 |
ลองดูประวัติแต่ละคน แล้วจะรู้ทำไมถึงรัก X
โยชิกิ (Yoshiki Hayashi)เกิด 20 พ.ย. 2508 ในตระกูลร่ำรวยที่มีชื่อตระกูลหนึ่งในญี่ปุ่น ที่ชิบะในเมืองทาโทยาม่า กรุ๊ปเลือด AB เป็นคนขี้อาย เก็บกด ถ้าไม่พอใจสิ่งไหนก็จะเก็บเอาไว้ ไม่แสดงท่าทางหรือพูดในสิ่งที่ไม่พอใจออกมา เลี้ยงสุนัข 1 ตัว พันธุ์ดัชชุน (พันธุ์ไส้กรอก)
สีที่ชอบคือสีแดงและน้ำเงินจะชอบมากเป็นพิเศษ ในช่วงที่เขาและวง X ดังถึงขีดสุดนั้นเขากลับเก็บตัวเงียบและพักการทำงานชั่วคราว และไปใช้ชีวิตอยู่ช่วงหนึ่งที่อเมริกาแถวๆแอลเอและนิวยอร์ก หลังจากนั้นจึงกลับมาทำงานเพลงใหม่อีกครั้ง
ข้อมูลเพิ่มเติม
(Yoshiki Hayashi) โยชิกิ ฮายาชิ (Yoshiki Hayashi) เกิด20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2508 ที่ เทเทยามะ ในชิบะ กรุ๊ปเลือด บี สัตว์ที่อยากเลี้ยงคือ เสือ
มีความสามารถเล่นเครื่องดนตรีได้สารพัดอย่างทั้งเปียโน คีย์บอร์ด กลอง กีตาร์ และเบส ในคอนเสิร์ต แฟนๆ จะสนุกและสะใจมากที่ได้เห็นเขาแสดงดรัมโซโล ต่อด้วยโชว์การพังกลอง
สมัยแรกๆ โยชิกิ ไม่ยอมเปิดเผยประวัติส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นชื่อจริง วันเดือนปีเกิด กรุ๊ปเลือด สถานที่เกิด โดยมักจะพูดว่า X ตลอด ว่า X คือทุกสิ่งทุกอย่างของผม ประวัติของโยชิกิ จึงมีแต่ X เต็มไปหมด ส่วนเหตุผลแท้จริงที่เขาไม่ยอมเปิดเผยวันเกิดนั้นก็เพราะว่า โยชิกิเป็นคนอ่อนไหวและขี้อายมากๆ เขาจะรู้สึกเขินเมื่อถึงวันเกิดของเขาแล้วทุกคนแสดงความยินดี
พ่อแม่ของโยชิกิเปิดร้านขายเสื้อผ้า โยชิกิมักพูดถึงแม่เสมอๆ และครั้งหนึ่งบอกว่า แม่พยายามให้เขาหยุดเล่นกลองและให้แต่งเพลงได้อย่างเดียว ความสามารถทางดนตรีของโยชิกิเกิดจากครอบครัวของเขาปลูกฝังเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็ก ปกติแล้วโยชิกิมักจะได้รับเครื่องดนตรีเป็นของขวัญวันเกิดทุกปี เช่น กลอง เปียโน ซึ่งการเรียนเปียโนเป็นสิ่งที่เขาเล่นติดต่อกันนานที่สุด แม้ระหว่างนั้นเลิกเล่นไปหลายครั้ง แต่พอเวลาผ่านไประยะหนึ่งเขาก็เริ่มหันมาดีดเปียโนใหม่ นอกจากเรียนเปียโนแล้ว โยชิกิก็ได้เรียนคัดอักษร วาดภาพ ลูกคิด ภาษาอังกฤษ เรียงความ
ตอนเด็กๆ โยชิกิเจออุบัติเหตุมากมาย แทบจะจำโรงพยาบาลได้มากกว่าโรงเรียน นอกจากป่วยเป็นโรคหอบหืด (ปัจจุบันหายแล้ว) ยังเคยถูกมอเตอร์ไซด์ชน และระหว่างข้ามทางม้าลายก็ถูกรถชน
ส่วนเหตุการณ์ที่เศร้าสะเทือนใจเขามากที่สุด คือ พ่อของโยชิกิฆ่าตัวตายตอนอายุ 33 ตอนนั้นโยชิกิเพิ่งอายุ 10 ขวบเท่านั้น เขาจึงเขียนเพลง Tears เพื่อระลึกถึงพ่อ แฟนคนแรกของโยชิกิ เป็นดารานักร้องของญี่ปุ่น ชิสุกะ คูโด ทางนักข่าวญี่ปุ่นตีข่าวเป็นเรื่องตลกว่าเขาเปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่น จนปี 2542 เขาก็แต่งเพลงให้ชิสุกะ ในการสัมภาษณ์ครั้งหนึ่ง เขาเคยพูดว่าอยากแต่งงาน แต่เพราะไม่เคยอยู่บ้าน และความคลั่งไคล้ในดนตรีมีสูงมาก โยชิกิจึงคิดว่ารอต่อไปก่อน จนในที่สุดโยชิกิบอกว่า กลัวที่จะต้องเป็นพ่อคนและกลัวที่จะมีลูกที่จะต้องโตมาเหมือนเขา
โยชิกิไม่ชอบออกรายการวิทยุ และมักปล่อยให้เพื่อนคนอื่นในวง คือ โทชิ ฮิเดะ พาตะ และฮีท พูดคุยกันไป ส่วนตัวเองนั่งเงียบ โยชิกิ กับเทตสึยะ โคมูโร่ นักดนตรีเพลงป๊อบสุดฮอตของญี่ปุ่น รวมตัวกันเป็น V2 ทำเพลง Haitoku no Hitomi และวิดีโอ Virginity ในปี 2535
ต่อมา ปี 2537 โยชิกิ ทำเพลงร่วมกับ โรเจอร์ เทย์เลอร์ มือกลองวงควีน ออกมา 2 เพลง คือ Foreign Sand เนื้อหาเกี่ยวกับความเข้าใจระหว่างกันของคนต่างเชื้อชาติ และในอัลบั้ม Happiness ของเทย์เลอร์ เพลง Final Destination อยู่ในหน้าบีของเทป ปีเดียวกันนั้นเอง โยชิกิทำเพลงกับ Kiss ชื่อเพลง Kiss my ass และเขายังทำเพลงบรรเลงเปียโนให้อีกชื่อ Black Diamond ในปี 2538 โยชิกิตัดผมสั้นกุด และเริ่มแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแปลกๆ บนเวทีคอนเสิร์ต โยชิกิมักเล่นอย่างทุ่มเทแบบสุดจิตสุดใจ บ่อยครั้งเขาจะกระโดดลงมาจากตรงที่เขานั่งเล่นกลอง ซึ่งมักจะอยู่สูงมากๆ จากพื้นเวที จนมีเหตุในปีถัดมาขณะทัวร์คอนเสิร์ต Dahlia Tour ทีมงานต้องรีบส่งตัว โยชิกิเข้าโรงพยาบาลก่อนที่จะแสดงได้จบคอนเสิร์ต เพราะเขาได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังนั่นเอง หมอเตือนโยชิกิให้ระวังตัวหน่อย หรือหยุดเล่นกลองไปเลย แต่ในที่สุดโยชิกิก็ยังเล่นกลองต่อ เพียงแต่คราวนี้ต้องใส่เฝือกดามคอเอาไว้เพื่อความปลอดภัยด้วย
วันที่ 2 เดือนกันยายน 2540 แฟนเพลงเจ-ร็อกทั้งหลายเกือบช็อกตาย เพราะโยชิกิในฐานะหัวหน้าวงออกมาประกาศยุบวง X-japan เพราะเขาและฮิเดะมีแผนการที่จะไปทำวงใหม่กับนักร้องคนใหม่ แต่แล้วแผนการณ์นี้ก็มีอันต้องยุติลงไปพร้อมกับการจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับของ ฮิเดะ ในปี 2541 หลังจากเหตุการณ์เศร้าสลดผ่านไป โยชิกิกลายเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แต่ที่บ้านในลอสแองเจลิส ขลุกอยู่ในสตูดิโออัดเสียง 2 ห้อง ในบ้านผลิตงานเพลงป้อนวงดนตรีอเมริกันและญี่ปุ่น ที่สังกัดค่าย Extasy International และ Extasy Japan โยชิกิเขียนเพลงให้กับ ไซโจ ฮิเดกิ (Saijo Hideki) และ โชโกะ คิตาโนะ (Shoko Kitano) โยชิกิแต่งเพลงให้กับ ภาพยนตร์เรื่อง Zalman Kinds ชื่อเพลง In God's hand ซึ่งประกอบในหนังเพียงไม่กี่เสี้ยววินาที แต่แฟนๆ ก็ได้ฟังเพลงเต็มๆ จากในอัลบั้ม Violet UK ด้วย
ปี 2542 โยชิกิทำเพลงให้วงดนตรีญี่ปุ่น Dir en grey และด้วยความที่เป็นนักแต่งเพลงที่มากด้วยพรสวรรค์ โยชิกิ ได้รับเกียรติให้ประพันธ์เพลงเพื่อเฉลิมฉลองโอกาสที่พระจักรพรรดิ์ญี่ปุ่นทรงขึ้นครองราชย์ครบ 10 ปี ซึ่งงานนี้จัดขึ้นในวันที่ 12 พ.ย. ที่หน้าพระราชวัง เพลงที่เขาแต่งขึ้นเพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะชื่อ Anniversary และตัวเขาเองก็ได้เล่นเปียโนเพลงนี้พร้อมไปกับวงออเคสตร้า ถวายหน้าพระที่นั่งด้วย โยชิกิเคยให้สัมภาษณ์ว่าเขาขอให้แม่ช่วยตอนแต่งเพลงนี้ขึ้นมา
พระจักรพรรดิ์อากิฮิโต และพระชายา มิชิโกะ จักรพรรดินี ทรงโปรดเพลงนี้มาก ขนาดที่พระจักรพรรดิ์ทรงพระราชนิพนธ์บทกวี (tanka) เกี่ยวกับเพลงนี้ขึ้นมา ในงาน แข่งขันประกวดการแต่งบทกวีช่วงเทศกาล วันปีใหม่(utakai) ใจความว่า ยามอาทิตย์อัสดง ท่ามกลางผู้คนที่รวมตัวกันในสวน ฉันได้ฟังเสียงเพลงเฉลิมฉลอง นอกจากนี้โยชิกิยังได้รับเกียรติยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อได้มีโอกาสเข้าเฝ้าที่พระราชวังในกรุงโตเกียวในช่วงเฉลิมฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 24 เม.ย. ปี2543 โยชิกิและแม่ เดินทางไปร่วมกับแขกเหรื่อผู้มีเกียรติอีกกว่า 2600 คน และได้มีโอกาสช่วงสั้นๆ เข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิ์เช่นเดียวกับแขกคนอื่นๆ ด้วย หลังจากนั้น โยชิกิ ได้ทำเพลงและแสดงในโฆษณาหลายชิ้นให้กับซูเปอร์มาร์เก็ต 7-11 ในนาม Violet UK แต่ว่าเพลงที่ทำออกมาเป็นโลกอนาคตมากๆ และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวโยงกับตัวซูเปอร์มาร์เก็ตเลย
ปี 2544 โยชิกิมีงานยุ่งมากเพราะเขาต้องทำเพลงให้กับหลายวงแต่ก็ยังไม่ทิ้งโครงการเพลง Violet UK ไปซึ่งตอนแรกดูเหมือนมันจะเปิดตัวได้แล้วในปีนั้น แต่ด้วยความที่โยชิกิเป็นคนรักความสมบูรณ์แบบ เขาเลยยังชะลอเอาไว้ก่อน โยชิกิวาดหวังว่าโครงการนี้จะเปิดตัวแบบโกอินเตอร์ เนื้อหาทั้งหลายจึงเป็นภาษาอังกฤษ ทั้งหมด ปี 2545 ซึ่งโยชิกิวางแผนจะเปิดตัวเพลง จึงเข้าร่วมกับวง Globe ซึ่งเป็นวงของเทตสึยะ โคมูโร่ เพื่อนที่เคยทำโปรเจค V2 ด้วยกันเมื่อหลายปีที่แล้วนั่นเอง
Hide(Hideo mutsumoto)เกิดวันที่ 13 ธันวาคม 1964 ที่จังหวัดคานางาว่า เค้ามักจะพูดถึงเรื่องสมัยเด็กว่า 'อ้วนเหมือนหมู' อยู่เสมอ ซึ่งในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ เค้าก็ไม่ยอมแจกแจงเรื่องตอนที่อ้วน เกี่ยวกับเรื่องความทรงจำสมัยประถมนั้น เค้าก็มักพูดตัดบทแค่ว่า 'จำได้แค่ว่าอ้วนมากเท่านั้น' อ้วนถึงขนาดไหนไม่อาจกะได้เพราะไม่เคยเห็นรูป แต่เจ้าตัวบอกว่า 'เหมือนลูกโป่งเลย คิดว่าซัก 80 กิโลกรัมได้มั้ง' ดังนั้นคงอ้วนน่าดูเหมือนกัน แต่นอกจากความอ้วนแล้ว เค้าก็เหมือนเด็กธรรมดาทั่วๆไปและพ่อแม่ของเค้าก็ให้เค้าเรียนพวกทักษะพิเศษ และสิ่งที่เรียนนั้นก็ไม่ใช่น้อยๆเลย เค้าเรียนทั้งการคัดลายมือ ลูกคิด เคนโด้ คาราเต้ และภาษาอังกฤษ ซึ่งเค้าเรียนตั้งแต่ตอนอยู่ชั้นประถมจนกระทั่งจบม.ต้นเลยทีเดียว ดังนั้นไม่ใช่ย่อยเลย ทุกวันหลังจากเลิกเรียนแล้ว ตารางเวลาก็จะถูกกำหนดไว้ ประมาณว่า 'วันนี้ไปเรียนนายนี่ พรุ่งนี้เรียนนายนี่' พ่อแม่อยากจะให้เค้าเรียนเปียโนด้วย แต่ฮิเดะไม่ชอบ เค้า พูดว่า 'ไม่ยอมเรียนเด็ดขาด' เกี่ยวกับเรื่องนั้นเค้าพูดว่า 'สิ่งที่เรียนในวัยเด็ก แทบจะไม่มีอะไรที่มาใช้ประโยชน์ในตอนนี้เลย แต่เปียโนเนี่ย ถ้าเรียนไว้ก็อาจจะเป็นประโยชน์ แต่ผมไม่ชอบไม่ยอมเรียนซะนี่' เขารู้สึกเจ็บใจมาก นอกจากนี้ตอนอยู่ชั้นป.4 เค้าเคยไปโฮมสเตย์ที่อเมริกา 1 เดือน ซึ่งนั่นก็เพราะพ่อแม่คิดว่า 'เพื่อให้เป็นคนที่เต็มไปด้วยความรู้สึกเป็นนานาชาติในอนาคต' แต่พอถามถึงความทรงจำในตอนนั้น ก็ได้รับคำตอบแบบขำๆว่า 'จริงๆแล้วจำอะไรไม่ค่อยได้ แต่สิ่งที่หลงเหลืออยู่ในความทรงจำมากที่สุด คือ พ่อแม่จับให้โกนผมหัวเกรียน โดยให้เหตุผลว่า ไปเมืองนอกทั้งที ต้องไม่มีเรื่องน่าอาย'แต่ในขณะที่เค้าเรียนพวกทักษะพิเศษมากมายขนาดนั้น แต่เค้าไม่เคยเรียนพิเศษเลย ถึงจะไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ ก็พอเรียนได้เรื่อยๆ ทั้งเจ้าตัวกับพ่อแม่ไม่ค่อยใส่ใจกับการสอบเข้าซักเท่าไหร่ เค้าไม่ใสใจต่อการเรียนต่อซักเท่าไหร่ อย่างเช่น เรื่องที่เค้าไม่รู้ว่าโรงเรียนม.ปลายที่เค้าจะเข้าเรียนต่อนั้นเป็นโรงเรียนชายล้วน จนถึงวันสอบถึงได้รู้ หรือตอนสอบสัมภาษณ์เข้ามหาลัย พอถูกถามว่า 'ทำไมถึงเลือกมหาลัยนี้' เค้าตอบว่า 'ไม่มีที่อื่นไปได้นอกจากที่นี่' ก็เลยตกสัมภาษณ์ไปโดยปริยาย จากเรื่องราวเหล่านี้ก็คงทำให้เข้าใจได้ดี
แล้วเค้าสนใจอะไรล่ะ?
สิ่งที่เค้าสนใจก็คือ ดนตรีร็อค ที่เค้าค้นพบตอนอยู่ชั้น ม.2 นั่นเอง ฮิเดะตอนอายุ 13 ขวบ ซึ่งเพื่อนของเค้าที่ดีดกีตาร์เป็น ได้เอาอัลบั้มชุด Alive ของ KISSมาให้ฟัง เป็นครั้งแรกที่เค้าได้รับการสั่นประสาทอย่างแรงตั้งแต่เกิดมา หลังจากนั้นเค้าก็เข้าสู่โลกของดนตรีร็อคอย่างจริงจัง เช็คเพลงต่างๆ โดยซื้อนิตยสารเป็นบ้าเป็นหลัง เขาสนใจตั้งแต่พวกวงฮาร์ดร็อคที่มีชื่อเสียงในตอนนั้น เช่น KISS , QUEEN เรท เซตเปริน จนถึงวงพั้งค์ เช่น JAPAN,SEX PISTOL,CLASHที่เป็รรูปแบบที่เค้าสนใจมาก เค้าสนใจดนตรีอย่างกว้างขวางโดยไม่เลือกรูปแบบ เค้าถือไม้เทนนิสแทนกีตาร์ แล้วก็โพสต์ทำท่าหน้ากระจก จนเค้าได้ของจริงตอนอยู่ม.3 และกีตาร์ที่มีคนซื้อให้เค้านั้นเป็นรุ่น เรสโปล ของกิ๊ปสัน ซึ่งเป็นกีตาร์ที่มีราคาแพงที่สุดในบรรดากีตาร์ด้วยกัน ในตอนนั้นไม่มีเด็กผู้ชายชั้น ม.ต้นที่มีกีตาร์กิ๊ปสันอยู่เลยนอกจากเค้า ดังนั้นคำล่ำลือที่ว่า เค้ามีกีตาร์กิ๊ปสันนั้น มันลือกันไปถึงเมืองข้างๆ และเพื่อนๆก็ตั้งฉายาให้ว่า 'กิ๊ปสัน' ฮิเดะรอคอยอย่างสนุกสนานกับการตั้งวงดนตรีตอนขึ้นม.ปลายแล้ว แต่โรงเรียนที่เค้าเรียนต่อนั้น นอกจากจะเป็นชายล้วนแล้ว ยังเป็นโรงเรียนที่มีกฎข้อห้ามว่าห้ามเล่นกีตาร์ไฟฟ้า บันทึกอยู่ในสมุดบันทึกนักเรียนด้วย เค้าเข้าเรียนม.ปลายโดยตั้งใจแต่จะตั้งวงดนตรีอย่างเดียว ดังนั้นเค้าจึงช๊อคมาก เค้าซึ่งผิดหวังกับการตั้งวงที่โรงเรียน ก็เริ่มเข้าๆออกๆ ไลฟ์เฮาส์แถวๆบ้านเค้า และตั้งวงร่วมกับเพื่อนๆ ที่เจอกันที่นั่น แรกๆ เค้าดีใจมากกับการได้ตั้งวงดนตรี และเล่นดนตรีตามงานประจำปีของโรงเรียน แต่ต่อมา ฮิเดะก็เริ่มอยากตั้งวงดนตรีจริงๆจังๆกว่านั้นมากขึ้น และวงดนตรีที่เค้าก่อตั้งด้วยคอนเซ็ปต์ที่ว่า 'เราจะต้องทำให้ยิ่งใหญ่' นั่นก็คือวง SAVER TIGER ซึ่งอยู่นานถึง 6 ปี เค้าเป็นหัวหน้าวงที่ว่านี้ และเนื่องจากเค้าต้องการดนตรีตามอุดมคติที่แท้จริง ดังนั้นจึงมีการเปลี่ยนสมาชิกในวงเป็นว่าเล่น เค้าเรียกการเปลี่ยนสมาชิกในวงอย่างคลื่นโหมกระหน่ำในตอนนั้นว่า 'กลวิธีตัดคออันน่ากลัว'วง SAVER TIGER ซึ่งมีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆนั้น ก็สามารถไปเล่นประจำที่ไลฟ์เฮาส์ในโตเกียว และมั่นคงอยู่ในตำแหน่งวงดนตรีที่ยิ่งใหญ่และเท่ห์ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่วง X ก็เริ่มค่อยๆแสดงฝีมือมากขึ้นเรื่อยๆพอดี พอนึกถึงการเปลี่ยนสมาชิกในวงเป็นว่าเล่นที่ทำให้ Yoshiki ซึ่งเป็นหัวหน้าวงกลุ้มใจ ในฐานะหัวหน้าวงนั้นเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก สมาชิก เซ็ทสุดท้ายของ SAVER TIGER นั้น นอกจากฮิเดะแล้ว ก็มีนักร้องนำ คือ D'ERLANGER-DIE IN CRIES ซึ่งปัจจุบันคือ KYO เป็นศิลปินเดี่ยว มือกลองคือ D'ERIANGER~ZI:KILL ซึ่งปัจจุบันคือ TETSU แห่งวง CRAZE ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นหัวกะทิของวงการร็อคทั้งนั้นฮิเดะได้ตัดสินใจตอนได้สมาชิกรุ่นสุดท้ายนี้ว่า 'ถ้าสมาชิกคนใดคนหนึ่งเลิกไป จะยุบวง SAVER TIGER ซะ' เค้ามีความรู้สึกอันหนักแน่นว่า 'ถ้าเป็นสมาชิกเซ็ทนี้คงจะไปได้ด้วยดี'แต่ในอีกด้านหนึ่ง คือ ตัวเค้าเองรู้สึกเหนื่อยล้ากับการเปลี่ยนสมาชิกวงหลายสิบครั้ง แต่ในที่สุด TEISU ก็ขอออกจากวงไป ฮิเดะก็เลยยุบวง SAVER TIGER และตัดสินใจว่าจะเป็นช่างเสริมสวย (ช่างตัดผม) ถึงแม้เพื่อนนักดนตรีจะห้ามเค้าอย่างไร เค้าก็ไม่เปลี่ยนใจในคืนวันหนึ่ง ซึ่งวันรุ่งขึ้นเค้าตั้งใจจะไปตัดผม จู่ๆ โยชิกิก็โทรมาหาฮิเดะ เค้าบอกว่า 'พรุ่งนี้จะไปตัดผมนะ' แต่โยชิกิพูดเพียงคำเดียวว่า 'มาเล่นดนตรีกับฉันอีกครั้งเถอะนะ' ในช่วงเวลานั้น ฮิเดะก็เลยเผลอตอบไปว่า 'ได้ซิ' กลับไป คนรอบข้างห้ามเค้ายังไงเค้าก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจ แต่ทำไมเค้าถึงรับคำของโยชิกิอย่างง่ายดายขนาดนี้แล้วฮิเดะก็เข้าร่วมวง X ด้วยประการฉะนี้ ฮิเดะเริ่มงานในฐานะศิลปินเดี่ยวในปี 93 ด้วยซิงเกิ้ล Eye Love you และ 50% & 50% ที่ออกจำหน่ายในวันเดียวกันตามมาด้วย ซิงเกิ้ล DIVE และอัลบั้มแรก HIDE YOUR FACE ในเวลาต่อมา(1994) หลังจากนั้นก็มีผลงานออกมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ TELL ME MISERY,BEAUTY & STUPID, HIHO-GOODBYE , PSYENCE.จนกระทั่งเมื่อต้นปี ฮิเดะก็ออกซิงเกิ้ลล่าสุด ROCKET DIVE ในนามของ HIDE.With Spread Beaver และมีแผนที่จะออกซิงเกิ้ลในวันที่ 13 พค.ศกนี้(1998) เค้าเพิ่งบินกลับมาจาก L.A. เมื่อปลายเดือนเมษายน และเพิ่งไปอัดรายการ ROCKET PUNC ร่วมกับสมาชิก Spread Beaver
เหตุการณ์น่าเศร้า
เมื่อคืนวันที่ 1 พค.98 แล้วเค้าก็ไปกินดื่มกับทางวงและสต๊าฟต่อ จนถึงเวลา 6.00 น.ของวันที่ 2 พค.98 จนกระทั่งน้องชายของเค้าที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเค้าด้วยพาเค้ามาส่งบ้านในเวลา 6.30น.เวลา 7.40น. เพื่อนผู้หญิงที่อยู่ในแมนชั่นเดียวกัน สังเกตถึงสิ่งผิดปกติ จึงเข้าไปดูในห้อง แล้วก็พบฮิเดะนอนหมดสติอยู่ที่พื้นห้อง ใช้ผ้าเช็ดตัวผูกคอตัวเองกับประตูห้องนอน เธอจึงรีบพาเค้าส่งโรงพยาบาล คณะแพทย์ได้พยายามแล้ว แต่ก็ไม่สามารถที่จะช่วยชีวิตของเค้าไว้ได้
เค้าเสียชีวิตตอนเวลา 8.52น. ของวันที่ 2 พฤษภาคม 1998 รวมอายุทั้งสิ้น 33 ปี 4 เดือน 18 วัน
วันที่ 7 พฤษภาคม 2541
ที่วัด Chikuji Hongan มีการจัดพิธีให้ Hide อย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติ โดยมี Yoshiki เป็นหัวแรงใหญ่ ในงาน มีแฟนเพลงหลั่งไหลกันมาร่วมงาน ต่างก็ร้องไห้ เศร้าเสียใจ ถึงกับเป็นลมไปในงานก็มี พวกเขามาก็เพื่อหวังว่าจะได้เห็น Hide เป็นครั้งสุดท้าย วันนั้นอดีตสมาชิกทุกคนของ X-Japan มากันพร้อมหน้า โดย Toshi ได้ร้องเพลง Forever Love เพื่อไว้อาลัยให้แก่ Hide โดยมี Yoshiki เล่นเปียโน คลอไป ด้วย นอกจากนี้ สมาชิกวง Luna Sea , Glay และ Shazna ก็ได้มาร่วมในงานนี้ด้วย เนื่องจากมีความนับถือในตัวของ Hide และแสดง ความขอบคุณที่เคยแต่งเพลงให้กับพวกเขา บรรยากาศในงานก็เศร้าสลด Hide เป็นนักดนตรีที่มีฝีมือมากดูจากภายนอกเหมือน เขาจะรุนแรง แต่เปล่าเลย เขายังได้ทำกิจกรรมที่เป็นการกุศลหลายๆอย่าง อ่านได้จากประวัติXทั้งยังช่วยตามหาความฝันของใครต่อใครหลายคนให้ฮึดสู้กับชีวิต ตอนนี้เขาได้จากโลกนี้ไปแล้ว หากแต่ชื่อของเขาจะยัง ประดับอยู่ในวงการเพลงต่อไปตราบนานเท่านาน
"หลังจากที่ X สลายวง เค้าคงเครียด เวลาดื่มเหล้ากันเค้าเคยพูดว่า 'ผมทำภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว' หรือ 'Ranking ของดนตรีไม่ถูกต้องเลย วงการเพลงญี่ปุ่นมีแต่ความสกปรก' " (จากคำบอกเล่าของผู้เกี่ยวข้องทางดนตรี) ตามคำบอกเล่าของนักจิตวิทยาผู้หนึ่งกล่าวว่า การฆ่าตัวตายของฮิเดะนั้น อาจเกิดจากโรค 'นอนละเมอ'และโรคนี้อาจเป็นผลจากการมีแอลกอฮอล์อยู่ในเลือดสูงทำให้มึนเมาจนขาดสติยั้งคิด และทำอะไรลงไปโดยไม่รู้ตัว เมื่อดื่มเหล้าเข้าไปมากๆ จะมีอาการเหมือนคนนอนละเมอทั้งๆที่ยังลืมตาอยู่ เมื่อปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดลดลงหรือสร่างเมาก็จะตื่นขึ้น เหมือนคนตื่นจากการนอนหลับและจะจำไม่ได้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป แต่นี่ก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐานข้อหนึ่งเท่านั้น
คำอาลัยของYoshiki ในงาน - "ผมช็อคมากที่ทราบข่าวการตายของเค้า ผมยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันได้เกิดขึ้น ตอนนี้ เค้ากำลังหลับไหลด้วยใบหน้า ที่สวยงาม ผมพยายามจะปลุกเค้าให้ตื่นขึ้นหลายต่อหลายครั้ง แต่เค้าก็ยังคงหลับนิ่งอยู่เหมือนเดิม ในบรรดาพวกเรา 5 คน Hide เป็นคนที่มีสติ และมักจะครุ่นคิดไปซะทุกสิ่ง ถึงแม้ว่าผมจะเป็นหัวหน้าวงก็ตาม แต่เค้าก็เป็นผู้ที่ใจเย็นที่สุด ซึ่งให้คำแนะนำดีๆกับ ผมในเวลาที่ผมโมโห หรือสะเทือนใจ แต่ด้วยความกดดันนั้น มันทำให้เค้าสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง แต่ในช่วงเวลาเลวร้ายนั้น เค้าก็จะโทรมาหาผมอยู่เสมอ คุยกันเกี่ยวกับเพลงของ X , เพื่อนๆ , ชีวิต , แฟนๆ คุยกันในทุกๆเรื่อง บางครั้งเค้าก็จะทำตัวเหมือนรุ่นพี่ และบางครั้งก็เป็นเหมือนน้องชาย พวกเราดื่มเหล้ากันและบางครั้งก็ทะเลาะกัน แต่วันต่อมาเค้าก็มาพูดกับผมว่า ' Yoshiki เมื่อคืน เราทำอะไรไปหรือเปล่า ขอโทษที จำอะไรไม่ได้เลยล่ะ ' แต่คราวนี้..เค้าไม่ได้มาพูดอะไรกับผมอีกแล้ว ยังคงหลับอยู่ ถึงแฟนๆและ เพื่อนๆทุกคน ผมรู้ว่าพวกคุณกำลังสับสน ผมไม่สามารถที่จะบรรยายความเศร้านี้ออกมาเป็นคำพูดได้เลย แต่พวกเราจำต้องเข้าใจ ว่ามันเป็นความจริง ขอให้ทุกๆ คนส่งใจให้เขาหลับอย่างสงบอย่างนี้ตลอดไป.... (Yoshiki พูดไปพร้อมทั้งเช็ดน้ำตาของเขาด้วยผ้าเช็ด หน้าสีขาว มือที่ถือโพยอยู่ก็สั่น เค้าคงพูดออกมาด้วยความเศร้าจากใจจริงเลย)
จากคุณ |
:
MickeY (Likasit23)
|
เขียนเมื่อ |
:
5 พ.ย. 54 01:24:47
|
|
|
|
 |