สุดท้ายแล้วค่ะ
VG: ดูเหมือนว่าคุณจะทำงานมากมายร่วมกับ AOM และเพื่อนๆ อีกครั้ง คุณเคยหวังอยากร่วมงานกับโปรดิวเซอร์ดังๆ บ้างมั้ยคะ
Jay: เหตุผลหนึ่งที่ผมหวังอย่างยิ่งว่าอัลบั้มนี้จะประสบความสำเร็จก็เพราะว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วก็หมายความว่าความสำเร็จนี้เกิดขึ้นเพราะเพื่อนๆ ของผมและตัวผมเองล้วนๆ ผมอยากจะทำให้ผู้คนได้เห็นว่าเรามีความสามารถและเราก็สามารถทำมันได้ ผมอยากให้มันออกมาในรูปแบบนี้มากกว่าที่จะเป็นการทำงานร่วมกับโปรดิวซอร์ ดังๆ ผมอยากให้ชาช่าได้มีชื่อเสียงขึ้นมา และก็อยากให้พี่ The Quiett ได้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ผมอยากให้คนอื่นเป็นฝ่ายที่เข้ามาหาเราและชวนให้พวกเราไปทำงานร่วมกับพวกเขา แต่ก็แน่ล่ะครับว่าผมก็ฝันที่จะได้ทำงานร่วมกับศิลปินอย่าง Ne-Yo แต่ผมก็คิดว่ามันไม่สายเกินไปหรอกครับที่จะทำสิ่งนั้นหลังจากที่ผมได้ทำงาน กับคนที่ผมรักเรียบร้อยแล้ว
VG: การโปรโมตอัลบั้มของคุณจะเริ่มต้นขึ้นที่รายการเพลงต่างๆ ทางสถานีโทรทัศน์ของเกาหลี ในท้ายที่สุดหลังจากหนทางอันยาวไกล คุณก็ได้กลับขึ้นเวทีอีกครั้ง
Jay: ผมมีความสุขเพราะผมคิดว่าแฟนๆ ของผมคงจะมีความสุข พวกเขาถามผมอยู่ตลอดว่า “เมื่อไหร่ (ผม) จะออกรายการโทรทัศน์เกาหลีสักที” ผมมองว่ามันเป็นส่วนที่เพิ่มเติมจากการแสดงอื่นๆ ที่ผมได้ทำมาทั้งหมดจนถึงตอนนี้ (VG: ก็นานพอสมควรเลยนะคะที่คุณไม่ได้มาที่สถานีโทรทัศน์…และพบกับคนที่คุณคิด ถึง) ก็อาจจะทำนองนั้นครับ แต่ว่าผมก็ได้เจอคนที่ผมคิดถึงเหล่านั้นที่ข้างนอกสถานีโทรทัศน์เรียบร้อย แล้วล่ะครับ
VG: คุณมีวิธีจัดการความเครียดยังไงเหรอคะ
Jay: ผมไม่ใช่คนที่เครียดนักหรอกครับ ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำครับว่าผมหดหู่หรือโกรธจริงๆ ครั้งสุดท้ายเมื่อไร ผมพอใจกับชีวิตตอนนี้ของผมและชีวิตของผมช่วงนี้ก็เป็นไปด้วยดี ได้พบปะสังสรรค์กับเพื่อนเก่าๆ และรุ่นพี่ผู้ชายหลายๆ คน (VG: คุณไม่ได้ทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ บ้างเลยเหรอคะ) ผมคิดว่ามันอาจจะเกิดปัญหาต่างๆ ตามมามากขึ้นถ้ามีคนในกลุ่มของเรามากเกินไป มันจะสนุกกว่านะครับถ้าคุณเฮฮากันแค่ในกลุ่มเล็กๆ (แจม-คิๆ ขอเค้าไปแจมด้วยดิ คิๆ)
VG: คุณไม่ค่อยมีข่าวเมาท์เลยนะคะ อาจจะเป็นเพราะว่าคุณสังสรรค์อยู่กับแค่กับกลุ่มรุ่นพี่ผู้ชายมากเกินไปก็ได้นะคะ
Jay: ข่าวเมาท์เหรอครับ ผมมีข่าวเมาท์เพียบเลยนะครับ! อ๋อ คุณหมายถึงข่าวกับสาวๆ ฮ่าๆ คือผมไม่ค่อยมีเวลาให้กับเรื่องพวกนี้จริงๆ ครับ ถ้าต่อมาผมเกิดมีแฟนขึ้นมาแล้วความซวยก็คงมาเยือน ตอนนั้นก็คงเป็นข่าวฉาวแน่นอนครับ แต่ตอนนี้ผมยุ่งมากน่ะครับ ถ้ามีแฟนตอนนี้มันก็จะไม่มีความหมายเท่าที่ควรครับ วันไหนที่จิตใจของผมเป็นอิสระมากกว่านี้ผมก็คิดว่าผมควรจะมีแฟนสักคนครับ แต่ผมไม่ได้วางแผนจะให้เรื่องนี้เป็นที่สนใจของผู้คนหรอกครับ…แต่ก็ต้องรอดู กันต่อไปสักวันนึงครับ (แจม-โอเค งั้นพวกเราก็คงต้องมาช่วยกันทำให้เจย์ยุ่ง แล้วก็ยุ๊งยุ่งจนไม่มีเวลาหาแฟนกันดีกว่า หึๆ *ยิ้มมุมปาก*)
VG: ฉันจำได้ว่าคุณเคยบอกว่าคุณปาร์ตี้แบบเด็ก ม.ปลาย กินพิซซ่าแล้วก็เต้นกันที่บ้าน คุณดื่มเป็นมั้ยคะ
Jay: เป็นอยู่แล้วสิครับ ผมก็แค่ไม่ได้ดื่มมาก ไม่ได้ดื่มบ่อยๆ (VG: แล้วเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โปรดของคุณคืออะไรเหรอคะ) ไม่มีเลยครับ ผมว่ารสชาติมันไม่ได้เรื่องทั้งนั้นเลย
VG: นอกจากการเต้นและเรื่องเพลงแล้ว คุณทำอะไรในเวลาว่างอีกบ้างคะ
Jay: โบว์ลิ่งมั้งครับ ตอนนี้ผมเล่นโบว์ลิ่งใช้ได้เลยนะครับ เพราะว่าเมื่อไรที่ผมว่างผมก็จะไปโยนโบว์เนี่ยแหละครับ ผมทำคะแนนได้ราวๆ 110 แต้มเลยนะ!! ผมไม่ได้ไปช้อปปิ้งมาร่วม 2 ปีได้แล้ว ผมแค่ใส่ของอะไรก็ตามที่แฟนๆ ให้ผมมาเป็นของขวัญ สำหรับผมแค่นั้นก็พอแล้วล่ะครับ
VG: คุณเพิ่งจะอายุ 25 แต่ว่าคุณคิดอ่านและทำตัวเป็นผู้ใหญ่มากเลยนะคะ
Jay: คนจำนวนไม่น้อยเลยครับที่เป็นกังวลในตัวผม พวกเขาคิดว่าผมเผชิญอะไรต่างๆ มามากเกินกว่าที่คนอายุเท่าผมควรจะต้องเจอ แต่จริงๆ แล้วสิ่งที่ทำให้ผมเติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็คือการที่ผมต้องจากครอบครัวมาอยู่ที่ เกาหลีตอนที่ผมอายุ 18 ผมต้องรับผิดชอบตัวเองเร็วกว่าคนอื่น ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองจะต้องรับผิดชอบดูแลครอบครัว มากกว่าคนอื่นๆ ผมคิดว่าคนที่สามารถดูแลคนรอบตัวของเขาได้นั่นถึงจะเป็นคนจริงครับ (ลูกผู้ชายตัวจริงกระทิงแดง) พี่จางฮยอกก็เป็นเช่นนั้น เขาเป็นคนดีแล้วก็เป็นนักแสดงที่ดีด้วยครับ
VG: คุณคิดว่าตอนอายุ 30 คุณจะกำลังทำอะไรอยู่คะ
Jay: ผมไม่รู้เลยครับ ห้าปีไม่ใช่เวลาที่สั้นนัก ตอนผมอายุ 20 ผมไม่เคยคิดเลยนะครับว่าผมจะมีชีวิตแบบตอนนี้ การมานั่งคิดว่าผมจะต้องทำอะไรมันทำให้ผมปวดหัวมากเลยครับ ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตเถอะครับ แต่ยังไงก็ตามผมคิดจริงๆ นะครับว่าผมต้องออกกำลังกายให้มากขึ้นเมื่อผมแก่ตัวลง ผมรู้สึกว่าความแข็งแรงของร่างกายผมเดี๋ยวนี้มันลดลงไปเยอะ เมื่อก่อนนะครับ ผมจะออกกำลังกายก่อนเข้านอนแต่เดี๋ยวนี้ผมหลับปุ๋ยไปเลยซะงั้น (หัวเราะ)
VG: อ๋อ จริงด้วยค่ะ ฉันจำได้ว่าคุณเคยพูดว่าคุณไม่ได้ตั้งเป้าหมายในชีวิตเอาไว้
Jay: ใช่ครับ ผมคิดว่าแค่ปล่อยให้อะไรมันเป็นไปตามครรลองของมัน นั่นล่ะดีที่สุดแล้ว พยายามให้เต็มที่ มีความสุขกับชีวิต ผมไม่ได้คิดอะไรเกินไปกว่านี้ครับ แต่ผมก็วางแผนไว้นะครับว่าจะทำอะไรต่อไป ตอนนี้ผมก็คิดเรื่องที่จะมีเวทีที่อเมริกาของตัวเองในปีหน้า ผมมีบริษัทต้นสังกัดในอเมริกาด้วยนะครับ นอกจากนี้ผมก็ได้ทำเพลงไว้แล้วจำนวนไม่น้อยโดยเป็นการทำงานร่วมกับโป รดิวเซอร์หลายๆ คน ดังนั้นผมคิดไว้ว่าหลังจากจบการโปรโมตอัลบั้มนี้แล้วผมจะไปอเมริกาให้บ่อย ขึ้นครับ แต่ในปีนี้ผมคงขอมุ่งมั่นกับกิจกรรมในเกาหลีก่อน ผมอยากจะตอบสนองแฟนๆ ที่เฝ้ารอผมมามานานมากด้วยกิจกรรมในเกาหลีก่อน และหลังจากที่ผมแสดงให้แฟนๆ ชาวเกาหลีได้เห็นถึงแนวทางเพลงของผมแล้ว ผมก็จะลองมีผลงานในอเมริกาต่อไปครับ
VG: คุณน่าจะได้เปรียบศิลปินอื่นๆ ของเกาหลีมากเพราะคุณมีภาษาอังกฤษที่ดี
Jay: อืมม…ผมก็ค่อนข้างมั่นใจในบางส่วนครับ บางทีสไตล์เพลงแบบอเมริกันอาจจะเป็นธรรมชาติมากกว่าเพราะผมโตมาโดยฟัง เพลงอเมริกัน ผมสามารถลองทำในสิ่งที่แปลกใหม่และหลากหลายได้มากกว่าในเกาหลี
VG: อย่างนี้แล้วในท้ายที่สุดความฝันของคุณก็คือการได้เป็นนักดนตรีที่แสดงบน เวทีในอเมริกาใช่มั้ยคะ คุณอาจจะมองได้ว่าความยากลำบากนี้เป็นทางลัดที่ทำให้คุณค้นพบว่าความฝันที่ แท้จริงของคุณคืออะไร
Jay: ก็อาจจะใช่ครับ แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญหรอกคับ ผมแค่อยากได้ทำงานร่วมกับนักดนตรีที่ผมชื่นชมและได้ขึ้นแสดงร่วมกับพวกเขา แต่ส่วนสำคัญก็คือผมต้องการแสดงให้เห็นว่าศิลปินเกาหลีก็สามารถประสบความ สำเร็จในอเมริกาได้ (VG: ระดับไหนล่ะคะที่คุณเรียกว่าประสบความสำเร็จ) อืมม..ก็คงประมาณสัก Ne-Yo หรือ Usher ล่ะมั้งครับ (VG: ว้าว เป็นความคาดหวังที่สูงทีเดียวนะคะ!) ใช่ครับ ต้องไปถึงจุดนั้นให้ได้ เป็นการมองในระยะยาวน่ะครับ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
VG: คุณคิดว่าคนจะชอบเพลงไหนมากที่สุดคะ
Jay: เรื่องนี้ผมเองก็สงสัยอยู่เหมือนกันครับ! (ตอนนี้เขาเริ่มพูดเร็วขึ้น) ผมคิดอยู่ทุกวันนะครับว่าเพลงไหนจะได้รับความสนใจมากที่สุด ผมบอกตามตรงเลยว่าเวลาที่ผมทำงานผมทำเพราะผมสนุกกับมัน ผมคิดอยู่เสมอว่าแฟนๆ จะว่ายังไงกันบ้าง บางทีผมก็คิดว่า แฟนๆ อาจจะพูดว่ามันเซ็กซี่ดีนะ พวกเขาอาจจะพูดว่ามันช่างสมเป็นชายอะไรแบบนี้ ผมหวังไว้เหมือนกันว่าพวกเขาจะพูดว่าเนื้อเพลงนี่มันน่ารักดีนะ ผมอยากให้แฟนๆ ได้รู้ว่าพวกเขาล้วนเป็นส่วนหนึ่งในอัลบั้มนี้ด้วย ผมทำเพลงขึ้นมาได้ก็เพราะว่าผมมีแฟนๆ ของผมเนี่ยแหละครับ
VG: ฉันได้ยินมาว่าคุณมีเพลงแล้วถึง 8 เพลงสำหรับอัลบั้มต่อไปของคุณ
Jay: ผมจะปล่อยมินิอัลบั้มตัวที่ 2 ในปีนี้ครับ ผมจะปล่อยซิงเกิ้ลในระหว่างนี้ด้วย (VG: มันเป็นกลยุทธ์ที่ค่อนข้างจะแตกต่างกับปกติที่จะต้องคัมแบ็ค พัก และก็คัมแพ็คอีกครั้ง) เดี๋ยวนี้คนส่วนมากฟังกันแต่เฉพาะเพลงโปรโมตของอัลบั้ม แต่ผมรักทุกเพลงของผมมากจริงๆ ครับ ถ้าเป็นแบบนั้นผมคงเศร้ามาก มันจะมีประโยชน์อะไรกันล่ะครับที่จะต้องเอาไว้ไปรอวันหลัง ผมอยากจะให้พวกเขาได้เห็นมันทั้งหมดในคราวเดียวไปเลยครับ
ระหว่างระยะเวลาทั้งหมดของการสัมภาษณ์ เจย์ตอบคำถามในเรื่องนี้อย่างรวดเร็วใน 3 วินาที เกี่ยวกับ “คำขอโทษ” ที่ผ่านมาเมื่อไม่นานมานี้ เขาได้พูดถึงเรื่องนี้อย่างชาญฉลาดว่า “แน่นอนครับว่ามันคือสิ่งที่ผมเลือกและเป็นการตัดสินใจของผม ดังนั้นนั่นคือคำขอโทษของผมเอง” แล้วเขาก็จัดการข้าวในถ้วยจนเกลี้ยงพร้อมกับเคี้ยวซี่โครงตุ้ยๆ แถมท้ายด้วยของหวานคือน้ำข้าว (ชิเกะ) ที่เขาก็ซดไม่ให้เหลือสักหยด
ตอนที่เรากำลังจะกลับกันนั้น อยู่ดีๆ เจย์ก็นึกขึ้นมาได้ว่าเขายังเหลือเวลาว่างอีกชั่วโมงนึงก่อนที่จะต้องกลับไป ถ่ายทำต่อ เขาก็เลยพูดขึ้นว่า “ไปเล่นโบว์ลิ่งกันเถอะ” เขาเสิร์ชหาที่ตั้งของร้านโบว์ลิ่งผ่าน GPS โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย แล้วก็ยังพูดอีกว่า “อยากฟังเพลงของผมมั้ยครับ” ท่ามกลางแสดงอาทิตย์ในฤดูใบไม้ผลิ หัวใจฉันเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาเมื่อได้ฟังเพลงโปรโมตที่ยังไม่เคยมีใครคน ไหนในโลกนี้ได้ฟังมาก่อน เมื่อเพลงจบลงน้ำตาของฉันมันก็เอ่อล้นขึ้นมา ฉันรู้สึกได้เลยว่า…ทุกๆ อย่างสำหรับเค้ากำลังไปได้ดีมากๆ ฉันเริ่มสงสัยขึ้นมาว่าท่าเต้นแบบไหนกันที่เค้าจะนำมาใช้เต้นประกอบเพลงนี้ และความรู้สึกชนิดไหนกันที่เขาจะแสดงให้ปรากฏต่อหน้ากล้องในเวลาอีกไม่กี่ สัปดาห์ที่จะถึงนี้ “คุณต้องดูให้ได้นะครับ ผมรับรองได้ว่าคุณจะไม่ผิดหวัง” เพราะการจราจรอันแสนสาหัสนั่นพวกเราจึงลงเอยด้วยการอดเล่นโบว์ลิ่ง แต่นั่นจะสำคัญอะไรล่ะ? อันที่จริงฉันควรจะขอบคุณซะด้วยซ้ำ เพราะว่าเราสัญญากันว่าจะไปเล่นโบว์ลิ่งด้วยกันใหม่คราวหน้าพร้อมกับถ่ายโฟ โต้ชู้ตด้วยซะเลย ถึงแม้จะไม่รู้ว่าจะไปเล่นกันที่อเมริกา เกาหลี หรือประเทศไหนสักประเทศในโลกนี้ก็เถอะนะ
SOURCE: DC Gallery
ENG TRANSLATOR: Lydia@JAYPARK.NET
แปลไทยอย่างความสวยงามโดยน้องบูม
ชี ชี ชี ชีช่างโชคดี T_T ส่วนเจย์ก็ ก็ ก็ ก็ช่างใจดีและแสนชิวอะไรแบบนี้ T_T เค้าก็อยากไปโยนโบว์ด้วยไรด้วยนะ T_T
น่าตื่นเต้นจริงๆ ปีหน้าผช.จะไปทำงานเพลงที่อเมริกาแล้ว ดีใจแล้วก็ภูมิใจแทน ฮือออ ปลาบปลื้มเหมือนลูกชายหัวแก้วหัวแหวนออกบวช ฮืออออ~~
จบแล้วคร้าาา