 |
อยากจะแบ่งปันประสบการณ์และความเห็นเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับสถาบันสอนภาษาที่กำลังเป็นข่าวดราม่าอยู่ในขณะนี้ค่ะ ถ้ามีคนที่กำลังลังเลเกี่ยวกับการเลือกที่เรียนภาษาอังกฤษอยู่ search มาเจอ หวังว่า สิ่งที่เรากำลังจะเล่าต่อไปนี้ จะช่วยให้คุณมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจมากขึ้นอีกนิดนึงนะคะ ว่าจะลงทุนเรียนภาษาอังกฤษกับที่นี่ดีมั้ย เพราะค่าเรียนไม่ใช่ถูกๆ เลยค่ะ รวมๆ แล้ว คอร์สละเกือบแสน หรือเป็นแสนเลยทีเดียว
ก่อนอื่นต้องเล่าให้ฟังก่อนว่า เราเคยทำงานในสายงานที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษเยอะมากๆ ทั้งการโต้ตอบ e-mail, ร่าง จัดทำ และตรวจสอบเอกสารสัญญา โทรศัพท์ติดตามงาน สอบถามข้อมูล และแก้ไขปัญหาเป็นภาษาอังกฤษ แต่โชคดีที่ว่า ตั้งแต่เริ่มเรียนภาษาอังกฤษครั้งแรก จนถึงมหาวิทยาลัย เราเป็นคนที่ชอบและตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษมาตลอด ก็เลยถนัดและทำได้ดี โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปเรียนเสริมหรือเรียนพิเศษภาษาอังกฤษแต่อย่างใดค่ะ
ตอนนี้ เราย้ายงานตามเจ้านายมาทำงานในสาย Training หลายปีแล้ว ที่ผ่านมาเราได้จัดหลักสูตรเพื่อพัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษในการทำงาน สำหรับพนักงานไปหลายรุ่น ได้พูดคุยประสานงานกับสถาบันภาษาหลายแห่ง ได้รับรู้ถึงแนวทางการเรียนการสอนของแต่ละที่ และได้ทดลองเรียนกับหลายๆ สถาบัน ก็เลยพอจะเข้าใจหลักการของสถาบันสอนภาษาและจุดขายของแต่ละที่อยู่บ้าง
แต่สำหรับสถาบันที่กำลังเป็นข่าวอยู่นี้ เราได้รับ SMS เชิญชวนโดยตรงค่ะ โดยเค้าแจ้งมาว่า เราเป็นผู้โชคดี ได้รับสิทธิ์ในการทดลองเรียนภาษาอังกฤษ และทดสอบพื้นฐานภาษาก่อนเรียน เป็นมูลค่า xxxx บาท ฟรี สนใจติดต่อ xx-xxxxxxx ซึ่งเราก็สนใจอยู่แล้ว เพราะช่วงนั้นกำลังหาข้อมูลเปรียบเทียบหลักสูตรอยู่พอดี ก็เลยติดต่อนัดหมายไป
พอไปถึง ทาง "ที่ปรึกษา" เกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษ ก็จะเข้ามาพูดคุยกับเรา ที่ปรึกษาที่ว่านี้ ก็คือพนักงานขายนั่นเอง แต่จะเป็นพนักงานขายที่มีความรู้ มีประสบการณ์ด้าน Training หรือเคยเรียนด้านภาษามาโดยตรง ซึ่งคนที่มาคุยกับเราก็ดูดี เป็นคนที่เคยทำงานด้าน HR มาก่อนด้วย ก็ดูเป็นมิตรดี ไม่น่าจะตีหัวเข้าบ้าน ล็อคคอขายคอร์สเท่าไหร่นะคะ เค้าก็จะสอบถามเกี่ยวกับลักษณะงานของเรา ประวัติการศึกษา และประวัติการทำงานเล็กน้อย ถามว่าเคยเรียนภาษาอังกฤษกับที่อื่นมั้ย ถามว่า ที่เราสนใจเรียนภาษาอังกฤษ เราต้องการพัฒนาเรื่องอะไรเป็นหลัก มีการพูดคุยถึงโอกาสในการทำงานที่กว้างขึ้น โอกาสในการได้รับเงินเดือน หรือค่าตอบแทนที่สูงขึ้น จากการมีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษ ประสบการณ์ที่เค้าเห็นมาจริงๆ จากคนที่มาเรียนกับเค้า จากนั้นก็ให้เราทำข้อสอบวัดพื้นความรู้ภาษาอังกฤษค่ะ
เมื่อผลการทดสอบออกมา เราก็ได้คะแนนอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างสูง ประมาณว่า ถ้าตกลงเรียนก็เหลืออีกแค่ประมาณ 3 level ก็จะสูงที่สุดแล้ว ซึ่งพอเราทราบผลก็ค่อนข้างแปลกใจ เพราะเราเพิ่งไปสอบ CU-TEP มา ได้คะแนนแบบ อลังการมาก ผลทดสอบที่ออกมาระดับนี้ เราว่าต่ำเกินคาดไปหน่อย แต่เราก็โอเค ไม่ได้สอบถามอะไร เพราะเค้าบอกตั้งแต่ตอนแรกแล้วว่า ข้อสอบของเค้าเป็นลักษณะที่ว่า ถ้าตอบผิดปุ๊บ ตัวเลือกของข้อสอบข้อต่อไปที่ระบบเลือกให้ ก็จะง่ายขึ้น ได้คะแนนน้อยลง แต่ถ้าเราตอบถูก เราก็จะได้ทำข้อที่ยากกว่า แต่ได้คะแนนมากกว่า อะไรแบบนี้นะคะ
จากนั้น ทางที่ปรึกษาก็พาเราไปลองใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ช่วยในการเรียนการสอน ซึ่งเท่าที่ฟังดูเราจะต้องเรียนกับเครื่องนี้เป็นหลัก พอเรียนไปได้สักระยะหนึ่งก็จะมีนัดเข้าคลาสกับอาจารย์ เพื่อทบทวนสิ่งที่ได้เรียนรู้ และสอบถาม จากนั้นก็ทำ test เป็นขั้นๆ ไป
พอทดลองเรียนกับเครื่องเรียบร้อยแล้ว ที่ปรึกษาก็พาเราไปนั่งทดลองเรียนกับคลาส ซึ่งวันที่เราไป เค้าให้เราลองเข้าคลาสแบบสบายๆ ผู้เรียนและผู้สอน นั่งพูดคุยกันตรงโถงล็อบบี้ เรื่องอะไรก็ได้ คือเป็นลักษณะของการสร้างบรรยากาศให้ผู้เรียนกล้าพูด พูดถูกพูดผิดก็ไม่ต้องอาย ถ้าพูดผิดเดียวครูช่วยแก้ให้ แล้วก็พยายามทำให้การพูดคุยด้วยภาษาอังกฤษเป็นเรื่องสนุก ไม่เครียด ไม่เกร็ง ซึ่งเราก็เฉยๆ ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร เพราะในการทำงานก็ได้พูดภาษาอังกฤษอยู่แล้ว
ทีนี้ ก่อนกลับ ก็มาถึงไฮไลท์ คือการออกแบบหลักสูตรสำหรับเรา พร้อมแจ้งค่าใช้จ่ายของหลักสูตร และโปรโมชั่นของลูกค้าที่เข้ามาเป็นครั้งแรก แม่เจ้า ! เมื่อกี๊ตอนเห็นผลวัดความรู้พื้นฐาน ที่ปรึกษายังชื่นชมเราอยู่เลย ว่าได้คะแนนเยอะ ไม่ธรรมดา แต่ทำไมพอถึงตอนนี้กลับออกแบบหลักสูตร ให้เราเรียนโน่นนั่นนี่เยอะไปหมด เบ็ดเสร็จเป็นเงินค่าเรียนประมาณ แสนกว่าบาท เราก็ตกใจออกนอกหน้ามาก เพราะเห็นคอร์สภาษาอังกฤษมาเยอะ แต่ไม่เคยมีที่ไหนแพงขนาดนี้เลย เค้าก็ลดๆๆ ให้ลงมาเรื่อยๆ อ่ะ นี่ ส่วนลดสำหรับคนที่เข้ามาทดลองเรียนครั้งแรก นี่ลดให้สำหรับคนที่ได้ SMS นี่ลดให้เพราะพี่มีอำนาจให้ส่วนลดได้เอง ตามลิมิต เท่านั้นเท่านี้ สรุปตัวเลขสุดท้าย 68,000 บาท กู้ได้ ผ่อนจ่ายเดือนละเท่านี้ๆ เอง
เราได้ตั้งคำถาม ถามที่ปรึกษาว่า พี่คะ ตอนที่เราพูดคุยกันครั้งแรก หนูบอกข้อมูลพี่ไปว่า หนูไม่มีปัญหาเรื่อง writing/ reading แค่อยากพูดภาษาอังกฤษได้คล่องขึ้น และพูดได้ด้วยสำเนียงที่คล้ายคลึงกับเจ้าของภาษามากขึ้น พอผลทดสอบออกมา พี่ก็ยังบอกเลยว่า สบายเลย คะแนนระดับนี้ ใช้ภาษาอังกฤษได้ดีอยู่แล้ว เรื่องฝึกความคล่องกับสำเนียง แค่ได้อยู่ในบรรยากาศที่ได้ใช้ภาษาอังกฤษบ่อยๆ ก็พอ แล้วทำไมพอคอร์สออกมา กลายเป็นว่าต้องกลับไปเรียนพื้นฐานอีกเยอะเลย แล้วได้เรียน speaking นิดเดียวล่ะคะ เราก็ทำงาน training เหมือนกัน เรื่องการวิเคราะห์ความจำเป็นในการฝึกอบรม กับการออกแบบหลักสูตร เราคงเข้าใจหลักการตรงกันอยู่แล้ว แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมหลักสูตรกับราคามันออกมาเป็นแบบนี้
พี่ที่ปรึกษา ก็เริ่มเครียดขึ้น คือเค้าไม่ได้เครียดแบบ มาวีนมาเหวี่ยงอะไรเรานะคะ แต่เครียดในลักษณะที่ว่า อึดอัด อยากอธิบาย อยากบอก แต่พูดอะไรมากไม่ได้ พี่เค้าก็พูดอ้อมๆ ประมาณว่า ถ้ารู้สึกว่าภาษาอังกฤษโอเคอยู่แล้ว มันก็อาจจะโอเคอยู่แล้วจริงๆ ก็ได้ เพียงแต่ ราคานี้ เค้าให้ได้เฉพาะการทำสัญญาวันนี้วันเดียวนะ เพราะมันมีส่วนลด first visit สำหรับการเข้ามาเป็นครั้งแรก ถ้ากลับไปคิดแล้วกลับมาอีกที ก็จะไม่ได้ราคานี้แล้ว ต้องจ่ายแสนกว่าบาท เราก็เลยปฏิเสธไป พี่เค้าก็ดูเข้าใจ แล้วก็ไม่ได้ตื๊ออะไร ก็จากกันด้วยดี หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้ไปเรียนภาษาอังกฤษอะไรเพิ่มเติม
เมื่อปลายปีที่แล้ว ที่บริษัทมีนโยบายให้ค่าทักษะภาษาอังกฤษเพิ่มเติม โดยให้พนักงานทดสอบภาษาอังกฤษด้วยแบบทดสอบ TOEIC แล้วก็กำหนดระดับของเงินที่จะได้เพิ่ม เป็นขั้นๆ ไป ตามคะแนนที่ได้ ปรากฏว่าเราได้ TOEIC 960/990 ก็แสดงว่าภาษาอังกฤษของเรา เท่าที่เป็นอยู่ ก็น่าจะเพียงพอ ไม่น่าจะต้องไปเสียค่าเรียนอะไรเพิ่มอีกถึงขนาดนั้น
ท้ายที่สุดนี้ เราก็อยากจะบอกกับคนที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่า...
ภาษาอังกฤษ มีความสำคัญกับการทำงานจริงมั้ย ? ถ้างานของคุณจำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษ มันก็สำคัญค่ะ
ภาษาอังกฤษ ช่วยเปิดโอกาสทางอาชีพและรายได้ให้สูงขึ้นได้จริงมั้ย ? สำหรับเรา จากประสบการณ์ เราคิดว่าจริงมากๆ นะ ยกตัวอย่าง อาชีพนักร้อง ถ้าสามารถสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษได้ดี ก็อาจจะสามารถรับงานโชว์ตัวในต่างประเทศได้อย่างสบายใจมากขึ้น เวลามีโอกาสได้ถ่ายทอดเพลงสากล เพลงภาษาอังกฤษ ถ้าสำเนียงดี ถูกต้อง คนฟังก็จะฟังได้รื่นหู ชื่นชมได้แบบไม่มีอะไรสะดุด ถ้ามีโอกาสได้โกอินเตอร์เข้ามา ก็จะพร้อมคว้าโอกาสนั้นไว้ได้ทันที
แต่ถ้าถามว่า จำเป็นต้องรู้ภาษาอังกฤษเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์รวยเป็นล้านมั้ย มันก็ไม่จำเป็น เศรษฐี ป. 4 หรือ Super Star ที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษก็มีอยู่มากมาย เพียงแต่ถ้าคุณเก่งอังกฤษ มันก็เหมือนเป็นความสามารถพิเศษ เป็นสิ่งที่มีไว้จะสะดวกในการขยายโอกาส รับโอกาสดีๆ มากมาย เพราะเมื่อไรที่เราเริ่มอยากก้าวออกไปให้ไกลกว่าระดับประเทศ เรื่องภาษามันก็จำเป็น
แล้วถ้าถามต่อว่า ถ้าอยากเก่งอังกฤษ จำเป็นต้องไปเรียนกับสถาบันแพงๆ มั้ย ? ไม่จำเป็นเลยค่ะ ขอแค่คุณมีความตั้งใจจริง มีความชอบ อยากทำ ใส่ใจ แค่หลัก ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ง่ายๆ เรียนกับสถาบันมาตรฐาน ราคาเหมาะสม อย่างที่ความเห็นบนๆ บอกไว้ก็ได้ หรือเรียนด้วยตัวเอง จากข่าว จาก youtube, จากรายการโทรทัศร์ จากหนังสือ จากห้องเรียนที่โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยที่คุณกำลังเรียนอยู่ก็ได้ เจอฝรั่งยืนงงๆ ดูแผนที่อยู่ตามถนน บนรถไฟฟ้า ลองเข้าไปช่วยเหลือพูดคุย เจอนักท่องเที่ยวสื่อสารกับพ่อค้าแม่ค้าไม่รู้เรื่องก็ช่วยเป็นสื่อกลางให้ ทุกอย่างอยู่ที่ใจ ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเป็นแสน เพื่อซื้อ "บรรยากาศที่เอื้อให้คุณกล้าใช้ภาษาอังกฤษ โดยไม่ต้องอาย" โดยกว่าครึ่งของเงินที่คุณจ่าย เป็นเงินที่เอาไปโปะต้นทุนค่าโฆษณา หาคนมาเรียนเพิ่มให้กับสถาบันนั้นต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ
จากคุณ |
:
Nymph~*
|
เขียนเมื่อ |
:
22 ก.พ. 55 13:05:53
|
|
|
|
 |