ความคิดเห็นที่ 1 นี่คือประเด็นหลักๆ ที่มีการถกกันครับ ไม่นับประเด็นเล็กๆ น้อยๆ ที่บอกว่า ซื้อของแท้มาแล้วนะ แต่มันหายไปแล้วก็หาโหลดมา  หรือไม่ว่าจะเป็น ไม่ได้ซื้อ แต่เราไปดูคอนเสิร์ตนะ เราอุดหนุนอยู่แล้วนะ อย่ามาว่าเรานะ ฯลฯ อะไรเหล่านั้นเป็นประเด็นย่อยๆ ครับ ที่เขียนมาข้างบนทั้งหมด เพื่อจะบอกว่า สิ่งที่พวกคุณแนะนำกันมาน่ะ พวกค่ายเพลงเค้าผ่านการทำมาหมดแล้ว แต่ไม่เคยสำเร็จเลย เพราะจะมีข้ออ้างใหม่ๆ มาเสมอ  ดังนั้นแต่ละท่านคิดว่าจะมีวิธีใดบ้างครับ ที่บอกว่าควรปรับตัว ต้องปรับตัวแบบไหน มีวิธีการอย่างไรกันบ้าง แล้วเดี๋ยวเรามานั่งวิเคราะห์แต่ะละวิธีไปด้วยกันดีไหมครับ ว่าทำได้หรือไม่ได้อย่างไรบ้าง ถือว่าเป็นการช่วยกันคิดหาทางออกให้กับวงการเพลงไทย ดีกว่าที่มานั่งโหลดฟรี ซื้อผีมาฟัง แล้วก็ด่าคนทำเพลง ด่าศิลปินกันไปวันๆ ​ดีไหมครับ เอาล่ะ ลองมาออกไอเดียกันเลยครับ จากคุณ : กึ่งยิงกึ่งผ่าน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 15:54:42

ความคิดเห็นที่ 2 เฉพาะของ Gmm นะ ไม่เคยซื้อ ดิจิตอล ดาว์นโหลดของที่นี่เลย พิธีกรรมเยอะเกิน แถมเห็นชาวบ้านบอกมาว่า ไฟล์ที่ได้ เสียงแค่ 128 ไม่ได้ต่างจากแผ่นผีเลย ซึ่งในขณะที่ RS และ you2play ที่เคยใช้บริการ พิธีกรรมในการตัดเงิน ยุ่งน้อยกว่า เพลงที่ได้ มีเสียงดีกว่า อันนี้ไม่นับแผ่นนะ เพราะแผ่นนะซื้ออยู่แล้ว ยิ่ง Gmm เขาทำ shopping8000 ให้สั่งแผ่นและของต่างๆนี่ สั่งไปหลายรอบแล้ว ชอบเพราะได้ของ จับต้องได้ บางทีมีลายเซ็นและเป็น limited edition ด้วย ขบวนการในการโอนเงินให้ตอนแรกว่ายุ่งแต่ ทำแล้ว ยังง่ายกว่าดิจิตอลดาวน์โหลดเยอะ จากคุณ : bbiggy เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 16:15:13

ความคิดเห็นที่ 3 กระทู้นั้นก็เป็นลักษณะของการพูดคุยกันในแง่ต่างๆ ที่ห้องนี้เคยถกกันมาเป็นเวลานานแล้วละครับ เห็นด้วยเลยเพราะว่า ทุกอย่างที่คนเสนอมา ส่วนใหญ่มันก็อุบัติขึ้นทั้งหมดไปแล้ว และบางอย่างก็ดีขึ้น บางอย่างก็แย่ลง วิธีปรับตัว  คงทำได้ยาก  แต่ถ้าจะเสนอแนะจริงๆสำหรับผมมีอย่างเดียวคือ "ทัศนคติ"  ในการฟังเพลง แน่นอน รายได้ของคนฟัง ผู้ซื้อ เท่าเดิม ดีไม่ดีอาจจะน้อยลงด้วยหากมีปัญหาเศรษฐกิจ ราคาแผ่นซีดี มันก็ลดลงมาในระดับที่ไม่ได้ทำร้ายกระเป๋าเงินจนเกินไปแล้ว ผลงานที่ฝ่ายผู้ผลิตเพลงทำออกมา  มีจำนวนไม่น้อยของวงการเพลงไทยที่ผมเชื่อว่า ไม่ได้ใช้เท้าทำออกมาแน่นอน เราไปปิดเว็บโหลด หรือห้ามคนปล่อยก็ไม่ได้  ห้ามคนโหลดก็ไม่ได้ ในเมื่อมันก็เป็นอีกทางนึงของการได้เพลงฟัง ดังนั้น สิ่งที่ควรปรับเปลี่ยนคือทัศนคติของผู้ฟังครับ มีวิธีคิดหลายๆวิธีที่ผมว่า  ถ้าเรานึกแบบนี้ได้แล้ว  จะเพิ่มความรู้สึกอยากอุดหนุนผลงานของจริงได้ ไม่มากก็น้อย - นักดนตรี คนทำเพลง กว่าจะคิดงานกันได้ เส้นเลือดในสมองแทบแตก รวมถึงต้นทุนในการผลิตไม่ว่าจะเป็นการเช่าห้องอัด อุปกรณ์เครื่องเสียง รวมทั้งค่าใช้จ่ายระหว่างขั้นตอนการผลิตต่างๆไม่ว่าจะเป็น ค่าจ้างคนเขียนเนื้อ คนทำดนตรี หรืออาจรวมไปถึงนักร้องไกด์ด้วยก็ได้ กล่าวคือ ทัศนคติต่อผู้ผลิตเพลง   เราควรจะสำนึกอยู่เสมอครับว่า  ไอ้สิ่งที่พวกเราๆโหลดกันมาอยู่นั้น  กว่ามันจะออกมาเป็น เพลงสมบูรณ์เพลงนึง  ผ่านกระบวนการคิด ใช้เวลา และพลังสมองมากมายเท่าไหร่  บุคคล และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องในแต่ละขั้นตอน มันยิบย่อยมาก บางทีเพลงเต็มสมบูรณ์เพลงนึง  เกือบจะเสร็จรอมร่อ  ก็ยังต้องมีการมานั่งแก้นั่งปรับdemoอะไรกันอีกหลายต่อหลายครั้ง กว่าจะผ่านออกมาให้คนได้ฟัง (สังเกตปัจจุบัน มักมีซิงเกิลที่เป็นdemo หลุดมาหลายๆอัน นั่นหมายความว่า กว่าเพลงจะออกมาสักเพลง เขาต้องแก้แล้วแก้อีกเป็นสิบๆร้อยๆครั้ง) ตรงจุดนี้เหมือนกับว่า  เราไปซื้อสินค้าทุกอย่าง บนโลกนี้.. หรือจะเปรียบง่ายๆ เป็นสินค้าหัตถกรรมชาวบ้านก็ได้  ซึ่ง เพลง ก็เป็นสินค้าไม่ต่างกันคือ ใช้แรงงานคนทำ ถ้าคุณซึ่งเป็นคนปกติ ไปเอาสินค้าของเขามาเฉยๆ โดยที่ไม่ต้องจ่ายเงินเลย คุณจะรู้สึกเช่นไร ผมจะไม่เปรียบตรงนี้ว่าเป็นการขโมยนะครับ มันทำให้เกิดความรู้สึกด้านลบมากเกินไป ซึ่งรวมถึงการโหลดเพลงด้วย แต่มันเป็นการ เอาไปใช้ แต่ไม่ได้ช่วยเหลือคน"ทำ" แค่นั้นเอง ดังนั้น  ถ้าเรามีโอกาสที่จะเอาสินค้านั้นมาได้ฟรีๆ โดยที่ไม่ได้ผิดอะไร แต่อย่างน้อย  ถ้ามีกล่องบริจาคอยู่สักกล่องนึง  วางอยู่ใกล้ๆสินค้าพวกนั้น.. ผมเชื่อว่า มนุษย์ผู้มีศีลธรรมเบื้องต้นอยู่ในใจ เกิน 90% คงช่วยบริจาคแน่นอน ถึงแม้จะบริจาคไม่เต็มราคา แต่อย่างน้อย ก็เป็นส่วนหนึ่ง และช่วยให้คนทำ ได้ลืมตาอ้าปาก มีเงินทำทุน ซื้อข้าวกินบ้าง.. เช่นกัน สำหรับสินค้าที่เป็นเพลงพวกนี้   พวกเรารวมถึงผม สามารถไปโหลดมันมาจากที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้.. แต่การอุดหนุนของจริง ไม่ว่าจะเป็นตัวซีดีอัลบั้ม หรือการโหลดถูกลิขสิทธิ์.. มันเปรียบเสมือน กล่องบริจาค ที่่วางอยู่ใกล้ๆ  ไม่ได้ลำบากเลยถ้าจะเดินไปหย่อนตังค์ลงในนั้น เช่นกัน ของจริง ก็ไม่ได้ซื้อหายากจนเกินไป  แถมสิ่งที่คุณจะได้นั้น ยังเป็นตัวสินค้าที่มีคุณค่าทางใจและมีคุณภาพสูงที่สุดเท่าที่คนทำเค้าจะผลิตออกมา.. คุณจะไม่หยอดกล่องนั้นหน่อยหรือ? จากคุณ : หัตถาครองพิภพ เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 16:18:39

ความคิดเห็นที่ 4 ขายพ่วงบัตรคอนเสิร์ตเลยจะดีไหมครับใส่ไปเลยในซีดี พอจบคอนเสิร์ตไปก็ลดราคาซีดี อีกอย่างคือการเพิ่มส่วนร่วมของผู้ซื้อซีดีกับศิลปิน ให้คนซื้อมีความรู้สึกว่ามีสิทธิ์เหนือจากผู้โหลด อย่างการได้รับเชิญมาพูดคุย กินข้าว ร้องเพลง หรือกระทั่งร่วมเล่นดนตรี ยกตัวอย่างซื้อบอดีสแลมแล้วมีโอกาสร้องเพลงกับพี่ตูน หรือซื้อซีดีสิงโตแล้วได้ชิงอูคูเลเล่หรือกระทั่งได้ร่วมเล่นเพลงกับสิงโต มันเป็นการเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับตัวซีดีและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแฟนเพลงกับศิลปินเพิ่มขึ้น จากคุณ : nonsaint เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 16:25:52

ความคิดเห็นที่ 5 #4 มันทำได้นะครับ แต่ศิลปินจะเหนื่อยมาก และทำได้แค่ครั้งเดียวต่อหนึ่งอัลบั้ม และหากเป็นศิลปินใหม่ ที่ยังไม่มีชื่อเสียง ก็ทำแบบนี้ลำบากครับ อันนี้ดูเป็นการทำ Campaign มากกว่าครับ แต่ก็ดีครับ ถึงทำไม่ได้ทั้งหมดทุกอัลบั้มก็ยังพอทำได้บ้างครับ เพิ่มเติมครับ..​เนื่องจากยุคนี้ Social Network มาก หลายๆ วงเค้าจะ Meet กับแฟนเพลงกันบ่อยๆ อยู่แล้ว ทั้งกิจกรรมจากเว็บหรือจาก Social Network เอง แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 54 16:31:47 จากคุณ : กึ่งยิงกึ่งผ่าน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 16:29:34

ความคิดเห็นที่ 6 คนมันจะละเมิด เอามาป้อนตรงหน้าเขาก็ไม่เอาหรอกครับ - -" จากคุณ : GenoGTN. เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 16:31:02

ความคิดเห็นที่ 7 ผมว่าอยู่ที่คนบริโภคกันมากกว่าครับ ผู้บริโภคสมัยนี้เป็นคนมักง่ายครับ อะไรที่คิดว่าฟรีได้ก็เอาไว้ก่อน ถ้าเราสามารถได้เครื่องแต่งกาย หรือทานข้าวได้อย่างฟรีๆก็คงทำไปแล้ว สิ่งที่คล้ายๆกันในยุคดิจิตอลคือเถื่อนได้เป็นเถื่อน หนัง เพลง โปรแกรม และการบริโภคของคนสมัยนี้เปลี่ยนไป สมัยก่อนมีแผ่นเสียง เทปคาสเซ็ท กว่าจะได้ฟังแต่ละทีก็ค่อนข้างจะละเมียดนิดนึง แผ่นเสียงต้องเอามาเช็ด ค่อยๆเอาเข็มมาวาง เทปคาสเซ็ทอยากฟังเพลงไหนก็ต้องดูหน้า A หน้า B แล้วก็กรอไปโดยการประมาณเอา แต่ในปัจจุบันเป็นยุคเร่งรีบครับ อยากฟังอะไร คลิกยูทูปก็เจอ อยากเก็บเพลงไหน โหลดไม่ถึง 5 นาที และไม่ค่อยจะสนใจคุณภาพด้วยซ้ำ ฟังได้เป็นพอ เพราะเพลงสมัยนี้ออกมากันเยอะมาก แปปเดียวก็เลิกฟังกันแล้ว และหลายคนคิดว่า "เพลง" เป็นสิ่งบันเทิงที่สิ้นเปลืองครับ แค่ฟังเพื่อความสนุก ผ่อนคลาย หรืออะไรก็แล้วแต่ตามแต่ละบุคคล ถามพนักงานบริษัท พ่อค้า แม่ค้า นักเรียน นักศึกษา ใครเค้าอยากจะซื้อแผ่น CD หรือเทปคาสเซ็ทกัน แล้วถามว่าให้โหลดแบบถูกกฎหมายเอามั๊ย โหลดฟรีก็มี ทำไมต้องโหลดเสียตังค์ด้วย และลงเอยด้วยเหตผลที่ว่า "ใครๆเค้าก็ทำกัน" แต่ในใจบอกว่า "ไม่อยากเสียตังค์" นี่คือสิ่งที่คนส่วนใหญ่คิดกัน แก้ยาก ถ้าไม่เริ่มจากผู้บริโภค ถ้าเรายังโหลดเพลงจาก 4share , โหลดหนังจากบิท , ลง app เถื่อนตามร้านมือถือตู้กระจก ผมรู้จักร้านขายกีตาร์ชื่อดังแห่งหนึ่ง ผมไปนั่งคุยกับเจ้าของร้าน เค้ามาเล่าว่ามีใครเอากีตาร์มาปล่อยขายบ้าง ผมฟังแล้วยังตกใจ เพราะเป็นศิลปินมีชื่อซะเยอะ คนทำเพลงหลายคนที่หายไปจากวงการเพราะเหตุผลนี้แหละครับ เพลงดี คนชอบ แต่ไม่สนับสนุนกัน คำว่า "ศิลปินไส้แห้ง" ก็คงไม่เกินเลยสินะครับ จากคุณ : beerboy เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 16:38:57

ความคิดเห็นที่ 8 การที่จะสะสมอัลบัมซักทีนึง คือต้องอินมากๆกับนักร้องคนนั้น อยากดูรูป อยากอะไร เอาจริงๆ คือเราไม่ใช่คนเน้นฟังเพลงอะไรมาก เพลงโปรโมทเพราะซักเพลงก็ซื้อละ อยากได้แพคเกจสวยๆ มีรูปนักร้องที่ชอบๆ จะรู้สึกภูมิใจมากเมื่อได้มาครอบครอง แล้วคือเหมือนกับศิลปินคนนี้ไม่รู้จัก ฟังเพลงเพราะเพลงนึง จะซื้อทั้งอัลบัมก็มีความรู้สึกว่าสิ้นเปลือง แบบนักร้องก็ไม่ชอบ ไม่รู้จะเอามาทำไมใช่มั้ยล่ะ คือแค่เพลงเพราะอย่างเดียวมันยังซื้ออัลบัมไม่ได้อ่ะ ต้องมีความผูกพันกับศิลปินด้วย ส่วนเรื่องดาวน์โหลดนี่ก็คือเหมือนโหลดมาเสียตังค์ จบ ไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งใจอะไร - - เอาจริงๆคือเป็นคนนึงที่อินกับการดาวน์โหลดเพลงของเกาหลีมากเลยนะ มีชาร์ตมีอะไรกัน ลุ้นกัน ช่วยกันโหวต รับรางวัลที่หนึ่งอะไรกันไป คนโหลดมันก็ภูมิใจเล็กๆนะ - - ถ้าจะลุ้นจะอะไรได้ขนาดนั้นมันก็ต้องมีความผูกพันกับศิลปินด้วย สำคัญนะ และควรมีชาร์ตหลักที่เชื่อถือได้ แบบไม่ใช่ชาร์ตใครชาร์ตมัน คือถ้าทำอะไรประมาณนั้นได้อ่ะ การโหลดเพลงถูกลิขสิทธิ์มันคงคึกคักขึ้นน่ะ แต่ทำยังไงก็แพ้ 4shared ใช่มั้ย? คือคิดว่าใครๆก็ชอบของฟรีอยู่แล้วล่ะ คงไม่ชนะ 4shared หรอก แต่ถ้าค่ายไปแอ๊บเป็น 4shared ซะเองล่ะ แบบไม่ต้องไปโหลดละ 4shared มาโหลดที่นี่ก็ฟรีเหมือนกัน ค่ายก็ใส่โฆษณาอะไรเข้าไป เอาค่าโฆษณาหน้าเว็บไป หรืออะไรยังไงก็ได้ ประมาณนั้นพอได้มั้ย? พวกแผ่น mp3 ตลาดนัดอีก ทำแพคเกจประมาณนั้น ราคาประมาณนั้น ไปขายแข่งเลย ร่วมมือกันก็ได้หลายๆค่าย กลุ่มลูกค้าตรงนี้มันก็มีอยู่ อุดมันให้หมดทุกช่องทางอ่ะแหละ ป.ล. เอาไว้เป็นแนวทางนึงละกัน พิมพ์ด้วยความหวังดีล้วนๆเลย เป็นกำลังใจให้วงการเพลงไทย ใครคิดเห็นยังไงติได้ครับ แต่ขอเบาๆ -..- จากคุณ : FarOwOk เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 16:47:18

ความคิดเห็นที่ 9 พวกที่โหลดฟรี แผ่นผีซื้อตลอด จนกลายเป็นสันดาน เปรียบเสมือนหนี้เสียของธนาคาร ควรปล่อยไปตามเวรตามกรรมของเขาดีกว่า (คือผมก็เหนื่อยใจกับพวกที่คิดแต่โหลดอย่างเดียวเหมือนกันน่ะครับ) ทางที่ดีควรจะมาสร้างฐานลูกค้าใหม่ๆ แฟนเพลงใหม่ๆ ทั้งในกรุง และตามหัวเมืองต่างๆ ตามจังหวัดต่างๆ ต้องอย่าลืมว่า คนฟังเพลงมีอยู่ทุกที่นะฮะ- - ............ ผมไม่แน่ใจว่าที่เมืองไทยมีคนเคยทำระบบนี้แล้วรึยัง... หากค่ายเพลงจะเปิดตัวนักร้องหน้าใหม่ สิ่งที่ควรทำเพิ่มเติมนอกจากการส่งแผ่นและไปออกรายการวิทยุหรือโทรทัศน์ต่างๆแล้ว นักร้องในวง...ก็น่าจะเดินแจกแผ่นพับแนะนำวงตัวเองตามย่านที่วัยรุ่นเดินกันเยอะๆ และมีมินิคอนเสิร์ตเล็กๆ ทุกๆวันหยุด ล่วงหน้าสัก2-3เดือน ส่วนค่ายเพลงก็ควรสนับสนุนให้คนรู้จักนักร้องหน้าใหม่เยอะๆ ด้วยการมีรายการ Live Music (คล้ายๆ Music Station ที่ญี่ปุ่น) แนะนำเพลงของนักร้องหน้าใหม่ สลับกับนักร้องดังๆ มาร้องคนละเพลง ออกอากาศในช่วงเวลา Prime Time ในฟรีทีวี ก็น่าจะดี ส่วนศิลปินที่ดังแล้ว ก็ควรจะมีทัวร์คอนเสิร์ต ทั่วทุกภาคก็น่าจะดีครับ เท่าที่สังเกต ที่ญี่ปุ่น นักร้องที่ชื่อเสียงไม่ดังมากเท่าไร ทางค่ายเขาก็จะมีทัวร์คอนเสิร์ตให้ร่วมกับนักร้องในค่ายเดียวกัน บางที่จัดในผับ บางที่...จัดในหอประชุมโรงเรียนด้วยซ้ำ และหน้าคอนเสิร์ต ก็มี cdเพลงและของที่ระลึกต่างๆวางขายตลอด และขอเพิ่มเติมหน่อยนะครับว่า.... ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่ศิลปินจะออกแค่ แผ่นSingle มีเพลงเพิ่มอีกสัก 1-2เพลง นอกนั้นก็ no vocal ไปก็พอ แล้วขายในราคาถูกๆ ไว้ครบปีค่อยออกอัลบั้มก็ได้... แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 54 16:53:40 จากคุณ : Uon เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 16:49:27

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าจะพูดประเด็นนี้อยากเสริมประมาณ 2 ประเด็นครับ 1. สำคัญมาก ผมไม่อยากให้เวลามองประเด็นนี้เป็นเรื่องของ "วงการเพลงไทย" เลยครับ มันเป็นประเด็นระดับโลก ไม่ใช่ประเด็นของคนที่ผลิตดนตรีในอุตสาหกรรมเ่ก่าเท่านั้น แต่เป็นประเด็นสำหรับผู้ผลิตรายเล็กๆ ด้วย สิ่งที่ผมเห็นอย่างหนึ่งคือ สำหรับผู้ผลิตรายเล็กๆ บางทีตลาดมันก็กว้างขึ้น เวลาทำเพลงมาก็ไม่จำเป็นต้องคิดถึงคนแถวๆ นี้ก็ได้ แต่คิดถึงตลาดระดับโลกที่คนที่อาจชอบเพลงของเขากระจัดกระจายอยู่ทั่วโลก ประเด็นผมคือ เราไม่ควรจะเริ่มถามว่า จะทำยังไงให้ "ค่ายเพลงไทย" รอดจากวิกฤตินี้ แต่เราจะพัฒนาไปสู่วัฒนธรรมดนตรีที่เอื้อให้เกิดความสร้างสรรค์ที่สุดกับคนเล่นดนตรี พร้อมๆ กับเป็นธรรมกับคนฟังเพลงที่สุด ซึ่งนี่ทำให้เราต้องกลับมาคิดถึงสมดุลระหว่าง Copyright กับ Fair Use ที่ผมได้ยกมาแล้ว เพราะกฏหมายลิขสิทธิ์ด้วยสปิริตมันไม่ใช่เครื่องมือในการรักษาสิทธิของผู้ผลิตเท่ากับเครื่องมื่อสร้างความสมดุลระหว่างผลประโยชน์ของเอกชนผู้ผลิตศิลปวัฒนธรรมกับสาธาณชนในวงกว้าง 2. ผมว่าเราควรจะแยกแยะ ระหว่าง "การละเมิด" โดยการโหลดเพลง กับการละเมิดโดยการฉกฉวยเอางานคนอื่นมาแล้วบอกว่าเป็นงานของตัวเองนะครับ คนละเรื่องเลยนะครับ คนจำนวนมากที่เสนอให้มีโหลดเพลงเสรีมันไม่มีใครเสนอให้มีการขโมยงานคนอื่นมาแล้วบอกว่าเป็นงานตัวเองนะครับ ภาษาอังกฤษมีคำเฉพาะเลยกับการกระทำแบบนีคือ Plagiarism ภาษาไทยมันไม่มี บางทีเวลาพูดถึงการ "ขโมย" ความหมายมันไหลไปมามันก็เลยสับสน คนใน "ประเทศที่เจริญแล้ว" จำนวนมาก สนับสนุนการเอางานมาดัดแปลงอย่างเสรี (ในจำนวนนั้นรวมการโหลดเพลงและเผยแพร่เพลงโดยไม่ต้องได้รับอนุญาตด้วย) แต่ไม่มีใครสนับสนุน Plagiarism จากคุณ : FxxkNoEvil เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 16:50:45

ความคิดเห็นที่ 11 บล็อค เว็บให้โหลดเพลง ให้หมด แล้วก็เปิดให้โหลดแบบถูกกฎหมาย ทำให้ มีหลายๆเว็บ แล้วต้องทำให้เห็นด้วยว่า แฟนคลับที่โหลด เอาคะแนนที่โหลด ไปจัดอันดับ ใครยอดดาวโหลดกับCDเยอะ สุดก็ได้รางวัลไป เอาง่ายๆเลย ทำแบบเกาหลีนั่นแหละ ที่เกาหลีใช่ว่าจะไม่มีโหลดผิดกฎหมายนะ มีแถมเยอะกว่าเราด้วย แต่เขาก็ยังทำให้คนโหลดถูกกฎหมายเยอะได้อะ จากคุณ : Namtaothong เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 16:53:53

ความคิดเห็นที่ 12 - เห็นค.ห. ที่คุณ nonsaint พูดมา ดูมีประเด็นน่าเสริม อันนี้จากที่ผมเห็นนะครับ - คอนเสิร์ตมักตามหลังมากจากยอดขายซีดีครับ คือยอดขายซีดีคือตัวหยั่งความนิยมระดับนึงว่า สมควรเปิดคอนเสิร์ตหรือไม่ เพราะคอนเสิร์ตงานนึงลงทุนสุงมาก เว้นแต่..วงที่มี fanbase เดนตาย เช่นสาย Rock บ้านเราเคยมีวงทำแบบนี้แล้วครับ - การเพิ่มส่วนร่วมของผู้ซื้อซีดีกับศิลปิน อันนี้เขามักทำกับงานในแง่ show biz ครับ เพราะมันต้องมีสปอนเซอร์อื่นด้วย ในต่างประเทศมีบางวง แจกเพลงฟรีไปเลย แต่ขาย merchandise เอา หรือว่า แจกเพลงฟรีแต่ถามแฟนเพลง ใครอยากได้แบบ hard copy ให้รวมตัวกันสั่งมาในจำนวนเท่านั้น เท่านี้ซึ่งการันตีระดับนึง จากคุณ : jetboat เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 16:54:33

ความคิดเห็นที่ 13 สำหรับผม ตอนนี้ซื้อซีดี ออกแนวเป็นการสะสม + ให้กำลังใจศิลปิน ครับ ชอบตรงจับต้องbookletไรงี้ได้ครับ สำหรับส่วนที่อยากให้เพิ่มหรือปรับตัวของผม 1. ผมอยากให้คุณภาพกล่องซีดี ให้แข็งแรงขึ้นหน่อย มีใส่ file MP3 + tag + cover ไรงี้มาให้ครบๆเลย (ที่เคยเห็นมีก็แผ่น girl feel) เพราะซื้อมาเอง ขี้เกียจมานั่งริป หาปกชัดๆใส่ ผมว่าอันนี้ เพิ่มความสะดวกให้คนที่ซื้อมาฟัง แล้วต้องการก๊อปลงพวก pmp ทั้งหลาย (เพราะไงๆ คนจะก๊อปเถื่อน มันก็นั่งริปกันเองได้อยู่แล้วต่อให้ไม่มี) 2.ส่วนตัว booklet ผมอยากให้มีเพิ่มเรื่อง เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับตัวเพลง อาจจะที่มาที่ไป หรือ อะไรก็แล้วแต่ 3.อันนี้อยากได้มากที่สุด อยากให้มี instrumental ของทุกๆเพลง หรืออย่างน้อยๆเป็นเพลงช้า (ทุกเพลง) ในอัลบั้ม ส่วนนี้ชอบมาก ตอนนี้ได้แต่เอา คาราโอเกะมาฟัง แต่ก็แน่นอน มันยังห่างจาก instrumental อยู่ดี ก็แค่นี้แหละครับ พิมพ์มาเยอะจังจะมีคนอ่านมั้ยเนี้ย - -* สำหรับผม ถามว่าโหลดเถื่อนมั้ย โหลดครับ ตอบอย่างตรงๆเนี้ยแหละ ไม่ได้โกหก แต่ผมก็ซื้อนะครับ : ) เห็นด้วยกับด้านบนนะครับ ถ้าคนจะก๊อป ยังไงก็ก๊อป ต่อให้เพลงเพราะแค่ไหน แผ่นน่าสะสมแค่ไหนก็เหอะ จากคุณ : ska sky เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 16:58:25

ความคิดเห็นที่ 14 แต่ถ้าถามผมว่า "ค่ายเพลง" ควรจะปรับตัวไง 1. ค่ายใหญ่ ผมว่าควรจะเลิกมองตัวเองเป็นค่ายเพลงแล้ว มองว่าตัวเองทำ Entertainment Business เต็มสูบเลย (นี่ผมพูดราวกับว่ามันยังไม่เป็นงี้นะ) เวลาผลิตสินค้า ก็ต้องโกยจากทุกทาง ต้นทุึนก็ต้องโป๊ะด้วย Sponsor มากขึ้น (อันนี้จะว่าไปก็ได้ยินว่าเกิดขึ้นจริงๆ) แล้วก็ต้องพยายามผลิตสินค้าเสริม ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ต และพวก Merchandise ต่างๆ ซึ่งนี่รวมถึงเอานักร้องไปขายในอาณาบริเวณอื่นๆ (เช่น โชว์ตัว โฆษณา) แล้วหัก % มากขึ้นด้วย 2. ค่ายเล็ก ถ้าจะมีก็น่าจะผลิตงานดนตรีเฉพาะทางทำนอง ศิลปะเพื่อศิลปะ ก็ควรจะหลีกเลี่ยงการขาดทุนด้วยมองตลาดระดับโลกมากขึ้น และก็ต้องหาทางผลิตสินค้าในแบบอื่นๆ ที่ยังโหลดไม่ได้ มาเพื่อ Finance ส่วนอื่นๆ ไอ้สินค้้านี่จะเป็นไรก็แล้วแต่วัฒนธรรมดนตรี ถ้าเป็นพวก Metal ก็อาจจะขาย "สิ่งของจำเป็น" อย่างเสื้อทัวร์ ไรพวกนี้ ถ้าเป็นอย่างอื่นก็ต่างๆ กันไป ฯลฯ ถ้าผมทำธุรกิจพวกนี้ผมว่าเลิกคิดดีกว่าว่าจะหากำไรอย่างไรจากยอดขายปลีกงานดนตรี มันต้องเปลี่ยน Business Model แล้ว สินค้าต้องเปลี่ยน และ Sponsorship จะต้องมีบทบาทมากขึ้น จากคุณ : FxxkNoEvil เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 16:58:53

ความคิดเห็นที่ 15 จาก  #7 จะว่าแบบนั้นมันก็ใช่เรื่องนิ เสื้อผ้า ใส่แล้วมันก็ขาด ก็ทิ้ง ข้าว กินแล้วก็หมดไป ไม่หมดก็บูด เพลง ทำออกมาแล้ว แม้คนทำตายมันก็ยังอยู่ ลองมองดูครับ ว่าศิลปิน จะเอามูลค่าอะไรได้จากเพลงบ้าง บางทีคนฟัง ไม่ได้อยากฟังเพลงใหม่ๆ เสมอไป เมื่อก่อน สมัยเป็น Cassette ผมซื้อมันแทบทุกตลับ chromium ก็ซื้อ ทั้งๆ ที่มีแบบธรรมดาแล้ว Digital Dolby B เป็นที่โปรดปราณในสมัยนั้น พอมาเป็น CD เริ่มซื้อน้อยลงหันมาฟังบน iPOD แต่ก็หาซื้อเพลงไทยบน iTune แทบไม่มี พองานเริ่มเข้มงวดมาก เวลาฟังเพลงก็น้อยลง รถยนต์สมัยก่อน ก็ฟังได้แต่ CD แรกก็มีความคิดว่า ใครๆ เขาก็ Copy กัน แต่พอไปอยู่ต่างจังหวัด แตกต่างครับ คนต่างจังหวัด ยังเรียกร้องเทป และแผ่น CD อยู่ บางคนฟังจนแผ่นลาย เขาอยากจะฟังอีกนานๆ เขาเลยมาให้ผมช่วย Copy ให้ที เลยนึกขึ้นได้ว่า หากซื้อแล้ว น่าจะไปเอาแผ่นให้ได้เสมอ แต่จะด้วยวิธีการไหน อันนี้ก็น่าคิดเพราะหากมาบอกว่าแผ่นหาย นี่ก็ลำบาก เห็นใจทั้งสองฝ่าย เพราะสัมผัสได้ที่สอง เคยเป็นนักดนตรี ทำเพลง ซ้อมกันเป็นกิจวัฒ ค่าห้องซ้อมก็ต้องเสียเงิน เครื่องดนตรีก็ต้องบำรุงรักษา และหลังๆ ไม่รู้ผมสังเกตุไปเองไหมว่า Concert มีน้อยมาก แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 54 17:05:57 จากคุณ : jayz เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 17:04:48

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้าพูดถึงเรื่อง block เวปโหลดทั้งหลาย ผมว่านะคุยประเด็นนี้กันอีกยาวเลย เพราะสุดท้ายแล้ว มันเป็นเรื่องผลประโยชน์ของพวกตัวบิ๊กๆอยู่แล้วผมว่า - -* ไม่รู้ว่าระหว่าง ปลูกจิตสำนึก กับ ปัญหาใต้โต๊ะ อะไรจะแก้ได้ง่ายกว่า จากคุณ : ska sky เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 17:14:54

ความคิดเห็นที่ 17 ผมว่าสิ่งที่เราน่าจะต้องคิดด้วยก็คือ อีกหน่อยการทำ Album มันจะเป็นสิ่งสิ้นเปลืองที่ไม่จำเป็นมากขึ้น และ Album ในฐานะที่เป็นรูปแบบหลักของชิ้นงานมันจะค่อยๆ หายไป แนวดนตรีที่ความเป็นศิลปะของมันอยู่กับการทำอัลบั้มน่าเป็นห่วง ดนตรีอีกรูปแบบที่น่าเป็นห่วงคือพวกดนตรีที่ไม่สามารถลดต้นทุนลงได้ในกระบวนการปฏิวัติดิจิตัลทั้งหมด ปฏิวัิติ Digital ในภาพรวมมันลด Demand ก็จริง แต่มันก็ช่วยลดต้นทุนด้วย ถ้าปรับตัวกันดีๆ ก็อาจทำเพลงต่อกันไปได้ แต่ถ้าปรับตัวไม่ได้ก็ตายแน่ๆ เพราะคุณจะแข่งขันในตลาดไม่ได้ ต้นทุนคุณจะบานปลายเกินไปในระดับที่แค่ผลิตให้มันเท่าทุนยังแทบจะทำไม่ได้เลย จากคุณ : FxxkNoEvil เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 17:15:17

ความคิดเห็นที่ 18 ขอแก้ไขเรื่องค่าตอบแทนงานจ้างครับ ขอมาแก้ตรงนี้ ไปแก้ข้างบนแบบ Rich Mode ไม่ได้ครับ ได้รับข้อมูลเพิ่มเติมมาว่า สำหรับของ GMM นั้น หากศิลปินมีงานจ้าง เงินค่าจ้างส่วนหนึ่งจะหักเป็นค่าลิขสิทธิ และจ่ายคืนให้กับผู้เขียนเนื้อเพลงและคนทำทำนองด้วยครับ เพื่อนผมเป็นนักแต่งเพลง เคยอยู่ค่ายหนึ่ง เขียนเพลงดังมาก ศิลปินมีงานจ้างมากมาย แต่เค้าไม่ได้ค่าส่วนแบ่งตรงนี้เลย อันนี้คงแล้วแต่ค่ายแล้วล่ะครับ จากคุณ : กึ่งยิงกึ่งผ่าน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 17:18:52

ความคิดเห็นที่ 19 ตอบเพิ่ม..ในแง่ music marketing นะครับ - ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่ศิลปินจะออกแค่ แผ่นSingle << ทุกวันนี้ก็เป็นแล้วครับ แต่อยู่ในระบบ digital download ครับ ถ้า 2-3 เพลงไม่รุ่ง ก็มุ่งเข้าเตาเผาได้เลย แต่ที่โจ๊กกว่าคือ...มีวันนึงผมนั่งคุยกับผู้ใหญ่ในวงการ แล้วแอบได้ยินเค้าคุยกัน เพลงเพลงเพิ่งออกจากสตู แต่มีให้โหลดในเว็บเถื่อนก่อนเอาเข้า ivr ซะอีก - ส่วนศิลปินที่ดังแล้ว ก็ควรจะมีทัวร์คอนเสิร์ต ทั่วทุกภาคก็น่าจะดีครับ << ทุกวันนี้ก็เป็นอยู่ครับ แต่ผูกกับแบรนด์สินค้าไปในฐานะ show ส่งเสริมการตลาด ที่ชัดๆเลยตอนนี้ก็ pepsi ที่รุกตลาดนี้เยอะมาก - ก็น่าจะเดินแจกแผ่นพับแนะนำวงตัวเองตามย่านที่วัยรุ่นเดินกันเยอะๆ และมีมินิคอนเสิร์ตเล็กๆ ทุกๆวันหยุด ล่วงหน้าสัก2-3เดือน << การเดินแจกแบบนั้น มันยุคเก่าก่อนนานมากแล้วครับ ซึ่งสิ้นเปลืองสุดๆ เพราะย่านวัยรุ่นเดินนี่..เป็นเงินเป็นทองหมดครับ ยุคนี้ใช้ youtube channel+fb ครับ ส่วน live ที่ผมเจอมาก็มีบ้าง โดยมากเขาจะไปแคมปัส หรืองานการกุศลอยู่ แล้วพ่วงขาย mechandise จากคุณ : jetboat เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 17:22:58

ความคิดเห็นที่ 20 มันมีแนวคิดที่ว่า การตลาด คือสิ่งที่มนุษย์คิดขึ้นเอง เอามันมายุ่งกับศิลปะเอง จริงๆ การตลาด มันไม่มีอยู่ในโลก งานศิลปะคืองานที่ควรจะครอบครองได้ฟรีๆ เห็นแนวคิดแบบนี้จากกระทู้ที่แล้วครับ ผมล่ะเชื่อเลยจริงๆว่า ยุคสมัยมันเป็นไปได้ขนาดนี้ ความสะดวกสบายมันเปลี่ยนความคิดคนไปได้ขนาดนี้ จากคุณ : Norma Jump เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 17:23:29

ความคิดเห็นที่ 21 ถ้า mp3 vampire มันขายดี แล้วทำไมไม่ไปขายแทนมันละ จับมือกัน จะ gmm rs อะไรก็ตาม ขายแบบแผ่นผีไปเลย  อย่างน้อยก็อุดช่องโหว่คนซื้อตามตลาดนัดได้เยอะโข อย่าบอกว่าทำแล้วนะ เพราะที่เห็นส่วนมากเป็นเพลงเก่ากึ๊ก  เอาเพลงใหม่ๆ นิวซิงเกิ้ล นิวอัลบั้มเลย แผ่นละ 60, 30  ดูสิว่า ผีมันจะก๊อปแข่งอีกไหม ......... อีกอันคือขายแล้วแถมดูคอนเสิร์ตไปเลย  เปิดอัลบั้ม  ใครซื้อช่วงตั้งแต่ 1-30 วันแรกที่ออกขาย ดูคอนเสิร์ตฟรี  ไม่ต้องจัดใหญ่โตไรนะ  เด๋วมาบ่นว่าใช้เงินเยอะอีก  เอาแบบมีทแอนกรี๊ดพอ ให้เห็นศิลปินได้ลูบคลำพอ ............ ขายตรง ศิลปินจัดงานแบบ หนังสือบุ๊คแฟร์  ออกงานกันหน่อย ศูนย์ประชุม หรือเมืองทองไรก็ว่าไป มารอแจกลายเซ้นในงาน ให้ถ่ายรูป หอมแก้มได้เลย สำหรับคนซื้อ อย่าทำตัวแบบ คนฟังเอื้อมไม่ถึง  ขอใกล้ชิดหน่อย  รับรองยอดขายตรึม ............ ขายพ่วงไปเลย  ไปจับมือกับพวก sf กับ major โน่นเลย ขายแผ่น ได้ฟรีตั๋วหนัง เอาไปแลกบัตรดูหนังได้  กำไรลดลงหน่อยแต่ดูเออ ได้ไรกลับคืนมาบ้าง .......... ทำเวปแบบ paypal ไปเลย ให้โหลดฟรี  ถ้าชอบก็กดบริจาค หรือกดผ่านทรูมันนี่ไรก็ว่าไป ไม่ต้องบังคับ ฟังแล้วชอบเด๋วบริจาคให้เอง .......... จากคุณ : Jesus2000 --=AnThraX=-- เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 17:26:01

ความคิดเห็นที่ 22 #21 ถึงแม้คำแนะนำบางอย่างจะมีความเสี่ยงสูง แต่หลายๆ คำแนะนำก็น่าสนใจครับ จากคุณ : กึ่งยิงกึ่งผ่าน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 17:29:21

ความคิดเห็นที่ 23 สถาบันการสนับสนุนศิลปวัฒนธรรมมันเปลี่ยนไปทุกยุคสมัย ก่อนช่วงศตวรรษที่ 19 ในยุโรปพวกนักดนตรีจำนวนมากก็อยู่ได้เพราะขุนนางเลี้ยง พอมาศตวรรษที่ 19 ศักดินายุโรปล่ม นักดนตรีจำนวนมากก็ต้องมาหากินในตลาด ช่วงเวลานั้นสอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของชนชั้นกลางพอดี และศตวรรษนี้ความขัดแย้งของศิลปะกับการค้าก็ทวีเข้มมาก ความคิดว่าธุรกิจเป็นสิ่งชั่วร้ายทำลายศิลปะมันเกิดจากยุคนี้ ศิลปินมีความต้องการที่ขัดแย้งมาตั้งแต่ยุคนี้ คือในทางหนึ่งก็อยากให้ตลาดอุ้ม ในอีกทางก็อยากทำงานตามใจชอบ ในกรณีวัฒนธรรมดนตรีในศตวรรษที่ 20 มันยิ่งไปกันใหญ่ คือการทำงานกับบรรษัทมันกลายเป็นเรื่องปกติ ซึ่งแรกๆ มันไม่แปลก เพราะ ต้นทุนการบันทึกเสียงมันสูงมากๆ แต่จุดหักเหคือการบันทึกเสียงแบบ Digital ที่ทำให้ทั้งต้นทุนบันทึกเสียงในหมู่ผู้ให้บริการลดลง และเกิดการแข่งขันมากขึ้น จากคุณ : FxxkNoEvil เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 17:37:37

ความคิดเห็นที่ 24 อีกอย่างที่อยากให้มองคือ ด้วยเทคโนโลยีที่มีอยู่นี้มันทำให้คนเล่นดนตรีและวงเล่นดนตรีเยอะขึ้นด้วย จะทำยังไงให้โอกาสมันกระจายทั่วถึงขึ้นกว่ายุคก่อน คือผมมองในแง่ระบบทั้งระบบ กับการกระจายรายได้ให้ผู้ผลิตดนตรีโดยรวมๆ ถ้ามันกระจายรายได้ทั่วถึงขึ้น ไม่ไปกระจุกที่ดาราดนตรีบางคนแบบสมัยก่อนผมก็คิดว่าคงจะดี จากคุณ : FxxkNoEvil เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 17:40:15

ความคิดเห็นที่ 25 อยู่ที่จิตใต้สำนึก ของผู้บริโภคแล้วแหละครับ เพราะทาง ต้นสังกัด และ ตัวศิลปินเอง ออกมารณรงค์แล้วทุกวิถีทาง แต่ก็ยังเหมือนเดิม แล้วอีกอย่างอัลบั้มเต็มสมัยนี้กว่าจะได้มีไว้ครอบครอง ก็ ออกซิงเกิ้ล 3-4 กว่าจะได้ซื้อ เพลงที่ชอบฟังก็เก่าไปแล้ว คือแบบว่า อยากฟังครบ 10 เพลง เลยอะไรงี้ไม่ต้องรอ อ่ะ จากคุณ : นายเฉิ่มโบ๊ะ เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 17:40:36

ความคิดเห็นที่ 26 เกลียดพวกที่ด่าว่าเพลงห่วย แต่ก็ไปโหลดเพลงห่วยๆมาเก็บไว้เต็มฮาร์ดดิสก์ จากคุณ : ... ฮานะจัง ... เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 17:56:52

ความคิดเห็นที่ 27 ขอย้ำอีกครั้งนะครับว่าการ Download ไม่ใช่การขโมย ไม่มีวัตถุทางกายภาพใดๆ หายไป ต้นทุนผลิตต่อหน่วยก็ไ่ด้เพิ่มขึ้น ปัญหานี้ในทางเศรษฐศาสตร์เรียกว่า Free Rider คือ การเข้ามาใช้บริการโดยไม่จ่ายเงิน มีทางแก้หลายทาง (ในนั้นโดยทั่วไปไม่มีการ "สร้างจิตสำนึก" เพราะอะไรพวกนี้แม้อาจฟังดูดีไม่ใช่สิ่งที่ทำได้จริง อาจทำได้ในระยะเวลานานมากๆ ซึ่งไม่ทันใช้) ถ้าไม่ให้รัฐมาหนุน (ลองนึกถึงพวกบริการฟรีๆ ที่รัฐจัดให้ครับ เช่น ตำรวจ ทหาร) ให้ภาคธุรกิจทำเอง การผลิตของที่มี Free Rider เกิดขึ้น ถ้าต้องการจะ Finance การผลิต ก็ต้องหา Business Model ใหม่ที่รายได้หลักไม่ได้มาจากการขายสิ้นค้าต่อหน่วย จากคุณ : FxxkNoEvil เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 17:59:19

ความคิดเห็นที่ 28 ผมมาเพื่อค้านด้วยความหวังดีเกี่ยวกับการออกซิงเกิ้ลไปก่อนรวมอัลบั้มทีหลัง มันไม่ได้เงินเท่าไหร่หรอก คนส่วนมากฟังเพลงเป็นแฟชั่นมากกว่า มีกี่คนกันที่จะเอาเพลงมาเปิดฟังราย ละเอียดการบันทึกเสียงเหรอ เอามาฟังเพื่อศึกษาว่าเรียบเรียงยังไงเหรอ หรือที่ บ้านมีเครื่องเสียงไฮไฟเหรอ มันจะมีกี่คนกัน กว่าจะรวมอัลบั้มเพลงมันก็เก่า เลิกฮิต เลิกฟัง ไม่ซื้อแล้ว มันจะมีเพลงจำพวกหนึ่งที่ไม่เป็นแฟชั่น ซึ่งคนฟังเพลงคิดว่าพวกนี้ควรค่าแก่การ เสียเงินซื้อ CD มากกว่าเพลงตลาดที่ออกมาแป๊บเดียวหายไป เพลงตลาดๆมันกู่ ไม่กลับแล้วครับที่จะให้คนมาซื้อ CD ตอนนี้ค่ายเทปอาศัยช่วงฮิตขายของหาส ปอนด์เซอร์จัดโชว์โน่นนี่นั่นไปด้วยน่ะ มันเป็นทางออกที่ดีแล้วครับ รู้มั้ยพ่อค้า สมัยอียิปโบราณก็มีการตีเกาะร้องเพลงให้คนสนใจ แล้วพวกเขาก็ได้ขาย ช้าง   ม้า วัว ควาย สงสัยดนตรีมันกำลังกลับไปสู่จุดเริ่มต้นจริงๆแล้วล่ะ จากคุณ : beeboyguitarpop เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 18:04:34

ความคิดเห็นที่ 29 ไม่รู้ล่ะ ถ้าฟังเพลงจนเสพย์ติด หลงใหลในเครื่องดนตรีได้ทุกชิ้นแล้ว จะไม่อยากทนฟังเพลงที่ชอบในรูปแบบ mp3 ที่ต่ำกว่าไฟล์ lossless เลย ก็เลยต้องซื้อของจริงมา rip เอง เสมอมาเสมอไป แต่ถ้าค่ายจะให้เสียเงินดาวน์โหลด แต่ให้คุณภาพไฟล์สูงๆ หน่อยก็จะน่าสนใจมากก เพราะอย่างเพลงที่ให้กดมือถือโหลด หนึ่งสองสาม อะไรนั่น ไฟล์ก็สุดแสนจะแย่ เซ็ง จากคุณ : zombitzh เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 18:06:57

ความคิดเห็นที่ 30 เหตุผลของคนโหลดเพลงฟัง มันมีร้อยแปดแหละครับ ถามร้อยคนก็ต้องมีเหตุผลที่น่าสมเพชทุเรศทุรังจนได้ สักคนแหละน่ะ ดังนั้นอย่าเสียเวลาต่อความยาวกับเรื่องนี้เลยครับ - ค่ายเพลงไม่ยอมทำเพลงมาให้โหลดเองนี่นา เราก็ต้องหาโหลดกันสิ ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ก็คงทราบกันอยู่แล้วครับว่า ค่ายเพลงมีบริการโหลดเพลงอยู่แล้ว คงมีแต่ส่วนน้อย เท่านั้นที่ไม่รู้จริงๆ การจะเอาคำตอบของคนไม่กี่คนมาเหมารวมคนส่วนใหญ่คงจะไม่ถูกนะครับ ยอดขายริงโทนและโหลดเพลงทุกวันนี้ก็เป็นรายได้ที่ไม่ใช่น้อย ต้นทุนต่ำ กำไรสูง ได้เงินเร็ว ไม่ต้อง ผ่านกระบวนการผลิตเป็นแผ่นซีดี ซิงเกิ้ลออกปุ๊บขายได้ปั๊บไม่ต้องรอขายอัลบั้ม แถมยังได้เป็นกอบเป็นกำ และแบ่งปันไปถึงมือคนแต่งเพลงเต็มๆ ด้วย ที่ยอดขายตกน่ะคือยอดขายซีดีไม่ใช่หรือครับ แล้วแปลกตรงไหนที่ยุคนี้แล้วยอดขายซีดีตก? คนที่ไม่อยาก ให้ตก หรือพยายามจะดึงให้มันไม่ตกต่างหากที่แปลก ยอดซีดีไม่ดี แต่ยอดขายดาวน์โหลดกระจุย ก็คนมันโหลดฟังตั้งแต่เป็นซิงเกิ้ลแล้ว พอเป็นอัลบั้มมันก็เหลือ แต่พวกต้องการสะสมจริงๆ ที่ซื้อ ยอดมันก็ต้องตกไปตามยุคสมัย แล้วมันแปลกตรงไหน? แต่เวลาเขาเอามาขอความเห็นใจเขาก็เอายอดขายซีดีมาให้ดู ไม่เอายอดดาวน์โหลดมาให้ดูหรอกครับ และถ้ามีบริการโหลดเพลงแล้ว(บางเพลง)คนไม่ซื้อ เงินไปถึงมือคุณน้อยจนน่าใจหาย ทำไมถึงไม่คิดว่าที่เค้า ไม่ซื้อเพราะเพลงคุณไม่โดนใจ ทำไมถึงไปคิดว่าเค้าไม่ซื้อเพราะไม่อยากเสียเงินล่ะครับ? อย่ามองแต่ด้านเดียวสิครับ - ก็ปรับตัวเอาสิ หารายได้จากทางอื่นเอา แค่นี้ก็ไม่ยอมปรับตัว รายได้จาก CD น้อย ก็ไปหารายได้จากที่อื่นสิ อ้าว... (ก็)วงไม่ดัง(เอง ก็เลย)ไม่มีงานโชว์ตัว แล้วจะให้ทำไงดีล่ะครับ พูดอะไรแปลกๆ แม่ค้าข้าวแกงทำ กับข้าวอร่อยมีคนซื้อ ก็อยู่รอดสิครับ ถ้าแม่ค้าทำกับข้าวไม่อร่อยไม่มีคนกินแล้วจะให้ช่วยยังไงล่ะ? ส่วนเรื่องหารายได้จากเก็บค่าเปิดเพลง นี่แสดงว่าไม่รู้เรื่องอีกคนนึงแล้ว ที่เค้าด่ากันน่ะ เค้าด่าพวกที่ไปซื้อ ใบมอบอำนาจแล้วมาตั้งแก๊งข่มขู่เรียกเงินต่างหากล่ะครับ พวกนี้มันไม่อยากเสียเวลาขายสติกเกอร์ได้กำไร ทีละนิดทีละหน่อย สู้ล่อเปิดเพลงแล้วข่มขู่เรียกค่ายอมความได้เงินคืนละเป็นแสนๆ ไม่ดีกว่า คนที่ยินดีซื้อสติกเกอร์น่ะมีเยอะแยะครับ อย่างตู้คาราโอเกะนี่แทบวิ่งตามหาคนขาย เซลที่เดินขายสติกเกอร์ หรือใบอนุญาตเปิดเพลงแบบดีๆ ก็มีเยอะแยะ มันเสียกับพวกแก๊งไม่กี่คน เค้าไม่ได้ด่ากันเละอย่างที่คิดหรอกนะครับ (นี่แสดงว่ารู้มาแค่นี้ล่ะสิ) รายได้จากขายสติกเกอร์ก็เป็นรายได้หลักอย่างหนึ่งของบริษัท และไปถึงมือนักแต่งเพลงเต็มๆ ด้วย และจริงๆ แล้วโมเดลการขายสติกเกอร์นี้ก็คิดขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือนักแต่งเพลงด้วยซ้ำ - ก็ทำเพลงออกมาให้ฟังฟรีสิ แล้วไปหารายได้จากงานจ้าง จากคอนเสิร์ตเอา ซ้ำซ้อนกับข้างบนนะครับ ไม่รู้จะมีทำไมข้อนี้ - เพิ่มมูลค่าของ CD สิ ทำ package ให้มันดีๆ หน่อย คนจะได้ซื้อ ก็บอกแล้วว่า ยุคนี้ยอดขายซีดีตกมันเป็นเรื่องปกติ คนที่มาต่อล้อต่อเถียงเรื่อง package สวยไม่สวยนี่น่า จะผิดปกติครับ - ในเมื่อเค้าโหลดกันเป็นไฟล์ ก็หาทางป้องกันไฟล์เหล่านั้นไม่ให้ copy ได้สิ ก็เล่นล๊อกซะจนลูกค้าดีๆ ต้องมาไม่สะดวกไปด้วย แล้วมันเป็นความผิดของใครล่ะครับ? เรื่องนี้มันผิดมา ตั้งแต่ "วิธีคิด" (ว่าต้องล็อกเพลง)แล้วครับ จะไปโทษคนอื่นทำไม - ก็ทำเพลงห่วย ทำเพลงเหมือนใช้เท้าทำ ให้ฟรีก็ไม่ฟังหรอกเฟร้ย ที่ว่าห่วยนั้น ไม่ได้หมายถึงตัวเพลงหรอกนะครับ แต่มันห่วยมาตลอดทั้งกระบวนการ ตั้งแต่การคัดสรรศิลปินที่ เอาแต่หล่อๆ สวยๆ เอามาสร้างแบรนด์สร้างอิมเมจ (ที่ไปลอกเกาหลีมา) แล้วให้ความสำคัญกับเรื่องความ สามารถเป็นอันดับท้ายสุดแบบดูถูกคนฟัง ทุ่มเงินไปกับการซื้อสื่อวิทยุทีวีมากกว่าลงทุนไปกับการพัฒนาศิลปิน ดังนั้นต่อให้นักแต่งเพลงแต่งเพลงดีขนาดไหน ต่อให้สตูบันทึกเสียงดีขนาดไหน มันก็คือเพลงที่ห่วยครับ เอ้าเพิ่มให้อีกข้อ - เพลงห่วยแล้วโหลดมาฟังทำไม (ตอบในมุมคนฟัง) อยากฟัง แต่ไม่มากถึงขนาดต้องเสียเงิน จบ...มันก็ง่ายๆ แค่นี้เอง เหตุผลแค่นี้มันยังไม่พอ ตรงไหนอีก? ไม่เห็นต้องลากเรื่องจิตสำน้งสำนึกเข้ามาเกี่ยวเลย ปัญหาที่คุณขายเพลงไม่ได้ก็คือ คุณไม่ สามารถทำเพลงให้คนอยากฟังจนต้องเสียเงินต่างหากล่ะครับ ตรงๆ ง่ายๆ แค่นี้เอง จะไปพยายามหาเหตุผล อื่นอีกทำไม? (ตอบให้ตัวเอง) ผมไม่ค่อยแคร์กับเรื่องใครจะโหลดฟังฟรีเท่าไรนัก โหลดแล้วชอบก็ซื้อ ไม่ชอบก็ไม่ต้องซื้อ ก็ไม่ได้ทำให้ผมขาดทุนตรงไหน เพราะถ้าคนเค้าไม่อยากซื้อฟังจริงๆ ต่อให้ไม่มีของเถื่อนให้โหลดฟัง เค้าก็ไม่ซื้อผมอยู่ดี! (ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่มีของเถื่อนหรือไม่มีของเถื่อนครับเฮีย) ขอแค่อย่างเดียว โหลดมาแล้วอย่าเอาไปทำกำไรหรือขายเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองก็พอ ถ้าจะไรท์ขายก็แบ่ง เงินที่ขายได้มาให้กรูมั่ง กรูก็ไม่ว่าอะไรแล้ว เพราะปัญหาสุดท้ายจริงๆ มันอยู่ที่ "ไม่ได้เงิน" ไม่ใช่ไม่ได้ความเคารพซึ่งกันและกันอะไรหรอกครับ ไม่รู้จะ พยายามสรรหาเหตุผลแปลกๆ สวยๆ ทำไม อ้อ... อาจจะยาวหน่อย ยังไงก็อ่านให้จบก่อนนะครับอย่าเพิ่งโมโหแล้วรีบตอบ จากคุณ : ปลากวน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 18:21:34 A:223.204.25.102 X: TicketID:312088

ความคิดเห็นที่ 31 อ้อ เพิ่มอีกนิดนึง อยู่ๆ คุณก็อ้างว่า เพลงดีๆ ที่ตั้งใจทำ ก็มีคนทำอยู่เรื่อยๆ นี่มันไม่อ้างกันลอยๆ ง่ายไปหรือครับ งั้นผมก็อ้างได้บ้างว่า แต่เพลงห่วยๆ ทำส่งๆ สักแต่ขายเอาปริมาณ ก็ยังมีอยู่เยอะเหมือนกัน แล้วคุณจะว่าไงล่ะ ครับ? จากคุณ : ปลากวน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 18:29:09 A:223.204.25.102 X: TicketID:312088

ความคิดเห็นที่ 32 ผมชอบที่ เจบิ๊กส์ ครับ โหลดบิตไม่เป็น จากคุณ : ฯดิ้วฯ เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 18:31:11

ความคิดเห็นที่ 33 คุณปลากวนมีมุมมองและแนวคิดที่น่าสนใจดีครับ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : กึ่งยิงกึ่งผ่าน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 18:42:36

ความคิดเห็นที่ 34 สมัยก่อนช่องทางหาเพลงมาบริโภคมันน้อย จำต้องซื้อเขา ไม่ใช่ว่าจริยธรรมคนสมัยก่อนมันดีกว่าสมัยนี้ เพราะเห็นว่าขายแผ่นได้เยอะกว่า อย่าเข้าใจผิด สมัยก่อนลักไก่เหมือนกันครับ "พีค็อก"เคยได้ยินมั้ย ครับ อัดจากวิทยุบ้างล่ะ เครื่องเล่นเทปคาสเซ็ทที่มีสองช่องก็อปปี้แจกกันได้ เมื่ออนาล็อกจากไปดิจิตอล เข้ามาแทนที่ มันก็เลยบูมเป็นโกโก้ครั้นช์อย่างที่เห็น ไม่ใช่ว่าเพิ่งมาจิตใจเสื่อมหรอกครับ จากคุณ : beeboyguitarpop เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 18:44:19

ความคิดเห็นที่ 35 ว่าแต่คุณปลากวนมองแต่เพลงที่เลียนแบบเกาหลีเหรอครับ ลองพูดถึงเพลงแนวอื่นหน่อยสิครับ ว่ากระบวนการมันห่วยเหมือนกันหรือเปล่าครับ เป็นเหมือนกันทั้งวงการเพลงหรือเปล่าครับ ตรงนี้แหละที่จะตอบคำถามของคุณปลากวนที่ถามผมไว้ที่ #31 ครับ เคยฟังเพลงวง Crescendo , ETC, Jetset'er , 25 Hours , Koh Mr.Saxman , หนึ่ง จักรวาร, Slot Machine, Brand New Sunset  อะไรอย่างนี้บ้างหรือเปล่าครับ อันนี้ผมไม่ได้พูดลอยๆ แบบคุณกล่าวหาผมนะครับ ศิลปินเหล่านี้และอีกหลายๆ ท่าน ตั้งใจทำงานด้วยความตั้งใจอย่างที่ผมบอกเอาไว้จริงๆ งานออกมาดีด้วย เอาล่ะครับ ลองตอบผมหน่อย ว่าคุณได้ฟังเพลงของศิลปินเหล่านี้บ้างหรือเปล่าครับ หรือเห็นแค่ศิลปินเต้นๆ เหมือนเกาหลี ก็บอกว่ามันห่วยไปทั้งหมดซะแล้ว เพลงไทยไม่ได้มีแค่นั้นนะครับ ตอบหน่อยสิครับ อิอิ แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 54 18:50:35 แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 54 18:49:21 จากคุณ : กึ่งยิงกึ่งผ่าน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 18:45:23

ความคิดเห็นที่ 36 เห็นด้วยกับพี่ กึ่งยิ่งกึ่งผ่านนะครับ(ก้ตามพี่มาจากกระทุ้ต้นเรื่องนั้นละ) แต่..... บอกตรงๆนะ ด้วยนิสัยคนไทยปัจจุบัน การจะพูดอะไรกันด้วยเหตุผลแมร่งยากวะพี่ คนโหลดแมร่งก็ตั้งหน้าตั้งตาโหลด   ไม่รู้สิ อยากจะพิมพ์อะไรที่แรงกว่านี้แต่กลัวโดนด่า(เหมือนกรณีเมเจอร์ที่ผมโดนด่า) สำหรับผมเรื่องนี้ คนไทยดีแต่จะเอาครับ ไม่คิดจะคืนให้เขา.....บ้าง จากคุณ : chelsit เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 19:01:00

ความคิดเห็นที่ 37 ถ้าอยากจะหา "ทางออก" ให้กับปัญหานี้จริงๆ ทางออกก็มีทางเดียวเท่านั้นแหละครับ ก็คือ "ทำเพลงให้คนอยากฟังจนต้องซื้อ" นี่คือการตีโจทย์ที่ตรงจุดที่สุดแล้ว ไม่ใช่ไปแก้ปัญหาทางอ้อม ด้วยการออกศิลปินแบบขายส่ง หรือเหมาคลื่น วิทยุ หรือมานั่ง "สร้าง" จิตสำนึกให้กับคนฟัง ไปนั่งทำอะไรที่ไม่ใช่คุณอยู่ทำไม ทำไมไม่ทำสิ่งที่เป็นอาชีพของคุณจริงๆ นั่นคือการผลิตผลงานเพลงล่ะครับ? ช่องทางทางการตลาดน่ะมีพร้อมเหลือเฟืออยู่แล้วไม่ต้องไปคิดอะไรเพิ่มหรอก และที่สำคัญ ค่ายเพลงใหญ่ๆ เค้าไม่ได้เดือดร้อนมากอย่างที่คุณคิดหรอกนะครับ เงินน่ะเค้าได้เยอะแยะ แต่เค้าดันเอาไปลงทุนอย่างอื่น เอาไปซื้อสื่อ เอาไปจ้างดีเจดังๆ มากกว่าเอาไปลงทุนผลิตเพลง คุณภาพ ผลงานก็เลยถดถอยลงอย่างช่วยไม่ได้ แต่รู้สึกผู้ถือหุ้นเค้าก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร แล้วเค้าก็ไม่ได้แจกหุ้นให้เราสักหน่อย เราจะไปเดือดร้อนกับเขาทำไม แผ่นผีมีขายกันโครมๆ ทำไมไม่ไปแจ้งความนำจับ (คดีลิขสิทธิ์ตำรวจจับเองไม่ได้ถ้าไม่มีเจ้าทุกข์) มานั่ง รณรงค์เอากับผู้ซื้อทำไม? ผลประโยชน์ของใครใครก็รักษาเอาเองสิครับ ไม่ใช่ให้ผู้บริโภคมารักษาให้! จากคุณ : ปลากวน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 19:01:44 A:223.204.25.102 X: TicketID:312088

ความคิดเห็นที่ 38 แล้วคิดทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองมีเหตุผลพอที่จะเถียงว่าที่กรูทำนั้นมันไม่ผิด อีกส่วนนึงที่ผมคิดว่าห่วยมากก็คือ การบังคับกฏหมายเรื่องลิขสิทธิ์ของเรา การที่นักแต่งเพลงต้องออกมายอมรับว่า ก็ซื้อกันบ้างแล้วกัน  มันเหมือนกับว่า เออ.......ไม่มีปัญญาทำอะไรแล้ว  ช่วยกรูหน่อยแล้วกัน ทุกวันนี้ถามว่าเดินออกไป หนังเพลงเถื่อน เยอะ+หาง่ายกว่า แผงเทป(ปัจจุบันคงต้องเรียกซีดี) อีก คนรับมาขายก็อยู่ไมได้ คนทำก็จะตาย แต่คนฟังก็เอาแต่โหลด(ฟรี) เจริญครับคนไทยทุกคน จากคุณ : chelsit เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 19:03:33

ความคิดเห็นที่ 39 ถามเพิ่มอีกนิดครับ ถ้าคุณปลากวนเห็นว่า เออแฮะ มันก็มีของที่เค้าตั้งใจทำกันอยู่ด้วยนี่นา แล้วมีข้อเสนอแนะสำหรับศิลปินเหล่านั้นไหมครับ ว่าจะทำอย่างไรกันดี นอกจากที่จะหาอะไรมาเถียงกับผมแล้วเนี่ยครับ อิอิ หรือถ้ายังคิดว่าไม่ล่ะ ห่วย ยังไงก็ไม่อุดหนุนอยู่ดี ก็ไม่เป็นไรนะครับ ขอบคุณมากๆ ที่เข้ามาเปิดมุมมองบางมุมนะครับ จากคุณ : กึ่งยิงกึ่งผ่าน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 19:03:34

ความคิดเห็นที่ 40 "ทำเพลงให้คนอยากฟังจนต้องซื้อ" มีหลายเพลง ในรอบ 10-12 ปี ที่ เอมพี 3 ระบาดบ้านเราครับ แต่คนไม่ซื้อครับ แล้วเพลงที่เขาอยากฟัง เขาก็ไปซื้อแผ่นผีไงครับ รวมโคตรฮิต............ จากคุณ : chelsit เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 19:04:50

ความคิดเห็นที่ 41 ในรอบ 10-12 ปี(ปี43-54) ใครมีสถิติบ้างว่า เทปซีดี ชุดไหน ขายได้เกินล้าน(เอาจริงๆนะ เกินล้านจริงๆอ่ะ) อีกข้อนึงที่เพิ่งคิดได้คือ ถ้าเขาตัดช่องว่างของแผ่นผีได้(ไม่ใช่การลดราคาไปสู้นะครับ นั้นเขาทำแล้วแต่ไม่ได้ผลเพราะ.....)เม้ดเงินของคนที่ไปซื้อแผ่นผี มันจะกลับไปที่ บ. ทำเพลงจริงๆ หรือถ้าใครเถียงว่า ก็บ. ใหญ่ๆนั้นละ อยู่เบื้องหลังแผ่นผี ก้นานาจิตตังครับ ก็ดีใจด้วยแล้วกัน  ที่อย่างน้อย บ.ก็ยังได้ จากคุณ : chelsit เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 19:06:56

ความคิดเห็นที่ 42 ใครบอกว่ามีแต่เพลงห่วยๆ ทั้งหมดกันครับ แต่ผมบอกว่า การอ้างว่าศิลปินที่มีคุณภาพก็มีนั้น คุณไม่สามารถอ้างได้อยู่ฝ่ายเดียว เพราะคนอื่นก็สามารถ อ้างได้ว่า ศิลปินที่ทำงานห่วยๆ ก็มีเหมือนกัน การบอกว่ายังมีศิลปินที่มีคุณภาพนั้น ไม่ได้ทำให้ความจริงที่ว่าก็ยังมีศิลปินงานห่วยๆ เหมือนกัน หายไป เหมือนบอกว่าแมวปีนต้นไม้ได้ ถึงคุณจะบอกว่า แต่แมวบ้านคุณปีนต้นไม้ไม่ได้ ก็ไม่ได้ทำให้ความจริงที่ว่า แมวส่วนใหญ่ปีนต้นไม้ได้นั้นหายไป และเช่นกัน การที่คุณยกตัวอย่างศิลปินคุณภาพมาจำนวนหนึ่ง ถ้าผมจะยกศิลปินที่คุณภาพแย่ๆ มาบ้าง ไม่ว่าผมจะยกมาได้มากกว่า น้อยกว่า หรือเท่ากับของคุณ ก็ไม่ได้ทำให้เรื่องราวมีความคืบหน้า หรือถอยหลัง แต่อย่างใด จริงมั้ยล่ะครับ จากคุณ : ปลากวน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 19:11:32 A:223.204.25.102 X: TicketID:312088

ความคิดเห็นที่ 43 เหลือเหตุผลเดียวที่ทำให้คนซื้อ CD คือ รักศิลปินคนนั้น ที่เหลือค่ายเอาไปคิดเอาหาทางเอา มุมมองแคบๆของผมคิดได้แค่นี้ สวัสดี จากคุณ : beeboyguitarpop เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 19:12:03

ความคิดเห็นที่ 44 การ Download ไม่ใช่การขโมย ไม่มีวัตถุทางกายภาพใดๆ หายไป ต้นทุนผลิตต่อหน่วยก็ไ่ด้เพิ่มขึ้น พี่ผลิตไรอยู่ครับ ผมจะไปทำซ้ำ ส่งต่อ ปั๊มขาย(ในกรณีที่สิค้าชิ้นนั้นมันปั๊มเป้นแผ่นได้) แล้วจะเอาไปวางขายหน้าร้านที่พี่ขายหรือผลิตเลยครับ เห้นไหมว่าผมก็ไม่ได้ขโมยของพี่(เพราะผมซื้อต้นฉบับ) แล้่วพี่เองก็อยู่ครบ 32  ต้นทุนพี่ก็ไม่เพิ่มขึ้นแน่ๆ เพระาผมจะปั่นราคาลงมาจนพี่ซึ่งเป้นคนต้นฉบับคนคิดขายกันไม่ได้เลทีเดียว ถามอีกที พี่ขายหรือประกอบการอะไรอยู่ครับ ผมว่าเรื่องนี้วัดใจอะไรคนไทยได้หลายอย่างครับ จากคุณ : chelsit เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 19:12:36

ความคิดเห็นที่ 45 อีกเรื่องที่อยากพูดคือ การนำเพลงต่างๆ ที่หามาได้ ไป Share คนที่มาโหลดต่อก็ขอบคุณคน Share ถ้าไม่งั้นแล้วจะโกรธนะ เพลงเพราะจังเลย ขอบคุณคนปล่อยมากๆ เลยนะครับ (แสดงว่าเพลงไม่ห่วย เอิ๊กๆๆ) เป็นความมีน้ำใจที่แปลกดีจริงๆ เจ้าของตัวจริงนั่งน้ำตาตก เพราะไม่มีใครมาโอบอ้อมอารีย์กับเขาบ้างเลย อิอิ จากคุณ : กึ่งยิงกึ่งผ่าน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 19:12:58

ความคิดเห็นที่ 46 ข้อเสนอก็บอกไปแล้วที่ 37 เข้าใจว่าคงจะสวนกัน ผมบอกแล้วว่า ไม่ว่าเพลงจะห่วยหรือไม่ห่วย ปัญหาจริงๆ คือ คนอยากฟังเพลงจนต้องซื้อหรือไม่ ซึ่งเส้นขีด แบ่งระดับความอยากซื้อของแต่ละคนมันไม่เท่ากัน บางคนซื้อได้เลย บางคนต้องดีจริงๆ ถึงจะซื้อ หรือบางคน ต่อให้ดียังไงก็ไม่ซื้อ ไม่ใช่หยิบมาแต่พวกที่ยังไง(กรู)ก็ไม่ซื้อมา แล้วเหมารวมไปกับกลุ่มที่ต้องดีจริงๆ ถึงจะซื้อ พวกนี้ถ้ายังไม่ดีจริง เขาก็ฟังผ่านๆ ไม่ได้ถึงกับขยะแขยง แต่เพราะงานดีๆ มันไม่ค่อยมีให้เห็นบ่อย เลยต้องฟังพวกนี้ไปพลางๆ แล้วพวกเขาผิดตรงไหนหรือครับ? และสำหรับผม ถ้าใครแค่โหลดฟัง (หรือโหลดเก็บก็ได้) แต่ไม่เอาไปเผยแพร่ต่อหรือเอาไปขายทำกำไรให้ ตัวเอง ผมว่าคนพวกนี้ก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใครและไม่ได้ทำให้เงินใครต้องหายไปจากกระเป๋าเลย จากคุณ : ปลากวน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 19:26:02 A:223.204.25.102 X: TicketID:312088

ความคิดเห็นที่ 47 ตอบ #42 คุณปลากวนลองอ่านที่ผมเขียนดีๆ นะครับ ผมไม่เคยปฎิเสธเลยว่ามีเพลงห่วย อันนี้เป็นอันที่ผมเขียนไว้หัวกระทู้ครับ ลองกลับขึ้นไปดูก็ได้ครับ "วงการเพลงบ้านเรานั้น เพลงดีๆ เพลงที่ตั้งใจทำ เพลงที่ไม่ลอก มีมาให้ฟังกันเสมอไม่เคยขาดหายไปไหน เพียงแต่มันจะมีเพลงห่วยๆ ไม่ตั้งใจทำ เพลงลอกมา เข้ามาทำให้เป็นปลาเน่ากันอยู่เนืองๆ ซึ่งนั่นแหละ ทำให้คนหลายๆ คนมองกันแคบๆ แค่ตรงนี้ ไม่ได้มองถึงเพลงดีๆ บ้างเลย เกิดการเหมารวมว่าเพลงไทยทั้งหมดมันห่วย ซึ่งไม่จริงเลย " นี่ไงครับ ผมไม่เคยปฎิเสธเลยว่าไม่มีเพลงห่วย เพลงห่วยมันมีอยู่จริง ผมก็เขียนชัดๆ อยู่ และที่ผมยกรายชื่อศิลปินที่ทำเพลงดีๆ ขึ้นมา ผมก็ไม่ได้ยกขึ้นมาลอยๆ นะครับ เพราะผมเขียนตอบคุณปลากวนที่เขียนเอาไว้ที่ #31 ต่างหาก ว่าผมพูดลอยๆ ว่ามีศิลปินทำตั้งใจทำเป็นการพูดลอยๆ ผมก็เลยยกตัวอย่างมาไงครับ อย่าสับสนดิครับ ที่ผมเขียนนั่นคือผมตอบคุณปลากวนทั้งนั้น แต่สิ่งทีผมถามคุณปลากวน เช่นอันที่ถามไว้ที่ #35 นั้น คุณก็ยังไม่ได้ตอบผมเลยนะครับ เพราะผมเองตอบคุณปลากวนตลอด แต่คุณดันหาว่าผมอ้างซะนี่ แต่ก็ไม่ยอมตอบคำถามผมบ้างเลย ใจเย็นๆ ครับ ตั้งสติแล้วอ่านดูดีๆ นะครับ จากคุณ : กึ่งยิงกึ่งผ่าน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 19:28:10

ความคิดเห็นที่ 48 #45 อ้าว... คนปล่อยเค้าอาจจะซื้อสติ๊กเกอร์ติดเครื่องคอมเค้าเรียบร้อยแล้วก็ได้นะครับ อิอิ (บ้าง) จากคุณ : ปลกวน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 19:28:44 A:223.204.25.102 X: TicketID:312088

ความคิดเห็นที่ 49 #48 เพลงเต็มนะครับ ไม่ใช่คาราโอเกะที่ต้องซื้อสติ๊กเกอร์ และคนซื้อสติ๊กเกอร์นี่ก็ต้องเห็นนิติบุคคลไม่ใช่เหรอครับ ไม่ใช่บุคคล ก็น่าจะรู้ดีนี่ครับ เห็นข้างบนเขียนละเอียดเชียว บางทีอันที่แชร์กันน่ะ ยังไม่ได้วางแผงขายเลยด้วยซ้ำ จากคุณ : กึ่งยิงกึ่งผ่าน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 19:31:22

ความคิดเห็นที่ 50 #44 การไม่ใช่การขโมยเป็นคนละเรื่องกัยการทำให้เข้าของลิขสิทธิ์เดือดร้อน ผมต้องการจะชี้เฉยๆ ว่านี่ไม่ใช่ประเด็นทางศีลธรรมแบบการขโมยของ ประเด็นที่คุณยกมาเขาเรียก Grey Market เหมือนเอาสินค้าชนิดเดียวกับหรือคล้ายกันจากต่างถิ่นที่ซื้อมาในราคาถูกกว่ามาขาย (นึกถึงพวกของหนีภาษี) มองในแง่ผู้ผลิต ผู้ผลิตย่อมไม่ชอบแน่ๆ แต่มองในแง่ผู้บริโภค ผู้บริโภคกำลังไม่สามารถซื้อสินค้าที่ถูกที่สุดได้ เพราะมาตรการของรัฐกำลังปกป้องผู้ผลิตในท้องถิ่นอยู่ (ด้วยกำแพงภาษี) ผมเห็นด้วยนะครับว่ามีผู้บริโภคจำนวนมากคิดเอาแต่ได้ แต่ผมว่าเรามาไกลกว่าภาวะที่เราจะโทษผู้บริโภคแล้วล่ะครับ อินเตอร์เน็ตมันเหมือนติดอาวุธให้ผู้บริโภคมีอำนาจต่อรองมากขึ้น ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ชอบอำนาจนี้ก็ยังอยู่ และถ้าจะคิดทางออกจริงๆ เรามองข้ามอำนาจนี้และบอกว่าผู้บริโภคไม่ควรจะมีอำนาจนี้ไม่ได้ครับ ป.ล. ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้ขายของ ผมก็ทำงานอยู่ในตลาดแรงงานนี่แหละ และถ้ามีคนผลิตงานได้ดีกว่าผม ผมก็คงไม่ชอบหรอก แต่ผมก็ไม่มีความชอบธรรมใดๆ ไปห้ามเขาผลิตงานให้ดีกว่าผม เพราะมันทำทำให้ผมตกงาน ผมก็ต้องพัฒนาตัวเองให้ตลาดแรงงานยังต้องการผมอยู่ จากคุณ : FxxkNoEvil เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 19:32:31

ความคิดเห็นที่ 51 เห็นคุยกันเรื่อง "เพลงดี/เพลงห่วย" แล้วอยากแจม ผมว่ามันจะดีจะห่วยนี่เอาจริงๆ มันก็สัมพัทธ์กับรสนิยมคนฟังมากๆ ไม่ใช่หรือครับ ผมว่าจะดีจะห่วยมันไม่ใช่ประเด็นที่จะทำให้การดาวน์โหลดมันผิดหรือไม่ผิดนะ คือ จะบอกว่าเพลงห่วยสมควรโดนดาวน์โหลด แต่เพลงดีไม่สมควรโดนดาวน์โหลดผมว่ามันไม่ใช่น่ะ ปัญหาทั้งหมดผมว่ามันอยู่ที่ขนาดตลาดของเพลงทุกชนิดที่มันแตกตัวและหดลงมากกว่า ถ้าจะพูดถึงเพลงไทยเพียวๆ ผมว่าการที่คนหันไปฟังเพลงต่างประเทศไม่ว่าทางไหนก็ทำร้ายอุตสาหกรรมเพลงไทยไปไม่ต่างจากคนโหลดเพลงไทยฟังหรอก เผลอๆ จะมากกว่าด้วย จากคุณ : FxxkNoEvil เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 19:37:50

ความคิดเห็นที่ 52 ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้ขายของ ผมก็ทำงานอยู่ในตลาดแรงงานนี่แหละ และถ้ามีคนผลิตงานได้ดีกว่าผม ผมก็คงไม่ชอบหรอก แต่ผมก็ไม่มีความชอบธรรมใดๆ ไปห้ามเขาผลิตงานให้ดีกว่าผม เพราะมันทำทำให้ผมตกงาน ผมก็ต้องพัฒนาตัวเองให้ตลาดแรงงานยังต้องการผมอยู่ พัฒนาไปทำไมครับ  ในเมื่อไม่ว่าคุณจะพัฒนางานแค่ไหน ทิศทางใดรูปแบบใด มันก็จะโดนขโมยอยู่ดี แล้วเขาหรือคนอื่น(พวกขายของเถื่อน)ก็ไม่ได้ทำดีกว่าต้นฉบับนี้ครับ เขาทำๅ"เหมือน"ต้นฉบับ ต่างหากละ แหม คนไทย นี้ เขาคิด เข้าข้างตัวเอง หาเรื่องทำให้มันถูกได้เก่งเนอะ ผมถึงบอกไงว่าเรื่องนี้วัดใจอะไรคนไทยได้หลายอย่าง ............ จากคุณ : chelsit เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 19:40:04

ความคิดเห็นที่ 53 #51 จริงครับ คือจริงๆ ผมอยากได้ข้อเสนอแนะที่ไม่ใช่แค่ว่า "ก็ทำเพลงดีๆ สิ" เพราะเค้าทำกันอยู่แล้ว แต่พอดีโดนค้านและโดนปรักปรำว่าพูดลอยๆ มั่ง อะไรมั่ง ก็เลยต้องตอบให้กระจ่างกันก่อนน่ะครับ จากคุณ : กึ่งยิงกึ่งผ่าน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 19:40:46

ความคิดเห็นที่ 54 ผมว่าที่ท่านๆ คุยกันกระทู้นี้ไม่ไ้ด้พูดถึงปัญหาการดาวน์โหลดโดยทั่วไป เท่ากับปัญหาการดาวน์โหลดเพลงไทยนะครับ มันเป็นปัญหาที่ว่าคนซื้อ ซีดี (เทป) เพลงไทยน้อยลง ถ้าเริ่มจากปัญหานี้ จะไปโทษคนดาวน์โหลดอย่างเดียวมันก็ไม่ใช่นะ คนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ฟังเพลงไทยเลย (ไม่โหลดมาฟังด้วยซ้ำ) ก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา เป็นไปได้หรือไม่ว่าการเปิดกว้างของอินเตอร์เน็ตทำให้คนฟังเพลงไทยน้อยลงเพราะมีทางเลือกในการฟังเพลงต่างประเทศมากขึ้น? อันนี้ผมไม่แน่ใจแต่ควรจะเอามาคิดด้วยนะ คือ ปัญหายอดขายลด ผมว่ามันซับซ้อนกว่าการอธิบายง่ายๆ ว่าคนโหลดกันเยอะ บางทีมันเป็นเพราะเศรษฐกิจ เป็นเพราะคนเปลี่ยนรสนิยม ฯลฯ ไม่ไ้ดบอกว่าคนโหลดมันผิดหรือไม่ผิด แต่กำลังบอกว่าถ้าคุณระบุปัญหาไม่ตรงประเด็น การแก้ปัญหามันก็อาจยิ่งเข้ารกเข้าพงไปกันใหญ่ จากคุณ : FxxkNoEvil เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 19:44:04

ความคิดเห็นที่ 55 คนจะไม่ซื้อ ยังไงก็ไม่ซื้อครับ ก็แถไปเรื่อย จากคุณ : Someone to rely on เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 19:45:07

ความคิดเห็นที่ 56 #47 ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าในตลาดไม่มีเพลงดีๆ นี่ครับ ประเด็นมันไม่ได้อยู่ว่าเพลงดีมีจริงหรือไม่ เพลงห่วยมีจริงหรือไม่ หรือแมวปีนต้นไม้ไม่ได้มีจริงหรือไม่ แต่เป็น ถ้าคุณบอกว่ามีเพลงดีได้ ผมก็ต้องบอกว่าเพลงไม่ดีก็มีได้เหมือนกัน ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องเพลงไหนหรือศิลปินคนไหนดีจริงไม่ดีจริงเลยครับ ยกมาแบบนี้ก็มีแต่ไม่จบครับ แต่ที่แน่ๆ เพลงห่วยมีเยอะกว่าเพลงดีแน่นอน (คงไม่มีใครเถียงผม) และถ้าหากจะเหมารวมว่าเพลงไทยห่วย กันหมด ก็อาจจะไม่ถูก แต่รับรองได้เลยว่า ไม่ผิดมากไปจากความจริงที่ว่า ค่ายเพลงใหญ่ๆ ไม่ได้เดือดร้อน อะไรนักหนากับยอดขายซีดีที่ตกต่ำแน่นอน ดังนั้นไม่ต้องไปห่วงหรือไปช่วยหาทางออกอะไรให้เขาหรอกครับ คนที่เดือดร้อนในอาชีพผลิตงานเพลง เป็นพวกลูกจ้างระดับล่างๆ หรือศิลปินเกิดใหม่ครับ ซึ่งอาชีพไหนๆ ถ้าอยู่ล่างๆ หรือเพิ่งทำ ก็ต้องลำบากกันทั้งนั้นแหละ เค้าไม่ได้ทุกข์ยากเป็นพิเศษกว่าอาชีพอื่นๆ หรอกครับ และคิดหรือว่า ถ้าหากวันหนึ่งเกิดคนเลิกดาวน์โหลดกันหมด (ทั้งแท้และเถื่อน) ยอดขายซีดีเกิดพุ่งกระฉูดแทน คนพวกนี้จะสบายขึ้นหรือเจ้าของกับผู้บริหารจะรวยขึ้นกันแน่? อย่าลืมความจริงที่ว่า ทุกวันนี้รายได้มาจากริงโทนและดาวน์โหลดมากกว่าซีดีอยู่แล้วนะครับ และความจริง อีกข้อหนึ่งคือ ขายดาวน์โหลดกำไรอื้อซ่ากว่ากำไรจากซีดีแยะครับ แล้วคิดหรือว่าขายซีดีได้เยอะแล้วมันจะดีจริง ผู้บริหารเค้าก็แค่อยากได้ทั้งโหลดทั้งซีดี (เพระยังถวิลหารายได้ จากล้านแผ่นอยู่ ก๊าก...) แล้วก็กดดันลงมา พวกไม่รู้จะทำยังไงก็ได้แต่ทำตาปริบๆ มาอ้อนวอนคนซื้อ คนซื้อก็ ดันเห็นใจผลประโยชน์ทางธุรกิจของคนอื่นแทนซะงั้น ดังนั้นไม่ต้องไปห่วงไอ้ยอดขายซีดีมันหรอกครับ ปล่อยพี่ดี้แกห่วงของแกไปคนเดียวเถอะ จากคุณ : ปลากวน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 19:48:40 A:223.204.25.102 X: TicketID:312088

ความคิดเห็นที่ 57 สมัยก่อนผมก็เคยเกลียดวงการเพลงไทยเลยนะ ไม่ฟังเลย ไม่โหลด (สมัยนั้นไม่มีการโหลดนี่นา 5555) ฟังแต่เพลงฝรั่ง ไม่ซื้อแผ่นผีด้วย (มีการก๊อบมาขายแล้ว) ผมซื้อแต่ของแท้ ซึ่งตั้งเป้าไว้ว่า เดือนนึงจะซื้อกี่แผ่น ถึงจะไม่เดือดร้อน เพราะสมัยก่อนแผ่นนึงราคา 4-5 ร้อยแน่ะ แต่ไม่นานก็พบว่าเพลงไทยดีๆ ก็มีอยู่เยอะ ผมเลยกลับมาฟังเพลงไทย และฟังมันทุกแนว และซื้อแผ่นแท้ทุกอันที่ชอบเช่นกันครับ ที่ผมซื้อทุกแผ่นได้ เพราะผมไม่ได้ซื้อทุกเดือน นานๆ จะซื้อที ก็เลยไม่รบกวนกระเป๋าเงินสักเท่าไหร่ (ทุกแผ่นนี่คือทุกแผ่นที่ชอบนะ) ผมเคยมีเพื่อนที่ซื้อแผ่นผีทั้งเพลงฝรั่งเพลงไทย ซื้อเดือนละหลายแผ่น ซื้อทุกเดือน ปรากฎว่าเค้าหมดเงินตรงนี้มากกว่าผมอีก แต่ตอนนี้เค้าคงหันไปหา bittorrent แล้วมั้ง คงไม่ได้ซื้อของจริงหรอก มันอยู่ที่จิตสำนึกจริงๆ เพลงดีแค่ไหน ถ้าไม่อยากจะซื้อก็ไม่ซื้ออยู่ดี จากคุณ : กึ่งยิงกึ่งผ่าน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 19:49:53

ความคิดเห็นที่ 58 #49 เฮียๆ ผมล้อเล่นน่ะเฮีย ก็แค่อยากจะ อิอิ กะเค้าบ้าง เดี๋ยวเค้าจะหาว่าจริงจังเกิน จากคุณ : ปลากวน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 19:50:14 A:223.204.25.102 X: TicketID:312088

ความคิดเห็นที่ 59 สงสัยว่าคุณปลากวนรู้ได้ยังไงครับ ว่ายอดดาว์นโหลดกำไรอื้อซ่า เห็นใช้ตรงนี้มาพูดตลอดเลย ถ้ามันกำไรอื้อซ่าจริง ทำไมค่ายเพลงเค้าถึงปรับโน่นปรับนี่ ลดคน ลดพนักงาน ใช้นโยบายประหยัดกันล่ะครับ ผมสงสัยนะ ..​อันนี้ขอถามเป็นความรู้หน่อยครับ จากคุณ : กึ่งยิงกึ่งผ่าน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 19:53:50

ความคิดเห็นที่ 60 #54 เป็นมุมมองที่น่าสนใจมากครับ เห็นด้วยครับความความซับซ้อนมันมีมากกว่าที่จะไปสรุปเอาง่ายๆ ว่ามาจาก การโหลดฟรีหรือซื้อแผ่นผี น่าจะสรุปประเด็นกระทู้ได้ถูกต้องที่สุดแล้ว กดไลท์ให้หนึ่งที กดบวกให้หนึ่งครั้ง แถมเลียอีกหลายๆ ทีเลย จากคุณ : ปลากวน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 19:54:26 A:223.204.25.102 X: TicketID:312088

ความคิดเห็นที่ 61 #52 "พัฒนาไปทำไมครับ  ในเมื่อไม่ว่าคุณจะพัฒนางานแค่ไหน ทิศทางใดรูปแบบใด มันก็จะโดนขโมยอยู่ดี แล้วเขาหรือคนอื่น(พวกขายของเถื่อน)ก็ไม่ได้ทำดีกว่าต้นฉบับนี้ครับ เขาทำๅ"เหมือน"ต้นฉบับ ต่างหากละ แหม คนไทย นี้ เขาคิด เข้าข้างตัวเอง หาเรื่องทำให้มันถูกได้เก่งเนอะ ผมถึงบอกไงว่าเรื่องนี้วัดใจอะไรคนไทยได้หลายอย่าง" ผมไม่ได้อยู่ในตลาดแบบเดียวกับงานดนตรีนี่ครับ ผมก็เลยพัฒนาตัวเองเอาตัวรอดได้ เทคนิคเฉพาะตัวในการทำงานผมถ้าคนอื่นเอามาทำตาม แล้วดันทำได้ดีกว่าผม ผมก็จะไปว่าเขาได้ไงครับ เทคนิคการทำงานนี่ไม่ได้รับการคุ้มครองภายใต้กฏหมายทรัพย์สินทางปัญญาด้วยซ้ำ มันคนละประเด็นครับคุณ เงื่อนไขทางกฏหมายก็ต่างกัน เห็นคุณถามมาผมก็ตอบไป ก็เท่านั้น คุณเอามาปนกันเอง ทางรอดของงานดนตรีก็ต้องเป็นอย่างอื่นซึ่งผมก็เสนอแทรกๆไปแล้วในบางโพสต์ (ถ้าคุณอ่านนะ) ผมบอกให้เปลี่ยน Business Model เพราะ มันเป็นทางรอดทางเดียว ผมไม่ได้มา Defend ว่าการโหลดมันถูก แต่ผมมาบอกว่าคุณไม่มีทางจะหยุดมันได้หรอก อยู่กันมันเถอะ แรงงานในอุตสาหกรรมดนตรีมันก็ไม่ได้ต่างจากอุตสาหกรรมอื่นครับ ถ้ามีเทคโนโลยีบางอย่างเกิดขึ้น มันอาจทำให้แรงงานแบบเดิมล้าสมัยไปหมด ตลาดหายไป คนตกงานกันเต็ม ตัวอย่างเช่น ลูกชิ้นปลาสมัยก่อนเขาก็ใช้การทุบเนื้อปลากันซึ่งคนก็ว่ามันเหนียวและอร่อยกว่าการใช้เครื่องบดแบบสมัยนี้ แต่การทุบเนื้อปลาที่มันทำให้ลูกชิ้น "อร่อย" กว่าสุดท้ายก็สู้การลดต้นทุนของเครื่องบดไม่ได้สุดท้ายคนก็หันมาใช้เครื่องบดกันหมด สมมติว่าผมเป็นคนที่ยังทำลูกชิ้นปลาด้วยการทุบอยู่ผมควรจะโทษใครครับถ้าธุรกิจผมล่ม ผมควรจะโทษผู้บริโภคที่ไม่มีรสนิยมพอจะกินลูกชิ้นอร่อยๆ ที่แพงกว่ามั้ย? ผมควรจะโทษพวกที่ใช้เครื่องบดที่ผลิตลูกชิ้นปลาสามานย์ออกมาจนทำให้ไม่มีใครกินลูกชิ้นปลาอร่อยๆ มั้ย? หรือผมไม่ควรจะโทษใครแล้วก็ควรจะคิดหาทางออกในเงื่อนไขตลาดที่เปลี่ยนไปนี้? จากคุณ : FxxkNoEvil เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 19:57:09

ความคิดเห็นที่ 62 # 60 ขอบคุณหลายครับ จากคุณ : FxxkNoEvil เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 19:58:20

ความคิดเห็นที่ 63 จริงครับ ผมเห็นด้วยกับ Business Model ผมถึงมาตั้งกระทู้ถามนี่ล่ะครับ ใช่เลยครับ ไม่ใช่แค่คำแนะนำว่า "ก็ทำเพลงดีๆ สิ ให้คนอยากฟังเค้าก็หาซื้อมาเองแหละ" ซึ่งมันพิสูจน์มานานแล้วว่ามันไม่จริงน่ะครับ ผมก็นั่งคิดเรื่อง Business Model ให้มันลงตัว พยายามคิด แต่ยังคิดไม่ออกครับ กับพื้นฐานนิสัยของคนที่ชอบของฟรี ชอบแค่ไหนก็ไม่ซื้อ ..​ราวๆ นั้นล่ะครับ จากคุณ : กึ่งยิงกึ่งผ่าน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 20:01:13

ความคิดเห็นที่ 64 อีกนิดครับ ไม่ทราบว่าท่านๆ เคยได้ยินหรือเปล่าว่า การทำเงินจากบทเพลงมันมาจากการขายริงโทนเป็นหลักในระดับว่าเพลงไทยสมัยนี้จำนวนมากถูกแต่งมาเพื่อเป็นริงโทน ผมได้ยินขนาดว่าตอนเป็น Demo นี่คือฟังแล้วประเมินว่าท่อนคุณเป็น Ringtone นี่ Work หรือเปล่า ถ้าไม่ Work ก็ตัดไปเลย ผมไ่ม่รู้จริงเท็จแค่ไหน เลยอยากถามท่านอื่นครับว่าได้ยินอะไรทำนองเดียวกันมาหรือเปล่า ถ้าจริงนี่ ผมก็ว่าเป็นการปรับตัวที่ถูกต้องในทางเศรษฐกิจนะครับ ส่วนจะชอบไม่ชอบหรือเปล่านี่อีกเรื่อง จากคุณ : FxxkNoEvil เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 20:01:37

ความคิดเห็นที่ 65 #59 ผมไม่ทราบหรอกครับ ผมไม่ใช่เจ้าของบริษัท ผมอนุมาณเอาจากต้นทุนการผลิตก๊อปปี้ ราคาขาย กลยุทธ์ในการขาย และความสะดวกในการซื้อ ซึ่งล้วนแต่มีข้อดีเหนือกว่าขายซีดีทั้งสิ้น และไม่ใช่แค่ดาวน์โหลด แต่รวมถึงสติกเกอร์ทั้งหลายด้วย ผมไม่รู้หรอกว่ามันจะอื้อซ่าขนาดไหน แต่ที่แน่ๆ อื้อกว่าขายซีดีแน่นอน (แล้วจะมานั่งบีบน้ำตาให้คนซื้อซีดี ไปอีกทำไม?) และถ้าคุณใช้เหตุผลแบบว่า ถ้าจริง...แล้วทำไม ผมก็ใช้เหตุผลแบบเดียวกันได้ว่า แล้วถ้าไม่อื้อซ่าจริง แล้วเค้าจะหันมากระหน่ำโฆษณาขายดาวน์โหลดแล้วลดยอดผลิตซีดีไปทำไมล่ะครับ อย่าหาว่ายอกย้อนกันเลยครับ เพราะวิธีการใช้เหตุผลของคุณ มันตอบได้แบบนี้แบบเดียวจริงๆ จากคุณ : ปลากวน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 20:04:30 A:223.204.25.102 X: TicketID:312088

ความคิดเห็นที่ 66 #64 ได้ยินมาอย่างนั้นจริงๆ ครับ แต่แค่ระยะนึงเท่านั้นครับ ส่วนใหญ่จะเป็นเพลงลูกทุ่ง เพราะตลาดทางฝั่งลูกทุ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่ซื้อจริง โหลดจริง และมุขนี้เดี๋ยวนี้ผมคิดว่ามันน่าจะไม่ค่อยได้ผลแล้วครับ เพราะเพลงมันจะวนเวียนอะไรกับโทรศัพท์มือถือนักหนา หน้าจอรอสาย อะไรงี้ ส่วนเพลงฮิตๆ อย่าง Too Much So Much นั้น พนักงานออฟฟิซ หรือนักศึกษา สามารถทำ Ringtone ได้เองสบายๆ อยู่แล้ว จากคุณ : กึ่งยิงกึ่งผ่าน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 20:05:49

ความคิดเห็นที่ 67 # 63 จริงๆ ผมได้รับการยินยันมาด้วยซ้ำนะครับว่าอุตสากรรมดนตรีตอนนี้ มันอยู่ได้ด้วย Sponsorship จากอุตสาหกรรมอื่น Sponsor มีอำนาจมากขึ้น เรียกร้องมากขึ้น และการผลิตดนตรีก็ "เน้นขาย" ขึ้น ก็ไม่แปลกอะไรน่ะครับ คือถึงคนมันโหลดกันกระหน่ำัยังไง สิ่งที่ไม่เปลี่ยนก็คือคนมันยังฟังเพลงกันอยู่ ก็ลองคิดถึงเพลงแบบคล้ายๆ ละครโทรทัศน์หรือพวกสิ่งพิมพ์จากฟรีน่ะครับ มันก็ต้องขาย Ad กันไป ซึ่งผมว่านี่คือราคาของการอยู่รอดในฐานะอุตสาหกรรมใหญ่ครับ พวกค่ายเล็กๆ นี่ต้องว่ากันอีกแบบเลย ผมว่าปัญหาที่เผชิญมันและวิธีแก้ที่เป็นไปได้มันไม่เหมือนกับพวกใหญ่ๆ จากคุณ : FxxkNoEvil เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 20:06:18

ความคิดเห็นที่ 68 #65 อ๋อ ขอบคุณครับ ส่วนที่โปรโมทพวกดาว์นโหลดต่างๆ ผมคิดว่าเพราะมันเป็นยุคสมัยครับ จะมีใครเขียนที่ mv ไหมว่า "ซื้อซีดีวงนี้ที่ร้านเฮียกวง ข้างห้างตั้งฮั่วเส็ง" คิดว่าคงไม่หรอกครับ และยอดดาว์นโหลด มันโหลดเป็นเพลง (เดี๋ยวโหลดเหมาค่อยพูด เอาอันนี้ก่อน) ถ้าอัลบั้มนี้ ชอบแค่สองเพลง ก็โหลดแค่สองเพลง รายได้ก็น้อยกว่าซีดี (รู้ไหมว่าต้องหักจาก Operator จากการขายพวกโหลดต่างๆ ครึ่งนึง เป็นเรื่องที่แม้ไม่ใช่วงการเพลงก็รู้ครับขอแค่วนเวียนกับวงการ IT เกี่ยวกับโทรศัพท์นิดหน่อยก็รู้แล้ว) ส่วนการโหลดแบบเหมาทั้งค่ายนั้น ก็รู้อยู่ว่ามันเป็นเพลงเก่า ค่าบริการก็ถูกกว่าข้าวจานนึงอีก รายได้จากตรงนี้ผมว่ามันไม่ได้เยอะเท่าไหร่นะ (อันนี้เดาเอา อนุมานเหมือนกัน) จากคุณ : กึ่งยิงกึ่งผ่าน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 20:12:44

ความคิดเห็นที่ 69 ขอเน้นนะครับ ผมไม่ได้บอกว่าการโหลดมันผิดหรือไม่ผิดเลยแม้แต่ครั้งเดียว ถ้ามองในมาตรฐานแบบอเมริกามันผิดกฏหมายอยู่แล้วแหละ (เคสไทยไม่แน่ใจว่าเคยมีการตัดสินการก่อนหรือไม่ เพราะประเด็นนี้ก็ต่างกันไปในแต่ละประเทศ) และประเด็นที่ผมชี้มาตลอดก็คือ กฏหมายมันไม่ชอบธรรม การโหลดมันก็เหมือนเป็นการอารยขัดขืน (civil disobedience) แบบหนึ่งซึ่งถ้าพูดหยาบๆ ก็คือมันเป็นสิ่งผิดกฏหมายที่อ้างอิงกับความชอบธรรมแบบอื่น (ในแง่นี้คือสิทธิในการแบ่งปัน) ผมไม่พยายามจะเน้นว่ามันผิดหรือไม่ผิดนอกจากชี้ให้เห็นหลายๆ ด้านของเบื้องหลังแนวคิดพวกนี้ หลายๆ คนอ่านที่ผมเขียนแล้วตีไปว่าผมมายกโน่นนี่มาบอกว่าการโหลดมันไม่ผิด มันไม่ใช่ครับ ผมไม่ได้เสนออะไรแบบนั้น พูดหยาบๆ คือผมไม่ได้เถียงว่ามันผิดกฏหมาย แต่ผมเห็นว่ากฏหมายควรจะเปลี่ยน เพราะถึงที่สุดแล้วมันเป็นพฤติกรรมที่แพร่หลายในระดับที่ถ้าคุณยังเอามันไว้ คุณก็กำลังจะบอกว่าเด็กรุ่นใหม่ทั่วโลกแทบทั้งรุ่นเป็นอาชญากร ซึ่งมันไม่ใช่ไงครับ ถ้าคนมันละเมิดกันเป็นเรื่องปกติแบบนี้กฏหมายมันต้องเปลี่ยนแล้ว ที่มันเปลี่ยนไม่ได้ เพราะคนตรากฏหมายมีสัมพันธ์กับอุตสาหกรรมในอเมริกา และอเมริกาก็บังคับใช้มาตรฐานคล้ายๆ กันผ่านสัญญาการค้าระหว่างประเทศอีกที แต่นี่ก็ไม่ได้เปลี่ยนข้อเท็จจริงว่ามีคนต่อต้านอะไรทำนองนี้อยู่ทั่วโลก จากคุณ : FxxkNoEvil เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 20:15:36

ความคิดเห็นที่ 70 #63 ยกมาลอยๆ อีกแล้ว อยู่ๆ ก็ตีขลุมหน้าตาเฉยว่าเพลงดีๆ ไม่มีคนซื้อ ถ้าตรรกกะแบบนี้เพลงทั้งโลกก็ห่วยหมดสิครับ เพราะยังมีคนที่ ไม่ซื้ออยู่ จะไปบังคับ หรือขอ หรือตำหนิติเตียนคนที่ไม่ซื้อเพลงดีๆ (ในสายตาคุณ) ได้ยังไงล่ะครับ เพราะบอกแล้วว่า ระดับความอยากซื้อของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน เอาแค่ว่าเพลงไหนดี ศิลปินคนไหนเก่ง ผมยังไม่กล้ายกมา เลย เพราะมันเป็นเรื่องของรสนิยม ยกมาเดี๋ยวแฟนคลับก็ดราม่าตีกันตาย แต่คุณกล้าเนอะ นับถือเลย ถ้าเปลี่ยนเป็น เพลงดีๆ ย่อมขายได้มากกว่าเพลงไม่ดี เพลงดีๆ มีคนซื้อมากกว่าเพลงไม่ดี จะอยู่กับความเป็น จริงมากกว่าหรือเปล่า? ไม่ใช่บอกว่า ทำเพลงดีหรือไม่ดีก็ขายได้เท่ากัน! พิสูจน์มาแล้ว! มันจะตีขลุมกันรุนแรงไปหน่อย จากคุณ : ปลากวน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 20:18:47 A:223.204.25.102 X: TicketID:312088

ความคิดเห็นที่ 71 ผมเข้าใจคุณ FxxxNoEvil ครับว่าการ download นั้นไม่ผิด แต่ถ้าชอบควร donate ให้กับศิลปินที่ชอบ หรือเราจะมามองเรื่อง donate กันบ้างดีไหมครับ น่าคิดๆ จากคุณ : กึ่งยิงกึ่งผ่าน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 20:20:57

ความคิดเห็นที่ 72 # 63 อีกนิดเรื่อง Business Model คือผมว่าอุตสากรรมดนตรีที่ไหนก็ตามแต่ก็ควรจะเรียนรู้จากอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่รายได้หลักซึ่งค้ำจุนอุตสาหกรรมไว้ไม่ใช่ยอดขายของวัตถุทางกายภาพนะครับ เอาง่ายๆ นิตยสารเนี่ย ถ้าคนทำก็จะรู้กันว่ารายได้จากยอดขายนี่มันไม่ได้ทำให้นิตยสารอยู่ได้ ส่ิงที่ทำให้นิตยสารอยู่ได้คือการขายโฆษณา ผมว่าเรามองว่าอุตสาหกรรมดนตรีมันจะอยู่ได้จากการของแผ่นอย่างเดียวไม่ได้แล้ว อยากให้มองคล้ายๆ นิตยสาร คือตราบใดที่คนยังฟังเพลงอยู่ คุณก็ยังมีศักยภาพในการขายโฆษณา ซึ่งมันไ้ด้หลายทางมาก ตั้งแต่ Product Placement ใน MV ไปจนถึงการให้ Brand อื่นๆ เป็นสปอนเซอร์เทศกาลดนตรีที่จะทำให้ได้เงินอีกทาง ผมว่าบางทีเราชินกันเกินไปกับ Business Model แบบเิดิมๆ ก็เลยวนเวียนอยู่กับการพยายามเพิ่มยอดขายและก่นด่าคนโหลดเพลง ซึ่งผมว่ามันไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลย จากคุณ : FxxkNoEvil เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 20:23:00

ความคิดเห็นที่ 73 เพื่อนผมรายได้เดือนละเป็นแสนมันยังไม่คิดจะเสียตังค์ซื้อแผ่นหรือโหลดอย่างถูกกฏหมายสักนิด มันขึ้นอยู่กับพื้นฐานจิตใจของคนมากกว่า ความเห็นแก่ตัวของคนไทยไม่แพ้ใครในโลก สำหรับผม ผมก็จะยังซื้อแผ่นแท้หรืออะไรก็ตามที่จะสนับสนุนศิลปินที่ผมรักอยู่ตลอดไป ผมว่า CD ไง ๆ มันก็มีคุณค่าทางจิตใจมากกว่า mp3 ละนะ แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 54 20:24:39 จากคุณ : Mmmm เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 20:23:53

ความคิดเห็นที่ 74 #70 เพลงดีๆ ที่ผมหมายถึง หมายถึง "เพลงดีๆ ที่คนคนนั้นชอบ" ครับ ไม่ใช่เพลงที่ผมเห็นว่าดี ผมตอบกระทู้ในพันทิปเรื่องพวกนี้มาเป็นสิบปี เห็นมาตลอดและมีคนมาเถียงผมตลอดแบบคุณนี่แหละครับ ที่มาเถียงผมเพื่อจะบอกว่า "ไม่ซื้อ ยังไงก็ไม่ซื้อ แต่ชั้นชอบ ชั้นจะฟัง" (อันนี้ผมไม่ได้หมายถึงคุณนะครับ) ผมเคยไปยืนซื้อของข้างแผงขายซีดีเถื่อนหลายครั้ง ก็ได้ยินแบบนี้บ่อยๆ "นี่เธอ เพลงนี้เค้าเพราะนะ เราชอบจังเลย ซื้อเลยสิ" นีล่ะครับ ความหมายของผม "เพลงดีๆ ที่คนฟังเค้าชอบนั่นแหละ แต่เค้าไม่ได้ซื้อของจริง" (เพิ่มให้นิดหน่อยว่า ไม่ว่าจะเป็นซีดีหรือโหลดของถูกลิขสิทธิ์) ผมเขียนมาหลายความเห็น พูดออกบ่อยในทำนองที่ว่า "ชอบเพลง โหลดมา ซื้อผีมา แต่ไม่ซื้อของแท้" จริงๆ นะครับ ลองไปไล่อ่านดูก็ได้ จากคุณ : กึ่งยิงกึ่งผ่าน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 20:27:23

ความคิดเห็นที่ 75 #68 ถึงจะหักแบ่งกับผู้ให้บริการ และ operator แล้วก็ถือว่ายังเหลือเยอะอยู่ครับ ถ้าเทียบกับต้นทุน และค่าดำเนิน การต่างๆ เทียบกับซีดี ค่าวัตถุดิบก็ไม่มี ค่าขนส่งก็ไม่มี แถมที่สำคัญคือ สามารถวัดเรตติ้งได้ทันทีหลังจาก ยิงมิวสิคเลย (สวรรค์ชัดๆ) ถึงจะไม่ใช่ตัวเงิน แต่ก็เป็นข้อมูลที่มีค่ามากกว่าตัวเงินเยอะครับ ตลาดดาวน์โหลด เป็นตลาดต่างจังหวัดมากกว่าอยู่แล้วครับ ดังนั้นถึงคนเมืองจะตัดริงโทนเองได้ก็ไม่เป็นไร จากคุณ : ปลากวน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 20:29:21 A:223.204.25.102 X: TicketID:312088

ความคิดเห็นที่ 76 # 71 คือถ้าถามผม ผมว่าการ Support ตัวนักดนตรียังไงก็เป็นสิ่งที่ควรทำนะ โดยส่วนตัวผม ทุกวันนี้ถ้าผมซื้ออะไรแล้วรู้ว่าเงินมันกลับไปที่นักดนตรีโดยตรงนี่ผมจะซื้อเลย ส่วนไอ้พวกของวางตามร้านนี่ผมลังเลมาก การบริจาคให้นักดนตรีก็น่าสนใจครับ แต่ผมยังคิดวิถีการตอบแทนนักดนตรีที่มีประสิทธิภาพไม่ค่อยออกเหมือนกัน คือ บางทีเรารู้ระบบอุตสากรรมดนตรีเยอะๆ เราเห็นแผ่นๆ หนึ่ง เราก็รู้ว่านักดนตรีได้ไม่เท่าไรหรอกถ้าซื้อที่ร้าน ถ้าซื้อกับวงโดยตรงวงก็น่าจะได้เยอะกว่า ผมว่าทำอะไรแบบนี้สร้างขวัญกำลังใจได้มากกว่า ในยุคที่วัดกันที่ยอดวิว Youtube มากกว่ายอดขายเช่นทุกวันนี้ อันนี้ผมพูดถึงกรณีพวกวงเล็กๆ นะ พวกใหญ่ๆ ผมไม่ค่อยสนับสนุนมานานละ (และเพื่อป้องกันการครหาที่ไม่จำเป็น ไอ้พวกนี้บางทีผมเปิดดูใน Youtube ว่าคนเขาฟังอะไรกันอยู่ก็เต็มกลืนละครับ ไม่้ต้องไปพูดถึงโหลดมาให้เปลืองความจุคอม) จากคุณ : FxxkNoEvil เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 20:30:39

ความคิดเห็นที่ 77 ผมว่าคุณปลากวนเป็นตัวอย่างที่ดีที่น่าจะให้คำตอบได้นะครับ ว่าถ้าคุณปลากวนจะซื้อเพลงถูกลิขสิทธิ์ มันต้องเป็นเพลงที่ดีแบบไหนครับ ไม่ได้ถามกวนๆ นะ ผมถามจริงๆ เพราะเท่าที่ผมเดาเอาจากที่เราคุยกันมาเยอะแยะ ผมเห็นว่าคุณเป็นคนที่ซื้อเพลงถูกลิขสิทธิ์ยากคนนึงเลยล่ะ (ขอเดานะครับ ถ้าผิดขออภัยด้วยครับ) ดังนั้นเพลงที่จะทำให้คุณปลากวนซื้อได้ ที่คุณบอกว่าต้องดีถึงขนาดอยากซื้อ นี่ต้องประมาณไหนครับ เผื่อมันจะมาตอบโจทย์ที่ว่า "ชอบเพลงแต่ไม่ซื้อ โหลดเอาเท่านั้น" ได้น่ะครับ จากคุณ : กึ่งยิงกึ่งผ่าน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 20:38:08

ความคิดเห็นที่ 78 #74 ถ้าแยกกรณีที่ยังไงก็ไม่ซื้อทั้งแท้และะเถื่อน (จะฟังหรือไม่อีกเรื่องหนึ่ง) ยกเว้นจะชอบจริงๆ รอจริงๆ ถึงแม้จะ ว่าผม ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกครับ แต่ท่อนหลังพูดถึงพวกซื้อของเถื่อน คิดว่าคงไม่เกี่ยวกับที่ผมพูดมาตลอดเหมือนกัน เพราะผมไม่สนับสนุน การหากำไรจากแผ่นเถื่อนพวกนี้ แต่ถ้าอยากโหลด โหลดไปเหอะ อยากฟังฟรี ฟังไปเหอะ อย่าไปก๊อปขายทำเค้าเสียหายก็แล้วกัน คิดให้ดีๆ แล้วพฤติกรรมแบบนี้ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนสักหน่อย (อันนี้คุณเห็นด้วยกับผมมั้ยล่ะครับ?) ค่ายเพลงจึงควรจะปรับตัวและมองหาโอกาสจากสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่ไปตั้งแง่รังเกียจตะพึด ผมเลยอยากให้คุณย้อนกลับไปดูหัวข้อกระทู้ของคุณ ว่ามันดูเหมารวมขนาดไหนน่ะครับ ขอบคุณนะครับ ขอตัวก่อนนะครับ จากคุณ : ปลากวน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 20:39:46 A:223.204.25.102 X: TicketID:312088

ความคิดเห็นที่ 79 ถ้าชอบเพลง โหลดมาฟัง ไม่ซื้อของแท้ แต่ไม่แบ่งใคร เป็นปัญหานะครับ เป็นปัญหาทั้งในปัจจุบันและอนาคตเลย ยิ่งถ้าปลูกฝังกันไปเรื่อยๆ เห็นว่าเป็นสิ่งถูกต้องจะยิ่งเป็นปัญหานะครับ หรือไม่จริง จากคุณ : กึ่งยิงกึ่งผ่าน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 20:45:44

ความคิดเห็นที่ 80 อดไม่ได้มาตอบอีก ถ้าไม่มีใครแบ่งใครเลย แล้วสุดท้ายมันจะมีปัญหาได้ยังไงล่ะครับ และอีกอย่างถ้าหากปลูกฝังกันให้โหลดแต่ไม่แบ่งกันมากๆ คนแบ่งคนปล่อยมันตายๆ ไป ก็เหลือคนปล่อย น้อยลงๆ แล้วมันจะมีปัญหายังไงครับ? ปัญหาจะลดลงซะมากกว่า นี่ยังไม่ได้พูดถึงยุคคลาวด์ที่กำลังจะมาถึง เอาสั้นว่าๆ ต่อไปเค้าไม่โหลดไม่ปล่อยกันให้เสียเวลาแล้ว จะกลาย เป็นเปิดฟังออนไลน์ (ที่ไม่ใช่เปิดฟังจากคอม) จะสะดวกกว่าหาเพลงจากแผ่นซีดีแล้วโหลดลงเครื่องด้วยซ้ำ ใครมัวแต่โหลดบิทจะกลายเป็นคนเชย คนโง่ด้วยซ้ำ พูดง่ายๆ เดี๋ยวมันก็เลิกโหลดกันไปเองแหละ หาทางปรับตัวให้อยู่กับปัจจุบันและอนาคตดีกว่าครับ ดีกว่ามัวไปอาลัยอาวรณ์อดีต จากคุณ : ปลากวน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 21:08:59 A:223.204.25.102 X: TicketID:312088

ความคิดเห็นที่ 81 อีกนิดนึง แถมถ้าค่ายเพลงรู้จักที่จะหาโอกาสทำธุรกิจจากพฤติกรรมโหลดเพลงฟังแล้ว การเกิดกลุ่มลูกค้าที่มี ประสบการณ์ (เรียกภาษาอังกฤษไม่ถูก) ฟังเพลงออนไลน์โดยที่ไม่ต้องสร้าง มันไม่ใช่เรื่องทีดีหรือครับ ปกติต้องสร้างความต้องการ ต้องใช้เงินสร้างลูกค้าที่มีประสบการณ์กันแทบเป็นแทบตาย นี่มีลูกค้ารอพร้อม อยู่แล้วมันไม่ดีตรงไหน ก็แล้วแต่ว่าเค้าจะคิดยังไง เรื่องของเค้า จะมองเห็นโอกาสรึเปล่า หรือมัวแต่ล้าหลังจะขายเพลงเป็นแผ่นๆ อยู่ อีกก็เรื่องของเค้า จากคุณ : ปลากวน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 21:15:07 A:223.204.25.102 X: TicketID:312088

ความคิดเห็นที่ 82 มีใครเหมือนเราไหมเนี่ย ซื้อซีดีแผ่นแท้มาก็จริง แต่ก็เก็บไว้อยู่ในตู้ที่บ้าน เปิดฟังไม่กี่รอบ ต้องมานั่งหาโหลดไฟล์ mp3 ไว้ฟังตอนนั่งทำงานแทน T-T ขี้เกียจ rip แต่ไม่ขี้เกียจโหลด หลังๆ ยูทูบมีอะไร ก็ฟังอันนั้นอ่ะครับ จากคุณ : yog_bf เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 21:16:26

ความคิดเห็นที่ 83 การโหลดก็ไม่ผิดหรอกครับ แต่คนโหลดแล้วชอบบ่นว่า ทำไมนับวันยิ่งมีแต่เพลงแย่ๆ ทำไมไม่ตั้งใจทำงานกัน คำถามแบบนี้ผมว่าแย่นะ แล้วนับวันจะพบเยอะขึ้นด้วย ซึ่งอันนี้บอกตรงๆไม่เข้าใจจริงๆ ถ้าคุณหวังงานดีๆ แต่คุณไม่ได้ให้เงินเขาเป็นการตอบแทน คุณยังกล้าหวังงานดีๆอีกเหรอ ไม่ใช่งานกุศลหนา บอกตามตรงผมก็ไม่ใช่คนดีอะไรหรอกนะ บางอย่างผมก็โหลดเอาบ้างอะไรบ้างเหมือนกัน แต่อะไรที่มันไม่มากนัก นิดๆหน่อยๆที่จะช่วยค่ายเพลงที่เขาฟังได้บ้าง ผมก็ทำนะ แล้วทำแล้วก็รู้สึกดีด้วย บริการรายเดือนของค่ายต่างๆมันอาจจะไม่ใช่เงินเยอะแยะ 20-30บาท แต่ถ้าอย่างน้อยมีสัก สองล้าน สามล้านคน คิดเหมือนกัน ช่วยๆกัน เดือนๆนึงค่ายก็ได้เงินไปพัฒนาตัวเองเป็นหลัก 60-90 ล้านแล้วนะ เรื่องการวิจารณ์นี่ ถ้าวิจารณ์แบบว่า เออ ติติงบ้าง ให้ความคิดเห็นติชมในเชิงที่มันเป็นประโยชน์บ้างก็ว่าไปอย่าง หรือถ้าเพลงมันลวกขนาดว่าไปลอกคนอื่นมา อันนี้ผมว่าด่าไปเลย เต็มที่ครับ แต่ไอ้คำว่า เพราะเพลงมันแย่ก็เลยโหลดนี่ ฟังแล้วจี๊ดว่ะครับ ขนาดผมไม่ใช่คนทำเพลงนะ แต่ถ้าคิดว่าใครมาอ่านผลงานผมฟรีๆ ไม่ยอมซื้ำอ ไม่ยอมเช่า จนงานผมขายไม่ออก แล้วยังมีหน้าจะมาคาดหวังงานระดับเทพอีก นี่แหม...หน้าด้านไปมั้ยนั่น คนขายเองก็ต้องพึ่งคนซื้อ ต้องทำงานดีๆออกมาเพื่อให้คนชอบ คนซื้อเองก็ควรจะต้องเข้าใจคนขายบ้าง สนับสนุนบ้าง เพื่อที่คนเราจะได้มีกำลังใจในการทำงานออกมาเพิ่ม แต่ถ้าคนซื้อแย่ คนขายก็แย่ งานก็แย่ มันเป็นผลกระทบกันไปแบบนี้ล่ะ ไม่ใช่เรื่องเข้าใจยากเลย จากคุณ : Berserk Rabbit เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 21:40:20

ความคิดเห็นที่ 84 เทคโนโลยี่ทันสมัยขึ้น ทำไมแผ่นซีดีคุณภาพห่วยลง ทำไมการบันทึกเสียงห่วยลง วงดนตรีมักง่ายขึ้นโดยเฉพาะการบันทึกเสียง  ทำดนตรีแต่ละคนมาจากคอมที่บ้าน แล้วมาใส่เสียงนักร้องให้ครบอัลบั้มแล้วเอาออกมาขาย ฟังแล้วเหมือนอัลบั้มรวมฮิตครับ จากคุณ : iya_baa เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 21:53:44

ความคิดเห็นที่ 85 ตอบคุณปลากวนนะครับ ถ้าคิดแบบนั้น โดยที่มีแต่คนโหลดโดยไม่มีคนปล่อยเลย มันก็ดีน่ะสิครับ เพราะต่อไปมันตายเองแน่ๆ แต่คิดเหรอครับ ว่ามันจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ คุณสามารถไปบอกคนที่เค้าปล่อยบอกว่าห้ามปล่อยเพลงได้หรือเปล่า พยายามบอกใครว่าโหลดนะ แต่อย่าปล่อยให้คนอื่นโหลดได้หรือเปล่า ผมว่ามันไม่หมดไปง่ายๆ นะ ถ้ามีแต่คนโหลด ไม่มีคนปล่อย คุณก็คงพอรู้ว่า ratio ในการโหลดมันจะน้อย ก็ต้องหาทางปล่อย เพื่อจะเพิ่ม ratio ไม่งั้นจะโหลดไม่ได้ bittorrent มันจึงต้องมีทั้งการโหลด การปล่อย ให้สัมพันธ์กันไงครับ โหลดอย่างเดียวไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว ถ้าไม่ใช้ bittorrent ก็เป็นพวกเว็บโหลด พวกนี้ก็อาศัยรายได้จาก banner ต่างๆ ยิ่งถ้ามีคนคลิกมาเข้าหน้าโหลดเพลงได้มาก ก็จะยิ่งมีเงินสะสมมาก เก็บเล็กผสมน้อย มันก็เป็นเงินก้อนใหญ่ พวกที่เอาเพลงมาปล่อยเหล่านี้ คิดว่าจะทำให้หมดไปได้ไหมล่ะครับ ถ้าได้จริงๆ มันจะเข้าทฤษฎีของคุณ ซึ่งจะดีมากๆ แต่มันเป็นไปได้ยากไงครับ จากคุณ : กึ่งยิงกึ่งผ่าน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 22:16:42

ความคิดเห็นที่ 86 ปัญหาระดับโลก ทางออกอยู่ที่ใครจะหาทางปรับตัวได้เก่งกว่ากัน คิดว่าคนทำเพลงต้องปรับในเชิงธุรกิจแล้วล่ะจะไปปรับในเชิงสังคมคิดว่ายากมากๆ เคยไปนั่งฟังสัมนาเรื่องพวกนี้ได้ยินไอเดียฝั่งแกรมมี่อันนึงน่าสนใจมาก คือเค้าจะเอาซีดีที่เราซื้อกันไปเนี่ยมาต่อยอดแบบเข้มข้น ไม่ได้แค่เอาไว้ฟังอย่างเดียว เช่น - เอาไปทำเป็นตั๋ว(ภาคบังคับ)หรือส่วนลดเวลาเข้าชมคอนเสิร์ตไป,มีทแอนด์กรีตหรือกิจกรรมต่างๆในเครือเค้า - เอามาทำเป็นคูปองต่อยอดด้านอื่นๆ ฯลฯ เราว่าก็ะเข้าท่าดี จากคุณ : รวยระริน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 22:20:29

ความคิดเห็นที่ 87 ชอบกระทู้นี้จังค่ะ อ่านความเห็นต่างๆ ที่แม้เห็นต่างแต่ก็พยายามช่วยกันหาวิธีการแก้ไขปัญหา การตลาดของค่ายเพลงและศิลปินคงต้องเปลี่ยนแปลง  โอกาสที่คนจะซื้ออัลบั้มแบบเมื่อก่อนยากมาก บางคนชอบบางเพลงเท่านั้น เพลงอื่นไม่ชอบก็ไม่อยากซื้อ ส่วนแฟนคลับที่มีความรักในศิลปินสูง ออกอะไรมา ดีไม่ดีก็ซื้อ ตรงส่วนนี้ก็มีผลต่อคุณภาพเพลงเหมือนกัน เมืองนอกเองแม้จะให้ดาวน์โหลด itune ก็แก้ปัญหาได้ไม่เบ็ดเสร็จนะคะ แต่ข้อดีก็มีเยอะ น่าจะเอามาใช้กับบ้านเราบ้าง อย่างน้อยแฟนคลับก็คงช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มาก แฟนคลับเมืองนอกบางคนแข่งยอดกันเอาเป็นเอาตายมา เห็นตอนนี้ ศิลปินที่จะออกอัลบั้มเต็มก็เริ่มจัดโปรโมชั่น มีภาพ Photo book มีไดอารี่ มีอะไรแจกเพิ่ม ก็คงช่วยได้บ้างมั๊งคะ แต่โดยรวมก็คงไม่ได้มาก ธุรกิจเพลงคงต้องหันมาเน้นที่งานโชว์ตัว คอนเสิร์ต แทน อย่างที่หลายค่ายทำอยู่ แล้วเพลงดีๆ ก็จะได้ค่าลิขสิทธิ์ตรงนี้ ที่มีศิลปินคนอื่นขอไปร้อง ถึงจะไม่ได้รายได้มากอย่างขายอัลบั้ม แต่ก็คงเป็นอีกช่องทางหนึ่ง... จากคุณ : Yimie เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 22:27:06

ความคิดเห็นที่ 88 ขอพูดถึงในกระทู้นี้เพิ่มเรื่องการโหลดเพลงฟรีนะคะ สมัยนี้ หาคนที่เล่นเน๊ตแล้วไม่โหลดเพลงฟรีน้อยมากๆๆ อืมถามว่าผิดไหมก็คงเป็น guilty pleasure นะคะ  ถ้ามองกันตรงๆ ทั้งแง่กฏหมายและศีลธรรมก็ไม่ใช่เรื่องถูกอยู่แล้ว แต่ถ้าทำไปไม่ใช่เพื่อการค้า คือดาวน์โหลดแล้วเอาไปไรท์แผ่นขาย ก็ไม่น่าเกลียดอะไร บางเพลง ยิ่งสมัยก่อนๆ หาฟังยากจริงๆ ยิ่งถ้าเป็นคอนเสิร์ตต่างประเทศ อย่างส่วนตัวชอบเพลงแนวคลาสสิค ถ้าจะให้บินไปซื้อตั๋วมาดูก็คงทำไม่ได้ทุกคอนเสิร์ตแน่ๆ แต่สมัยนี้สามารถดูคอนเสิร์ตดีๆ ฟังเพลงเพราะได้จากแทบทุกมุมโลกจริงๆ สำหรับผู้ที่มองว่างานเพลงเป็นศิลปะ เป็นมรดกของโลก ควรครอบครองได้ฟรีๆ งานศิลปะ งานเพลงไม่ว่ายุคสมัยไหน ก็ล้วนมาจากความคิดสร้างสรรค์ของ "คน" เชื่อว่ามีนักดนตรี ศิลปินหลายคนในโลกอยากจะให้ผู้ชมได้ชมฟรีๆ ชื่นชมกันทั้งนั้น โดยเขามีเจตจำนงเสรีในการทำงาน แต่อย่าลืมนะคะว่า สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า"คน" ไม่ว่าประกอบอาชีพไหน ล้วนต้องอาศัยปัจจัย 4 ในการดำเนินชีวิต  อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค แล้วถ้าไม่มี "เงิน" เขาจะหาสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร ไม่อยากให้คิดแคบๆ อยากให้มองรอบด้าน ศิลปินก็เหมือนอาชีพอื่นๆ ที่ต้องการรายได้  ไม่ว่ายุคสมัยไหน อย่าใช้คำว่าศิลปะมาอ้างว่าควรเป็นของฟรี เป็นมรดกของโลก อย่างนี้มองในด้านอุดมคติเกินไปค่ะ สำหรับใครที่มีมุมมองอย่างนี้ แล้วงานที่คุณทำอยู่ ทุกงานมีความเป็นศิลปะแฝงอยู่ทั้งนั้น หรือ ถ้ามองในแง่อาชีพ เหมือนอาชีพศิลปิน นักดนตรี จิตรกร.....ถามใจตัวเองจริงๆ ว่า งานของคุณถ้ามีคนบอกว่าควรเป็นของฟรี คุณทำได้หรือเปล่าคะ? แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 54 22:48:02 จากคุณ : Yimie เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 22:43:19

ความคิดเห็นที่ 89 สารภาพว่าไม่ได้อ่านทั้งหมด แต่อยากแอบติติงการบริการดาวโหลด ผ่านมือถือนิดนึงได้ไหมคะ เพราะล่าสุดดาวโหลดเพลงหน่วง แล้วขาดๆหายๆขึ้นว่าโหลดเสร็จแต่เพลงที่ได้มาไม่ชัดโดยสิ้นเชิง ขาดๆหายๆแต่ตังค์ในโทรศัพท์หายไปครบ 40 บาทอาจจะมีเพิ่มบ้าง แต่ไม่น้อยกว่านี้แน่นอน และไม่ได้เจอปัญหานี้ครั้งแรก ... โทรไปวีนค่ายโทรศัพท์เค้าก็บอกว่าไม่ได้เกี่ยวที่เค้า โทรไปถาม คนที่ให้บริการเค้าก็บอกว่าให้ลองโทรไปที่ค่ายโทรศัพท์อีกที ปัญหาทั้งหลายมันมีหลายที่ค่ะ อย่างน้อยๆคนให้บริการถ้าอยากที่ จะได้รับการตอบรับที่ดีก็ควรจะเลิกเล่นแชร์บอล(โยนกันไปมา) บางครั้งมันก็ทำให้คนที่ใช้บริการท้อนะคะ เพราะใช่ว่าจะเจอปัญหา นี้ครั้งแรก ... ในขณะที่ถ้า 4shared เราจะสามารถเลือกไฟล์เสียงได้ด้วย      ไม่อยากให้เค้าโหลดทำไมไม่ทำให้มันดีดีละคะ จากคุณ : Geomor_buu เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 22:46:25

ความคิดเห็นที่ 90 จาก #89 ระบบ Call Center นี่ยังไงกันนะ แบบนี้ไม่ดีเลย จากคุณ : กึ่งยิงกึ่งผ่าน เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 23:08:50

ความคิดเห็นที่ 91 ส่วนตัวก็ยอมรับว่าโหลดฟรี นานๆจะซื้อแผ่นแท้ซักที ปัจจัยที่จะทำให้ผมซื้อแผ่นแท้ได้ก็คือ ได้ลองฟังทั้งหมดทุกเพลงแล้วชอบเกิน 70-80 % ของเพลงทั้งหมด เพราะว่าซื้อมาแล้วรู้สึกคุ้มค่า น่าเก็บสะสม เพราะสำหรับผมแล้วถ้าเพลงดีจริง package ธรรมดาผมก็ซื้อครับ อีกอย่างคือราคาครับ CD 1 แผ่นสำหรับคนทำงานหรือคนมีรายได้คงไม่น่ามีปัญหา จะมีปัญหาก็คงเด็กวัยรุ่นที่ยังไม่มีรายได้ต้องขอเงินพ่อแม่อยู่ เพราะตัวเองสมัยวันรุ่นก็ต้องเก็บเงินซื้อเองกว่าจะได้ก็นานอยู่ สมัยก่อน cd แพงกว่านี้อีกนะครับ จากคุณ : JJAOF เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 23:09:51

ความคิดเห็นที่ 92 สรุปคือ พวกที่โหลดฟรียังไงก็จะหาข้ออ้างเข้าข้างตัวเองจนได้ ไม่ว่าค่ายเพลงจะพยายามแค่ไหน ถ้าชอบเพลงเค้าจริง ก็ซื้อเถอะครับ เดี๋ยวนี้มันไม่แพงแล้ว จากคุณ : RobertSpeharsJarni เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 23:10:08

ความคิดเห็นที่ 93 เมื่อกี๊อ่านเจอประเด็นเรื่องการบริจาคก็น่าสนใจนะครับ ในตลาดธุรกิจวงการวิทยุชุมชนของต่างประเทศมีรูปแบบการหารายได้จากการบริจาคอยู่ เช่น คลื่น FM 123.45 เปิดรายการขึ้นมา ทุกคนฟังได้ แต่ถ้าใครชอบแล้วอยากให้อยู่ต่อก็ช่วยๆกันบริจาคนะ แต่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าในโมเดลนี้ถ้ามาทำในธุรกิจเพลงหละ จะเป็นอย่างไร เพลงนี้ชอบนะ วงอะไรเนี่ย แล้วก็ Donate ให้ คิดเล่นๆนะครับ เป็นอีกความคิดนึง แต่ถ้ามองในโลกแห่งความเป็นจริงอาจจะค่อนข้างยากเหมือนกันเพราะยอด Donate อาจจะไม่สูงมากเท่าที่ทำให้ศิลปินอยู่ได้ ยิ่งเป็นศิลปินกลุ่ม ต้องมาแชร์กันอีกกี่คน ถ้ามีสักวงลองทำธุรกิจในรูปแบบนี้ก็น่าจะสนุกดีเหมือนกัน มีสีสันใหม่ๆในวงการเพลง จากคุณ : beerboy เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 23:11:31

ความคิดเห็นที่ 94 #93 ต่างประเทศก็มีศิลปินที่ใช้วิธีนี้ค่ะ โดยเฉพาะศิลปินอิสระ หรือ ไม่มีสัญญากับค่ายเพลง (independent and unsigned musicians) บางคนก็ปล่ยอเพลงออนไลน์ให้คนฟัง ถ้าชอบก็บริจาคเงินตามความชอบ  แล้วถ้ามีคนฟังชอบมากก็อาจตามไปดูการแสดงดนตรี หรือ จ้างให้ไปเล่นคอนเสิร์ต เคยอ่านคอมเมนต์ของต่างชาติเรื่องเดียวกับกระทู้นี้ ก็มีความเห็นหลายฝ่ายต่างๆกันนะคะ บางคนก็แนะนำว่า... คนที่ไม่ชอบซื้อทั้งอัลบั้ม ชอบเพลงเดียว หรือ อยากซื้อเฉพาะเพลงที่ชอบจริงๆ  ถ้าทางค่ายลดราคาขายซิงเกิ้ลลง  เช่น แผ่นละ 20 - 30 บาทต่อเพลงหนึ่ง ซึ่งราคาก็ไม่ได้แพงมาก  ก็น่าสงสัยว่าคนที่บอกว่าแพง จะยอมซื้อไหม แต่คิดว่าแนวโน้มธุรกิจดนตรี จะเปลี่ยนไปจริงๆ รายได้หลักไม่ได้มาจากขายเทป ขายซีดี แต่เป็นธุรกิจ show biz คอนเสิร์ต มินิคอนเสิร์ต โชว์ตัว ขายสินค้าพรีเมี่ยมต่างๆ   นักร้องยังมีโอกาสหลายทาง แต่คนทำงานเบื้องหลังทางเลือกไม่มากเท่านักร้องนะคะ แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 54 23:53:01 จากคุณ : Yimie เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 23:38:38

ความคิดเห็นที่ 95 ขอพูดเรื่องโหลดเพลงหน่อยครับ คือหลังจากที่อ่านความเห็นจากเจ้าของกระทู้ผมก็เลยทดลองเข้าไปที่เว็บของแกรมมี่( gmember ) ก็ยังไม่เห็นจะมีให้โหลด  มีแต่ส่ั่งซื้อทั้งอัลบัมแล้วมาส่งถึงบ้านกับโหลดผ่านทางโทรศัพท์ ซึ่งผมว่าโหลดเพลงผ่านเว็บอย่างต่ำ ๆ ต้องแบบที่ itune ทำได้แล้วขอบอกว่าหน้าเว็บเข้าขั้นขยะครับ scroll หน้าเว็บแล้วกระตุกนี่ไม่ใช่แล้ว ดีไซน์ไม่ต้องพูดถึง  ไม่อยากจะยาวเดี๋ยวนอกเรื่อง ผมว่าสิ่งที่ค่ายเพลงควรจะทำคือสร้างประสบการณ์ทีดีในการฟังเพลงผ่านเว็บและทำให้การซื้อสะดวกที่สุด หลังจากซื้อแล้วก็ต้องได้ประสบการณ์ของการเป็นส่วนหนึ่งของทั้งจากทางค่าย  และจากนักร้องในรูปแบบต่าง ๆ รวมไปถึงการหาประโยชน์จากรูปแบบใหม่ของสื่อได้แล้วหมดยุคแล้วที่จะมาขายเพลงอย่างเดียว (ยิ่งไอ้ระบบลิขสิทธิ์ห่วย ๆ ที่ไม่อยากจะพูดถึงอีก) ในส่วนนี้ผมยังคิดไม่ออกว่าจะทำเงินเต็มขั้นได้อย่างไรแต่น่าจะทำได้จากตัวอย่างของ youtube star หลายคนก็ทำเงินได้จาก channel ของตัวเอง แต่ค่ายเพลงเล่นเอาขุมทองแล้วมัดรวมขายให้ vevo เหอะ ๆ (ย่อหน้านี้เหมารวมเรื่องที่อยากได้จากทั้งไทยและเทศ) ส่วนการรณรงค์ไม่ได้ช่วยให้สถาณการณ์ดีขึ้นเลยครับ ค่ายเพลงเมืองไทยน่าจะหานักเศรษฐศาสตร์เก่ง ๆ มาเป็นที่ปรึกษาแทนนักการตลาดบ้างได้แล้ว (ที่จริงก็ไม่ค่อยจพเวิร์คเพราะมีสาเหตุอื่น ๆ อีกแต่ดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้แน่) เพราะตอนนี้การรณรงค์หรือออกมาประณามคนซื้อแผ่นผี   มีแต่จะทำให้ต้นทุนศีลธรรมของคนละเมิดถูกลงและจะส่งผลกลับกันซะมากกว่า #84 โดนใจบางอัลบัมนี่ต้องบอกว่านึกว่าอัดเองกับคอมที่บ้าน จากคุณ : Zkizzik เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 23:47:52

ความคิดเห็นที่ 96 #95 เห็นด้วยเรื่องการโหลดผ่านเวบค่ะ คุณภาพการให้บริการ และ ความสะดวกในการโหลดเพลงยังต้องพัฒนาอีกมาก แปลกใจนะคะ ทำไมถึงไม่มีใครคิดทำ เวบกลางเพื่อให้บริการด้านนี้ อย่าง itune ถ้าทำเป็นเรื่องเป็นราว เป็นเวบหลัก มีแอปใช้กับมือถือได้ น่าจะเป็นอีกทางเลือก อืม หรือว่าชาวเฉลิมกรุงจะรวมตัวกันทำเวบแนว itune แต่สัญชาติไทย นอกจากจะได้ช่วยธุรกิจเพลงบ้านเรา ไม่แน่อาจเป็นอาชีพหลักก็ได้ ค่ายเพลงบ้านเรา ค่ายหลักๆ ยังรวมกลุ่มกันไม่ได้ ผลประโยชน์คงยากจัดสรรมั๊งคะ ถ้าร่วมกันเป็นภาคี อย่าค้ากำไรเกินควรกับผู้บริโภค ไม่แน่ว่าอาจมีทิศทางที่ดีขึ้น สมัยนี้ ถึงได้มีรายการเรียลลี้ตี้ด้านดนตรีมากขึ้น ต่างประเทศนี่ มีรายการเรียลลิตี้ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด เยอะมากจริงๆ เช่น AI, X Factor, The Voice, Got Talent Series ฯลฯ ค่ายเพลงต้องการ Brand Loyaltyจากแฟนคลับมากขึ้น กลุ่มแฟนคลับส่วนใหญ่นี้ซื้อแผ่นแท้ สนับสนุนทุกทาง พร้อมทำหน้าที่ทุกฝ่าย เช่น การตลาด พีอาร์ เซลส์ ฯลฯ แถมทำธุรกิจต่อยอดได้อีกเยอะ บางค่ายทำทัวร์เสริมต่างหาก...แต่สิ่งที่เป็นข้อเสียคือ ค่ายเพลงบางทีอาจใช้ความรักต่อศิลปินนี้ของแฟนคลับ ผลิตงานเพลงจานด่วน คุณภาพลดลงมาก เน้นปริมาณเป็นหลัก  ไปๆมาๆ บางทีก็เหมือนสินค้าในครอบครัว ขายและบริโภคกันเองในวงแคบๆ นะคะ แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 54 00:08:25 แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 54 00:06:06 จากคุณ : Yimie เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 00:05:29

ความคิดเห็นที่ 97 ขอต่อเรื่องที่ว่ายังไงก็ไม่ดีขึ้น  เพราะว่าตอนนี้ internet ทำให้โลกหมุนไปอย่างพิลึกพิลั่นจริง ๆ ครับ คนจากอเมริกาจะมาร้องคาราโอเกะเล่นแอร์กีตาร์ให้เพื่อนที่อยู่ที่เอเชียดู หรือนักร้องตัวจิ๋วหน้าหวาน เสียงน่าต่อยการเป็นคนดังระดับโลกในชั่วข้ามคืนเป็นเรื่องง่าย ๆ ไปซะแล้ว ส่วนวิธีหาความสุขของคนเปลี่ยนไป  แค่การฟังดนครีไม่อาจตอบโจทย์คนส่วนใหญ่ได้อีกแล้ว แค่เสียงที่อัดใส่แผ่นมันขายไม่ได้แล้วครับไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวอยากให้ค่ายเพลงใหญ่ ๆ เจ๊ง ๆ ไปเลยก็ดีครับ  เท่าที่เป็นอยู่นี่มันชำเรากันทางดนตรีมากเกินไป เพราะการทำเพลงออกมาแบบกำหนดเทรนด์ ผสมกับสื่อที่อยู่ในมือมันทำให้วงการนี้มันน่าเบื่อ แล้วประเด็นไปแล้วถ้ามันไม่เจ๋งจริงก็ไม่เท่าไหร่ แต่บางทีของดี ๆ มันก็มีออกมา แต่บางทีก็อยากได้มากกว่านั้น แต่ว่าเจอของดีแล้วก็พอใจแล้ว  (ไม่รู้จะมีใครฟังเข้าใจรึเปล่าประโยคนี้)  เลยอยากเห็นโลกที่ไม่มีคนมากดหัวสรัางเทรนด์ ให้เป็นโลกที่คนตัวเล็ก ๆ ได้ดิ้นรนที่จะเสนอเพลงของตัวเองออกมา  แล้วก็มีคนกระเหี้ยนกระหือรือที่ยินดีที่จะค้นหา ยินดีที่จะลองฟังอยู่เต็มโลกไปหมดครับ ส่วนภาพในฝันก็อยากให้เป็นเหมือนยุคก่อนวิทยุกับแผ่นเสียงที่ทุกคนเล่นดนตรีกันได้หมด ความสุขเกิดขึ้นง่าย ๆ จากการได้ยินทำนองง่าย ๆ ของไวโอลินหรือเปียโนซึ่งมีติดบ้านทุกบ้าน ศิลปินทำเงินจากการขายโน้ตเพลง(ซึ่งแน่นอนจน ฮ่า ๆ) เพียงแต่ว่าตอนนี้ยุคปัจจุบันก็จะซับซ้อนขึ้นทั้งในเรื่องดนตรี เทคนิค อุปกรณ์ แล้วมา jam กันผ่านเน็ตมาฟังกันสด ๆ ผ่านเน็ตรายได้ของนักดนตรีนี่เอาอย่างไรเดี๋ยวก็คงจะคิดออก ส่วนเรื่องซื้อแผ่นตอนนี้ก็ซื้อของแท้โดยปกติเพราะว่าไม่ได้ลำบากอะไร แต่ขอยืนยันว่าถ้าผมลำบากผมโหลดแน่ครับเพราะต้นทุนมันต่ำเหลือเกินยิ่งอ่านกระทู้นี้ยิ่งต่ำ แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 54 00:10:55 จากคุณ : Zkizzik เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 00:09:54

ความคิดเห็นที่ 98 ยิงอ่านยิ่งหดหู่ ตกลงกระทู้นี้เป็นกระทู้หาทางออก หรือว่า................. ปัญหามันอยู่ตรงไหนครับ ความต้องการขอทั้ง 2 ฝั่งคืออะไร ผมว่าผู้ฟังคนไทย ไม่ได้ใจดำ และก็รักคนไทยด้วยกันเอง การที่จะเปลี่ยนให้คนไทยทันมาซื้อผลงานของศิลปิน ต้องมาคิดกัน แน่นอน ใครก็ชอบของฟรี แต่ทำไม คนไทยยังจ่ายในสิ่งที่บางทีไม่ควรจ่าย แล้วทำไมต้องจ่ายในสิ่งนั้น ในอีกแง่ ผลงานจากศิลปินมีมากมาย มีใครบ้าง มีกี่ผลงาน ทำยังไงให้คนไทยสามารถรับรู้ได้ว่าคุณมีผลงาน สามารถอุดหนุนได้ทางไหน แล้วต้องการยอดขายแผ่นหรือยอด Download สร้างให้รู้สึกว่าการซื้อจากแหล่งที่จัดให้มีมูลค่ายังไงกับการโหลดแบบละเมิด(แผ่นผี) ตราบในที่ยังมีแผ่นขายตามตลาด(หาซื้อง่ายมาก) ทั้งๆที่ใน 7-11 ราคาไม่ได้แพงเลย ทำไมครับ ลองคิดกัน ปล:: ผมรู้สึกไม่ดีกับการที่ใช้คำว่า "คนไทย.....ลักลอบ ละเมิด" เพราะผมก็คนไทย ผมก็ซื้อผลงานเพลงอยู่เสมอ เข้าโรงดูหนังก็เป็นหนังไทยซะ 70% เมื่อก่อนผมเดินเล่นก็ Tower Reccords เดี๋ยวนี้ ........ แมงป่องก็ปิดไปหลายสาขา ผมเองก็เข้า Web bit และ Web ที่ผมเข้าไม่สันบสนุนให้เผยแพร่ผลงานคนไทย ใน Forum ก็ห้ามการแจก Software ของคนไทย ผมว่า คนไทยรับผิดชอบมีเยอะครับ และคนไทยก็ไม่ได้มีรายได้ต่อหัวเท่ากับประเทศ........ อยากฟังเพลงต้องซื้อ แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 54 00:40:55 จากคุณ : jayz เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 00:27:25

ความคิดเห็นที่ 99 จะไปสนใจทำไม ถ้าของดี คนพอมีตังค์ก็ซื้อ จากคุณ : ตาแป๊ะหวานเย็น เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 01:12:30

ความคิดเห็นที่ 100 เพลงห่วย โหลดได้ - ไม่จริงครับ เพลงห่วย เลียนแบบ มันมีเยอะกว่า อย่ามาอ้าง - ไม่เห็นด้วยครับ เพลงน้ำดี มีอยู่เยอะจริงๆ  คนที่พูดน่ะ ติดตามข่าวสาร เปิดหูวงกว้างๆ ฟังเพลงจริงๆรึเปล่า ? สรุปความของกระทู้นี้หลังจากอ่านๆมา ซึ่งมันก็เป็นเหมือนเดิมที่เราได้ถกเถียงกัน สิ่งเดียวที่ดีที่สุดคือ "ปลูกฝังจิตสำนึกและทัศนคติที่ดี"  ให้แก่คนไทยที่เป็นอนาคตของชาติ ให้ดีที่สุด แลดูเป็นทฤษฏี ทำยาก มีแต่คำพูดใช่ไหมครับ แต่ผมว่าไม่ใช่ ทัศนคติที่ดี ส่งผลให้ คนฟัง กลุ่มนี้  แม้จะโหลด  แต่ส่วนหนึ่งเขาก็ยัง"อุดหนุน" อยู่ ซึ่งผมมีความเชื่ออยู่เสมอ และเชื่อตลอดว่า  ไอ้คนฟังกลุ่มเล็กๆที่มันพยายามซื้อของจริงนี่แหละ ยังเป็นทางออกและค่าข้าว ค่ากิน ของคนทำเพลงอยู่ คนฟังกลุ่มที่มีความคิดนี่แหละ ที่ควรช่วยกันรณรงค์ กระจายข่าว และสร้างค่านิยมดีๆให้ถึงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนคนกลุ่มที่ขาดความคิดดีๆ กลุ่มที่จ้องแต่จะเอาๆๆฟรีๆ โดยไม่คิดจะช่วยซื้อหรืออะไรก็ตาม กลุ่มนี้เปลี่ยนความคิดเขา ไม่มีทางครับ.. บอกได้เลย เราเอาพลังที่เหลือ ของกลุ่มคนที่เหลือ อย่างเราๆ  ช่วยกันคนละนิดดีกว่า ทำเป็นแฟชั่นการฟังเพลงก็ได้  ส่งต่อการอุดหนุนสินค้า รณรงค์ในหมู่ชนที่มีความคิดความอ่าน  ปัจจุบันนี้social networkมีอิทธิพลมาก   ถ้าทำให้topicเรื่องการซื้อของจริง  สักอย่างนึง  กระจายไป คนนึงแชร์ คนนึงอ่าน ส่งต่อ..   นิดนึง  มันก็ส่งผลเยอะครับ.. สุดท้าย คำตอบก็เหมือนเดิมที่ คห3 ของผม สร้างทัศนคติที่ดีๆ  กับกลุ่มคนมีความคิดมีรสนิยมที่ดี ที่พอจะหวังได้ ให้ช่วยอุดหนุนสินค้าศิลปิน ไม่ต้องทั้งหมดหรอก อยากโหลด โหลดไป แต่มีตังค์เมื่อไหร่   บริจาคช่วยอุดหนุน ในรูปของการซื้อซีดี โหลดลิขสิทธิ์ไป คนที่ได้ เป็นคนซื้อด้วยซ้ำที่ได้สินค้าดีๆกลับไปครอบครอง.. คนที่ความคิดเรื่องการโหลดดิ่งลงเหวไปแล้ว ไม่ว่าจะด้วยอคติใดๆ  ปล่อยเขาไป แนวทางที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ  ตัวตั้งตัวตี ควรเป็นแกนนำที่มีอิทธิพลจัดๆ ต่อกลุ่มคนฟังเพลง.. คลื่นเพลงหลักๆ ตัวอย่างเช่น FAT  Virgin  หรือหนังสืออะเดย์   รวมถึงค่ายหนังอย่างGTH ด้วย  เป็นต้น พวกนี้ผมเชื่อว่า ถ้ารวมพลังกัน รณรงค์ในแบบที่ดีๆหน่อย สร้างเป็นกระแสดีๆ จ๊าบๆออกไป ผมเชื่อว่า  มันต้องดีขึ้น  ผมเชื่อจริงๆครับ.. จากคุณ : หัตถาครองพิภพ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 01:32:34

ความคิดเห็นที่ 101 ความเห็นผมนะครับ มันควรจะมีเวปคล้ายๆ itune ของไทย แบบที่ข้างบนบอก ซึ่งต้องทำให้คนที่คิดจะโหลดเพลงคิดถึงเวปนี้ก่อนเลย ไม่ใช่อยากฟังเพลง เปิดเวปบิต เวป 4 share ต่อมาทำยังไงก็ได้ ให้มันง่ายกว่าหรือเทียบเท่ากับ 1. เปิดเวปบิต, 4 share 2. Search ชื่อเพลง, อัลบั้ม 3. โหลด อาจจะเสียตังค่าโหลดบ้าง เดือนละ 50 บาท ปีละ 500 บาท อะไรก็ว่าไป แต่ต้องมีอะไรพิเศษๆให้สำหรับคนโหลดจากเวปนี้ด้วยนะครับ จากคุณ : SLaYe|2 ArcA เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 01:43:07

ความคิดเห็นที่ 102 ประเด็นถกเถียงมันซ้อนกันหลายประเด็นนะครับ ผมว่าไม่ว่าเราจะมองว่าโหลดฟรีจะผิดหรือไม่ เราก็ควรยอมรับร่วมกันก่อนหรือเปล่าครับว่าเวลาของ CD มันหมดลงแล้ว? ถ้ายอมรับร่วมกันตรงนี้ ก็ควรเลิกพูดเรื่องว่า CD หาซื้อง่าย ฯลฯ และกระโดดไปคุยกันประเด็นเรื่อง Online เลยว่าจะทำยังไง คือ ผมว่ามันต้องมีฉันทามติกันก่อนว่าเวลาของ CD มันหมดแล้วไม่งั้นการเถียงๆ กันอยู่ผมว่ามันไม่สมมาตร จากคุณ : FxxkNoEvil เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 02:04:42

ความคิดเห็นที่ 103 แหะๆ ความรู้น้อยนิด แต่อยากเสนอบ้าง เพราะเห็นใจศิลปินค่ะ จริงๆ ตอนนี้เพลงที่ฟังบ่อยก็จะเป็นศิลปินเกาหลี (อย่าว่าเค้าติ่งนะ T_T) มันจะมีเวปสำหรับโหลดเพลง ที่ใช้อยู่ก็ soribada เค้าจะให้เลือก package เช่น 200 บาท ต่อเดือน โหลดเพลงได้ 40 เพลง แต่ฟังเพลงในเวปได้ ไม่จำกัดซึ่งก็เป็นเพลงใหม่ๆ และก็มีเพลงเก่าด้วย ของทุกค่าย ทั้งเพลงเกาหลีและ ฝรั่ง เราก็เลือกโหลดเพลงแต่ที่เราชอบมากๆ อยากเก็บ ส่วนเพลงอื่นก็ฟังไปเรื่อยๆ และจำนวนการโหลดและการฟังก็จะนำไปตัดสินรางวัลปลายปีของศิลปินด้วย คือ คนเราอ่ะค่ะ อยากให้คนที่รักที่ชอบชนะอยู่แล้วล่ะ อาจจะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ก็น่าจะมีส่วนช่วยให้คนโหลดอย่างถูกต้องมากขึ้น เออ คนที่โหลดก็ต้อง บังคับตัวเองด้วยนะ(ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องที่ยากที่สุด) ว่าอย่าปล่อยตามเวปโหลด เพลงเถื่อน มันไม่เท่ห์อ่ะ เวลามีคนชมว่า ใจดีจังที่ขโมยของคนอื่นมาให้ -_-! สำหรับศิลปินที่ชอบจริงๆ ก็ซื้อแผ่นด้วยค่ะ แอบชอบ CD แบบ มี photo book หรือเบื้องหลังอะไรที่หาดูที่อื่นไม่ได้แนบมาด้วย มันดูพิเศษดี ชอบสะสม ^^ จากคุณ : มินทิรา เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 03:34:38

ความคิดเห็นที่ 104 #85 ก็นั่นน่ะสิครับ การที่จะมีแต่คนโหลดโดยที่ไม่มีคนปล่อยมันเป็นไปไม่ได้ไงล่ะครับ แล้วจะไปคาดหวังว่าโลกนี้จะต้องไม่มีคน ที่ละเมิดเลยได้ยังไงล่ะครับ คุณชอบเอาเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มาเป็นสาระ เพลงเพิ่งออกจากห้องอัด ยังไม่ทันให้โหลดซื้อเลย มีให้โหลดกัน แล้ว อ้าวก็แล้วมันจะทำไมล่ะครับ? ก่อนถึงเวลายิงมิวสิคโหลดซื้อจริง มันจะมีคนที่หลุดไปได้โหลดเถื่อนสัก กี่คน มันต้องห้ามมีคนได้ยินเพลงเลยแม้แต่คนเดียวก่อนตูจะได้เงินเลยหรือไงล่ะครับถึงจะพอใจ? ถ้ามีแม้แต่ คนเดียวตูต้องกินไม่ได้นอนไม่หลับและต้องกังวลใจทุรนทุรายตายเสียให้ได้? มันจะหลุดไปมีคนโหลดก่อนสักร้อยสองร้อยคนสักพันคนมันจะเป็นจะตายกลายเป็นเรื่องใหญ่อะไรหนักหนา มากมายจนต้องให้ความสำคัญมากขนาดนั้น แล้วแถมในพวกที่แอบโหลดก่อน ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มาเป็นลูกค้า ในทางใดทางหนึ่งภายหลังทุกคนไปเสียเมื่อไร แล้วถ้ามันมีคนตั้งหน้าตั้งตารอจะรีบโหลดเถื่อนก่อนเพลงจะออก น่าจะดีใจด้วยซ้ำที่มีคนรอติดตาม ไม่ใช่ มานั่งเสียใจว่าไม่ได้เงินจิ๊บจ๊อยจากคนกลุ่มนี้ เออถ้าซิงเกิ้ลออกแล้วไม่มีพูดถึงกันเลยสิน่าห่วง ผมรู้ว่าคิดแบบนี้เป็นการเมินเฉยต่อหลักศีลธรรม จริยธรรม หรือหลักอะไรก็ได้แล้วแต่จะคิด แต่คนที่เป็น เจ้าของธุรกิจ หรือเป็นศิลปิน เค้าไม่มัวมานั่งกังวลจิ๊บจ๊อยว่าวันนี้มีคนฟังเพลงเค้าแล้วไม่จ่ายเงินกี่คนๆ หรอก นะครับ พอดีไม่ต้องทำอะไรกัน ปัญหาของคุณคือ คุณเฝ้าแต่คิดว่า ต้องทำยังไงให้มันหมดไป ต้องทำยังไงให้มันหมดไป ซึ่งมันเป็นการ แก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุดและไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่มีใครมาเสียเวลาคิดเรื่องไร้สาระแบบนี้ แม้แต่อากู๋เฮียฮ้อเค้า ยังไม่สนเลย แล้วเราเป็นใคร? หน้าฉากน่ะเขาแสดงความกังวลเรื่องโหลดฟรีก็จริง แต่หลังฉากเค้ามีแต่จะคิดว่า ทำยังไงถึงจะได้เงิน ทำยังไงถึงจะได้เงิน ทำยังไงถึงจะได้ค่าริงโทนเยอะๆ ทำยังไงถึงจะได้ขายสติกเกอร์เยอะๆ ทำยังไงถึงจะได้ค่าโฆษณาเยอะๆ ทำยังไงถึงจะได้ค่า SMS เยอะๆ เค้าไม่มานั่งคิดเล็กคิดน้อย ทำยังไงให้โลกนี้ไม่มีคนโหลดเพลงฟรี ทำยังไงให้โลกนี้ไม่มีแผ่นเถื่อนกันหรอก นะครับ มีแต่คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับธุรกิจของเขา แต่โดนมายาคติที่เขาจับกรอกใส่ปากมานั่งกังวลแทน เลิกมานั่งกังวลกับปัญหาธุรกิจของคนอื่นได้แล้วล่ะครับ ผลประโยชน์ของเขาก็ให้เขารักษาเองเถอะครับ บอก แล้วว่าเขาไม่ได้เดือดร้อนกับยอดขายซีดีมากอย่างที่เราคิดหรอก เขามีรายได้จ่ายเงินเดือนจ้างดีเจมานั่งขี่คอ กันจัดรายการ ซื้อบ้านซื้อรถหรูๆ ทั้งนั้นแหละครับ (จะว่าไป เป็นดีเจยังจะน่าเป็นกว่าศิลปินอีก เงินมันทุ่มไป ทางนั้นมากกว่าเยอะ) พฤติกรรมของ #82 น่าสนใจนะครับ ลองมาคิดคณิตศาสตร์ง่ายๆ ไม่ว่าจะโหลดฟังฟรีแล้วไม่ซื้อ หรือโหลด ฟังแต่ก็ซื้อ ก็ไม่ได้ทำให้เงินในกระเป๋าของใครลดลงเลย ถึงไม่มีให้โหลดฟังก็ไม่ใช่ว่าคนจะหันไปซื้อแผ่น เสมอไป ถึงไม่มีของเถื่อนให้โหลดก็ไม่ใช่ว่าจะทำให้ขายแผ่นได้มากขึ้น การมีโหลดเถื่อนให้ฟัง ทำให้ขายแผ่นได้น้อยลง ไม่จริงเลยครับ มีหรือไม่มี คนที่คิดจะซื้อก็ซื้อ คนที่ไม่คิดจะ ซื้อก็ไม่ซื้ออยู่ดี ไม่ใช่เหตุผลที่เชื่อมโยงกันเลยตั้งแต่แรก เลิกคล้อยตามวาทกรรมที่เขายัดเยียดให้ได้แล้วครับ และคนที่ไม่ว่าจะโหลดฟังแล้วซื้อแผ่นหรือไม่ซื้อก็ตาม ก็อาจจะมีสถานะเป็นผู้ปล่อยได้เหมือนกัน จึงไม่ได้ ทำให้ยอดขายมีผลกระทบแตกต่างกัน ถูกมั้ย? และถ้าหากคนที่โหลดฟังแล้วไม่ซื้อนั้นผิด คนที่ซื้อแผ่นแต่ก็โหลดฟังก็ผิดในฐานความผิดอันเดียวกัน ถ้าจะเอาโลกสมบูรณ์แบบอย่างที่คุณคิด แม้แต่คนที่ซื้อแผ่นไปแล้วก็ต้องห้ามโหลดฟังจากที่อื่นเด็ดขาด! ผมว่าต่อให้เป็นเฮียกับอากู๋ก็คงไม่คิดอะไรเพ้อเจ้อขนาดนี้ครับ สลัดตัวให้หลุดจากวาทกรรมตื้นๆ แบบนี้กัน ได้แล้วครับ ไม่ต้องไปทำหรือคิดอะไรแทนเขามาก เอาแค่ไม่สนับสนุนการหากำไรจากงานคนอื่นเค้าก็ยิ้มแก้มปริแล้วล่ะครับ ไม่ต้องคิดเล็กคิดน้อยทุ่มเทเดือดร้อนแทนเขาสุดตัวมากขนาดนี้ จากคุณ : ปลากวน เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 03:46:14 A:223.204.25.102 X: TicketID:312088