันก็เหมือนเดิม จากคุณ : choma เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 20:49:37

ความคิดเห็นที่ 22 แต่ถ้าคุณอยากจะ “เปิดใจ” จริง  ๆอย่างที่บอก  ก็ช่วยลองอ่านและตอบคำถามของเราในใจของคุณละกัน 1.คำพูดที่คุณบอกว่า“เป็นห่วง” ภาวะ KPOP Fever  กับหัวข้อกระทู้  [บทบันทึก] Super Junior:Super Show 3 บทบันทึกปรากฏการณ์ “เอลฟ์” สั่นสะเทือนสังคมไทย   ถามว่า” ทำไมต้องเป็นเอลฟ์และเอสเจ”  ทั้งที่ KPOP และแฟนคลับกลุ่มอื่นก็มีอยู่มากมาย   ถ้าคุณจะพูดด้วยความเป็นกลาง ก็ควรพูดถึง”ทั้งหมด”ไม่ใช่เจาะจงมาแบบนี้  ต่อให้ไม่ใช่เด็ก ๆ  แต่เป็นคนรุ่นป้าอย่างเราก็ไม่พอใจ 2.ปรากฏการณ์ “เอลฟ์” สั่นสะเทือนสังคมไทย  จริงหรือ? ถามว่า การที่เอลฟ์ยอมเสียเงินไปดูนักร้องต่างชาติ  ช่วยกันเตรียมทำโปรเจคต่าง ๆ เพื่อให้เค้าประทับใจทั้งที่ไม่รู้จักกัน หรือว่ายอมอดเพื่อเก็บเงินค่าขนมมาซื้อบัตรคอนเสิร์ต  มันทำให้สังคมไทย”สั่นสะเทือน”มากว่า เด็กผู้หญิงอายุสิบเจ็ดขับรถชนคนตายแล้วไม่มีท่าทีว่าจะสำนึกผิด หรือเด็กช่างกลวิ่งไล่ฆ่ากันกลางถนนโดยไม่สนว่าใครจะโดนลูกหลงบ้าง และ......น่าเป็นห่วงจนถึงกับเป็นประเด็นให้ต้องมาตั้งกระทู้ บทความเตือนสติ แค่หัวข้อกระทู้ ก็บ่งบอกทัศนคติของคนเขียนได้มากมายแล้วค่ะ แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 54 20:52:53 จากคุณ : choma เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 20:51:37

ความคิดเห็นที่ 23 3.ราคาบัตรคอนเสิร์ตกับวิธีหาเงินมาซื้อบัตร อยากถามว่า ในบรรดาเอลฟ์ หมื่นกว่าคนในอิมแพควันนั้น คุณเจอคนแบบนี้กี่คน?   มากพอที่จะเป็นตัวแทนประชากรทั้งหมดตามหลักสถิติได้รึเปล่า? จึงได้เอามาพูดได้ว่า”น่าเป็นห่วงแทนสังคม” แล้วในบรรดาคนมากมาย  ถ้าจะมีคนทำเรื่องไม่ถูกไม่ควรซักคน  มันเป็นเรื่องผิดปกติมาก? แล้วการเสียเงินค่าบัตรคอนที่จะมี 1-2 ปีครั้ง มันกระทบกระเทือนกับสังคมมากว่าพวกที่เปลี่ยนโทรศัพท์ตามแฟชั่นทุก 3 เดือน? 4. “ส่วนเกินของชีวิต” คำที่รุนแรง และทำร้ายจิตใจเราที่สุดในฐานะแฟนคลับ ถามว่า  คุณเคยรักใครซักคนมั้ย? แล้วถ้ามีคนมาบอกว่าคนๆ นั้น เป็นส่วนเกินในชีวิตคุณ คุณจะรู้สึกยังไง? ครอบครัวคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต  แต่ครอบครัวก็ไม่สามารถเติมเต็มทุกอย่างในชีวิตได้  และครอบครัวก็เกิดมาจากคนสองคนที่เป็นคนอื่นมาก่อน เพราะฉะนั้น มันคงไม่แปลกที่เอลฟ์จะรัก คนอื่น อีก 13 คนที่ไม่ใช่คนในครอบครัว และพวกเค้า”ไม่เคยเป็น ส่วนเกินของชีวิต” จากคุณ : choma เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 20:55:03

ความคิดเห็นที่ 24 5. การต่อแถวรอชมคอนเสิร์ต และการรักษาสิทธิ ถามว่า คนที่ไม่มีระเบียบวินัย ชอบแซงคิว แย่งที่นั่ง  ผลัก หรือแม้แต่เหยียบหัวคนอื่นเพื่อให้ตัวเองได้ในสิ่งที่ต้องการ  คนพวกนี้ มีแต่ในหมู่เอลฟ์เท่านั้น?  ไม่สามารถพบได้จากที่ไหนอีกแล้วในประเทศนี้ 6.การมารอกันข้ามคืน   ข้อนี้เราไม่เถียง มันคือเรื่องไม่ควรทำ ที่แม้แต่พวกเราเอลฟ์ด้วยกันยังต้องออกมาเตือนกันทุกครั้งที่เอสเจจะมา จากคุณ : choma เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 20:56:45

ความคิดเห็นที่ 25 และสุดท้ายที่อยากจะพูด 7.เหมือนการให้ความสำคัญที่ตัวบุคคลจะให้ความสำคัญมากกว่า การร้องเพลงให้ดี การเพอร์ฟอร์มให้พร้อมเพรียงมากกว่านี้ (Super Show 1-2) ทั้งสิบคนนี้เคยทำหน้าที่ “ได้ดีกว่าที่เป็นอยู่” จากข้อความนี้ พอจะประมาณได้ว่า จขกท.ได้ไปดูคอนเสิร์ตของเอสเจมาแล้วทั้งสามครั้ง  แต่เราอยากจะบอกว่า “คุณไม่ได้รู้จักเอสเจและเอลฟ์เลยแม้แต่น้อย”   เพราะฉะนั้นไม่แปลก ที่คุณจะไม่เข้าใจความรักของพวกเรา   และไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะอธิบาย ถ้าคุณอยากรู้  มันคงต้องเริ่มจากการ” เปิดใจจริง ๆ ที่ไม่ใช่แค่ปากพูด” และการที่จะเขียนวิจารณ์ใคร  คุณควร”เข้าใจในความเป็นตัวเค้า”มากกว่านี้ และบทวิจารณ์ที่ดี “ไม่ควรใส่ความคิดเห็นส่วนตัวของคนเขียนลงไป” จากคุณ : choma เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 20:59:06

ความคิดเห็นที่ 26 เขียนไปเถอะครับ คุณเจ้าของกระทู้ ส่วนการวิจารณ์นั้นย่อมเป็นการแสดงความเห็นส่วนตัว  ไม่ใช่การนำเสนอข้อมูลช้อเท็จจริง หรือ fact!!! คุณ choma ควรจะทำความเข้าใจ ความหมายที่แท้จริงของบทวิจารณ์ใหม่นะครับ ผมเขียน reviews เป็นอาชีพมาสามปีแล้วครับ  แน่นอนว่าต้องมีคนคิดไม่เหมือนเรา  เพราะสิ่งเหล่านี้เป็น subjective   เหมือนเรามองรูปภาพรูปหนึ่ง  เราอาจจะว่าสวย แต่คนอื่นอาจจะว่าไม่สวย  ซึ่งมันก็เรื่องธรรมดา แต่ถ้าเป็นข้อเท็จจริง อย่างรายงายข่าว มีคนตายสิบ แต่รายงานข่าวแปด แล้วใส่ความเห็นไปด้วยในบทความข่าว อันนี้ถือว่าแย่ครับ   พอจะมองเห็นภาพใช่ไหมครับ จากคุณ : pice เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 21:41:53

ความคิดเห็นที่ 27 ก็ยอมรับค่ะ ว่าอาจจะไม่เข้าใจความหมายของบทวิจารณ์ดีพอ เพราะไม่ได้อยู่ในวงการนี้ แต่ก็อยากบอกในฐานะคนอ่าน ว่าถ้าคุณไม่รู้จักเค้าดีพอ แล้วมาเขียนวิจารณ์ ตัดสินเค้าด้วยความคิดของตัวเอง ก็เท่ากับเป็นการทำร้ายคนอื่นนั่นแหละ จากคุณ : choma เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 12:08:54

ความคิดเห็นที่ 28 เห็นด้วยกับคุณchomaค่ะ ในหลายๆประเด็นเลย โดยเฉพาะตรงนี้.. "การที่จะเขียนวิจารณ์ใคร  คุณควร”เข้าใจในความเป็นตัวเค้า”มากกว่านี้" กดไลค์แรงๆเลย ประเด็นใหญ่ที่เรารู้สึกแย่ที่ได้อ่านบทความของคุณจขกท.ก็เรื่องนี้แหล่ะ คุณพูดเหมือนเอสเจไม่เต็มที่ในการแสดง มาทำหน้าแบ๊ว เซอร์วิสแฟนคลับแล้วเดี๋ยวก็จบงานได้ตังค์แล้ว เรารู้สึกว่าฟีลมันเป็นแบบนั้นอ่ะ ขอโทษด้วยจริงๆหากเจตนาของคุณไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่เราอ่านแล้วรู้สึกแบบนั้นจริงๆค่ะ ดังนั้นถ้าอยากเขียนใหม่ เราอยากให้คุณจขกท.ไปศึกษาข้อมูลมาดีๆนะคะ ว่าวงที่คุณจะเขียนถึงเป็นวงแบบไหน มัลติเอนเตอร์เทนเนอร์คืออะไร? เพราะที่เกาหลีเอสเจเป็นที่รู้จักกันแบบนั้นมากกว่าจริงๆค่ะ ทั้งเรื่องของเอลฟ์เองด้วย คุณสัมภาษณ์ไำม่กี่คนมาเองแล้วบอกว่ามันจะสั่นสะเทือนสังคมไทยได้เชียวหรอคะ? ถ้าคุณยังไม่รู้จัก ไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณจะเขียนเลยแม้แต่นิด แล้วมาเขียนแบบสาดเสียเทเสียแบบนี้ คนที่มาอ่าน มารับข้อมูลไปโดยไม่เึคยสัมผัสกับวงการนี้มาก่อนเค้าจะเกิดอคติน่ะ ยิ่งตอนนี้กระแสแอนตี้เกาหลียิ่งแรงๆอยู่ด้วยค่ะ เข้าใจนะ? จากคุณ : winnie.me เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 14:30:54