วันนี้จริงๆมิวยุ่งหัวฟู แต่ก็ยังดันบทสัมภาษณ์ผู้กำกับคิมตอนจบออกมาจนได้
ตอนนี้เป็นตอน 2 นะค่ะ สามารถอ่านตอนแรกของสัมภาษณ์ นี้ได้ตามนี้
http://mew-mini-museum.บล็อคสะปอต.com/2011/05/trans-mv-butterfly-kim-hye-jung-1.html
=============
[TRANS]สัมภาษณ์ ผกก MV Butterfly Kim Hye jung ตอน 2
8. ฉากหลังของเพลง She's gone มาได้ยังไงค่ะ??
KHJ:เริ่มแรกเลยผมมีรูปแบบของเวทีเอาไว้ในใจสำหรับวีดีโอเพลง she's gone ดังนั้นสิ่งที่สำคัญเบื้องต้นของเราในตอนนั้น
ไม่ใช่การทำมิวสิควีดีโอขึ้นมาแต่ตั้งใจจะทำวีดีโอที่มีเนื้อหาตรงประเด็นและสามารถที่จะบรรยาย
และดึงอารมณ์ของการแสดงบนเวทีออกมาได้ และจะเป็นแรงบันดาลใจอะไรบางอย่างให้กับคนที่ได้ดูมัน
จีดราก้อนเขียนเพลงนี้ขึ้นมาโดยได้แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ ดังนั้นความโหดร้ายที่เราพบในเพลง
ไม่ได้ให้ความหมายตรงตามตัวอักษรแต่มันเป็นส่วนของจินตนาการและเป็นเหมือนกับนวนิยาย
ดังนั้นการตัดสินใจที่จะสร้างวีดีโอที่ดูเหมือนเป็นฉากฉากหนึ่งในภาพยนตร์จึงออกมาตามปริยายฮะ
นอกจากนี้การแสดงเพลงนี้ไม่ใช่เรื่องราวที่จะทำยั่วยุในเรื่องของการ ฆาตกรรม
แต่มันเป็นวิธีที่จะอธิบายถึงภาพลักษณ์ของผู้ชายคนนึงที่เลือกวิธีที่คล้ายกับละครในการที่จะ"รัก"
ดังนั้นการที่เราจะสร้างภาพของโลกที่ห่างไกลจากความเป็นจริงขึ้นมา ฉากที่เหมือนกับนิยายสยองขวัญ
เราจึงเลือกช่วงเวลาฉากหลังที่ใช้ในวีดีโอที่ไม่ใช่เวลาในปัจจุบัน
ตัวอักษรที่ขึ้นในบนจอในตอนแรกทำเหมือนกับภาพยนตร์ และโทรสีของวีดีโอที่เป็นขาวดำนั้น
ตัดกันอย่างตรงกันข้ามกับสีแดงของเลือด ซึ่งดูเป็นสีแดงจัด ซึ่งทำให้ดูเหมือนมันถูกแยกออกจากความเป็นจริง
และเพราะเพลง she's gone นี้ไม่ใช่เพลงที่เย็นชาและเพลงที่ตั้งใจทำเพื่อเยาะเย้ย
แต่มันเป็นเพลงที่แบกรับเอาความรู้สึกของผู้ชายคนนึงที่กำลังคิดถึงโหยหาผู้หญิงของเค้า
จนถึงจุดสุดท้ายที่ว่าเค้าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ผมจึงคิดว่ามันคงจะเหมาะดีกับสไตล์แบบคลาสลิกและแนวโรแมนติกครับ
9. ฉันสงสัยเกี่ยวกับ เทียน ใน MV she's gone นี้มากเลยค่ะ??
KJH: แต่เดิม เราจะเริ่มวีดีโอนี้ด้วยการสูบบุหรี่ ส่วนฉากเทียนนั้นเป็นฉากที่ผมมาถ่ายระหว่างการถ่ายทำแล้ว
เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมนึกภาพอะไรขึ้นมาได้ระหว่างการถ่ายทำ ผมจะลงมือถ่ายเลย
และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมถึงได้ฉากเทียนมา และเป็นเพราะ จีดราก้อนเค้าเก่งในเรื่องการแสดงที่ไม่ต้องมีการตระเตรียมกันก่อนอย่างมาก
เค้าสามารถที่จะแสดงและเข้าถึงบทบาทในฉากที่จู่ๆก็โผล่ขึ้นมาได้
ดังนั้นมันจึงมีบางกรณีที่เราคิดฉากที่ดีกว่าขึ้นมาได้ในช่วงการทำการตัดต่อในช่วงสุดท้าย
และในเมื่อมันได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ตั้งแต่ทีแรก ผมจึงตัดสินใจใช้เวอร์ชั่นนี้
ในตอนที่กำลังแก้ไขตัดต่อเวอร์ชั่นสำหรับเยาวชนอายุต่ำกว่า 12 ปีออกมา
10. เกี่ยวกับ วีดีโอเพื่อเพลง " she's gone"
KHJ:ในการทำงานทั้งหมดเพื่อ she's gone ผมจดจำช่วงเวลาในการซ้อมครั้งแรกได้มากที่สุด
เพราะทั้งผมและจียงต่างก็ยุ่งกันมากๆๆๆในช่วงก่อนคอนเสริต์
เราได้คุยกันในเรื่องนี้คร่าวๆเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในการประชุมทั่วๆไป
ดังนั้นผมจึงทำการซ้อมในครั้งแรกด้วยความรู้สึกที่ใจนึงก็ตื่นเต้นแต่ใจนึงก็กังวลอย่างมาก
แต่ผมก็จำได้แม่นเลยว่าผมรู้สึกประทับอย่างมากจริงๆจากการซ้อมครั้งแรกที่ราบรื่นเรียบร้อยในทุกๆอย่างในการถ่ายเพียงครั้งเดียว
การที่วีดีโอได้สื่อออกมาและการแสดงออกถึงอารมณ์การแสดงบนเวที
ผมบอกได้เลยว่าคนที่ไม่ได้มาชมการแสดงเพลง she's done นี้ผ่านการแสดงคอนเสริต์บนเวทีแล้ว
ไม่สามารถที่จะเข้าใจอารมณ์นี้ได้ 100%
ทั้งวีดีโอและการแสดงบนเวทีร่วมถึงอารมณ์ร่วมของผู้ชมได้สร้างประสบการณ์ที่เหลือเชื่อ
ที่ทุกคนสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานและอารมณ์ประทุที่จียงได้ส่งออกมา
ถ้าจะมีเรื่องที่ผมเสียใจก็คือ คนที่ไม่ได้มาดู วีดีโอเพลงนี้ในคอนเสริต์ก็อาจจะตีความวีดีโอแค่ตัววีดีโอเอง
และอาจจะบิดเบือนสาระสำคัญของการแสดงไปได้ครับ
- ในฐานะผู้กำกับ สิ่งที่คุณเชื่อว่ามันคือเรื่องราวและอารมณ์ที่อยู่เบื้องหลังเพลงมันคือ อะไรค่ะ??
KHJ:ภาพแรกที่ผมคิดในครั้งแรกที่ได้ยินเพลงนี้คือ ภาพยนตร์ขาวดำที่มีเรื่องราววนเวียนอยู่ท่ามกลางการฆาตกรรมที่ลึกลับ
จียงอาจจะรับบทเป็นทั้ง ตำรวจและฆาตกร หรือเค้าอาจจะเป็นที่มีสองบุคคลิกด้วยที่ตัวเค้าเองไม่รู้มาก่อน
ถ้าเกิดว่าจะต้องทำมันออกมาเป็น มิวสิควีดีโอ เนื่องเรื่องก็อาจจะต้องไม่ซับซ้อนมากเกินไป
11. แล้วเกี่ยวกับวีดีโอ เพื่อเพลง Gossip Man ละค่ะ??
KHJ : การถ่ายทำวีดีโอเพื่อเพลง Gossip man นั้น เริ่มขึ้นโดยที่เราไม่มีเนื้อเรื่องอะไรเลย
เราเริ่มจากการที่เราต้องการจะถ่ายจียงกำลังเลียนแบบคุณ Kim Gun Mo ด้วยการใส่เสื้อผ้าและทำฉากหลังเท่านั้น
ในตอนที่เราถ่ายทำ จียงเพลียมากจากการทำงานในวันก่อนหน้านั้น
แต่เมื่อถึงเวลาถ่ายทำเค้าก็กลับมีชีวิตชีวาและสนุกไปกับเครื่องแต่งกายในการล้อเลียน
เค้ายังลงมือทำท่าทางแตกต่างไปในแต่ละคัทโดยที่ไม่ได้ทำท่าซ้ำกันหรือเคลื่อนไหวเหมือนเดิม
พูดตามตรงคือ ณ จุดนี้ผมคิดว่าทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับจียงเลยจริงๆ การถ่ายทำวีดีโอง่ายๆเพื่อเพลง gossip man นี้
อาจจะเป็นเรื่องตลกเบาๆที่นำมาซึ่งปัญหาใหญ่ก้ได้ เรามุ่งเน้นไปที่อารมณ์ตลกและการแสดงออกสีหน้าที่สดใส
แต่ผมคิดว่ามันก็ยังมีตลกร้ายเสียดสีร่วมอยู่ด้วย ซึ่งคนจะรู้สึกว่ามันยากที่จะหัวเราะออกมาเต็มๆให้กับการแสดงนี้
การแสดงที่จีดราก้อนเรียกตัวเองว่าเป็น gossipman
12. ความคิดหรือความประทับใจอะไรที่คุณมีต่อ จีดราก้อนค่ะ??
KHJ: ผมเคยเห็นแค่ด้านที่เป็นธุรกิจและด้านของคนทำงานมืออาชีพเท่านั้นครับ ดังนั้นผมไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเค้าเป็นคนยังไง
สิ่งนึงที่ผมรู้สึกได้เลยเมื่อได้ยืนข้างๆเค้าในการทำอัลบั้มเดี่ยวนี้คือ
เค้าจะต้องอดทนในการที่จะต้องพาตัวเองออกมาให้ยิ่งใหญ่มากที่สุดเหนือกว่าที่ใครจะจินตนาการได้
มันเป็นช่วงเวลาที่เค้าได้กลายเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นและมันอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมคิดแบบนั้น
หลังจากที่ได้ทำงานร่วมกับเค้า มันเป็นความจริงที่ว่าความเห็นของผมที่มีต่อเรื่องราวในแบบ"ผู้ชาย"ได้เปลี่ยนไป
ผมเกิดความคิดว่า ผู้ชายก็สามารถมีภาพลักษณ์แบบนี้ได้เหมือนกัน หรือ ผู้ชายก็มีอารมณ์แบบนี้เหมือนกันนะ ซึ่งผู้ชายแบบนี้หายากจริงๆ
13. เกี่ยวกับการแสดงของจีดราก้อนละค่ะ??
KHJ:เมื่อเค้าอยู่ต่อหน้ากล้อง ผมได้เปิดประตูแห่งความเป็นไปได้ให้กว้างขึ้นกว่าที่เราได้คุยกันในสตอรี่บอร์ด
เค้าไม่กลัวที่จะแยกตัวออกมาจากกล้องและแสดงออกด้านหลากหลายมากมายของตัวเองออกมา
มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับที่จะยังครองสติในการรู้ตัวเองตลอดเวลาในตอนที่มีกล้องจับคุณอยู่มากมาย
และมีทีมงานมากมายร่ายล้อมอยู่ แต่อิสระเสรีของเค้าทำให้เกิดเรื่องใหม่ๆออกมาเสมอในกอง
14. ในการถ่ายทำเป็นยังไงบ้างค่ะ??
KHJ: มันเป็นสิ่งที่ยากที่สุดเลยครับ ในวันที่ 2 ของการถ่ายทำวีดีโอเพื่อเพลง she's done
จียงเหนื่อยจนหมดแรงและในวันรุ่งขึ้นเค้ายังต้องขึ้นเครื่องเดินทางไปต่างประเทศอีก ดังนั้นทุกคนต่างเครียดกันไปหมด
เรากำลังถ่ายทำฉากที่มีแสงเทียนและจียงกลับเป่าเทียนให้ดับด้วยการใช้ลมจากจมูก
ซึ่งทุกคนถึงกับปล่อยหัวเราะออกมาเสียงดังและความตึงเครียดก็หายไป
ผมจำได้เลยว่าเค้าได้โชว์ทักษะการเป่าเทียนนี้เพื่อช่วยทำให้บรรยากาศในกองกลับมาสดใสอีกครั้ง
15. งานไหนที่ดึงเอาความสนใจของคุณได้ หรือ ฉากไหนที่คุณรู้สึกว่ามันมีคุณค่ามากที่สุดค่ะ??
KHJ: ผมคงต้องบอกว่า งานที่ดึงดูดความสนใจของผมมากที่สุดคือ เพลง Butterfly และ she's gone
มันเป็นโชคล้วนๆเลยสำหรับผมที่ได้มาทำงานแบบนี้ ถ้าจะให้ผมเลือกฉากที่ผมชอบมากที่สุดในงานสองงานนี้
ผมจะเลือกฉากสุดท้ายในเพลง butterfly ที่จีดราก้อนนั่งอยู่บนหลังคา
และในเพลง she's gone ผมชอบฉากที่จีดราก้อนปรากฏตัวครั้งแรกด้วยมีดสั้นที่วาววับและมีเสียงฟ้าผ่าดังมาแต่ไกล
เราถ่ายทำฉากนั้น ในชอตเดียวเป็นการถ่ายชอตยาวที่กล้องจะตามไปกับการแสดงของจีดราก้อน
และเวลาของเสียงฟ้าผ่านั้นมันลงตัวเหมาะเจาะดีมากจริงๆ และเราก็ได้ฉากที่ยอดเยี่ยมนี้มา
16.แล้วถ้าให้พูดเกี่ยวกับผู้กำกับ Kim hye Jung ละค่ะ?
KHJ:แทนที่จะดูถึงเรื่องความสมจริงในการถ่ายทำ ผมมักจะสร้างสิ่งที่เราไม่สามารถพบเห็นได้ในชีวิตจริงออกมามากกว่า
และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าหลายๆคนรู้สึกว่างานของผมเป็นงานที่ดูเป็นแฟนตาซี
คุณสามารถที่จะบอกว่าตัวมิวสิควีดีโอนั้นเป็นโลกแฟนตาซี
เพราะคุณได้สร้างโลกใหม่ขึ้นมารองรับกับเพลงที่คุณไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาออกมา
หากจะมีข้อแตกต่างว่างานของผมไม่เหมือนกับงานคนอื่น
นั่นอาจจะเป็นเพราะผมจะไตร่ตรองถึงการร่วมมือกันระหว่างผมกับตัวศิลปินและการที่จะสามารถเสริมแรงซึงกันและกันให้มันสำคัญและได้ผลที่สุด
ปกติแล้วผมจะมีความสุขในการนึกภาพไปด้วยเวลาที่ได้ฟังเพลง ดังนั้นผมไม่ค่อยจะได้ฟังเพลงด้วยตัวของเพลงนั้นๆเองเท่าไหร่
ผมพบว่าตัวเองฟังเพลงที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้ผมคิดภาพออกมาได้โดยที่ไม่รู้ว่าเพลงนั้นมันเป็นแนวอะไรหรืออย่างไร
เมื่อ เพลง butterfly ออกมาได้ประมาณสองเดือนครึ่ง ผมมีความสุขมากๆๆ
แต่ผมก็ต้องพบกับความรู้สึกว่างเปล่าแบบที่ไม่สามารถหาคำมาอธิบายได้ ผมจะมองเห็นแต่ส่วนที่มันยังขาดไป
ซึ่งมันทำให้มีอยู่ช่วงนึงที่ผมจะมีปัญหาอย่างมากในการดูผลงานที่เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วของตัวเอง
เมื่อคอนเสริต์ shine a light ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ผมรู้สึกอายที่ได้แต่นั่งอยู่ตรงที่นั่ง สุดท้ายนะครับ ผมไม่ใช่คนเท่เก่งกาจอะไรหรอกครับ
17. ในอนาคตมีงานแบบไหนที่อยากจะทำร่วมกับจีดราก้อนอีกไม๊ค่ะ??
KHJ: หลังจากที่เราได้ถ่ายทำเพลง she's gone กันไป ท่านประธานยางฮยอกซอกได้พูดกับจีดราก้อนถึงเรื่องที่จะทำหนังสั้น
คือจะเป็นวีดีโอที่โชว์การแสดงออกมาโดยที่ไม่ทำเป็นวีดีโอสั้นๆ ซึ่งถ้าโครงการนี้เป็นจริง
ผมคิดว่ามันต้องเป็นงานที่สนุกมากๆแน่ๆที่จะได้ลองทำ สำหรับอัลบั้มเดี่ยวของจีดราก้อนผมอยากจะลองทำ
มิวสิควีดีโอเพลง she's gone ดูครับ ซึ่งมันจะแตกต่างออกไปจากอันที่เราทำเพื่อคอนเสริต์อย่างสิ้นเชิง
18. รู้สึกยังไงบ้างค่ะ ที่การสัมภาษณ์ จบลงแล้วละค่ะ??
KHJ:การสัมภาษณ์นี่มันยากกว่าที่ผมคิดนะครับ ^^
แต่ผมมีความสุขนะครับที่ได้หันกลับไปมองผลงานในอดีตของตัวเอง
ผมอยากจะให้สัมภาษณ์อีกครั้งเมื่อผมดันเอาความเสียใจที่ผมมีต่อผลงาน เดบิวของผมอย่าง Butterfly และ Shes Gone ไว้เบื้องหลัง
และได้สร้างผลงานชิ้นใหม่ที่ดีกว่าขึ้นมานะครับ
ขอบคุณครับ
Source: DCGD Eng Translated by: www.seungie.tumblr.com thai translation by mew in mew mini museum