 |
http://www.sudsapda.com/Project/Konlor4/AF.htm
วันที่ 8 ตุลาคม ที่ผ่านมา พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงติดตามการดำเนินงานโครงการกำลังใจในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ที่น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ใน เรือนจำ ณ เรือนจำชั่วคราวแคน้อย จังหวัดเพชรบูรณ์ 1 ใน 4 เรือนจำนำร่อง ของกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม
นักล่าฝันอะคาเดมีแฟนเทเชีย ซีซั่น 7 ทั้งสามคน ได้แก่ ปอ - อรรณพ ทอง- บริสุทธิ์, บอส - ธนบัตร งามกมลชัย และต้น - ณัฐวัตร ดีวงกิจ ได้รับประทาน โอกาสให้ตามเสด็จ เพื่อเรียนรู้และช่วยเหลือกิจกรรมของเหล่าผู้ต้องขังหญิง ให้เตรียมพร้อมก่อนกลับคืนสู่สังคมอย่างมีความมั่นใจ พร้อมก้าวสู่จุดเริ่มต้นชีวิต ใหม่หลังได้รับอิสรภาพ นับเป็นวันสำคัญที่ทุกคนซาบซึ้งในพระกรุณาธิคุณ อย่างหาที่สุดมิได้
หนึ่งในพระกรณียกิจสำคัญของ "เจ้าหญิงนักกฎหมาย" เหล่าคนหล่อฯเผื่อเวลาการเดินทางในช่วงมวลน้ำเริ่มประชิดเขตปริมณฑล ด้วยการรีบออกจากกรุงเทพฯตั้งแต่หัวค่ำ เพื่อให้มาถึงยังจุดนัดพบ "เรือนจำชั่วคราวแคน้อย" ตำบลสะเดียง อำเภอเมืองฯ จังหวัดเพชรบูรณ์ในเช้าวันรุ่งขึ้น โดยก่อนเวลาเฝ้ารับเสด็จ คุณภูรดา สารวงศ์(พี่แหม่ม) เจ้าพนักงานราชทัณฑ์ชำนาญงาน รับทำหน้าที่พี่เลี้ยงพาสามหนุ่มลงพื้นที่แปลงเกษตร ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาที่ผู้ต้องขังหญิงกำลังช่วยกันตัดใบหม่อนสดๆ จากแปลงที่พวกเธอลงมือปลูกและดูแลอย่างดี เพื่อนำไปเป็นอาหารให้ตัวหนอนไหมในโรงเรือนแบบปิด หนอนไหมที่ได้รับอาหารสมบรูณ์จะสร้างรังไหมชั้นดีอันเป็นวัตถุดิบสำคัญในการทอผ้าไหมเนื้อดีต่อไป
พี่แหม่มเล่าว่า สถานที่แห่งนี้ไม่มีแนวกำแพงหรือกรงขัง แต่เป็นลักษณะ คล้ายหมู่บ้านขนาดย่อมๆ จุดประสงค์เพื่อให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านการ ใช้ชีวิตตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยเน้นการเติมเต็มวิชาชีพและ วิชาความรู้ด้านต่างๆ เพื่อให้ผู้ต้องขังนำไปประกอบอาชีพเพื่อดำรงชีวิต ได้จริง เท่ากับสร้างภูมิคุ้มกันให้ไม่หวนกลับไปทำผิดซ้ำอีก ส่วนผู้โชคดีที่จะได้มาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ก็คือ ผู้ต้องขังหญิงทั่วประเทศ ไม่จำกัดวัย แต่เน้นว่าต้องมีความประพฤติดีและใกล้จะได้รับอิสรภาพ โดยกระทรวงยุติธรรมจะมีการติดตามผลเพื่อจัดทำเป็นต้นแบบในการนำ ไปปรับใช้และขยายผลสำหรับเรือนจำชั่วคราวที่อื่นๆ ต่อไป
ตัดใบหม่อน ป้อนน้องไหม ปอ บอส และต้น ขออาสาช่วยงานพี่ๆ ผู้ต้องขังนับสิบคนที่กำลังช่วยกัน ตัดใบหม่อน ปอรีบขอมีดคมๆ แล้วกระโดดร่วมวงตัดใบหม่อนเขียวสด รสอร่อย กว่าจะตัดได้แต่ละกิ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะทั้งใบทั้งก้านเหนียว น่าดู เมื่อตัดได้แล้วก็นำมากองรวมกันให้มากประมาณหนึ่งคนโอบ จากนั้นจึงมัดให้แน่น ยกใส่รถเข็น ใช้ผ้าขาวบางคลุมเพื่อรักษาความสด แล้วรีบลำเลียงต่อไปยังโรงเรือนเลี้ยงไหมทันที
สามหนุ่มต่างเฮฮากันยกใหญ่ขณะเข็นรถที่บรรทุกมัดใบหม่อนมาจนเต็ม จนเมื่อถึงโรงเรือนเลี้ยงไหมแบบปิด ความเงียบก็มาเยือนในชั่วพริบตา เมื่อทุกคนได้เห็นภาพหนอนไหมนับแสนตัว พี่แหม่มบอกว่า เจ้าตัวนี้ก็คือ ญาติพี่น้องเชื้อสายประมาณลูกพี่ลูกน้องกับเจ้ารถด่วนหรือหนอนไม้ไผ่ทอดที่พวกเราเคยเห็นและ (อาจ) เคยชิมนั่นเอง แต่ว่าหนอนไหมที่นี่ดูจะตัวอวบอ้วนเป็นพิเศษเพราะได้รับการดูแลอย่างดี กินใบหม่อนเขียวสดเป็นพิเศษ เพื่อที่พวกมันจะได้ผลิตเส้นไหมคุณภาพให้ผู้ต้องขังถักทอพัฒนาฝีมือกันได้เต็มที่
ลงพื้นที่ "หมู่บ้านกำลังใจพัฒนา" หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านต้นแบบ ภายในอาณาเขตจำนวน 30 ไร่ ดูคล้าย กับชุมชนขนาดย่อมๆ ที่ผู้ต้องขังหญิงจำนวนกว่าห้าสิบคนมาใช้ชีวิตร่วมกัน โดยจะมีวิทยากรจากมูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภา) ยามยากคอยชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตและฝึกฝนการประกอบอาชีพ ทั้งการทำการเกษตร ทำนาข้าว ปลูกผักสวนครัว ผลไม้ปลอดสารพิษ เลี้ยงวัว สุกร ปลาดุก ปลูกหม่อน เลี้ยงไหม และการทำผลิตภัณฑ์จากไหม เช่น การถัก โครเชต์ และสิ่งประดิษฐ์จากรังไหม พร้อมสอนการแปรรูปผลผลิตต่างๆ อาทิ การทำน้ำสมุนไพร น้ำหมักชีวภาพ น้ำมันไบโอดีเซล ฯลฯ
ทั้งหมดนี้มีการฝึกภาคปฏิบัติกันอย่างจริงจัง โดยจัดกลุ่มผู้ต้องขังกลุ่มละ 5 - 6 คน แล้วแบ่งพื้นที่ให้กลุ่มละ 2 - 5 ไร่ เพื่อให้ลงมือพัฒนาพื้นที่ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงทฤษฎีใหม่ ทั้งการสร้างรายได้ ลดรายจ่าย และการมีวิถีชีวิตที่พอเพียงแบบยั่งยืน นอกจากนี้ยังมี "ศูนย์แลกเปลี่ยน และจำหน่ายผลผลิต" ทั้งร้านจำหน่ายพืชสมุนไพร ผักผลไม้ปลอดสารพิษ บริการเสริมสวย ซักรีด และนวดแผนโบราณให้แก่บุคคลทั่วไปอีกด้วย
เรามีโอกาสได้พูดคุยกับนักโทษหญิง 2 คน คนแรกอายุ 42 ปี ถูกจับ ที่สงขลาในคดียาเสพติด ติดคุกที่นั่นอยู่ 2 ปีกว่า จึงสมัครเข้าโครงการและมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เดือนมีนาคม นับจากเวลาที่ได้คุยกันแล้ว เหลืออีกเพียง 50 วันก็จะพ้นโทษ เธอตั้งใจจะกลับไปอยู่กับสามีและลูกที่กรุงเทพฯ ที่น่าปลื้มคือ เธอเต็มไปด้วยกำลังใจว่าจะนำวิชาชีพที่ได้ฝึกฝนจากที่นี่ติดตัวกลับไปเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง
อีกคนอายุ 26 ปี เป็นคนเพชรบูรณ์ ทำผิดคดียาเสพติดเช่นกัน และเหลืออีก 35 วันก็จะพ้นโทษแล้ว เธอตั้งใจจะกลับไปช่วยแม่ขายของ เล็กๆ น้อยๆ ก่อนค่อยขยับขยายต่อไป และสิ่งที่ตั้งใจแน่วแน่ก็คือ จะไม่กลับไปทำผิดอย่างเดิมอีกเด็ดขาด
ทรงติดตามภารกิจ "ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" ในช่วงบ่าย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จมาถึงโดยมีข้าราชการของจังหวัดเพชรบูรณ์เฝ้ารับเสด็จ หลังจากนั้น นายประมูล ประเสริฐสุข ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดเพชรบูรณ์ ถวายรายงานผลการดำเนินงาน ปัญหา และอุปสรรคในการดำเนินงานแล้ว พระองค์ภาทรงหยิบข้อคำถามจากกล่องรับความคิดเห็น แล้วทรงตอบคำถามข้อกฎหมายนั้นๆ อีกทั้งยังเสด็จทอดพระเนตรซุ้มการทำน้ำสมุนไพร ซุ้มทำน้ำหมักชีวภาพ ซุ้มไบโอดีเซล และห้องสมุดเพียงดินแคน้อย พร้อมทรงลงมือทำพวงกุญแจรูปนกจากรังไหมด้วยพระองค์เอง
จากนั้นทรงพระดำเนินไปยังโรงเลี้ยงไหม โดยมี "คนหล่อขอทำดี" จากนิตยสาร สุดสัปดาห์ และทีมงานรายการ "คนไทยหัวใจไม่ท้อ" ตามเสด็จ พระองค์ภาทรงนำใบหม่อนที่ปอ บอส และต้นช่วยพี่ๆ ผู้ต้องขังตัดสดๆ เมื่อช่วงสายประทานให้หนอนไหมด้วยความชำนาญ ระหว่างนั้นรับสั่งถามคนหล่อฯว่า "กลัวหนอนหรือเปล่า" ทั้งสามหนุ่ม (ซึ่งได้ซ้อมใหญ่เจอหนอนไหมมาแล้วรอบหนึ่ง) รีบกราบทูลว่า ไม่กลัวพะย่ะค่ะ
ตลอดการตามเสด็จในช่วงวันที่เหลือนี้ ทำให้เราได้เห็นกับตาว่าพระองค์ภาทรงทุ่มเทกำลังพระทัยและกำลังพระวรกายเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน โดยมิได้ทรงแบ่งแยก ทรงถือว่าทุกคนเป็นพสกนิกรชาวไทยเสมอกันอย่างแท้จริง ขอจงทรงพระเจริญ
ความภูมิใจที่สุดในชีวิต ภารกิจจบลงด้วยความอิ่มสุขและภาคภูมิใจ ปอบอกว่า "ผมเคยปลูกผักคล้ายๆ ภารกิจวันนี้อยู่เหมือนกัน เพราะบ้านผมอยู่จังหวัดชัยภูมิ แล้วพ่อ ก็เป็นครูสอนเกษตรด้วย ที่บ้านก็เลยมีบ่อปลาดุก ปลานิล และแปลงผัก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ทำให้ผมได้เข้าถึงทฤษฎีพอเพียงแบบรู้แจ้งเห็นจริง น่าประทับใจมาก
"จากที่ได้คุยกับพี่ๆ นักโทษ ผมว่าเขามีสุขภาพจิตใจที่ดีมาก เพราะได้เรียนรู้วิชาชีพต่างๆ ร่วมกับเพื่อน มีสังคม ยอมรับเลยว่าเคยมองคนในคุกไม่ค่อยดีเท่าไร แต่พอได้มารู้จักกับพี่ๆ เขานิสัยดีมาก ยิ้มแย้มแจ่มใส มีน้ำใจ ช่วยสอนอะไรผมหลายอย่าง สิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้วันนี้คือ ใครๆ ก็ย่อมเคยทำผิดพลาดกันทั้งนั้น แต่ที่สำคัญคือ การให้โอกาสและให้กำลังใจ แถมที่นี่ยังอบรมวิชาชีพให้พี่ๆ เพื่อเตรียมพร้อมจะออกไปใช้ชีวิตข้างนอกอีกครั้ง ผมตั้งใจจะไปบอกต่อให้คนอื่นฟังว่า "เศรษฐกิจพอเพียง" ไม่ได้หมายความแค่ว่าเราต้องออกไปทำนา ปลูกผัก หรือเลี้ยงปลากันทุกคนแต่เราสามารถนำแนวคิดนี้มาปรับใช้ มีความสุขกับสิ่งที่มี หรือถ้ามีมากกว่าคนอื่นก็ช่วยแบ่งปันน้ำใจให้คนที่ไม่มีก็จะดีมากครับ"
ส่วนบอสบอกว่า "ก่อนจะมาภารกิจนี้ ผมมองว่าคุกน่าจะเป็นสถานที่ที่น่ากลัว แต่พอได้เข้ามาแล้ว พี่ๆ ที่เป็นนักโทษกลับยิ้มแย้มแจ่มใส แล้วก็ดูดีใจกับการที่เรามาให้กำลังใจวันนี้ เข้ามาพูดคุยทักทายอย่างเป็นกันเองมาก รู้สึกทึ่งกับการจัดการของหมู่บ้านกำลังใจพัฒนา มีการจำลองให้เป็นหมู่บ้านจริงๆ มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ปลูกผัก ทำบ่อเลี้ยงปลาเลี้ยงกบ แล้วที่เหลือจากกินก็ยังเอาไปขายเหมือนการใช้ชีวิตจริงๆ ผมว่าการได้ใกล้ชิดธรรมชาติสุดๆ ทำให้เรามีสุขภาพทางใจที่ดีมาก และการได้เข้ามาอยู่ที่นี่ก็คือการได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่ ผมเชื่อว่า คนที่เคยมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ต้องมีชีวิตที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอนครับ"
ต้น ผู้พยักหน้าเห็นด้วยกับทุกความเห็นของเพื่อนๆ มาตลอดกล่าวเป็นคนสุดท้ายว่า "รู้สึกเหมือนเพื่อนๆ ทุกอย่าง แต่กิจกรรมที่ชอบที่สุดก็คงเป็นตอนได้ไปตัดใบหม่อน แล้วแบกใส่รถเข็นเป็นกิโลๆ ขนาดผมเป็นผู้ชายยังรู้สึกว่าหนักมาก นับถือพวกพี่ๆ ผู้หญิงจริงๆ ผมว่าพี่นักโทษจิตใจดีกว่า หลายคนที่อยู่นอกคุกด้วยซ้ำ สภาพแวดล้อมคงทำให้พี่เขาเปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่เคยพลาด ข้อคิดที่ได้จากพี่ๆ วันนี้คือ บางครั้งการสนุกจนเกินเหตุใช้เงินจนเกินตัว อาจทำให้รู้สึกเหมือนมีความสุข แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่เพราะความสุขมากเกินไปมักจะก่อให้เกิดความทุกข์มากได้เช่นกัน เพราะถ้าวันหนึ่งเรากลับมาใช้ชีวิตแบบพอเพียงไม่เป็น เราก็จะรู้สึกเหมือนชีวิตขาดอะไรอยู่ตลอดเวลา
"จากวันนี้ความดีที่ผมจะทำได้คงเป็นเรื่องของการแนะนำน้องๆ และทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีด้วยการเดินบนทางสายกลาง ใช้ชีวิตแบบพอดีๆ ไม่ถึงกับขัดสน แต่ก็ไม่ต้องมีมากจนล้นเกิน มีความสุขกับสิ่งที่เรามี รวมถึงการช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน ไม่ต้องรอเดี๋ยวแล้วค่อยทำ แต่ลงมือทำเดี๋ยวนี้เลยดีกว่าครับ"
| จากคุณ |
:
girl_ttt
|
| เขียนเมื่อ |
:
17 ธ.ค. 54 20:22:54
|
|
|
|
 |