|
4. Beethoven: Symphony No. 3 -- Gardiner (1993)/ Orchestre Revolutionnaire et Romantique/ DG Archiv Collectors CE Edition (Complete 5CDs)
ครั้งหนึ่ง บอกซ์เซตซิมโฟนีทั้ง 9 ชิ้นของเบโธเฟนจากการกำกับของการ์ดิเนอร์กับ ORR ของเขาในช่วงประมาณ 7-8 ปีที่แล้ว (ตอนนั้นผมยังไม่ประสีประสาอะไรกับดนตรีประเภทนี้) จะมีราคาแพงระยับ แต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมานี้เอง ทาง DG ได้ออกคอลเลคชันใหม่ในอนุกรมย่อย Archiv เช่นเดิม แต่มีราคาที่ถูกกว่าเดิมมากๆ ทำให้เราสามารถจะเป็นเจ้าของบอกซ์เซตได้ในใบหน้ายิ้มเผล่ :-)
ผมเคยฟังการ์ดิเนอร์กำกับซิมโฟนีของเบโธเฟนในหมายเลข 5, 6 และ 9 มาก่อน และมีความประทับใจกับแนวทาง Historically Informed Performance (HIP) ที่การ์ดิเนอร์กระทำกับงานซิมโฟนีเหล่านั้นมากเช่นเดียวกันกับ Mackerras, Harnoncourt, Hogwood และ Immerseel แต่สำหรับการ์ดิเนอร์แล้ว ความเคลื่อนไหวมีชีวิตชีวากอปรกับลักษณาการเชิง Revolution ของเขาได้เร้าในใจเราให้ค้นหาความหมายที่แฝงอยู่ในซิมโฟนีของเบโธเฟนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน!
Eroica Symphony ในหมายเลข 3 ของเบโธเฟนคือจุดหมายอันเป็นดุษฎีสำหรับบอกซ์เซตของการ์ดิเนอร์ ผมอยากทราบว่า การ์ดิเนอร์ในปี 1993 ผู้มาก่อนหน้า Andrew Manze ในปี 2008 จะมีมุมมองเป็นอย่างไรต่ออิรอยคา เหตุที่แมนซีกลายเป็นตุ๊กตาเปรียบเทียบก็เพราะ HIP ของแมนซีสำหรับอิรอยคาในมุมมองของผมขาดพลังขับเคลื่อนหรือแรงดึงดูดชวนพิศวง ดังนั้น HIP ของการ์ดิเนอร์ผู้ซึ่งผมเคยประทับใจ น่าจะเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปของแมนซีผู้มาทีหลังได้อยู่บ้างกระมัง?
แน่ละ อิรอยคาของการ์ดิเนอร์ให้พลังงานการปลดปล่อยอย่างรื่นไหลนับตั้งแต่กระบวนที่ I อันวิวัฒน์* ทุกอย่างโปร่งใสอยู่เป็นเอกลักษณ์ตามแบบ HIP แต่มีพลังงานแฝงเร้นอยู่อย่างรู้สึกถึงได้ (มวล รูปแบบดังกล่าวนี้ เป็นสิ่งที่ประสบได้ยากในการตีความ HIP จากวาทยกรท่านอื่นๆ), ตราบจน Funeral march ที่เร้นหลอนลึกลับตามแบบฉบับ Beethovenian ก็ยังคงชวนให้ระทึกในกระบวนที่ II แม้ว่าช่วงแปรผันทำนองช่วงโปรดอันชวนขนลุกจะทำได้แปลกแปร่ง แลการซ้อนทับเป็นชั้นๆ ของทำนองไม่ใหน้ำหนักหน่วงๆ ในลักษณาการ Mystical อย่างเช่นที่เคยประสบกับวาทยกรยุค Tyrants open up the door อยู่บ้างก็ตาม, ลูกล่อลูกชนในกระบวนที่ III สั้นๆ ก็เต็มไปด้วย Humor-ism อย่างชวนทึ่ง แลความกึกก้องโอฬารในกระบวนปิดก็ยังเกริกเกียรติอย่างเกรียงไกรอยู่เช่นที่คาดหวัง...
คุณผู้อ่านคงทราบว่า อนุสาวรีย์แห่งอิรอยคาซิมโฟนีที่ยังคงตระหง่านอยู่บนดุริยางคพิภพตราบจนสิ้นกาล (ว่าเข้าไปนั่น HA HA) ได้เป็นของ Otto Klemperer แต่ผู้เดียวมาโดยตลอด และหากผมจะลองเปรียบเทียบไทแรนท์อย่างเคลมเพอเรอกับท่านเซอร์การ์ดิเนอร์ในแง่มุมของนักฟิสิกส์ยุคดั้งเดิมแล้ว เราอาจจะกล่าวได้ว่า หากเคลมเพอเรอเป็นเทพผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Solid Mechanics ผู้ดลบันดาลอิรอยคาซิมโฟนีใหญ่โตโอ่อ่าดุจประหนึ่ง Granitic sculpture แห่งกาลสมัยแล้ว... การ์ดิเนอร์ก็คงจะเป็นมนุษย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Fluid mechanics ผู้ซึ่งทำให้อิรอยคาซิมโฟนี โปร่งใส ไหลรื่น แลมีชีวิตชีวาแห่งยุคสมัยนั่นเอง...
การ์ดิเนอร์เป็นวาทยกรที่ไว้ใจได้ (และน่านับถือ) อยู่เสมอ นับตั้งแต่งาน Cantatas ของ J.S. Bach ตราบจนกระทั่งซิมโฟนีเก้าชิ้นของเบโธเฟน, สี่ชิ้นของ Schumann และล่าสุดคือสี่ชิ้นของ Brahms กับสังกัด SDG ของเขา ฯลฯ ในความเป็นตัวตนของการ์ดิเนอร์ เขาอาจจะให้ความเห็นเชิงวิชาการไว้มาก วิพากษ์วิจารณ์วาทยกรหรือแม้แต่ดุริยกวีผู้ยิ่งใหญ่ท่านอื่นๆ ไว้ก็เยอะและดุเดือด แต่เมื่อเขาทำหน้าที่วาทยกร ไม่ว่าคุณผู้อ่านและคุณผู้ฟังจะชอบหรือไม่ชอบเขาในแง่มุมใดก็ตาม พจนานุกรมที่คุณใช้อ่านบุรุษอย่างการ์ดิเนอร์จะไม่มีคำว่า มั่ว หรือ หมิ่นหยามได้ เป็นอันขาด ...Musicianship ของเขามีมาตรฐานอยู่ในระดับสูงสุดอยู่เสมอ...
*ขอนอกเรื่องสั้นๆ ว่า ผมล่ะเกลียดประดิษฐกรรมคำพูดเอาหรูไปวันๆ คำว่า ประชาวิวัฒน์ จากนโยบายสุมหัวกันคิดในหอคอยงาช้างแค่ 5 เดือนเสียจริงๆ (แต่ประทานโทษ ไม่เคยทำงานวิจัย) มันทำให้เวลาใช้คำว่าวิวัฒน์ของผม ต้องสะดุดหยุดกึกไปด้วยความขยะแขยงเลยทีเดียว...ขออภัย ว่าจะไม่พูดถึงการเมืองแล้วเชียวน๊า...แหะ แหะ...
^_____________^
จากคุณ |
:
St@rGazer
|
เขียนเมื่อ |
:
25 ม.ค. 54 19:56:09
|
|
|
|
|