ความคิดเห็นที่ 1 แมรี ออสมอนด์ เกิดเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 1959 ที่เมืองออคเคน รัฐยูทาห์ เธอเกิดมาในครอบครัวที่เคร่งศาสนา แต่รักเสียงเพลงเป็นชีวิตจิตใจ พ่อแม่จึงส่งเสริมลูกๆ ฝึกเรียนร้องเพลงและเล่นดนตรีตั้งแต่เล็ก จนกระทั่งพวกพี่ๆ รวมตัวกลายเป็น ดิออสมอนด์บราเธอร์ส (THE OSMOND BROTHERS) คณะนักร้องประสานเสียงเด็กที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1959 ซึ่งในขณะนั้นสมาชิกที่มีอายุมากที่สุดได้แก่ อลัน อายุเพียง 10 ขวบ พวกเขาเริ่มจากร้องเพลงในโบสถ์ก่อน  หลังจากนั้นได้รับเชิญไปร้องเพลงที่สวนสนุกดิสนีย์แลนด์ และได้รับเชิญไปออกรายการทีวีแอนดี วิลเลียมส์ โชว์ ในปี 1962 ติดต่อเป็นเวลานานถึง 5 ปี จากคุณ : coif เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 14:45:15

ความคิดเห็นที่ 2 ปี 1973 เมื่อแมรี ออสมอนด์ อายุ 13 ปี เธอมักติดตามพวกพี่ๆ เดินทางไปเปิดการแสดงตามที่ต่างๆ ทั่วโลก และในปีเดียวกันนี้ที่ไมค์ เคิร์บ (MIKE CURB) ผู้บริหารระดับสูงบริษัทแผ่นเสียง MGM ซึ่งคุ้นเคยกับครอบครัว ส่งแผ่นเดโมเพลง COAT OF MANY  COLOR ผลงานการประพันธ์ของดอลลี พาร์ตัน ซึ่งแมรีขับร้อง ไปให้ซอนนี เจมส์ นักร้องชื่อดัง เพื่อพิจารณาว่าแมรีนั้นเหมาะที่จะบันทึกเสียงหรือไม่ หลังจากฟังแผ่นเดโมจบ ซอนนี เจมส์ เห็นแววอนาคตว่าเธอนั้นต้องประสบความสำเร็จแน่นอน จึงรับเป็นโปรดิวเซอร์ เขานัดหมายให้แมรี ออสมอนด์ มาพบที่ JACK CLEMENT'S STUDIO ที่เมืองแนชวิลล์ เพลงที่ซอนนี เจมส์ เลือกให้แมรีบันทึกเสียง ได้แก่เพลง PAPER ROSES ซึ่ง FRED SPIELMAN แต่งทำนอง และ JANICE TORRE แต่งคำร้อง เพลงนี้เคยได้รับความนิยมครั้งหนึ่งในปี 1960 จากเสียงร้องของแอนิตา ไบรอัน (ANITA BRYANT)    เมื่อ PAPER ROSES วางจำหน่ายในเดือนตุลาคม 1973 เปิดออกอากาศทางวิทยุทั่วประเทศ แฟนเพลงต่างชื่นชม กลายเป็นเพลงอันดับหนึ่งในคันทรีชาร์ตและอันดับห้าในป็อปชาร์ต นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เพลงคันทรีที่นักร้องหญิงเดี่ยวออกซิงเกิลแผ่นแรกแล้วคว้าอันดับหนึ่งไปครอง                      'Paper Roses  ANITA BRYANT version' จากคุณ : coif เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 14:57:01

ความคิดเห็นที่ 3 หลังจาก PAPER ROSES ประสบความสำเร็จ แมรี ออสมอนด์ ได้นำเอาเพลงเก่าอีกเพลงหนึ่งของแอนิตา ไบรอัน มาบันทึกเสียง นั่นก็คือเพลง IN MY LITTLE CORNER OF THE WORLD บันทึกเสียงในปี 1974 ประสบความสำเร็จพอสมควร จากคุณ : coif เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 15:00:33

ความคิดเห็นที่ 4 แมรี ออสมอนด์มักรับเชิญไปออกรายการทีวีของศิลปินชื่อดังอย่างเช่น บ็อบ โฮป์ ซึ่งส่วนมากเธอจะร่วมปรากฏตัวกับดอนนี พี่ชายของเธอซึ่งถนัดร้องเพลงสไตล์ร็อกแอนด์โรล ส่วนตัวเธอถนัดร้องเพลงสไตล์คันทรีเวสเทิร์น ทั้งสองเข้ากันได้ดี จากความคุ้นเคยทางทีวีและหลายต่อหลายครั้งในคอนเสิร์ต ทำให้ดอนนีกับแมรีกลายเป็นศิลปินคู่ขวัญของแฟนเพลงในครอบครัว ความนิยมยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อทั้งคู่บันทึกเสียงร้องดูเอตด้วยกัน อย่างเช่นในเพลง I'M LEAVING IT ALL UP TO YOU, MORNING SIDE OF THE MOUNTAIN และ MAKE THE WORLD GO AWAY     ย้อนกลับไปในปี 1975 เมื่อดิออสมอนด์บราเธอร์สเดินทางมาเปิดการแสดงที่ออสเตรเลีย พวกเขาแวะมาเปิดการแสดงที่กรุงเทพฯด้วย โดยเปิดการแสดงที่อินดอร์สเตเดี้ยมหัวหมาก แมรี ออสมอนด์ เคยให้สัมภาษณ์ว่า เธอจำบรรยากาศและเหตุการณ์ที่กรุงเทพฯ ได้ดี เพราะเธอเป็นลมกลางคันในระหว่างการแสดง เนื่องจากสถานที่จัดแสดง อากาศร้อนอบอ้าวมาก ไม่ได้ติดเครื่องปรับอากาศ จากคุณ : coif เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 15:05:05

ความคิดเห็นที่ 5 รายได้และความนิยมจากผลงานเพลงที่ดอนนีกับแมรีบันทึกเสียง ด้วยกัน ทำให้สถานีโทรทัศน์เครือข่ายเอบีซีตัดสินใจทำรายการ THE DONNY AND MARIE SHOW ออกอากาศในเดือนมกราคม 1976 จนกระทั่งปี 1981 แมรี ออสมอนด์ กลายเป็นพิธีกร ที่มีอายุน้อยที่สุดในบรรดาพิธีกรรายการวาไรตี้โชว์ ขณะเดียวกันฮอลลีวู้ดอ้าแขนจองตัวให้ไปแสดงภาพยนตร์ทั้งจอเงินและจอแก้ว  ภาพยนตร์อย่างเช่น THE GIFT OF LOVE (1979), SIDE BY SIDE (1982), I MARRIED WYATT EARP (1983) รวมทั้ง GOIN' COCONUTS (1978) ที่เธอแสดงคู่กับดอนนี ขณะเดียวกันในปี 1978 ที่แมรี ออสมอนด์ ออกซิงเกิล THIS IS THE WAY THAT I FEEL จากคุณ : coif เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 15:08:53

ความคิดเห็นที่ 6 ย่างเข้าสู่ทศวรรษ 1980s แมรี ออสมอนด์ หวนกลับไปสู่สิ่งที่เธอชอบแต่วัยเด็ก นั่นก็คือเพลงคันทรีเวสเทิร์น ครั้งนี้เธอเลือกเพลง MEET ME IN MONTANA งานประพันธ์ของพอล เดวิส คนเดียวกับที่แต่งและร้องเพลงฮิต I GO CRAZY โดยเธอเลือก แดน ซีลส์ (DAN SEALS) มาร้องดูเอตด้วย MEET ME IN MONTANA กลายเป็นเพลงอันดับหนึ่งเพลงที่สองของเธอ ขึ้นถึงอันดับหนึ่งเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 1985 จากคุณ : coif เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 15:16:40

ความคิดเห็นที่ 7 จากนั้นตามด้วยเพลงฮิตอันดับหนึ่งเพลงที่สามในคันทรีชาร์ต เพลง THERE'S NO STOPPING YOUR HEART งานของไมเคิล บรู๊ค นักแต่งเพลงจากนิวเจอร์ซีย์ ครั้งแรกเขาตั้งใจจะให้นักร้องชายขับร้อง แต่หลังจากส่งแผ่นเดโมไปให้แมรีฟัง เธอตัดสินใจนำไปบันทึกเสียง และนำชื่อเพลงไปตั้งเป็นชื่ออัลบั้มที่เธอกำลังจะออกใหม่ THERE'S NO STOPPING YOUR HEART ขึ้นถึงอันดับหนึ่งในคันทรีชาร์ตเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 1986 จากคุณ : coif เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 15:20:49

ความคิดเห็นที่ 8 ปลายปี 1986 แมรี ออสมอนด์ กลับมาร่วมงานกับพอล เดวิส อีกครั้ง คราวนี้พอลมาในฐานะนักร้องดูเอตกับแมรี ในเพลงที่เขาแต่ง YOU'RE STILL NEW TO ME หลังจากเปิดออกอากาศทางวิทยุไม่นาน YOU'RE STILL NEW TO ME ได้รับความนิยมขึ้นถึงอันดับหนึ่งคันทรีชาร์ต เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 1986 จากคุณ : coif เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 15:23:19

ความคิดเห็นที่ 9 กลางทศวรรษ 1990s แมรี ออสมอนด์ หันมาแสดงละครเพลง 2 เรื่อง คือ THE SOUND OF MUSIC เปิดแสดงตามที่ต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งกรุงเทพฯ ที่โรงละครกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 8-13 กรกฎาคม 1997 อีกเรื่องหนึ่งได้แก่ THE KING AND I รับบทแหม่มแอนนา เลียวโนเวน งานมหกรรมกีฬาโอลิมปิกปี 2002 แมรี ออสมอนด์ ได้รับเกียรติเป็นหนึ่งในศิลปินขับร้องเพลงในพิธีเปิด ถ่ายทอดผ่านดาวเทียมสู่ผู้ชมจำนวนมากทั่วโลก จากคุณ : coif เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 15:26:52

ความคิดเห็นที่ 10 ชีวิตส่วนตัว แมรี ออสมอนด์ แต่งงานมาแล้วถึง 3 ครั้ง ครั้งแรกแต่งงานกับ STEPHEN CRAIG เมื่อปี 1982 นักบาสเกตบอลมหาวิทยาลัยบริงแฮมยัง เธอให้กำเนิดลูกชายคนหนึ่งกับเขา จากนั้นหย่าขาดจากกันในปี 1985 แล้วทั้งสองกลับมาแต่งงานใหม่เมื่อเดือนพฤษภาคม 2011 ที่ผ่านมา ปี 1986 เธอแต่งงานกับ BRIAN BLOSIL สามีคนที่สอง อยู่ด้วยกันไม่นานก็แยกทางกัน เธอให้กำเนิดลูกชาย 1 คน ลูกสาว 2 คน ลูกๆ ที่เหลือ 5 คนเป็นลูกอุปถัมภ์นำมาเลี้ยง ลูกชายคนหนึ่งคือ ไมเคิล ไบรอัน ประสบปัญหาทางจิต ฆ่าตัวตายเมื่อปี 2010 ขณะอายุ 20 ปี นำความโศกเศร้ามาให้กับเธอเป็นอย่างมาก (ภาพแต่งงานกับ STEPHEN CRAIG ปี 1982 และ 2011) จากคุณ : coif เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 15:49:26

ความคิดเห็นที่ 11 แมรี ออสมอนด์ เป็นหนึ่งในศิลปินที่คนอเมริกันเฝ้าติดตามอยู่เสมอ เธอเขียนหนังสือชีวประวัติส่วนตัวอยู่ 2 เล่ม เล่มแรก BEHIND THE SMILE (2008) เล่มสองได้แก่ MIGHT AS WELL LAUGH ABOUT IT NOW (2009) ทั้งสองเล่มติดอันดับหนังสือขายดีสูงสุดในอเมริกาหลายสัปดาห์ จากคุณ : coif เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 15:58:15

ความคิดเห็นที่ 12 ปี 2007 เธอปรากฏตัวในรายการประกวดแชมป์เต้นรำ DANCING WITH THE STARS แถมชนะเลิศอีกด้วย สิ่งหนึ่งที่เธอภูมิใจในชีวิต คือการที่เธอได้มีส่วนร่วมในการก่อตั้งโครงการ CHILDREN'S MIRACLE NETWORK โครงการหาทุนช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสและทุพพลภาพ ทุกปีเธอจะร่วมในการจัดเทเลทอนเรี่ยไรหาทุนทางโทรทัศน์ อีกทั้งเดินทางไปเยี่ยมเด็กที่ป่วย ตามโรงพยาบาลเด็กอยู่เสมอ จากคุณ : coif เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 16:08:12

ความคิดเห็นที่ 13 ปี 2008 แมรีกลับมาเปิดแสดงร่วมกับดอนนีพี่ชายอีกครั้ง ชื่อ DONNIE & MARIE เปิดแสดงที่โรงละครในโรงแรมแฟลมิงโก ลาสเวกัส ปัจจุบันยังดำเนินอยู่ สัญญาจะสิ้นสุดในกลางปี 2012 นอกจากเธอจะมีความสามารถด้านการแสดง เต้นรำ ร้องเพลง เธอยังเป็นนักออกแบบที่มีความสามารถ คอลเลคชั่นตุ๊กตาและกระเป๋าถือที่เธอออกแบบเป็นที่นิยมแพร่หลายในหมู่คนอเมริกัน ดอนนีกับแมรีเพิ่งจะออกอัลบั้มชุดใหม่เมื่อเดือนที่แล้ว ชื่อ' DONNIE & MARIE '  เพลงในอัลบั้มมีทั้งป็อป ร็อก คันทรี รวม 16 เพลง งานเขียนของแคโรล คิง, เบบี้เฟซ และเดวิด ฟอสเตอร์ (จาก Thaipost 6/11/2011) จากคุณ : coif เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 16:16:52

ความคิดเห็นที่ 14 Ain't Nothing Like The Real Thing (1976) จากคุณ : coif เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 16:21:08

ความคิดเห็นที่ 15 (You're My) Soul and Inspiration (1977) จากคุณ : coif เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 16:22:55

ความคิดเห็นที่ 16 Sweet Life : ft.Paul Davis  (1988) จากคุณ : coif เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 16:26:54

ความคิดเห็นที่ 17 The Good Life : Donny & Marie (2011) จากคุณ : coif เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 54 16:29:38

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณครับ ตอนเด็กๆชอบมากครับ พี่ชายผมอย่างคลั่งเลย ถ้าจำไม่ผิด มีรายการทีวีด้วย คล้ายๆกับที่วง ชานานา มีรายการ เป็นความทรงจำวัยเด็กที่ดีครับ :) จากคุณ : Edward (Edward) เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 54 15:16:29