ตอนนี้เหลือบัตรขายรอบเดียว คือรอบสุดท้ายวันที่ 29 เวลา 17.00 น. ครับ
ขออนุญาตวิจารณ์ละครเวทีแบบมือใหม่นะครับ ขอวิจารณ์แบบตรง ๆ ตามแบบและมาตรฐานของตัวเอง วัดตามหลาย ๆ เรื่องที่เคยดูมา
ละครเวทีเรื่องนี้ออกแนวเด็ก ๆ ไม่ได้มีความแม่นยำในการแสดงเหมือนละครเวทีมืออาชีพที่ขายบัตรราคาแพง ๆ ทั่วไป แต่คุณภาพของงานก็ดีเกินกว่าความคาดหมาย ทั้งในเรื่องฉาก แสงสีและความสามารถในการแสดงของนักแสดงนำ คือคุ้มค่าเกินราคานั่นเอง
อาจมีสปอยล์เนื้อเรื่องเล็กน้อย
เนื้อเรื่องทั้งหมด วาง timeline ได้ดี ไม่งง ไม่สับสนกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเลย
เริ่มต้นด้วยการบรรยายเกริ่นนำ ตรงนี้มีข้อบกพร่องตรงที่บทบรรยายอาจจะยาวมากเกินไปหน่อย ผมพยายามตั้งใจฟังและเก็บรายละเอียดของเรื่อง แต่จับใจความในส่วนนี้ได้ค่อนข้างยาก คือแทบจะไม่รู้เรื่องในตรงนี้เลย ถ้าเปลี่ยนเป็นแต่งเนื้อเพลงเล่าเรื่อง น่าจะฟังง่ายขึ้นมาก
เปิดเรื่องด้วยเวลาในปัจจุบันที่มู่หลานถูกจับตัวเป็นเชลยศึก แล้วเรื่องราวดำเนินไปจนผู้ที่จับตัวกลับกลายมาเป็นเชลยศึกซะเอง
ส่วนเพลงตอนฉากเปิดเรื่อง ที่เหล่าทหารร่วมกันร้อง ฟังไม่รู้เรื่องเลย ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะเหล่าหมู่มวลไม่ได้ออกเสียงร้องเต็มที่ และคีย์ของเพลงต่ำเกินไปด้วย อยากให้ลองเพิ่มคีย์ดู เพราะตัวละครหลักในฉากนี้ก็ร้องเหมือนทรมาณที่ต้องลงเสียงต่ำเช่นกัน
ต่อกันที่เพลง solo ของนางเอก (มู่หลานตอนโต) ตรงนี้ฟังเพลงแล้วค่อนข้างขัดใจ เพราะเพลงที่ใช้เกือบทั้งเรื่องดูเหมือนจะไม่ใช่แนว operatic pop ที่นิยมใช้ในละครเวทีแนว the musical ทั่วไป ฟังดูแล้ว จะว่าลูกทุ่งก็ไม่ใช่ จะว่าลูกกรุงก็ไม่เชิง เมโลดี้และทำนองเพลงไม่ติดหู ไม่รื่นหู ฟังแล้วแทบจะใช้ทำนองเพลงเดียวกันเกือบทั้งเรื่องอีกเช่นกัน อยากให้ผู้แต่งเพลงลอง arrange ใหม่ถ้าหากจะนำกลับมา re-stage นะครับ ส่วนนางเอกที่ร้องเพลง solo ในตอนนี้ ทักษะการร้องเพลงยังไม่ดีนัก และในบางครั้งก็ดูเหมือนจะหลุดหรือไม่ค่อยแม่นในเมโลดี้เพลงและส่งอารมณ์เพลงยังไม่ถึง ขนาดผมนั่งอยู่แถวหน้า ๆ แล้ว ยังรู้สึกว่าส่งอารมณ์ในเพลงมาไม่ถึง
ส่วนตอนที่มู่หลานเป็นคนร้องเพลง solo ตอนแรกนี้ และตอนที่เล่าหรือบรรยายเรื่องเปลี่ยนฉากระหว่างตอนสงครามย้อนมาตอนที่มู่หลานเกิด ตรงนี้น่าจะเปลี่ยนบล๊อคกิ้งให้มู่หลานตอนโตออกมายืนข้างหน้าเวที แล้วใช้ follow light ทำให้ตัวมู่หลานเด่นขึ้นมาแทนที่จะให้มู่หลานไปยืนอยู่บนกำแพงเมือง หลังจากที่มู่หลานเดินมาหน้าเวที ก็ปิด black drop ลงมา แล้วเปลี่ยนฉากข้างหลังโดยไม่ต้องปิดไฟ จะทำให้ดูอลังการกว่าการปิดไฟแล้วมีแต่เสียงร้องในความมืด
เวลาขึ้นเสียงสูงก็มักจะหลบไป Head tone บ่อย ๆ ผมคิดว่าน่าจะขึ้นสูงได้อีกใน mount tone นะ และฟังจากการร้องเพลงแล้วคำบางคำก็ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง อยากให้ voice coach ลองไปศึกษาถึงวิธีการร้องแบบที่ใช้กันใน musical ทั่วไปทั้งของไทยและของต่างประเทศ ที่นิยมใช้กันคือวิธีการร้องคล้าย ๆ การนวดแป้ง คือการร้องลากเสียงยาวแล้วตวัดกลับอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้เสียงร้องฟังดูดีมีพลังและชัดถ้อยชัดคำมากขึ้น
ส่วนบทในฉากที่มู่หลานเกิดไม่ทราบว่านักแสดงไม่แม่นในบทเรื่องการใช้คำสรรพนาม หรือคนเขียนบทเกิดการสับสน เพราะมีการใช้สรรพนามหลายอย่างหลายแบบ เช่น ลื้อ เจ้า ฟังแล้วสับสนตามไปด้วย อีกเรื่องมุขที่ใช้ของเสี่ยวเหมินในตอนต้น คำว่า "ช้ำใจใครจะเหมือน" ลองซ้อมใหม่และหาจังหวะให้ดี คำตรงนี้หากน้องพูดให้ช้าลงและชัดขึ้น จะฮามาก ๆ ครับ เพราะบทนี้เรียกว่าเป็นตัวชูโรงและเป็นน้ำจิ้มชันดีเลยทีเดียว
ต่อมาก็เป็นเพลง solo ของแม่ของมู่หลาน ตรงนี้ฟังดูดีและเสียงร้องใช้ได้ ส่งอารมณ์ได้ดี ถ้าปรับการร้องให้เป็นแนว operatic pop จะดีมาก ๆ
ฉากต่อมาก็คือเพลงตอนทำขนมไหว้พระจันทร์ ตรงนี้เพลงดูสนุกสนานดี แต่หากปรับการร้องให้ฟังกระชับและสนุกสนานมากขึ้นจะดีมาก และควรจะปรับเปลี่ยนเมโลดี้การร้องมากกว่าการบิดคำนะครับ เพราะภาษาไทยจะทำให้คำเปลี่ยนความหมายได้ เช่นตรงท่อนที่ว่า "แกะเข้าไป เอ้าช่วยกันแกะไข่" น่าจะเปลี่ยนเป็น "แกะเข้าไป เอาซิแกะไข่ไป" จะเข้ากับเมโลดี้เพลงมากกว่า
ส่วนเพลงต่อมาก็เป็นเพลงที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับตำนานอะไรของเทพีหรือพระจันทร์ซักอย่างหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิดไม่ทราบว่าเป็น solo ของมู่หลานตอนเป็นสาวหรือเปล่า มีตอนต้นเพลง เสียงร้องไม่ออกหรือลืมเปิดไมค์ ตรงนี้ผู้ร้องก็ส่งอารมณ์มาไม่ถึงเช่นกัน
และเพลงต่อมา ตอนที่มีการซ้อมของเด็กชายในหมู่บ้าน ตรงนี้ผู้ร้องที่เป็นพ่อของเสี่ยวเหมิน ตอนโซโล่ รู้สึกว่าจะส่งมาแต่พลังในการร้อง ไม่ได้ส่งอารมณ์เพลงมาถึงเลย
ต่อด้วยเพลงที่มู่หลานตอนเป็นสาวออกมาโซโล่ ก็ส่งอารมณ์มาเกือบจะถึงแล้ว ขอให้เพิ่มความพยายามอีกนิด หากให้มู่หลานตอนสาวเดินมานั่งอยู่ด้านหน้า แล้วมู่หลานตอนโตยืนอยู่ด้านหลัง น่าจะทำให้ดูเป็นหนึ่งเดียวกันขึ้น ส่วนในฉากต่อมาที่พ่อของมู่หลานสอนอาวุธแล้วล้ม ต่อด้วยเรื่องการรับพระราขโองการไปรบ ตรงนี้ชื่นชมจริง ๆ เพราะส่งอารมณ์มาได้ดี ผมรู้สึกกดดันและอินไปสิ่งที่เกิดขึ้น
จากนั้นต่อด้วยฉากที่ทุกอย่างมืดแล้วมีแต่มู่หลานยืนร้อง solo ตรงกลางเวที ตรงนี้มู่หลานทั้งสองร้องส่งอารมณ์ได้ดีมาก ๆ แต่ที่ยังมีข้อติตรงที่ชุดเกราะต้องลอยมาจากข้างบน ตรงนี้ถ้าเปลี่ยนเป็นติดล้อเลื่อนมาจากด้านข้างเวที หรือเลื่อนออกมาจากความมืดด้านหลังเวทีจะดูดีขึ้น อีกเรื่องคือ มู่หลานกับเสี่ยวเกี้ยว เอ้ย!! เสี่ยวเหมินไม่ได้สักเหมือนคนอื่น ๆ ตรงนี้ทำให้ความน่าเชื่อถือของเรื่องหายไป หรือผมจะจำไม่ได้ว่าสองคนนี้ได้สักไปแล้วก็ไม่ทราบ
วันนี้ขอแค่นี้ก่อน ที่เหลือจะมาต่อในวันหลังนะครับ
จากคุณ |
:
chotiwat
|
เขียนเมื่อ |
:
23 ม.ค. 55 01:34:09
|
|
|
|