[Review] รักเธอเสมอ เดอะมิวสิคัล – รักกันตอนไหนหว่า
|
 |
อาจจะเป็นเจ้าใหม่ที่เปิดตลาดเข้ามาช่วงชิงตลาดละครเวทีแบบ Mass Production (ซึ่งเจ้าที่ครองตลาดอยู่ที่รัชดาลัย ส่วน Dreambox และ โต๊ะกลม รวมไปถึงละครภาควิชาต่างๆทั้งอักษรจุฬาและนิเทศ ม.กรุงเทพ ก็มีส่วนแบ่งการตลาดที่ลดหลั่นกันไป) ซึ่งเปิดตัวมากับการลองของด้วยการทำ Jukebox Musical ที่หยิบเพลงจากปลายปากกาของ ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค มาเล่าเรื่องความรักสี่เศร้าของตัวละคร
จะว่าไปรัชดาลัยเคยหยิบเอาเพลงของ บอย โกสิยพงษ์ มาทำ Jukebox Musical ใน ลมหายใจ เดอะ มิวสิคคัล ซึ่งละครเรื่องนั้นค่อนข้างประสบปัญหาในการใช้ “เพลง” เล่าเรื่องพอสมควร แต่ในขณะที่รักเธอเสมอ ใช้บทพูดของตัวละครเป็นการสื่อสารเรื่องราว และใช้เพลงเป็นการสื่อสารอารมณ์ให้กับผู้ชมว่าฉากนั้นๆ ตัวละครรู้สึกเช่นไร เพราะเส้นเรื่องของรักเธอเสมอ เล่าเรื่องง่ายๆที่พูดถึงคนรักกัน พบกัน จากกันเพราะเหตุบังเอิญ และพบกันอีกครั้ง ก่อนตัวละครจะต้องตัดสินใจเลือกเส้นทางที่เหมาะควร
พล็อต Boy Meet Girl นั้นเป็นสูตรสำเร็จที่ผู้ชมสามารถคาดเดาได้ (และมันก็เป็นเช่นนั้นแทบทุกประการ) ดังนั้นเราจะขอข้ามในส่วนเรื่องราว แล้วหันไปพูดเรื่องการนำเสนอแต่ละฉากของเรื่อง ในองก์แรกเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นที่ประเทศอเมริกา ทีมงานเลยต้องปรับโหมดผู้ชมด้วยการใช้ VTR แนะนำเรื่องการใช้เครื่องมือสื่อสารเหมือนว่าเรากำลังนั่งอยู่บนเครื่องบิน (ซึ่งทำได้น่าสนใจทีเดียว แต่ทำไมระหว่างชมมีทั้งเสียงโทรศัพท์ คนข้างๆกดบีบี และคุณลุงข้างหน้านั่งเช็คเฟสบุค!!)
พอเปิดมาฉากแรกด้วยความอลังการสุดๆ แบบเท่าที่โปรดักชั่นจะพึงมี เพราะผู้กำกับใส่เข้ามาหมดทั้งลานสเก็ตน้ำแข็ง รูปปั้น Rockefeller และร้านอาหารของแทนไท ท่ามกลางการฉายภาพผ่านฉากด้านหลัง (แต่ไหนเรากลับรู้สึกว่ายิ่งใส่เข้ามาเยอะแยะแค่ไหน ยิ่งทำให้มันดูรก และไม่คุ้มค่าเท่านั้น – ลานสเก็ตใช้ฉากนี้ฉากเดียวราวๆ 1 นาที คุ้มค่าลงทุนไหม? ? ? ?, หมู่มวลเยอะ เสื้อผ้าก็เรนโบว์แยะ แยกประสาทจับตามองยากเหลือเกิน) โปรดักชั่น ในครึ่งแรก เรียกได้ว่า เยอะเข้าไว้ก่อน เลยหลายเป็นว่าตรงจุดนี้แหละที่ทำให้หลายฉากของเรื่องกลายเป็นอะไรที่ขาดๆเกินๆอาทิ (ฉากเทพีเสรีภาพ,ฉากที่วอชิงตัน DC, รวมไปถึงการ Crossing over ระหว่างฉากที่ตัวละครน้ำ(ป่าน Virtrio) จะต้องร้องเพลงแพ้ใจ เป็นต้น
ครึ่งแรกเรียกได้ว่า ด้วยตัวบทที่ดูอย่างไร เราก็ไม่ค่อยจะปักใจเชื่อเท่าไหร่ว่ากานต์(กอล์ฟ พิชญะ)กับณัชชา(พัดชา AF) รักกันมากมาย เราสัมผัสได้แค่ว่า ทั้งคู่เหมือนเป็นวัยรุ่นเล่นจีบกัน พอถึงจุดที่ทั้งสองพัดพราก เราจึงแอบรู้สึกว่า การที่นางเอกได้พบกับ แทนไท(บี เครสเซนโด้) น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของเธอก็เป็นได้
ไม่เพียงเท่านั้นลักษณะตัวละครอย่างวิภา(แหวน ฐิติมา) และ ตั้ม (แม็ค AF6) ค่อนข้างเป็นตัวละครที่ถูกจับยัดเข้ามาเพื่อขยายความตัวละครหลัก ทั้งที่ความเป็นจริงไม่มีก็ได้ เพราะอย่างไรเราก็ไม่ค่อยรู้สึกว่าการช่วยตัดสินใจของสองตัวละครนี้จะช่วยผลักดันเส้นเรื่องหลักของตัวละครได้สักเท่าไหร่เลย
องก์แรกจบลงที่นางเอกตัดสินใจเดินทางกลับไทยเพื่อมาสะสางปัญหาคาใจของเธอ ซึ่งในองก์นี้มีเพลงที่น่าสนใจได้แก่ แพ้ใจ, อาจจะเป็นคนนี้ และ ก้อนหินก้อนนั้น ที่สื่อสารอารมณ์เพลงได้ดีทีเดียว ส่วนเพลงอื่นๆอยู่ในเกณฑ์พอใช้ และบางเพลงก็งงๆว่าใส่เข้ามาทำไม ? อาทิ รักแท้ยังไง
เข้าสู่องก์สอง เหมือนหนังเปลี่ยนม้วน เรื่องราวเริ่มน่าสนใจยิ่งขึ้น เมื่อตัวละครทั้งสี่ได้เผชิญหน้ากัน ทำให้เราได้เห็นด้านต่างๆ เพิ่มมิติให้ตัวละครแต่ละตัวมากขึ้น ครึ่งแรกแทนไทอาจจะดูเหมือนเด็กปัญญาอ่อน แต่มาครึ่งนี้เขากลับกลายเป็นผู้ชายที่คนดูอยากจะได้มาเป็นสามีในชีวิตจริง, กานต์ดูโตขึ้นจนเราเริ่มสัมผัสความเป็นผู้ใหญ่ได้, น้ำเลิกเป็นดาราแล้วหันมามีชีวิตปกติเยอะขึ้น, ณัชชาเธอหายไปไหน!!!!! มาร้องเพลงอีกทีก็ปาเข้าไปเพลงที่ 8 แต่ทั้งหมดทั้งมวล ครึ่งหลังกลายเป็นส่วนที่น่าสนใจเหลือเกิน เมื่อตัวละครเริ่มเผยความรู้สึกจริงๆมากยิ่งขึ้น ซีนอารมณ์จึงเยอะขึ้นและทำให้เราได้เห็นทักษะการแสดงของแต่ละคนได้ชัดเจนพอสมควร
จะว่าไปรักเธอเสมอ เดอะมิวสิคคัล อาจจะไม่ใช่ละครที่โดดเด่นน่าจดจำสักเท่าไหร่นัก แต่ในขณะเดียวกันในความแปร่งๆบางประการของเรื่องก็มีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด(นึกออกไหมว่า หนังสักเรื่องอาจจะไม่ได้สนุกเท่าไหร่นัก แต่เราก็ไม่ได้เบื่อจนอยากจะเดินออกนอกโรง และที่สำคัญเรากลับไม่รู้สึกเลยว่ามันน่าเบื่อสักนิด แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าตื่นตาเท่าไหร่เช่นกัน) อาทิ การใช้การฉายภาพยนตร์ประกอบ, การใช้ VTR เพื่อข้ามเมือง, การเฟสไฟแบบแปลกๆ หรือการใช้การใช้ภาพแอนิเมชั่นสื่อสารอารมณ์ เหล่านี้เป็นส่วนประกอบที่ไม่ลงตัวนัก แต่ก็ถือได้ว่าน่าสนใจ ทีเดียว
นักแสดงนำทั้งสี่ ทำหน้าที่ของตนได้น่าสนใจ (เท่าที่บทจะเอื้ออำนวย) แต่คนที่น่าจะแสดงได้ดีที่สุด น่าจะเป็นบทของแทนไท ที่ดูเป็นผู้ชายในฝันจริงๆ ในขณะที่ฉากร้องเพลงสื่อสารอารมณ์ น้ำหรือป่าน กลับสื่อสารให้ผู้ชมรวดร้าวไปกับเพลงได้ดี ในขณะที่พระนางของเรื่อง เพลงอาจจะไม่ค่อยเข้าปากนักแสดงเท่าไหร่ แต่ก็ทำได้โอเค
ภาพรวมก็อย่างที่บอกไม่รู้ว่าจะกล่าวอย่างไรดี เพราะรู้สึกแปร่งๆกับละครพอสมควร จะชอบก็ไม่ใช่ จะยี้ก็ไม่ใช่ มันมีอะไรที่ดีและแย่ปะปนกันไป เหมือนเป็นการชิมอาหารจานใหม่ ที่พ่อครัวอาจจะทำไม่เข้าที่นัก แต่มันก็ไม่ได้แย่และอยากจะให้เราลองชิมงานจานต่อไป กับ “แม่เบี้ย เดอะมิวสิคคัล” ว่าจะออกมาท่าไหน
สิ่งที่ฟินาเล่ยิ่งกว่าละคร – ตันโออิชิ มาพร๊อพเต็ม, พี่เบิร์ด ธงชัย มาแบบเนียนๆแบบไม่เซเล็บ แต่พอคนดู ครึ่งหลังเกิดแหกปากก่อนจะเริ่มเล่นองก์สอง ว่า “พี่เบิร์ด” เท่านั้นแหละ ทุกคนควักโทรศัพท์ IPAD Galaxy ไม่เว้นแม้แต่ คุณป้าข้างหน้าที่นั่งอยู่บนชั้น 3 แต่พี่เบิร์ดอยู่ชั้น 1
หมายเหตุ ศูนย์วัฒนธรรมเวทีค่อนข้างลึกเอาเรื่อง แถมที่นั่งก็คับแคบยิ่งกว่าเรานั่งอยู่บนชั้นประหยัดบนเครื่องบินอีกแฮะ !
สามารถดูรีวิวพร้อมภาพประกอบได้ที่บล้อก
ติดตาม Fanpage ได้ที่ http://www.facebook.com/pages/En1er1ainmen1-Bite-FanPage-For-Review-Up-To-Date/199748466738269
จากคุณ |
:
Onlineza
|
เขียนเมื่อ |
:
27 พ.ย. 54 23:47:07
|
|
|
|