สิ่งที่แฟนคลับเดอะสตาร์ทุกคนต้องเปิดอ่าน.,
|
|
"เคยคิดว่าถ้าล้มจะลุกขึ้นอย่างสง่างามและจะกลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิม แต่รู้สึกว่าตอนนี้...ไม่คิดแม้กระทั่งจะลุก..."
เมื่อคุณได้อ่านประโยคนี้แล้ว คุณคิดว่าเป็นประโยคจากใครในผู้เข้าแข่งขันในเดอะสตาร์ค้นฟ้าคว้าดาวปีเจ็ดนี้?
อย่าเพิ่งได้เปลี่ยนหน้าไปถึงคุณจะไม่ใช่แฟนคลับของผู้เข้าแข่งขันคนนี้ แต่บางทีเรื่องราวของผู้เข้าแข่งขันคนนี้อาจจะเป็นแรงบันดาลใจสำหรับย่างก้าวต่อไปในชีวิตของใครบางคนที่ได้เข้ามาอ่านก็เป็นไปได้
ว่ากันว่าชีวิตทุีกชีวิตนั้นเกิดมาเพื่อเผชิญกับความท้าทาย ความท้อแท้ และความสิ้นหวัง ความผิดหวัง จะมีสักกี่คนกันที่สามารถยืนหยัดต่อสู้กับมันได้อย่างถึงที่สุด.,
เมื่อ กุมภาพันธ์ พ.ศ.2553 มีผู้ชายคนหนึ่งได้ตั้งสเตตัสเฟสบุ๊คว่า ""เคยคิดว่าถ้าล้มจะลุกขึ้นอย่างสง่างามและจะกลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิม แต่รู้สึกว่าตอนนี้...ไม่คิดแม้กระทั่งจะลุก..." วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ผู้ชายคนๆนั้นคนๆเดิมได้แบกฝันของตัวเองออกมาจากบ้าน มีความหวังเพียงเศษเสี้ยวว่าจะทำฝันที่เป็นดั่งชีวิตของเขาให้สำเร็จ แต่ว่า ความพยายามครั้งที่5พร้อมฝันที่แบกออกมาจากบ้านก็พังทลายลง เช่นเดิมเหมือนที่ผ่านมา...
3ปี 6เวทีแห่งความพยายามของผู้ชายคนหนึ่ง
ย้อนไปเมื่อปี 2551 เด็กผู้ชายหน้าละอ่อนคนหนึ่งได้เดินเข้าเวทีการประกวดเอเอฟ เวทีที่เป็นทางการที่ดูเป็นเวทีที่คนรู้จักทั่วทั่วไป เวทีที่คนนับหมื่นต่างแบกฝันมาพร้อมเช่นเดียวกันกับชายหนุ่มคนนี้ และก็เป็นธรรมดาของการประกวดครั้งแรกที่อาจจะมีแพ้บ้าง
การแพ้ครั้งแรกเป็นอะไรที่น่าจะยอมรับได้และควรจะเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ เพื่อให้เป็นบทเรียนสอนใจให้ลุกขึ้นพร้อมที่จะสู้กับฝันคร้งใหม่อย่างแกร่งกล้ากว่าเดิม
ในปีเดียวกันนั้นยังมีเวทีอีกเวทีหนึ่งซึ่งผู้เข้าประกวดนับหมื่นต่างเฝ้ารอ การที่จะได้เป็นแปดคนสุดท้ายนั่นก็คือ "รายการเดอะสตาร์" เด็กผู้ชายหน้าตาละอ่อนคนหนึ่งก็เดินเข้าไปในการแข่งขันครั้งนี้เป็นเวทีที่สอง แต่เขากลับพบว่า ...เขาไม่สามารถผ่านไปได้เลยแม้แต่รอบเดียว
พ.ศ.2552 การก้าวเข้าสู่การเป็นนิสิตชั้นปีที่สอง ปีที่มีความเป็นรุ่นพี่และความมากด้วยประสบการณ์ เขาไม่ใช่เด็กหนุ่มหน้าตาละอ่อนเหมือนปีที่แล้วอีกต่อไป เขากลายเป็นเด็กหนุ่มที่มากด้วยความมั่นใจที่พร้อมจะกลับมาทำความฝันให้เป็นจริง
เขาได้ก้าวเข้าไปประกวดเอเอฟอีกครั้งหนึ่ง.,ครั้งนี้เขาได้ทำเต็มความสามารถอย่างสุดพลังแต่เขากลับพบว่า.....ตัวเองก็ยังได้เป็นไ้อ้ขี้แพ้ดั่งเดิม
แม้ว่าเขายังเป็นไอ้ขี้แพ้ ไอ้ขี้แพ้คนนี้ก็ยังไม่เคยล้มเลิกที่จะถอดใจกับการล่าฝันของตัวเองเขาได้กลับมาในรายการเดอะสตาร์อีกครั้งหนึ่ง
ครั้งนี้เป็นเวทีที่สี่.,เขาคิดอยู่นานว่าประสบการณ์ที่ผ่านมาน่าจะทำให้ครั้งนี้ประสบความสำเร็จได้สักที
น่าแปลกใจ.,ดูเหมือนความพยายามสี่ครั้งที่ผ่านมาจะเริ่มมีเค้า เหมือนแสงที่อยู่ปลายอุโมงค์.,
เขาได้ติดรอบยี่สิบสี่คนสุดท้ายของรายการเดอะสตาร์ค้นฟ้าคว้าดาวปีที่หก
เย้! เขาคิดว่าครั้งนี้มันต้องสำเร็จแน่แน่ ชีวิตของเขารู้สึกได้ถึงความมั่นใจ
แต่ทว่า..... .... ... .. .. ความฝันและความหวังที่คิดว่ามันใช่ ก็กลับทรยศเขาอย่างไม่มีชิ้นดี ความจริงที่น่าเจ็บปวดคือ., เขาก็ไม่ได้เป็นแปดคนสุดท้ายของเดอะสตาร์ค้นฟ้าคว้าดาวปีที่หก
หนึ่งปีหลังจากความผิดหวังนับตั้งแต่ย่างก้าวที่ได้เดินออกจากตึกแกรมมี่ในวันนั้น ในทุกทุกวันเขาเฝ้าตามตัวเองว่าทำไม., ในทุกทุกวันเขาเฝ้าโทษตัวเอง ในทุกทุกวันที่เคยมีรอยยิ้มกลับทำให้เขากลายเป็นคนเฉยชา
น้อยครั้งนักที่รุ่นน้องหรือเพื่อนด้วยกันเองจะเห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเขา หลายครั้งที่รุ่นน้องพบเขาเดินอยู่คนเดียวเมื่อครั้งที่เพื่อนรักของเขากลับทำความฝัน ที่เหมือนกับความฝันของตัวเขาเองให้สำเร็จ., แล้วเขาล่ะ?
หนึ่งปีที่ผ่านมาการโทษตัวเองได้เริ่มขึ้น เริ่มจากเสียงไปหน้าตาหน้าตาไปบุคคลิกบุคคลิกไปจนถึงนิสัย ไม่น่าเชื่อว่าคนคนหนึ่งจะคิดมากได้ขนาดนี้.,
สุดท้ายแล้วแม้ว่าเขาจะท้อสักเท่าไหร่แต่ในทุกทุกวันเขาก็ยังคงฝันถึง ความฝันอันยิ่งใหญ่ของตัวเขาเองอย่างไม่เคยลดละ "ความฝันที่ได้เป็นนักร้องความฝันที่ได้เป็นเดอะสตาร์"
พ.ศ.2553 การทะเลาะในครอบครัวได้เริ่มต้นขึ้น นับเป็นธรรมดาของความเป็นพ่อและแม่ที่จะมีการห่วงลูกยิ่งกว่าสิ่งใด สุดท้ายคำขอจากผู้เป็นแม่ก็ได้เริ่มต้นขึ้น แม่ของเขาได้ขอใ้ห้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่จะประกวดในทุกทุกเวที หากหมดจากปีนี้แล้วก็ให้กลับไปเรียนตามเดิมได้มั้ย เขาได้ให้คำสัญญากับแม่และออกเดินตามล่าหาความฝันต่อไป
ในครั้งนี้เขาพบว่าการเตรียมความพร้อมคือสิ่งที่สำคัญที่สุด เขาได้พบว่า สิ่งที่เขาขาดไปคือ การแสดงที่ดีพร้อมมากกว่าเดิม เขาจึงตัดสินใจใช้เงินที่เป็นการหารายได้เสริมส่วนตัวมาออกเป็นค่าเล่าเรียนเอง
เมื่อเวลาผ่านไปฤดูการของการตามล่าหาความฝันจึงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง และดูเหมือนครั้งนี้จะมีหวังมากกว่าครั้งที่ผ่านผ่านมา
ลึกลงไปในจิตใจของเขาแล้วเวทีที่เขาต้องการมากที่สุดเป็นเวทีที่ประกวดอยู่ท้ายปี
เวทีที่ห้าได้เริ่มต้นขึ้นผลที่เกิดคือ เขาโดนตกรอบอย่างไม่เหลือชิ้นดี และเวทีสุดท้ายเวทีที่เขารอคอย
เวทีที่หก..ความผิดหวังความท้อแท้ได้แปรเปลี่ยนเป็นพลังที่จะสู้ สุดท้าย..เขาคนนั้นก็ได้ยินคำที่เขาต้องการที่จะฟังมากที่สุดคือ
"คุณแอมป์ สิริพงศ์ ชูศักดิ์สกุลวิบูลย์ ยินดีด้วยครับคุณเป็นแปดคนสุึดท้ายของเดอะสตาร์ค้นฟ้าคว้าดาวปีเจ็ด"
ความพยายามทั้งหกครั้งเป็นเวลาสามปี สามปีของการพยายามทั้งลุกทั้งยืนทั้งล้ม ในวันนี้แอมป์ได้มายืน ณ จุดที่เขาใฝ่ฝันมากที่สุด จุดที่มีความท้าทายที่สุดของชีวิต
ณ เวลานี้แอมป์ต้องการเพียงโอกาส เพื่อพิสูจน์ว่าสามปีที่เขาพยายามมามันคุ้มค่าแค่ไหนสำหรับการรอคอย
แล้วคุณล่ะเคยที่จะมองเห็นความพยายามความฝันของผู้ชายคนนี้บ้างหรือยัง
ถ้้ายังไม่อยากเห็นผู้ชายคนนี้เหมือนเช่นเคยที่ผิดหวังเหมือนแต่เก่า
เราคงจะต้องหยิบยื่นโอกาสที่เรามีแก่ผู้ชายคนนี้
การให้ที่เป็นสุขคือการให้ที่ไม่หวังผลตอบแทนอะไร
ถ้าคุณเคยมีฝันคุณคงไม่อยากให้คนที่มีฝันเช่นคุณต้องรู้สึกจมอยู่ที่เดิมซ้ำซากแน่นอน
หวังว่าในอาทิตย์นี้ ผู้ชายพร้อมความฝันคนนี้จะได้ยินว่า "แอมป์ดีใจด้วยครับคุณได้ไปต่อ"
ร่วมสานฝันให้ผู้ชายมีฝันคนนี้ได้ไปต่อ *49305 โล่ดค่ะ ;)))))
จากคุณ |
:
MISSBOBBY
|
เขียนเมื่อ |
:
2 เม.ย. 54 02:16:38
|
|
|
|