|
ขออัญเชิญกลอนนี้มา...
" ชนใดไม่มีดนตรีกาล ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก"
บทหนึ่งในพระราชนิพนธ์แปล ( จากต้นฉบับของ วิลเลี่ยม เช็กเปียร์ ) ในรัชกาล ที่ ๖ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (cr. blog@ tongandoh)
หากเราจะตีความจากบทกลอนข้างต้น
วรรคแรก "ชนใดไม่มีดนตรีกาล" คำว่า "ชน" น่าจะหมายถึง คน, ประชาชน, ชนชาติ หรือ กลุ่มคนชาติเชื้อต่างๆนั่นเอง
ชนชาติใดม่มีดนตรีกาล น่าจะแปลว่า กลุ่มคนใดใดที่ไม่มีดนตรี(เสียงเพลง)ในชีวิต
"ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก" คำว่า "สันดาน" หมายถึง "นิสัย" , ส่วน ชอบกล เหมือนกับว่าเราพูดว่า ... แปลกๆชอบกล น่าจะหมายถึง "แปลก,แตกแยก,ไม่เข้าพวก"
ดังนั้น เราจะแปลความหมายกลอนสองวรรคนี้ได้ว่า กลุ่มคนใดใดที่ชีวิตปราศจากเสียงเพลง(ดนตรี) คนพวกนั้นมีนิสับยที่แปลก ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ หรือตีความได้ว่า "ดนตรีทำให้คนเราเหมือนกัน ไม่แปลกแยกออกจากกัน"
เพราะฉะนั้น ดนตรี ไม่มีชาติ ไม่มีภาษา ไม่มีเพศ ไม่มีกลุ่ม ไม่มีหมู่เหล่าใดใดทั้งสิ้น ดนตรีทำให้คนเรานั้น "กลมกลืน" กัน
สรุป แม้จะเป็นเพลงเกาหลี เพลงจีน เพลงอังกฤษ เพลงโปรตุเกส เพลงเขมร ไม่สำคัญว่าเราจะฟังภาษาเขาออกไหม จะแปลได้ทุกคำพูดหรือเปล่า แต่เสียงดนตรีที่ฟังผ่านหู แล้วซึบซามเข้าไปในหัวใจ ก็ทำให้ตัวเรา ไม่เป็นคนชอบกลแล้วครับ
:)
จากคุณ |
:
The sweet is my revenge
|
เขียนเมื่อ |
:
11 เม.ย. 55 11:59:04
|
|
|
|
|