แจ๊ซซี่สาวชือเอลล่า
กลางปี ค.ศ.1936 เอลล่า ฟิตซ์เจอรัลด์ในวัยสาวเต็มตัว 19 ปี ได้ร้องอัดแผ่นเสียงครั้งแรกในบทเพลง Love and Kisses ในสังกัดค่าย Decca ซึ่งเธอก็ได้รับความสำเร็จพอประมาณ ในเวลานั้นฟิตซ์เจอรัลด์นักร้องสาวดาวรุ่งของวงการได้ร่วมแสดงกับวงของเว็บบ์ภายใน ซาวอย บอลลูม (Savoy Ballroom) อัครสถานบันเทิงสุดหรูกลางย่านฮาร์เล็ม ซึ่งต่อมาสถานที่แห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นห้องบอลลูมที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลกดนตรี
หลังจากนั้นไม่นานฟิตซ์เจอรัลด์ได้ร้องเพลง (If You Cant Sing it) Youll Have to Swing it ช่วงเวลานั้นนับเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านทางดนตรีของอเมริกันอย่างแท้จริง เพราะกระแสความนิยมต่อดนตรีสวิงเริ่มซาลง และดนตรีแนวใหม่ชื่อบีบ็อพกำลังถือกำเนิดขึ้นมา ฟิตซ์เจอรัลด์เองก็ตอบรับกับการมาของกระแสดนตรีแนวใหม่อย่างเต็มที่ บ่อยครั้งที่เธอร้องเลียนเสียงเครื่องเป่าในวงชิค เว็บบ์ แบนด์ บทเพลง Youll Have to Swing it กลายเป็นบทเพลงแรกๆ ที่ฟิตซ์เจอรัลด์ทดลองร้องสแกต! โดยมีบันทึกไว้ในเรื่องนี้ว่า
การร้องเพลงในช่วงเวลานั้นของเธอได้แสดงอัตลักษณ์ในความเป็นฟิตซ์เจอรัลด์ออกมาอย่างเอกอุ เธอชื่นชอบการร้องแบบเร่งความเร็ว (speed up) หรือลดความเร็ว (slow down) ของบทเพลงให้เร็วขึ้นหรือช้าลงได้ตามใจนึก ในขณะที่วงดนตรียังเล่นด้วยจังหวะสม่ำเสมอของบทเพลงตามปกติ บางครั้งเธอก็ยังร้องดัดเสียงคำร้อง (bend) อีกด้วย
เทคนิคหนึ่งที่เธอนิยมนำมาใช้ปรับจังหวะการร้องเพลงของเธอให้เร่งเร็วขึ้นหรือช้าลงได้ โดยยังเข้าจังหวะปกติของบทเพลง คือ เธอสามารถร้องแตกพยางค์อย่าง hand เป็น ha-and หรือ Paganini เป็น Pa-ha-ha-ganini เธอสามารถทำมันอย่างสอดประสาน (harmonically) กับท่วงทำนองเดิมของเพลงได้อย่างเชื่อมือ(ปาก) และนี่กลายเป็นเทคนิคพิเศษ ที่ฟิตซ์เจอรัลด์มักนำไปใช้กับการร้องเพลงตลอดชีวิตนักร้องของเธอด้วย เมื่อพูดถึงด้านการร้องเพลงแล้ว เธอคืออัจฉริยะ!
แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 54 11:56:22