ถ้าน้องทำรายงานเสร็จส่งมาให้ดูบ้างซิคะ อยากเห็นจัง ให้เข้าไปหาเองที่ห้องสมุดคงไม่ไหว ^^
วิชาจิตวิทยาถ้าอยากได้คะแนนเยอะต้องเอาข้อมูลที่ได้ไปโยงกับทฤฎีของนักจิตวิทยานะคะ
แนะนำให้อ่านค้นเรื่อง AQ แรงจูงใจ การเสริมแรง ทฤษฎีบุคลิกภาพ
แนวคิดเกี่ยวกับการขัดเกลาทางสังคมและการอบรม มาอ่านดูค่ะ
ลองอ่านดูนะคะ ถ้าอันไหนอ่านยากให้ข้ามไป อ่านที่น้องเข้าใจ สนใจ และคิดว่าเกี่ยวกับตัวศิลปิน
เมื่อโยงพฟติกรรมของศิลปินเข้ากับพวกทฤษฎีได้ คะแนนไม่หายไปไหนหรอกค่ะ
ถ้าน้องทำได้ รายงานนี้ A+ แน่นอน เอาใจช่วยนะคะ แต่ไม่ช่วยทำ 555+
ส่วนตัวเป็นแฟนคลับของคิมแจจุง จะขอเล่าคราวๆ เรื่องราวของแจจุงนะคะ
(ยาวมากจะไม่อ่านก็ได้แต่พี่อยากพิมพ์ ><)
ครอบครัว
แจจุงตอนเด็กแม่(จริง)หย่ากับพ่อ(จริง)ไม่สามารถเลี้ยงดูได้
จึงให้น้องแจกับครอบครัวคิม ที่มีลูกสาวมาแล้ว 8 คน
แจจุงจึงถูกเลี้ยงและเติบโตมาในครอบครัวคิม ซึ่งมีพี่น้องทั้งหมดเป็นผู้หญิง
ครอบครัวนี้อยากได้ลูกชายมาก ดังนั้นแจจุงที่เป็นน้องชายคนเล็กจึงได้รับความรักจากครอบครัวมากมายเลยค่ะ
ถูกปลูกฝั่งให้เป็นเด็กที่อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ และได้รับการปกป้องจากพวกพี่สาวมากพอดู
ต่อมาเนื่องด้วยเค้าออกจากบ้านมาก้าวเดินตามฝัน(อาชีพนักร้อง)ด้วยตัวของเค้าเองตั้งแต่เด็ก
โดยที่ครอบครัวก็ไม่ได้มีฐานะที่จะสนับสนุน และดูแลเค้าได้ทั้งหมด
แจจุงจึงต้องฟันฝ่าอุปสรรคด้วยกำลังของตัวเองซะส่วนใหญ่จนได้เป็นนักร้อง
จุดนี้ครอบครัวแจจุงทำให้เค้าได้มากสุดคือกำลังใจ
เมื่อเค้าได้เป็นนักร้องจึงไม่แปลกที่ครอบครัวนี้จะภูมิใจกับลูกชายของบ้านมาก(มากๆ)
สำหรับแจจุงความสัมพันธ์กับบ้านตระกูลคิมคือครอบครัวของเค้าอย่างแท้จริง
ว่าด้วยการเป็นที่รัก
1.นิสัยของแจจุงที่ทำให้แฟนคลับหลงรัก
นอกจากเสียงเพราะๆของแจจุง นิสัยส่วนตัวมีส่วนมากๆ ที่ทำให้เขามีแฟนคลับเยอะ
เช่น แจจุงชอบทำกับข้าว อันนี้เกิดจากเค้าชอบรสชาติอาหารฝีมือแม่ เลยเข้าครัวไปช่วยแม่ทำอาหารบ่อยๆจนชอบ
แจจุงถูกปลูกฝังนิสัยรักความสะอาด ไม่ชอบบ้านรก นิสัยเป็นแม่บ้านมากๆ
และชอบที่จะเทคแคร์คนอื่น เหมือนที่พวกพี่ๆ และพ่อแม่ทำกับเค้า
ตอนที่อยู่ในวง TVXQ เค้าเปรียบได้กับแม่บ้านของวง ให้กำลังใจน้องๆ
เป็นคนที่เทคแคร์น้องๆในวงจนน้องรัก และแฟนเพลงก็รักจุดนี้
นิสัยที่ติดตัวและแสดงออกบ่อยๆอีกอย่างก็คือขี้อ้อน รวมถึงการกระทำหลายอย่างที่ดูอ่อนโยน
ซึ่งนิสัยทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาแฟนคลับที่เป็นผู้หญิงจะชอบมากกกกกก
เรียกได้ว่าแจจุงเป็นชายในฝันของผู้หญิงหลายคนเลยทีเดียว
เพราะถ้าแต่งงานกับแจจุงไปเค้าจะทำงานบ้านเอง ทำกับข้าวให้กิน แถมจะไม่ปล่อยตัวให้พุงพลุย
หล่อแมนแฮนด์ซั่มตลอดเวลาอีกต่างหาก 555+ (แจจุงรักเด็กด้วยนะเพอร์เฟ็คสุดๆละ)
และยังไม่พอแจจุงเป็นคนที่ตลกมากๆ เค้าเป็นคนที่คุยเก่ง แถมมีท่าทางใสซื่อ
จริงใจกับเพื่อน และเพื่อนเยอะมาก ทั้งนี้เพื่อนของแจจุงที่เป็นคนดังมีเยอะมาก
และพอได้เป็นเพื่อนกันเพื่อนที่เป็นคนดังของแจจุงก็มักจะสนับสนุน
หรือพูดออกสื่อถึงความสนิทสนมที่มีต่อแจจุงอยู่เสมอ แจจุงก็เลยพลอยเป็นที่รู้จักเยอะขึ้นไปอีก
2.หนุ่มสุดชิคหล่อเริ่ดมีสไตล์
นอกจากคิมแจจุงจะหน้าตาดีแล้ว การแต่งตัวของเขาก็ช่วยส่งเสริมบุคลิกให้สาวๆหลงใหลเข้าไปอีก
ชีวิตในวัยเด็กของแจจุงที่บ้านตะกลูคิม ด้วยจำนวนคนที่มาก ทางบ้านคิมแม้จะเลี้ยงดูแจจุงเต็มความสามารถ
แต่เรื่องบางเรื่องเช่นของที่ใช้ต่อกันของพี่น้อง อย่างเสื้อผ้าแจจุงก็ต้องรับต่อจากพี่สาว
ซึ่งจุดนี้ส่วนตัวคิดว่าแฟชั่นเสื้อผ้าปัจจุบันน่าจะได้รับอิทธิพลจากกลุ่มพี่สาวที่เค้าคลุกคลีมาแต่เล็กแต่น้อยพอสมควร
จะเห็นได้ว่าแจจุงมีความสามารถในการเลือกใส่เสื้อผ้า เครื่องประดับ ในขั้นดีมาก
อีกทั้งหลายชุดที่เป็นแนวที่ดีไซน์เพื่อผู้หญิงแจจุงก็หยิบมาใส่ แบบไม่แคร์อะไร แถมใส่ออกมาดูดีอีกต่างหาก
ซึ่งสุดท้ายแฟชั่นของเค้าก็มาจบที่ความหรูหราดูดีมีสไตล์
สาวๆที่ชอบดารานักร้องที่ความเนี้ยบ(หล่อ สะอาด ดูดี)ก็โดนแจจุงขโมยหัวใจไปตามๆกัน
แฟชั่นที่แฟนๆเป็นห่วงก็มี เช่น การสัก จริงๆ ตอนเด็กแจจุงติดการเจาะ
เนื่องจากแจจุงเป็นผิวจะขาว และหน้าตาน่ารักๆ
คุณแม่จึงจับไปเจาะหู เหมือนพวกพี่สาว และพอใส่ตุ้มหูแม่ก็ชมใหญ่แจจุงน่ารักจังเลย
จากนั้นเค้าก็ชอบการเจาะ จนทำให้ติดการเจาะร่างกายไปช่วงนึง
พอหลังๆมาการต้องเดินทางไปต่างประเทศทำให้ลูกตุ้มที่เค้าเจาะตามร่างกายทำให้เค้าอาย
และประกอบกับแม่บอกว่าเลิกเหอะ เค้าเลยเลิกเจาะ ก็เลยหันติดการสักร่างการแทน 555+
3.ชีวิตที่ยิ่งกว่านิยาย
เมื่อแจจุงเป็นศิลปินในค่าย SM เค้าด้วยความที่เป็นเด็กบ้านนอก
จึงไม่ค่อยกล้าพูดต่อหน้ากล้องเยอะ เพราะกลัวว่าจะหลุดสำเนียงท้องถิ่น
ภาพลักษณ์ในวงของคิมแจจุงจึงเป็นเหมือนเจ้าชายน้ำแข็ง
เรียบนิ่ง พูดน้อย ดูดีทุกกระเบียดนิ้ว เก๊กหล่อเก๊กเท่ห์ เหมือนพวกคุณหนู
แต่พอมีชื่อเสียงมากขึ้น ได้ออกรายการวาไรตี้มากขึ้น รวมถึงที่พ่อ(จริง)มาฟ้องร้อง
ชีวิตเจ้าชายก็กลายเป็นนิยาย และมันดราม่ามาก
ทำให้แฟนๆที่รักอยู่แล้วยิ่งรักเข้าไปอีกเพราะกว่าที่เค้าจะมายืนจุดนี้ได้เค้าอดทนและฟันฝ่ามามากจริงๆ
4.ความสามารถล้นเหลือ
แจจุงนอกจจากจะมีเสียงเพราะ เค้ายังมีความสามารถในด้านการแต่งเพลง แต่งทำนองอีกด้วย
เพลงที่แจจุงแต่งเองตั้งแต่สมัยเป็นวง TVXQ ก็ได้รับคัดเลือกให้เอาไปใช่เป็นเพลงในอัลบั้มอยู่หลายเพลง
และพอออกมาเป็น JYJ ความสามารถนั้นก็ทำให้แฟนเพลงขนลุกในคอนมาแล้ว
เพลง In Heaven ที่แจจุงสร้างขึ้นมาเองทั้งเพลง ตอนที่มาร้องครั้งแรกที่เมืองไทย
แฟนเพลงที่ฟังอยู่ในคอนถึงขั้นปรบมือให้ ไม่ใช่กรี้ด (มากรี้ดกันทีหลัง) เพราะอึ้งมาก นาทีนั้นมันเพราะมาก
5.ตัวตนที่แท้จริง
เนื่องด้วยในตอนที่เป็น TVXQ แจจุงจะถูกวางภาพลักษณ์ให้เป็นคนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวอะไร
เป็นคนที่ต้องให้เพื่อนๆช่วย แก่กว่าเพื่อนในวงแต่เหมือนเป็นน้องเล็กในวง
SM สร้างกระแสให้แจจุงกลายเป็นชายหนุ่มที่ดูน่าปกป้อง ทำให้เกิดการสร้างคู่รักในวงเพื่อให้แฟนกรี้ด
เช่น คู่รักยุนแจ (ยุนโฮและแจจุง) แจจุงจะดูบอบบางได้รับการดูแลปกป้องจากยุนโฮมากๆ
เค้าต้องทำตัวน่ารักแบ๊วๆในบางเวลาใส่เพื่อนด้วย 555+
แล้วเมื่อเค้าออกมาเป็น JYJ แจจุงคนที่ดูไม่รู้เรื่องรู้ราว เอ๋อ เข้าขั้นจนต้องให้เพื่อนคอยปกป้องดูแล
ก็เปลี่ยนไป ปรากฏว่าแจจุงชอบอ่านหนังสือ สมัยเป็นเด็กเคยเข้าประกวดงานวิชาการด้านวิทยาศาสตร์
การให้คำสัมภาษณ์ที่บ่งบอกว่าเค้ามีความรู้ มีความคิด และโตมาก ทำแฟนๆอึ้งไปอีกรอบ รักไปอีกหน
และที่สำคัญแจจุงแมนมากกก จากที่บริษัทเคยจับคู่เค้ากับเพื่อนในวง
ตอนนี้แฟนๆสามารถจับคู่แจจุงกับสาวๆได้บ้างแล้ว แม้จะช้ำใจ แต่แจจุงก็ไม่ใช่ เด็กยุนแจคนนั้นอีกแล้ว
6.ความฝันที่คว้ามาด้วยมือของตัวเอง
จริงๆแล้วความฝันในวัยเด็กของเค้าก็คือการได้เป็นเจ้าของร้านค้า เค้าจะได้กินขนมจนอิ่มไปเลย
เนื่องจากชีวิตความเป็นอยู่ในวัยเด็กที่ต้องการอยากได้นั่นได้นี่แต่ไม่อาจทำได้
เวลาไปโรงเรียนอาหารที่ห่อไปคือบะหมี่สำเร็จรูป กับตะเกียบที่ไปแอบเนียนกินกับเพื่อน
ส่วนตัวคิดว่าเด็กน้อยแจจุงอดทนมากพอดูกับการอยากได้แต่ไม่ได้
เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นวัยที่ต้องการการยอมรับ แจจุงเหมือนวัยรุ่นทั่วไป เค้าเริ่มชอบไอดอล และเค้าอยากเป็นนักร้อง
แต่ต่างจากวัยรุ่นหลายคนคือเค้ามุ่งมั่นจะเป็นนักร้องมากๆ ถึงขั้นว่าขอพ่อแม่เพื่อมาประกวดร้องเพลง
พ่อแม่เองห่วงเพราะแจจุงต้องเข้ามาโซลตามลำพัง แจจุงเป็นเด็กบ้านนอกค่ะ
(ประมาณเด็ก(ม.1-2)ที่เกิดและโตที่ต่างจังหวัดในหมู่บ้านเล็กๆ ต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯตามลำพังงี้เลย)
อีกอย่างครอบครัวเองก็ไม่ได้มีฐานะที่จะสนับสนุนเค้าได้ ไม่สามารถพาเดินทางเข้าโซล และตามมาดูแล
แต่เพราะเค้ามุ่งมั่นจะทำมากถึงขั้นออกหางานทำเอง จนในที่สุดพ่อก็ยอมใจอ่อนให้มาประกวด
http://www.youtube.com/watch?v=BOYJsPIQ1NM
และผลการประกวดครั้งนั้นแจจุงก็สามารถผ่านเข้าไปเป็นเด็กฝึกหัดในบริษัท SM ได้
เด็กฝึกหัดในที่นี้คือ เด็กที่จะได้เรียนการร้อง การเต้น ฯ จากบริษัทฟรี แต่ค่าใช้จ่ายอื่นๆตัวเด็กจะต้องจ่ายเอง
ดังนั้นแจจุงจึงต้องย้ายที่เรียนมาเรียนในโซล หาห้องพักอยู่คนเดียว และทำงานหาเงินระหว่างเรียนไปด้วย
คาดว่าครอบครัวคิมน่าจะช่วยส่วนหนึ่งแต่ไม่มากพอ แจจุงจึงต้องหาค่าเทอม และค่าเช่าห้องพักเอง
และเพราะเหตุนั้นแจจุงต้องอดทนมากๆ ทั้งเรียน ซ้อม(ร้อง เต้น) และทำงานพร้อมกัน
งานที่ทำก็ไม่ใช่งานที่จะก่อให้เกิดรายได้มากมายเนื่องด้วยเค้าเป็นเด็ก
เช่น เค้าไปเป็นเด็กเสิร์ฟร้านบะหมี่ เคยไปบริจาคเลือดเพื่อให้ได้อาหาร กับเงิน
เคยเป็นนักแสดงประกอบในหนัง เคยเอาตังค์ไปซื้อช็อคโกแลตมาเดินเร่ขาย
ซึ่งบางครั้งมันก็หนักเหนื่อยเกินกำลังเด็กวัยรุ่นจะทำได้
แจจุงเคยเล่าถึงงานเด็กเสิร์ฟของเค้าว่า ด้วยความที่ไม่ค่อยได้กินต้องประหยัดเก็บตังค์
ทำให้เค้าหิวมาก ครั้งนึงจังหวะที่กำลังเก็บถ้วยบะหมี่
เค้าเห็นไม่มีคนในร้านแล้วจึงนั่งกินบะหมี่ที่เหลือในชามของลูกค้า
กินไปก็เค็มไปเพราะน้ำตาจากความอัดอั้นไหลลงใส่ถ้วยบะหมี่
และในที่สุดด้วยค่าใช้จ่ายที่มากเกินกว่าที่เด็ก ม.ต้น จะรับไหว
เค้าตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาเอาดีทางการเป็นนักร้องอย่างเดียว
อดีตช่วงที่เป็นเด็กฝึกหัดแจจุงลำบากมาก สำหรับเด็กวัยรุ่นคนนึงที่อดทนมากขนาดนี้
การที่เค้าทุ่มเทไม่ท้อแท้เลิกล้มไปซะก่อน จนในที่สุดสามารถเป็นนักร้องตามที่หวังได้
นอกจากความมุ่งมั่นแรงใจในตัวของเขาเอง ส่วนตัวคิดว่ากำลังใจต้องดีมากๆ
และต้องเป็นคนที่มีมุมมองที่เป็นบวกในชีวิต และตั้งมั่นในการทำสิ่งต่างๆมากทีเดียว
เมื่อถึงวันที่เค้าเปิดตัวเป็นนักร้องครั้งแรก
วงทงบังชินกิก็ดังเปรี้ยงเลยค่ะ และดังต่อเนื่อง วงนี้ดังตั้งแต่เปิดตัวจริงๆนะไม่ได้อวย
พวกเขาที่เป็นเด็กหนุ่มได้เดินบนเส้นทางที่ฝันอย่างเต็มตัว หลังจากฝ่าฟันการเป็นเด็กฝึกมาหลายปี
เมื่อเป็นนักร้องจริงๆ พวกเขาจึงทำทุกอย่างเต็มที่ และผลตอบรับก็ดีตลอดมา
ความดัง ความแรงที่ฉุดไม่อยู่ก็เลยเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้งานเยอะมาก
วงได้พักน้อยมากในหนึ่งปีได้หยุดพักประมาณ 10 วัน
ใน 10 วันพวกเขาก็ป่วย(เพราะใช้ร่างกายหนักมาตลอดทั้งปี) บ้างก็พักอยู่บ้านไปวันๆ
และพอบริษัทปันผลจากการตรากตรำทำงานก็ปรากฏว่าพวกเขามีรายรับน้อยมากๆ
ความอดทน สู้ทำงานตลอดมาตั้งแต่สมัยเด็กฝึก ยันเป็นนักร้อง เหมือนจะสูญเปล่า
เป็นนักร้องที่ตกอยู่ในสภาพทำงานหัวเป็นน็อตเพื่อบริษัท
หลังจากการพยายามประนีประนอมกับบริษัท เพื่อหาจุดกึ่งกลางที่จะอยู่ร่วมกันไม่สำเร็จ
JYJ จึงออกจากบริษัท เกิดกรณีฟ้องร้อง
ซึ่งการฟ้องร้องนี้ พวกเขาเหมือนตัดสินใจมาตายเอาดาบหน้า
เพราะศิลปินในค่ายที่เป็นเหมือนพวกเขาคือทนบริษัทไม่ได้อีกแล้ว
เมื่อออกจากค่ายจะโดนกดดันจากบริษัทเก่าเป็นอย่างมาก ทั้งขัดขวางการทำงานในทุกรูปแบบ
และเมื่อ JYJ ออกมาก็โดนจริงๆ จนถึงทุกวันนี้ก็ยังโดนขัดขวางการทำงานอยู่
แต่การก้าวออกมาทำงานเองตัดสินใจเดินเอง ทำให้พวกเขามีโอกาสที่ดีขึ้น
สามารถจัดคอนเสิร์ตเพื่อพบปะกับแฟนเพลงต่างชาติได้ด้วยตัวเอง
JYJ ไปทัวร์คอนเสิร์ตในเอเชีย ยุโรป และในอนาคตอันใกล้คืออเมริกาใต้ ทำให้ฐานแฟนคลับค่อนข้างแน่น
แม้จะโดนขัดขวางแต่ยอดการสั่งซื้อซีดี รวมถึงดีวีดี ที่ได้รับการสนับสนุนจนต้องสั่งทำเพิ่ม
ทำให้พวกเขาแม้ไม่ได้ออกทีวีที่เกาหลี นอกจากรายการข่าวก็ไม่ได้ปรากฎตัวผ่านสื่อบันเทิงใดๆ
พวกเขาก็ยังเป็นคนดัง มีชื่อเสียงมีคนรู้จักไปทั่วโลก
จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นฑูตจากสมาคม องค์กรระดับประเทศ มากมาย
ล่าสุดแจจุงเพิ่งไปประเทศตุรกีพร้อมกับประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
เหนื่อยแล้วพิมพ์เยอะจนมึน คิดว่าน้องคงอ่านไม่หมดหรอก
แต่ประเด็นที่อยากบอกคือข้างบน เนื้อหาข้างล่างพร่ำเพ้อล้วนๆ 55+
ยังไงก็ขอให้ได้คะแนนดีๆนะคะ แล้วเอารายงานมาอวดบ้างนะคะ ^^