|
กลายเป็นเรื่องสั่นสะเทือนวงการศึกษาไทยอีกหนึ่งเรื่อง เมื่อ ศ.ดร.สุกรี เจริญสุข คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นคณบดี หลังจากที่ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ไม่รับรองหลักสูตรเทคโนโลยีดนตรีและธุรกิจดนตรี ของทางวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ซึ่งเป็น 2 ใน 7 หลักสูตร ของทางมหาวิทยาลัย ที่ สกอ.อ้างว่า ไม่เข้มแข็งด้านวิชาการ ไม่มีอาจารย์สอนที่เหมาะสม จึงไม่ให้ชื่อ "ดุริยางคศาสตร์บัณฑิต" แต่ให้ "ศิลปศาสตร์บัณฑิต" ทำให้นักศึกษาที่จบ ไม่สามารถเข้ารับราชการและเรียนต่อด้านดนตรีในต่างประเทศได้โดยตรง โดยการลาออกดังกล่าวของ ศ.ดร.สุกรี จะมีผลในวันที่ 30 กันยายนนี้ เพื่อแสดงความรับผิดชอบ และไม่ต้องการเอาชีวิตเด็กเป็นตัวประกัน ตามที่เป็นข่าวลงตามสื่อต่างๆ ขณะที่ในโลกของ โซเชี่ยลมีเดียอย่างเช่น เฟซบุ๊ก นั้น ก็มีผู้นำบทความที่ใช้ชื่อ "วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ในวันที่ไม่มีสุกรี เจริญสุข" ที่ถูกเขียนขึ้น ในบันทึกของ College of Music, Mahidol University มาให้ผู้คนได้อ่านถึงบทบาทและการทำหน้าที่ของศ.ดร.สุกรี โดยผู้มาแสดงความเห็นคิดเห็นส่วนใหญ่ได่เข้ามาให้กำลังใจ อ.สุกรี เป็นจำนวนมาก ขณะที่นักศึกษาและอาจารย์ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ม.มหิดล ก็เตรียมนัดรวมตัวประท้วงความไม่ชอบธรรมที่เกิดขึ้น ในวันที่ 30 สิงหาคม "ผมคิดว่า ถึงเวลาที่สังคมต้องทบทวนตัวเอง พ่อ แม่ ผู้ปกครอง นักการศึกษาทั้งหลายต้องทบทวน ว่าถ้าเราทำแบบนี้ คุณคิดว่าเราไม่ดีใช่ไหม ถ้าไม่ดี ผมก็ต้องออก แต่ถ้าคิดว่าดีแล้วคุณต้องมีเสียงออกมา ต้องช่วยกันว่า สังคมดีไม่มีขาย อยากได้ต้องช่วยกันสร้าง จะมาให้ผมทำคนเดียวได้อย่างไร ผมก็โดนถล่มอย่างนี้ตายสิ" ศ.ดร.สุกรี ว่า
มีคนตั้งคำถามในโลกไซเบอร์ว่า อาจารย์สอนให้นักศึกษาสู้และฝ่าฟันอุปสรรคมาตลอด แล้วทำไมตอนนี้ถึงยอมแพ้ ลาออก ? คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ม.มหิดล กล่าวว่า ตนไม่ได้ยอมแพ้ การลาออก การฆ่าตัวตาย การเผาตัวเอง การอดข้าวอดน้ำแบบคานธี ก็เป็นการประท้วงชนิดหนึ่ง ดังนั้นการที่ตนลาออกจากการเป็นคณบดี ก็คือการ ประท้วงว่า ไม่ยอมรับการตัดสินของ สกอ. " ให้ผมตายก็ไม่ยอมรับเขา เพราะโลกยอมรับเรา แบบนี้ แล้วเราจะไปยอมยอมรับเขาอย่างนั้นเหรอ แล้วเขาเป็นใครล่ะ ประเทศไทย คนมีอำนาจ ใช้อำนาจอย่างโง่ๆ มามากแล้วนะ แล้วถ้าเขาบอกว่า เขาฉลาด ผมก็ว่า เขาฉลาดในเรื่องโง่ๆ เรายอมรับสิ่งเหล่านี้ไหมล่ะถ้าเรายอมรับสิ่งเหล่านี้ ก็ยอมต่อไป แต่ผมไม่ยอม " "การยื่นใบลาออกของผมเป็นการประท้วง เพื่อให้สังคมหันมาดู แต่ถ้าสังคมพ่อแม่ ผู้ปกครองยอมรับสิ่งเหล่านี้ ผมก็ควรจะออกไป เพราะผมผิดแน่ๆ แต่ถ้าผมถูก ออกมาโวยสิครับ ถ้าผมทำดีคุณไม่มาดูเป็นความผิดคุณ ผมทำเต็มที่แล้ว และเชื่อว่า ทำถูกต้อง เขาบอกให้ถอย ผมจะถอยไปไหนล่ะ ถอยไปหาผิดอย่างนั้นหรือ คนที่ถูกทำในสิ่งที่ถูก มันก็ถูกแม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิดแม้ทุกคนทำสิ่งนั้น" ฝากอะไรเกี่ยวกับระบบการศึกษาบ้านเรา? "การศึกษาในประเทศไทยช่วง 40 ปีที่ผ่านมา เราสร้างคนออกไปหางาน สร้างคนเพื่อให้ได้ใบปริญญาเป็นหลัก วันนี้การศึกษาไทยโฉมหน้าเปลี่ยนแล้ว ต่อไปนี้เป็นการสร้างคนออกไปสร้างงาน คือ มีครีเอทีฟ มีความคิดสร้างสรรค์ แล้วเราสร้างการศึกษา สร้างคนให้มีศักยภาพความเป็นมนุษย์ เราโม้กันนักกันหนาว่า เราจะเป็นผู้นำการศึกษาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดุริยางคศิลป์เป็นแล้วครับ แล้วคุณจะเอาอะไรกับผม คุณต่างหากที่ควรจะทบทวนไม่ใช่ผม ถ้าผมทำถูกควรจะได้รับการสนับสนุนถ้าทำผิด ผมก็ลาออกแล้วไง" สิ่งที่อยากบอกกับนักศึกษาโดยเฉพาะนักศึกษาหลักสูตรที่มีปัญหา? นักศึกษาที่นี่ผมบอกเขาแล้ว ว่าคุณรู้ตัวไว้ด้วยว่าที่นี่เขาไม่รับรอง คุณจบจากที่นี่คุณไม่สามารถรับราชการได้ มาที่นี่ คุณต้องยอมรับเงื่อนไข ว่า คุณมาเพราะตัวคุณเองไม่ใช่มาเพราะผมชวนมา รับราชการไม่ได้เป็นเรื่องของคุณตัดสินใจเอง คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ม.มหิดล ยังฝากไปยังผู้เกี่ยวข้องในแวดวงการศึกษาไทยว่า อยากให้ลองทบทวนใหม่ดูอีกครั้งว่า ถ้าเด็กนักศึกษาจบจากมหาวิทยาลัยมหิดล แล้วรับราชการไม่ได้แปลว่าอะไร "มหิดลเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ แต่นักศึกษาจบออกมา รับราชการไม่ได้ ผมว่านักการศึกษาทุกคน ต้องทบทวน แม้แต่นายกสภามหาวิทยาลัยก็ต้องทบทวน ผมทบทวนแล้วด้วยการลาออก" เมื่อถามว่า ถ้าทางสกอ.ยอมรับ 2 หลักสูตร ที่เหลือ จะกลับมาดำรงตำแหน่ง คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ม.มหิดล หรือไม่ ศ.ดร.สุกรี กล่าวว่า ก็จะกลับมาเหมือนเดิม เพราะเป้าหมายตนอยู่แค่นั้น ไม่มีอย่างอื่น อย่างไรก็ตาม คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ม.มหิดล ยังระบุ ตนไม่เชื่อว่า เด็กดุริยางคศิลป์เสียขวัญกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ด้วยพวกเขาไม่สนใจด้วยซ้ำ เด็กที่นี่ส่วนใหญ่ที่เรียนจบก็ไปทำงานส่วนตัว ไม่จำเป็นต้องง้อราชการ ที่เงินเดือน 8,600 บาท ซึ่งนักศึกษาจบจากที่นี่เงินเดือนไม่ต่ำกว่า 20,000 บาททุกคน แล้วจะไปง้อทำไม "น่าสงสารราชการเสียอีกที่ไม่ได้คนดัง ของมหาวิทยาลัยมหิดล ไป คุณจะสงสารราชการ หรือสงสารนักศึกษาม.มหิดล ผมเรียกร้องสิทธิเขาต่างหาก เขาไม่ได้เรียกร้องหรอกเพราะคนพวกนี้มันช่วยตัวเองได้ มันอยู่ที่ไหนก็ได้ ผมต่างหากที่สงสารราชการไทย สงสารประเทศไทย" คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ทิ้งท้าย ด้าน นายสุรัติ ประพัฒน์รังษี อาจารย์สาขาวิชาดนตรีศึกษาและดนตรีบำบัด (สถาบันดุษฎี บริพัตร) ซึ่งกำลังขะมักเขม้นกับการติดประกาศชี้แจงของทางมหาวิทยาลัย เรื่องการลาออกของ ศ.ดร.สุกรี เจริญสุข คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ กรณี 2 หลักสูตร ของทางวิทยาลัยฯไม่ได้รับการรับรองจากสกอ. ให้ความเห็นว่า ไม่แน่ใจ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของสกอ. ได้พิจารณารายละเอียดครบหรือเปล่า ถ้าจะเทียบไปแล้วหลักสูตรเดียวกัน ที่ทางวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ไม่ได้รับการรับรอง ซึ่งมหาวิทยาลัยอื่นก็มี กลับให้ผ่าน แต่ของมหิดลกลับไม่ให้ผ่าน Bachelor of Music ถ้าไปเทียบกับของต่างประเทศโดยจำนวนวิชาทางด้านดนตรี มหิดลไม่ได้ด้อยกว่ากัน " มันไม่น่าที่จะเรียกว่า ไม่เข้มแข็งทางวิชาการ การลาออกของอาจารย์สุกรี ก็เท่ากับเป็นความรับผิดชอบ น่าจะเป็นการเขย่าวงการศึกษาไทย เท่าที่คุยกับสภามหาวิทยาลัยก็พบว่า หลักสูตรอื่นๆก็มีปัญหาอย่างนี้เช่นกัน คนที่เป็นอาจารย์ทำหน้าที่ในหลักสูตรนั้นๆ เขารู้ดีอยู่แล้วว่า ความเข้มแข็งทางวิชาการ สาขาเขามันแค่ไหนอย่างไร ไม่ใช่อยู่ๆ เขียนขึ้นมาโดยไม่มีความรู้ ขณะที่คนที่จะมาพิจารณาซึ่งเรียกว่าเป็นผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหลายที่บอกไม่ได้อย่างนั้น อย่างนี้ มันก็จะเกิดคำถามว่า แล้วรู้จริงแค่ไหน " อาจารย์สาขาวิชาดนตรีศึกษาและดนตรีบำบัด ตั้งคำถามกลับไปว่า บทบาทการพิจารณาของสกอ.ควรจะมีวิธีการอะไรอย่างอื่นหรือเปล่า หรือผู้ทรงคุณวุฒิควรจะแค่ไหนอย่างไร มีเหตุผลอย่างอื่นหรือเปล่า ก็ไม่รู้ถูกผิดอย่างไร แต่ดูแล้วตลก พูดถึง 2 หลักสูตรที่ไม่ผ่าน ถ้าพูดถึงระเบียบราชการ มันก็คงมีผล หากเด็กจะไปสอบเข้าเพื่อรับราชการ อย่างไรก็ตาม ตนไม่แน่ใจว่า สุดท้ายแล้ว สกอ. จะรับรองหรือไม่ ซึ่งกลายเป็นข้อสงสัยถามกลับไปต่อว่า ในเมื่อไม่รับรองหลักสูตรที่มีปัญหานี้ แล้วหลักสูตรที่รับรอง เป็นแบบไหน หน้าตาของหลักสูตรที่เรียกว่าจะรับรองมันควรเป็นอย่างไร มีข้อแนะนำชัดเจนอะไรหรือเปล่า "ตอบไม่ได้ว่า เรื่องจะจบยังไงแต่เราบอกได้ว่า เรื่องมันคืออะไร เราไม่ได้มีหน้าที่ไปตัดสินใจให้ผ่านหรือไม่ให้ผ่าน พูดกันไปเรื่องมันถูกปกปิด ตัดสินใจจากคน 2-3 คน แต่คนที่เขาทำงาน ทำงานกันกี่คน ถ้าจะว่าไป อ.สุกรีก็ทำงานมาตลอดชีวิตของเขา เมื่อเทียบกับที่จะมาบอกว่า ไม่ได้ แล้วไม่ได้เพราะอะไรเรามีหน้าที่ทำให้ ข้อมูลความจริงมันถูกเปิดเผยไม่ใช่ถูกปกปิด นี่มันเป็นมาเฟียเล็กๆในการศึกษาเหรอ แล้วทำให้การพัฒนา วิชาความรู้ซึ่งไปอยู่ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ มันถูกกดทับ มันไม่เกิดความคิดที่เรียนรู้ซึ่งกันและกันที่จะไปพัฒนาร่วมกัน " "คุณภาพของเด็กมหาวิทยาลัยนี้ก็เห็นๆ กันอยู่ ตัวเองมั่นใจตัวเองเปล่าล่ะ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ อาจารย์มั่นใจศักยภาพทางวิชาการ แค่ไหนนักศึกษามั่นใจในศักยภาพตัวเองทางวิชาการแค่ไหน แล้วมหาวิทยาลัยมหิดลมั่นใจในศักยภาพทางวิชาการของคณะที่ตัวเองมีกันอยู่แค่ไหน " อาจารย์สุรัติ ตั้งคำถามทิ้งท้าย ด้านนักศึกษาจากหลักสูตรธุรกิจดนตรี ซึ่งเป็น 1 ใน 2 หลักสูตรที่มีปัญหา กล่าวว่า ไม่อยากให้อาจารย์สุกรีลาออก กับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่พวกตนก็ไม่ตกใจที่สกอ.ไม่รับหลักสูตร เพราะคิดว่ายังไงสุดท้ายแล้วก็ต้องได้รับการรับรอง อาจารย์ต้องช่วยให้ได้ "เขาไม่ปล่อยให้แขนงอื่นได้ แล้วแขนงนี้ไม่ได้รับการรับรองอยู่แค่ 2 แขนง มันก็จะแปลกๆ เป็นไปไม่ได้ คณะนึงมีใบปริญญา 2 แบบ มันไม่ใช่ครับ ปัจจุบันหลักสูตรโอเค เพราะอาจารย์ก็บอกมันเป็นดุริยางคศาสตร์หมดแล้ว ที่จริงมันน่าจะได้อยู่แล้วยังไงก็ต้องได้ เดี๋ยวก็ได้" กลุ่มนักศึกษาชั้นปีที่ 1 หลักสูตร ธุรกิจดนตรี เชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1314711939&grpid=01&catid=&subcatid=
แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 54 18:14:40
| จากคุณ |
:
RoseTiara
|
| เขียนเมื่อ |
:
1 ก.ย. 54 18:14:06
|
|
|
|