 |
ประวัติบริษัท
บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (ชื่อเดิม บริษัท ทราฟฟิกคอร์นเนอร์ โอลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)) ก่อตั้งเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2544 ด้วยทุนจดทะเบียน 15 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบธุรกิจด้านการลงทุนในบริษัทที่ทำธุรกิจสื่อ โดยเน้นการบริหารการตลาดในด้านข่าวและด้านกีฬา ผ่านสื่อวิทยุและโทรทัศน์ ภายหลังมีการควบรวมกับ บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส จำกัด เพื่อขยายฐานธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจภาพยนตร์ เพื่อจัดจำหน่ายสิทธิภาพยนตร์แก่โรงภาพยนตร์, ผู้ผลิต VCD, DVD, Blu-Ray, ผู้ประกอบการกิจการ Free TV และ/หรือ Cable TV ผู้ประกอบการ Pay TV และ/หรือ Pay Digital Cable TV
บริษัทเคยเข้าลงทุนในกิจการ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร รวมทั้งด้านบันเทิงผ่านสื่อโรงภาพยนตร์ โทรทัศน์ วิทยุและกิจกรรมพิเศษ ตลอดจนสื่อสิ่งพิมพ์ผ่านบริษัทย่อยต่างๆ ดังรายละเอียดต่อไปนี้
ปี 2538 บริษัทได้ลงทุนในธุรกิจบริหารการตลาดและสื่อโฆษณา โดยเป็นผู้ให้เช่าอุปกรณ์การผลิตรายการและเป็นตัวแทนในการขายสื่อโฆษณา บริษัทหยุดดำเนินการชั่วคราวตั้งแต่เดือนธันวาคม 2551
ปี 2539 บริษัทได้ลงทุนใน บริษัท ดรีม มีเดีย จำกัด (Dream)* ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับข่าวสาร ซึ่งถ่ายทอดผ่านสื่อประเภทต่างๆ ได้แก่ สื่อโทรทัศน์ สื่อวิทยุ และสื่อเทคโนโลยี เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่ ปัจจุบันเป็นผู้ดำเนิน รายการข่าวต้นชั่วโมงให้กับสถานีวิทยุของกรมประชาสัมพันธ์ และให้บริการรายงานข่าวบนมือถือผ่านระบบ SMS ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษภายใต้ชื่อ สมาร์ทนิวส์ บริษัทได้หยุดดำเนินกิจการชั่วคราวตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2549 และเนื่องจากการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการ บริษัทจึงได้ดำเนินการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทย่อยนี้ตั้งแต่ เดือนเมษายน 2552
ปี 2540 บริษัทได้ลงทุนใน บริษัท ทราฟฟิกคอร์นเนอร์ เรดิโอ จำกัด (TCR)* ซึ่งดำเนินธุรกิจด้าน สื่อบันเทิงทางวิทยุผ่านทางสถานีวิทยุความถี่ระบบเอฟ.เอ็ม. (F.M.) และระบบเอ.เอ็ม. (A.M.) ทั่วประเทศ ปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงการดำเนินงานของธุรกิจโดยการคืนคลื่นความถี่ให้แก่ เจ้าของเดิม ทำให้บริษัทหยุดการดำเนินธุรกิจวิทยุเป็นการเป็นการชั่วคราวตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา และ เนื่องจากการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการ บริษัทจึงได้ดำเนินการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทย่อยนี้ ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2552
ปี 2544 บริษัทได้ลงทุนใน บริษัท รวมโอทอป จำกัด (OTOP) ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP ซึ่งเป็นแนวคิดของอดีตผู้ถือหุ้นรายใหญ่และกรรมการบริษัท แต่เนื่องจากได้มีการเปลี่ยนแปลง ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ บริษัทจึงหยุดการดำเนินธุรกิจเป็นการชั่วคราวในปลายเดือนธันวาคม 2549 และเนื่องจากการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการบริษัทจึงได้ดำเนินการจำหน่าย เงินลงทุนในบริษัทย่อยนี้ ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2552
ปี 2544 บริษัทได้ลงทุนใน บริษัท อินเซนพลัส (ประเทศไทย) จำกัด (Incenplus) ซึ่งดำเนินธุรกิจเป็นผู้ให้บริการครบวงจรสำหรับระบบบริหารความสัมพันธ์กับ ลูกค้า (CRM) รวมทั้งให้บริการ ด้านการบริหารการตลาดแก่ลูกค้าในภูมิภาคเอเชีย โดยมีลูกค้าที่สำคัญ ได้แก่ Honda Automobile (Thailand) Co., Ltd. และ Dumex Ltd. เป็นต้น บริษัทหยุดการดำเนินการชั่วคราวตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน 2551 และเนื่องจากการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการ บริษัทจึงได้ดำเนินการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทย่อยนี้ ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2552
ปี 2551 บริษัทได้ลงทุนใน บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับธุรกิจภาพยนตร์ โดยเป็นผู้นำเข้าลิขสิทธิ์ภาพยนตร์จากต่างประเทศ โดยซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์จากงานเทศกาลภาพยนตร์ต่างๆ เข้ามาเพื่อจำหน่ายสิทธิแก่โรงภาพยนตร์ ผู้จัดทำ ผู้ผลิต VCD, DVD, Blue Ray, Free TV และ Cable TV, Pay TV และ/หรือ Pay Digital Cable TV
ใน เดือนเมษายน 2552 ที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้อนุมัติให้มีการจดทะเบียนเพิ่มทุนบริษัท เป็น 641,250,000 บาท และในเดือนมิถุนายน – กรกฎาคม บริษัทได้ลงทุนใน บริษัท เอ็ม วี ดี จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดหาลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ทั้งไทยและต่างประเทศ เพื่อผลิตเป็นสื่อโฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ประเภท ดีวีดี วีซีดี และบลูเรย์ ทั้งนี้บริษัทได้ลงทุนโดยวิธีการแลกหุ้นกับ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของ บริษัท เอ็ม วี ดี จำกัด เป็นผลให้ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) กลายเป็นบริษัทแม่ของบริษัท และ บริษัท เอ็ม วี ดี จำกัด กลายเป็นบริษัทย่อยของบริษัท
ปัจจุบันบริษัทมีเงินลงทุนในบริษัทย่อยจำนวน 3 บริษัท คือ
1. บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส จำกัด 2. บริษัท เอ็ม วี ดี จำกัด 3. บริษัท ทีวี ฟอรัม จำกัด* (หยุดดำเนินกิจการชั่วคราว)
Top
จากคุณ |
:
minjung
|
เขียนเมื่อ |
:
10 ม.ค. 55 14:06:55
|
|
|
|
 |