Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Pyongyang 3rd review : Taylor Swift - Speak now ติดต่อทีมงาน

เชื่อ ว่าหลาย ๆ คนคงจะฟังกันมานานจนเปื่อยกันไปข้างแล้วสำหรับสตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 3 ของสาวน้อย Taylor Swift ที่มีชื่อว่า Speak now ที่จนป่านนี้ก็ปล่อยซิงเกิ้ลออกมา 4 เพลงแล้ว ซึ่งก็คือ Mine, Back to December, Mean และล่าสุด The story of us ก็คงจะจุใจกันพอสมควรสำหรับเหล่าสวิฟตี้และแฟน ๆ ขาจรทั้งหลาย มาดูกันเลยดีกว่าว่าแต่ละแทร็คในอัลบั้มมีอะไรกันบ้าง

 

Track by track

 

Mine [3.5/5] ซิงเกิ้ลลำดับแรกของอัลบั้มนี้ และยังเป็นเพลงเปิดอัลบั้มที่มุมมองเชิงบวกมาก ๆ และน่ารักมาก ๆ เพียงแต่ว่ามันดูเหมือนจะคล้ายกับธีมของอัลบั้ม Fearless ไปสักนิด แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าเธอทำได้ดีมากๆ และเป็นเพลงที่ฟังได้ฟังดีไม่มีเบื่อเลย ถัดมาด้วยเพลงป๊อปร็อคจังหวะกลาง ๆ Sparks fly [5/5] เนื้อหาเกี่ยวกับการตกหลุมรักที่แทบจะเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่จริง ๆ ซึ่งเราก็ตกหลุมรักเพลงนี้ตั้งแต่อินโทรขึ้นมาซะแล้ว ถึงขนาดนั่งฟังอินโทรซ้ำ ๆ หลายรอบกันเลยทีเดียว เพลงนี้สื่ออารมณ์ออกมาได้ดีมาก ๆ อีกทั้งน่าจะโดนใจตลาด เชื่อว่าถ้าตัดเป็นซิงเกิ้ลแล้วน่าจะดังได้ไม่ยากแน่นอน Back to December [5++++] ซิงเกิ้ลที่สองที่เทย์แต่งออกมาเพื่อขอโทษ Taylor Lautner จำได้ว่าฟังเพลงนี้ครั้งแรกตอนหน้าหนาว มันช่างเข้ากับบรรยากาศจริง ๆ ทั้งเหงา ทั้งเศร้า ออกแนวรำพึงรำพันว่าอยากจะกลับไป ณ ช่วงเวลานั้น และกลับไปแก้ไขอดีต เป็นแทร็คที่ชอบที่สุดในอัลบั้ม และเรียกได้ว่าเป็นเพลงที่ทำให้เราตกหลุมรักเทย์เลยหล่ะ Speak now [5/5] เพลงนี้ให้อารมณ์บ้านทุ่งมาก เนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องราวของการแต่งงานในโบสถ์ที่เหมือนอีกฝ่ายจะถูกจับคู่ ไว้ให้ ก็ประมาณว่าหนีออกมาจากงานแต่งอันแสนจะน่าอึดอัดแล้วมาแต่งกับฉันสิ  เจ๋งสุดๆไปเลย เป็นแทร็คที่ถูกใจบรรดาแฟนคลับมาก ฟังได้เรื่อยๆ เพลิน และชวนอมยิ้มเป็นอย่างยิ่ง ก่อนจะแปรเปลี่ยนจากรอยยิ้มเป็นสีหน้าอันเศร้าหมอง Dear ohn [4/5]อดีต อันขื่นขม ถูกคนรักทอดทิ้ง เป็นเพลงที่ดราม่าสุด ๆ สำหรับอัลบั้มนี้ เทย์แต่งเพลงนี้ให้แก่ John Mayer อดีตคนรัก เป็นเพลงวอลซ์ที่ร้องได้มีอินเนอร์มาก ๆ และตอกย้ำอารมณ์แบบสุด ๆ แต่ความยาวเกือบ 7 นาที ทำให้ดูเหมือนจะยืดเยื้อมากไปหน่อย แล้วก็โดดมาซิงเกิ้ลที่ 3 ที่มีจังหวะสนุก ๆ อย่าง Mean [4/5] ซึ่งคันทรี่จ๋ามาก ๆ เนื้อหาเกี่ยวกับการตอกกลับคนที่มาดูถูกดูแคลนเราว่า ซักวันหนึ่งเราจะเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ต่อกันเลยกับซิงเกิ้ลลำดับที่ 4 The story of us [2/5] สารภาพตามตรงว่าตอนแรกไม่ชอบเพลงนี้เอาซะเลย ถึงขึ้นฟังไม่จบซักที เนื้อหาเกี่ยวกับการไม่ยอมพูดกันของคนสองคนทำให้เรื่องที่เกิดขึ้นกลายเป็น เรื่องน่าเศร้ากันไป เป็นป๊อปร็อคที่ให้อารมณ์ขาด ๆ เกิน ๆ พิกลบอกไม่ถูก มันก็ไม่ได้แย่อะไรหรอก เพียงแต่มันไม่โดน และอารมณ์มันไม่สุด ตอนที่รู้ว่าเทย์จะตัดเพลงนี้เป็นเพลงที่ 4 ก็ช็อคอยู่เหมือนกันว่าแบบเพลงดี ๆ มีเยอะแยะไม่ยอมตัด ทำไมต้องเพลงนี้ !!! แต่พอเอ็มวีออกมาก็ทำให้ชอบเพลงนี้มากขึ้น แล้วก็มาหลับใหลกันต่อใน Never grow up [2.5/5] เป็นเพลงที่ชวนง่วงมาก ๆ แบบว่าฟังทีไรก็แทบจะฟุบลงไปทุกที เกี่ยวกับความสุข ความใสของวัยเด็ก และมุมมองที่ต่างกันของ 2 วัย ที่เราก็มองว่าวัยเด็กเป็นวัยที่แสนจะสนุกไม่มีภาระอะไรให้ปวดหัว พอดีเกลียดเด็กไงเลยพาลไม่ชอบเพลงนี้ไปด้วย ๕๕ Enchanted [5++++] เป็นเพลงที่มหัศจรรย์พันลึกมาก เหมือนมีมนต์สะกดอยู่ในตัวเพลง เราหลงรักเพลงนี้ตั้งแต่ฟังครั้งแรก ถ้าคุณเคยตกหลุมรักใครซักคนและเชื่อในพรหมลิขิตขอคอนเฟิร์มเลยว่าคุณจะต้อง หลงใหลไปกับเพลงนี้อย่างแน่นอน ท่อนฮุคที่เหมือนจะพีคไปเรียบร้อยแล้ว แต่เพลงนี้กลับทำให้เจอจุดพีคจริงๆในท่อน Please don’t be in love with s.one else, please don’t have somebody waiting on you ซึ่งสื่อออกมาตรง ๆ และโดนใจอย่างแรง จากนั้นก็กระชากลุคส์เป็นสาวแกร่งใน Better than revenge [3.5/5] เป็นป๊อปร็อคที่ฟังมันที่สุดในอัลบั้มนี้แล้ว[ได้ข่าวว่ามีอยู่สองเพลง = =] อย่างน้อยก็คิดว่าเพลงนี้ดีกว่า The story of us นะ เพลงนี้เทย์แต่งให้ผู้หญิงที่เคยแย่งแฟนของเธอไป ซึ่งถ้าเจ้าตัวได้มาฟังคงจะรู้สึกแสบสันยิ่งนัก แต่ถึงแม้จะมันและสะใจเพียงไร แต่ตอนท้ายเพลงรู้สึกว่ามันจะมั่ว ๆ ไปหน่อยก็เท่านั้นเอง ต่อด้วยเพลงInnocent[5+] ที่เทย์แต่งให้ Kanye west ที่เคยก่อวีรกรรมหักหน้าเทย์ในงาน 2010 VMAs ซึ่งเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเทย์จะต้องการสื่อออกมาว่าเธอเข้าใจให้โอกาส กลับตัวกลับใจใหม่อีกครั้ง หรือว่าแอบจิกกัดตาคันหยีกันแน่ แต่เอาเป็นว่าเพลงนี้แอ๊บแบ๊วสุด ๆ และสะใจสุด ๆ เชื่อว่าคันหยีได้ฟังแล้วคงจะสำนึกได้บ้างไม่มากก็น้อย แต่ตอนนี้เทย์ก็มีรักครั้งใหม่ และพยายามเหนี่ยวรั้งความรักครั้งนี้ไว้ด้วยเพลงที่ดูดีมีคลาสอย่าง Haunted [4.5/5] ที่ใช้เครื่องสายกระตุ้นอารมณ์ให้กลายเป็นเพลงที่หนักแน่นได้ดีมาก ๆ ฟังดูหม่นสะใจดี กลับมาเศร้าซึ้งกับ Last kiss [5/5] ความจริงอยากให้ 5+ นะแต่ตอนท้ายค่อนข้างยืดไปนิด เกี่ยวคนรักที่จะต้องจากลากัน แต่ชื่อของเธอจะอยู่บนริมฝีปากของฉันตลอดไป โหย ซึ้งสุด ๆ อ่ะ เป็นเพลงที่เรียกน้ำตาผู้ฟังได้เป็นอย่างดีทีเดียว ก่อนที่จะปิดอัลบั้มด้วยเพลงที่อุดมไปด้วยความทรงจำดี ๆ อย่าง Long live [4/5] เกี่ยวกับการก้าวผ่านสิ่งต่าง ๆ ไปพร้อมกัน แล้วก็ประสบความสำเร็จและรุ่งโรจน์ไปพร้อม ๆ กัน ดูๆ แล้วเทย์น่าจะแต่งให้เหล่าสวิฟตี้นะ ให้อารมณ์คล้าย ๆ กับเพลง Fearless ในอัลบั้มก่อน

 

สรุป

 

Speak now(album)[5/5]


ที่ สุดของที่สุดของความชอบแล้ว อาจจะมีใครว่าเป็นการลำเอียงก็ได้นะ เพราะรักเธอคนนี้ไปมากมายแล้วจริง ๆ นับตั้งแต่ได้ฟัง Back to December ครั้งแรก ก็เหมือนกับถูกลากมาอยู่ในครอบครัวสวิฟตี้โดยที่ไม่ทันจะได้รู้ตัว จุดเด่นของอัลบั้มนี้คือมีความหลากหลายบนตีมคันทรี่ คือแต่ละแทร็คก็จะมีเอกลักษณ์ของตัวเองแตกต่างกันไปโดยที่ไม่ซ้ำกันเลย และที่สำคัญคือ base on true story ของตัวศิลปินเองอีกด้วย เนื้อเพลงค่อนข้างโตขึ้นพูดถึงความรักในหลากหลายแง่มุมทั้งสุข เศร้า เหงา ซึ้ง ซึ่งเมื่อเรียงเป็นแทร็คออกมาตามนี้ก็คิดว่ามันเป็นอะไรที่ลงตัวสุด ๆ ไปเลย เพลงที่ไม่ชอบมากที่สุดในอัลบั้มก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ฟังได้แต่ไม่ได้หลง ก็แค่นั้น สรุปคือเป็นอัลบั้มที่สามารถฟังได้ต่อเนื่องเรื่อยตั้งแต่ต้นจนจบ ยาวนาน และมีคุณค่าในตัวของมันเอง จุดด้อยคือเนื้อหาในบางช่วงที่มองดูงี่เง่าง้องแง้งมากจนเกินไป แต่ก็ถือว่าพัฒนาขึ้นจากอัลบั้มเดิม ๆ ที่เพ้อฝันแฟรี่เทลมากกว่านี้ แต่อัลบั้มนี้มันไม่ใช่ ไม่มีอีกแล้วเทพนิยายอันแสนสวยงาม แต่มันคือชีวิตจริงที่มนุษย์ทุก ๆ คนสามารถสัมผัสได้ ถ้าถามว่าดนตรีอัลบั้มนี้จัดจ้านมั้ย นักร้องร้องเพราะเว่อร์ๆมั้ย ก็คงตอบได้ว่าไม่ แต่มันกลับมีมนต์เสน่ห์บางอย่างที่สะกดให้เราหลงรักเพลงของเธอได้ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมคนหลายล้านคนถึงรัก “เทย์เลอร์ สวิฟต์” และอัลบั้มนี้ก็ขายดิบขายดีเป็นเททิ้งกันเลยทีเดียว หลังจากเปิดตัวด้วยยอด 1,047,000 copies ในสัปดาห์แรกที่วางจำหน่ายแล้ว ก็ยังคงถีบยอดสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนทะลุ 3xplatinum ใน US ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ก็แอบเซ็งกับค่าย Big machine record ของเธอเล็กน้อย ที่ไม่มีการโปรโมทที่ดีในช่วงหลัง ๆ เห็นได้ชัดจากการที่ Back to December ทำยอดดาวน์โหลดได้ไม่ดีเท่าที่ควร แต่ในฐานะแฟนคลับตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งก็จะขอติดตามและเชียร์กันต่อไป สู้ๆเทย์เทย์ เอ้าเฮ่!!!!!!



Taylor Swift - Speak now

แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 54 21:38:42

จากคุณ : Pyongyang
เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 54 21:36:57




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com