รายงานสด ครูใหญ่คุยกับต้น
2 ส.ค.2554 ::: 21.35 ครูใหญ่: ต้นเป็นไง?
ต้น: กดดัน ต้นไม่ชอบความผิดพลาด เรียกว่า perfectionist ก็ได้ แอดลิปที่เพิ่มเพิ่งใส่ตอนวันพฤหัส
ครูใหญ่:ทำไมถึงเพิ่งใส่? ต้น: ครูบอกว่ามันน้อยไปแล้วต้นก็เห็นด้วยเลยใส่เพิ่ม
ครูใหญ่: ครั้งหน้าถ้าจะใส่ลองดูถ้าไม่ได้ ก็ไม่ใส่ ต้นต้องคิดว่าทำอะไรแล้วจะดีที่สุดบนเวทีสำหรับต้น คนดูต้นมากมาย ถ้าเราทำแล้วรู้สึกไม่สบายใจ ทำให้เรารู้สึกว่าเสี่ยงต้องตัดออก ครูเชื่อว่าเมื่อไหร่ที่ทำแล้วรู้สึกอะไรออกมาหมด ตาต้นบอกหมดเลยนอยด์ก็แสดงความรู้สึก วันหลังถ้าไม่ได้ก็บอกครูเลยว่า
ครูครับต้นทำแล้วไม่เข้าปาก ต้นขอไม่ทำนะครับ ถ้าต้นทำมา6ครูใส่อีก4แล้วต้นสบายใจแค่ 8 ก็บอกครูครับขอต้นทำแค่ 8 ถ้าต้นรู้ว่ามันเกินกว่าที่จะhandle ได้มันเครียด
ต้น: ก่อนจะออกไปยังไม่เครียด พอไปนั่งบนเวทีแล้วไม่ได้ยินก็เครียดมาก
ครูใหญ่: มาตรฐานต้นไม่ได้ถอยลงแต่performanceต้นถอยลง
ต้น: ก่อนเข้าบ้านก็คิดว่าต้องเจอเพลงไทย ตอนอยู่มหาลัยไม่เคยร้องภาษาไทยเลย เพราะมีคนบอกว่าร้องเพลงสากลเพราะร้องเพลงไทยไม่ได้
ครูใหญ่: ครูก็ไม่ร้องเพลงไทย พอเข้าห้องอัดครูต้องฝึกพูด ช จ ให้ชัด
ครูใหญ่: ก่อนเข้าบ้านต้นเป็นคนยังไง
ต้น: เป็นคนสนุกสนาน ช่วยเหลือเพื่อน มีน้องสาวคนนึงสนิทมากอ่อนกว่า 3 ปี น้องมาออดิชั่นด้วยแต่ไม่ติด ทำอะไรด้วยกันมาเยอะ
ครูใหญ่:อะไรที่ต้นดีใจที่สุด เสียใจที่สุด
ต้น: มี แต่ต้นจำไม่ได้อ่ะครับครู
ครูใหญ่: เพื่อช่วยดูระบบความคิดของเรา จะทำให้มีปัญหาในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นหรือไม่ มีปัญหาในการเป็นมืออาชีพหรือไม่
อย่างต้นเคยบอกว่า เวลาอยากทำอะไรก็ทำ อารมณ์ศิลปิน บางที Backgroundมีส่วนให้เป็นยังไง หนูไม่ได้คิดลบ แต่หนูอยู่ในช่วงเรียน อยากทำอะไรแต่ตามอารมณ์ไม่ได้
ต้น: เป็นคนแบบนี้ ค่อนข้างดื้อนิดนึง
ครูใหญ่: เวลาถูกเลือกให้มาอยู่ในนี้ล่ะ
ต้น: ก็ปรับตัวครับครู โชคดีอย่างเป็นการร้องเพลง ที่ชอบ ถ้าอย่างให้ไปนู่นมานี่ก็ไม่ทำ
ครูใหญ่: ถ้าเป็นอย่างอื่นต้นก็ไม่ทำหรอก ต้นต้องลำดับความสำคัญในชีวิต สมัยก่อนครูเคยมีปัญหาตอนให้ร้องเพลงลาติน แต่ครูร้องแต่เพลงร็อค มีปัญหาทะเลาะกับproducer ร้องเพลงไปร้องไห้ไป ทำไมต้องบังคับ
ตอนกลับไปบ้านพ่อถามว่าครูร้องไห้ทำไม? พ่อครูถามว่าหนูคิดว่าตัวเองเป็นนักร้องหรือเปล่าลูก ถ้าไม่ได้คิดว่าเป็นนักร้องก็ไม่ต้องร้อง แต่ถ้าคิดว่าเป็นนักร้องต้องร้องให้ได้ทุกอย่าง ไม่ใช่แค่คนร้องเพลงเป็น
ยกตัวอย่างเพื่อไม่ให้ต้นมีกำแพงกับเพลงไทย ครูเองเคยร้องไมได้และมีกำแพงกับเพลงไทย พอเราผ่านวันนั้นมาได้ทำให้เรารู้ว่าเราร้องอะไรก็ได้ ครูไม่อยากให้ต้นสร้างกำแพงกับเพลงไทย จริงๆแล้วศักยภาพของต้นครูเชื่อว่าต้นทำเพลงอะไรก็ทำได้ดี เพียงแต่ต้นต้องเปิดใจ ต้นเจอแน่ๆเพลงลูกทุ่ง
ต้น: ครับ เดี๋ยวให้ไทด์สอน
ครูใหญ่: เรามี expertด้านนี้คอยช่วยเลย เรามีเพื่อน
ต้น: ต้นก็ว่าจะร้องไปเลย
ครูใหญ่: ร้องไปเลย ไม่มีใครทำได้ดีทุกเรื่อง ทลายกำแพงออกไปต้นจะได้มีความสุขกับการร้องเพลงมากกว่านี้ ตอนนี้ก็งงว่าต้นไม่มีความสุขในการร้องเพลงแล้วเหรอ คนฟังเคยมีความสุ๊ขมีความสุข หนูเป็น Perfectionist จริงๆ เราทำไมได้บ้างไม่ได้บ้างก็ไม่เป็นไร
ต้น: จริงๆต้นเป็นคนสนุกสนาน ไม่น่าจะเครียดได้
ครูใหญ่: มันไม่สามารถจะทำให้ได้ภายในวันสองวัน แต่ต้องคลายล็อคให้ได้ สักวันนึงเราจะร้องอะไรก็ได้ ถ้าเราจำเป็นต้องทำเราต้องไม่จำใจต้องทำเราต้องทำด้วยความสุข
เราจะได้เรียนรู้จะได้พยายาม สักวันถ้าครูร้องเพลงลูกทุ่งถ้าเราทำได้ แต่ถ้าเราทำได้ดีล่ะต้นมันจะ ว้าว จริงๆเพลงฝรั่งที่ต้นร้องมันใกล้กับเพลงลูกทุ่งมากๆ
ต้น: จริงๆพูดไปงั้นแหละครับ
ครูใหญ่: สองวีคหลังเราไม่เหมือนเดิม
ต้น: มันเครียดมากอ่ะครับครู เวลาผ่านไปมันเครียดมากอ่ะครับครู ไม่นึกว่าจะเครียดขนาดนี้ เคยดูก็ไม่คิดว่าทำไมเครียด อย่างเรื่องที่กังวลไม่รู้ตัวว่าต้นพูดแรงขนาดไหน สำหรับต้นไม่เป็นไรแต่กลัวเค้าว่าพ่อแม่
ต้น: บางทีรู้สึกว่าไม่น่าพูดเลย ตอนนี้บนโต๊ะอาหารก็จะคิดก่อน
ครูใหญ่: บางทีถ้าต้นจะคิดก่อน มันจะไม่รุนแรง แค่คิดก่อน เช่นจะจิกกัดกับแพรวา สนุกได้โดยไม่ต้องเฉือนใจกันเล่น
ครูใหญ่: บางทีเด็กๆดูอยู่ ทำไมพี่ต้นทำได้ ทำไมพี่ต้นไม่เกรงใจคนอื่น ตอนนี้หนูอยู่ในบ้านหนูไม่ได้รับรู้ข่าวสาร สักวันนึงออกไปรับรู้แบบขนาดนี้เลยเหรอ
ต้น: มันแย่มากไหมครับครูที่ผ่านมา?
ครูใหญ่: เวลาที่เล่นกันแรงๆส่วนตัวในบ้านไม่เป็นไร ที่แย่มากคือถ้าเด็กได้ดูแล้วมีพี่ต้นเป็น Idol หรือผู้ใหญ่ได้ดู ต้นเป็นคนไม่ได้พูดจาเลวร้าย เพียงแต่ไม่มีหางเสียง และสะบัดหางเสียง ถ้ามีหางเสียงคงไม่ดูรุนแรง
ตอนนี้ยังไม่รุนแรง แต่ระวังไว้ก่อน อย่าคิดว่าตัวเองยังเด็ก
ต้น: ไม่เด็กแล้ว 22 แล้ว
ครูใหญ่: กระพริบตาทีเดียวก็ 30 แล้ว เวลากำลังทำความมุ่งมั่นให้ชัดเจน ต้องทำส่วนอื่นให้ดีด้วย ความดังไม่ยืนยาวแต่ความดียืนนาน ทำไมคนชื่นชมพี่เบิร์ดได้ยาวนานขนาดนี้ เค้าให้เกียรติคนอื่นขนาดไหน
ร้องเพลงไม่ดียังมีคนให้อภัย แต่สันดานไม่ดีไม่มีคนให้อภัย ไม่ได้หมายถึงต้นสันดานไม่ดี แต่บอกเพื่อทำให้ดีที่สุดในการใช้ชีวิต นิสัยเหวี่ยงๆแบบนี้
ต้น: คนไม่สนิทกันก็ไม่ค่อย สนิทกันก็ชอบเล่น
ครูใหญ่: เล่นกันได้ แต่ต้องระวังระดับ ตอนนี้ข้อหาเดียวคือไม่มีหางเสียง หนูจะเรียกครูในอารมณ์เล่นก็ได้นะแต่ต้องมีหางเสียง ดีซะอีกไม่ทำให้คนรู้สึกว่าเราก้าวร้าว ช่วยกันเตือนเพื่อนด้วย
เรามีสติสักคนก็เตือน ถ้าเราจริงใจเราหวังดี เบื่อก็เบื่อไปนะฉันจะเตือน ไม่ต้องกลัวเค้าเสียใจเพราะเราไม่ต้องกลัวคนอื่นเกลียด พวกหนูมีความสามารถ แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆจะทำให้คนอื่นเกลียดได้
ครูใหญ่: เรื่องอื่นไม่มีอะไรใช่ไหม?
ต้น: ไม่มีครับ
ครูใหญ่: ขอให้สู้ รู้สึกเป็นเจ้าของเวทีหรือยัง?
ต้น: บางครั้งไม่ใช่ทุกครั้งครับ
ครูใหญ่: เมื่อไหร่เราคิดว่าใช่ก็จะทำได้ดีนะ
ต้น: อีกเรื่องครับครู ไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้พัฒนา?
ครูใหญ่: หนูตั้งเป้าไง เรื่องงานศิลปะ ยิ่งตั้งเป้าจะหาไม่เจอ เหมือนหลินมองตัวเองหนูแก้ไม่ได้ ทำไมวันนี้พอถามใครว่าหลินทำดีแล้วบ้างมียกมือล่ะว่าเสียงสว่างแล้ว
ต้นมองไม่เห็นว่าพัฒนายังไง ครูเค้าเห็น ต้นอย่าจับจ้องว่ามันพัฒนาหรือยัง ต้นใจเย็นๆอย่าใจร้อน ต้นเป็นคนBasicไม่แน่นนะ ต้นไม่ได้เรียนมาทางนี้ ต้นใช้เทคนิตอย่างเดียว ต้นรู้สึกว่าไม่เห็นได้อะไร จริงๆคือไม่เหมือนเดิม Detailอื่นๆที่ครูมองเห็นมันแน่นขึ้น ต้นไม่เห็นเพราะต้นไปมองตรงนู้น แต่ครูเค้าใส่เรื่องนี้อยู่
วันนี้ครูถามว่าใครเห็นบ้างว่าหลินร้องสว่างขึ้น หลายคนยกมือ แต่ทำไมหลินไม่รู้ คนเรามองกระจกอยู่ด้านเดียว มองแต่ด้านนั้น ไม่มองอีกด้าน นี่คือธรรมชาติของมนุษย์
เรื่องบางเรื่องเราตอบตัวเองไม่ได้ อาจจะเป็นวีคสุดท้ายที่ต้นอยู่ ตอนลองดูตอนออดิชั่นวีคแรกกับวีคสุดท้าย การพัฒนาไม่ใช่แค่เสียงร้องต้องพัฒนาทั้งหมด บางทีเวลาบุคลิคภาพดี เวลาอยู่บน stageมันดูดีขึ้นไปทั้งหมด ทำอย่างมีความสุขไปทุกวัน มันจำเป็นที่จะทำโจทย์ทุกวีคให้ดีแต่อย่าจำใจทำ โอเคนะ?
ต้น: อีกเรื่องคือ ขี้เกียจกลับไปเรียน
ครูใหญ่: เรื่องนี้นี่ไม่ได้เลยนะต้น เราไม่รู้ว่าชีวิตวงการบันเทิงจะเป็นไง?
ต้น: ตอนนั้นกลับไปก็ไม่มีเพื่อนแล้วอ่ะครู
ครูใหญ่: ตอนวันแรกที่เข้าไปมีเพื่อนเหรอ? ตอนนี้ปริญญาตรียังไม่พอ วงการนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นไง ไม่มีใครรู้ว่าใครจะไปได้สวย บางคน5ปีแรกไปได้ แต่หลังจากนั้นล่ะ? เรื่องเรียนไม่มีช้าแต่ต้องไม่ทิ้งเอาจนจบ
ต้น: พ่อแม่ไม่ยอมหรอกครับ พูดไปงั้นแหละ
ครูใหญ่: ปัจจุบันการแข่งขันมันสูง ถ้าต้นไม่จบอะไรจะเกิดขึ้น อายุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ต้น ตอนแรกจะซิ่วไปเรียนดุริยางค์ฯ แต่เสียดายที่เรียนมา 2 ปีแล้ว
ครูใหญ่: ลองไปคำนวนดูว่าอีก 2 ปีจะทำอะไร หรือStartใหม่กับเอก Voice แล้วคุยกับคุณพ่อคุณแม่ดู
ต้น: รู้สึกสงสัยว่า เรียนทำไมวะ ไม่ได้ใช้เลย
ครูใหญ่: ต้นเรียนอะไรอยู่?
ต้น: เรียนวารสารฯครับ
ครูใหญ่: ณ วันนี้ต้นก็ไม่รู้หรอกว่าจะได้ใช้หรือเปล่า เรายังไม่เลือกว่าจะใช้ชีวิตยังไง
ต้น: เป็นคนใจร้อนอ่ะครับ
ครูใหญ่: รู้ตัวเองนี่ ใจร่มๆไว้หน่อย บางครั้งตัดสินใจเร็วไปเราจะเสียทุกอย่าง
ต้น: แต่ก่อนไมได้เป็นคนอย่างงี้เลย แต่ก่อนเป็นคนเรียบร้อยมาก ตอนไปอเมริกากลายเป็นคนแบบนี้ แม่บอกไม่น่าส่งแกไปเลย ต้นชอบคนนี้แบบมีความมั่นใจ
ครูใหญ่: เอามาผสมกันดิ บางครั้งมั่นใจเกินไปก็ไม่ดี แต่ทำอะไรด้วยความมั่นใจดี
ต้น: รู้สึกว่าตัวเองหัวรั้นมากขึ้น บางครั้งโดนบ่นว่าทำไมเป็นคนใจร้อนจัง
ครูใหญ่: ยกตัวอย่างซิ?
ต้น: พูดจาไม่ดีด้วยอ่ะครูครับ
ครูใหญ่: คำพูดบางคำใช้กับเพื่อนสนิทได้ ควรเลือกใช้ กับผู้ใหญ่ไม่ดี กับเพื่อนอ่ะได้ เรามีสติเราเลือกที่จะใช้ได้ กับบางคนกับบางที่ ไม่ใช่ฉันจะเป็นอย่างงี้ตลอดเวลา
ต้น: จะโดนเกลียด?
ครูใหญ่: จะมีคนคบหรือเปล่ายังไม่รู้เลย ถ้าบอกตัวข้าของข้า
ต้น: เหมือนอยู่ข้างนอกจะไม่เป็น จะเป็นกับที่บ้าน
ครูใหญ่: เราต้องปรับทัศนคติ
ต้น: บางทีรู้สึกอยู่ข้างนอกไม่เป็น เวลาอยู่ที่บ้านเป็นไงไม่รู้?
ครูใหญ่: สบายเกินไป? ยังไงก็รัก?
ต้น: อย่างงั้นด้วย บางทีทะเลาะกับน้องแล้วแรง
ครูใหญ่: แล้วมีความสุขไหม?
ต้น: ไม่ครับ
ครูใหญ่: ต้นหลงจริตตัวเอง รู้สึกว่าอย่างงี้เจิดเป็นตัวของตัวเอง รู้สึกชนะ
ต้น: ใช่ครับรู้สึกชนะ อยู่กับเพื่อนยังไงก็ได้
ครูใหญ่: สังคมในบ้านสำคัญที่สุด มันยากมากที่คนจะรู้สึกดีกับต้นได้จริงๆ วันนึงถ้าบังเอิญได้เห็นวิธีการทำกับครอบครัวเค้าจะเสื่อมไหม นี่พ่อแม่ยังทำแบบนี้ แล้วเราจะเจออะไร เราต้องเริ่มให้เกียรติ
ต้น: ตอนพ่อแม่มาส่งร้องไห้โฮเลย บางทีพ่อแม่พูดอะไรไม่ถูกก็โต้ทันที
ครูใหญ่: ช้าลงนิดนึง เวลาเจอแบบนี้อย่าโต้แย้ง สักพักกลับไปปรึกษาดีกว่าไหม แต่เราไมได้มีอะไร
ครูก็เป็น เริ่มรู้สึกว่าสิ่งที่เราทำไม่ดีเลยว่ะ ตาก็ดุเริ่มรู้สึกว่าคนอื่นเค้าคงไม่เชื่อว่าเราไม่คิดอะไร ตอนแรกๆเริ่มกับครอบครัวก่อนเลย ขอปรึกษา พอเป็นการคุยจะทำให้พ่อแม่รู้ว่าเราคิดอะไร ได้อธิบาย
หนึ่งให้โอกาสตัวเองอธิบายให้พ่อแม่ฟัง ให้โอกาสพ่อแม่อธิบาย แม้กระทั่งน้อง ครอบครัวคุณฟังกันมากๆ จะไม่มีใครมาทำร้ายกันได้เลยนะ แทนที่จะทำร้ายพ่อแม่แล้วจะเชื่อได้ยังไงว่าคนอื่นจะดีกับเรา คิดเยอะๆต้นคิดเยอะๆ เป็นตัวของตัวเองดี เชื่อมั่นใจตัวเองดี แต่อย่าเยอะเกิน
ไฟเชื่อมั่นใจตัวเองก็เผาตัวเองได้ บางเรื่องลดลงบ้างก็ดี เรื่องนี้แทนที่จะโมโหเก็บไว้ก่อน เดี๋ยวคุย ถ้าไม่เป็นตัวเรานะมักคิดเข้าข้างตัวเองเสมอ ต้องระวังนะลูก ถ้าเราดีจริงคงไม่มีใครว่าเราแม้แต่หนึ่งคน แล้วค่อยมาพิจารณาว่าเค้าว่าเราเพราะอะไร หวังดีหรือเพราะอะไร? เอาทุกอย่างมาคิดดีดี อย่าให้ผ่านไปวันๆ
ต้น: เพราะผมสนิทกับพ่อแม่เลยกล้าพูด บางทีเลยก้าวร้าวไปนิดนึง
ครูใหญ่: ดีมากนะที่พ่อแม่สนิทกันแล้วกล้าพูดกันได้ทุกเรื่อง สังคมไทยโดยเฉพาะสมัยก่อนมีน้อยมากๆ เป็นเรื่องดี แต่อย่างน้อยก็คิดไว้เสมอว่าท่านคือพ่อแม่ไม่ใช่เพื่อน ที่จะเหวี่ยงสายตาใส่ได้เหมือนเพื่อน พ่อแม่ไม่ใช่เพื่อน คุยได้ทุกเรื่อง เจิดจะตาย ทำไมไม่มองให้เห็นความน่าอิจฉาของตัวเอง
ต้น: กลับบ้านไปตั้งใจจะทำตัวดีขึ้น
ครูใหญ่: พ่อแม่คือพ่อแม่ไม่มีใครที่รักมากไปกว่าลูก
ต้น: ใจร้อนอ่ะ ประเด็น ตั้งใจจะพูดยังงี้ แต่ทำไมออกไปอย่างงั้น
ครูใหญ่: ทันทีที่รู้ตัวต้องไปหาคู่กรณีไม่ว่าเป็นใคร เพื่อนหรือพ่อแม่ เพื่ออธิบายเจตนาของต้นจริงๆ และบอกคนใกล้ตัวให้เตือนว่าอย่าให้ทำแบบนี้ เสียงอย่าดังอย่างดัง เวลามีเรื่องขัดแย้ง
ต้นเป็นคนพูดแล้วไปหมด ตาเตอหน้าเหน้อไปหมด เวลาโมโหหรือหงุดหงิด คนไม่สนิทตกใจตาย แก้ได้ ครูเคยคิดว่าแก้ไมได้แต่เด็ก แรงขนาดทีมงานเรียกพณฯ เพราะเชื่อมั่นในความจริงใจของตัวเอง บางครั้งไม่รู้หรอกว่าเรายืดๆหย่อนๆได้บ้าง เราจะรู้สึกดีจังเลยถ้าเราทำได้ พี่ๆรู้สึกดีเพื่อนๆรู้สึกดี ยังตรงและแรงเหมือนเดิมแต่ไม่ผลั๊วออกไป
ต้น: มีแต่คนกลัวต้น อย่างไทด์ตอนแรกเค้ากลัวต้น อย่างเพื่อนก็กลัวต้น ทั้งที่เราก็ไม่ได้อะไรเลยนะ
ครูใหญ่: แต่เราต้องยอมรับตัวเองว่าตาดุ เสียงดัง โพล่ง ทำให้คนอื่นกลัวที่จะเข้าไป เกรงว่าทำอะไรไม่ถูกใจจะโพล่ง หนูรู้ตัวทุกอย่างแต่ยังไม่เริ่มปรับ ค่อยๆเริ่ม เพื่อนในบ้านนี้ช่วยได้ พ่อแม่น้องช่วยได้ เพื่อนที่เรียนอยู่ด้วยกัน
มันไมได้เสียความเป็นเพื่อน ไม่ได้เสียความเป็นคนสนุกสนาน แต่เราเลือกใช้ว่าเราควรคุยอะไรกับใครแบบไหน เพราะเราจะต้องเจออีกหลายทีมงานไมได้วนแต่ในบ้านนี้ เวลาเจอคนข้างนอกไม่รู้เค้าจะให้อภัยหรือเปล่า มีอะไรอีกไหม?
ต้น: ไม่มีแล้วครับ
ครูใหญ่: สู้ๆครับ
ต้น: วีคนี้ไม่เครียดเท่าไหร่ครับ ขอบคุณครับ
ไทด์: ทำไมนานจังอ่ะ ?
ต้น: นานเหรอ? เออ คุยไปเรื่อยๆ
{ ขอบคุณครูใหญ่สำหรับคำสอนต่อต้น และสอนคนดูที่นิสัยคล้ายต้นมากๆ เป็นกำลังใจให้ต้นทะลุกำแพงออกมาสู่เวทีแบบเจิดๆนะครับ ^__^ } แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 54 23:15:37 แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 54 22:43:34 จากคุณ | : น้องพี่พ้องเพื่อน | เขียนเมื่อ | : 2 ส.ค. 54 22:39:36 | | |
|
|
|
ไม่ได้ว่าน้องทำไม่ถูกนะ แต่แค่เป็นห่วง เพราะเอาเข้าจริงๆ คนเหล่านั้นก็เป็นแฟนคลับของน้องเหมือนพวกเรานี่เเหละ
เชื่อนะว่าน้องต้นเองก็คงมีผู้ใหญ่คอยให้คำแนะนำอยู่ อะไรที่มันไม่ควรก็คงมีคนบอก .... อยากให้คอยช่วยแนะนำน้องด้วย จริงๆแล้วน้องเองก็ยังเป็นเด็กมากๆสำหรับวงการนี้ (ผมเองก็ไม่ใช่คนในวงการ แค่ พนง. ทำงานกินเงินเดือน) แต่ไม่อยากให้ชื่มชมเกินไป อะไรไม่ควรก็แนะนำแค่นั้น ...
ไม่อยากให้มีเหตุการณ์แบบว่า น้องทำอะไรผิดแต่ไม่บอกตรงๆกลับไปวิจารณ์กันเอง แล้วเกิดน้องมารู้ทีหลังน้องจะเสียใจมาก ว่า ** ทำไม ณ จุดนั้นไม่มีคนเตือนน้องเลย
อย่างที่บอกอ่ะครับ การเป็นตัวของตัวเองใช่ว่าจะผิด บางอย่างมันไม่มีผิดไม่มีถูก แต่มันอยู่ที่ว่าควรไม่ควร ..... ผมไม่ได้ตามน้อง เเต่เชื่อว่าน้องเป็นคนน่ารัก ไม่งั้นคงไม่มีคนมาทุ่มเททำเพื่อน้องขนาดนี้ *ตามน้องไปทุกที่ *อยู่ดึกๆดื่นๆมาเวิ่นในกระทู้ไม่ให้กระทู้ตาย ทั้งๆที่รายการก็จบไปนานมากแล้ว
รักน้องต้นเพราะน้องเป็นคนเก่ง ตรงไปตรงมา ไม่เฟค และก็น่ารักมาก (ไม่เคยตามนะ เเต่ที่เห็นตอนอยู่ในบ้าน กับรูปที่แฟนๆถ่ายมา รวมถึงรายงานสดรายงานแห้ง ผมเชื่อว่าน้องเป็นคนน่ารักมากๆ) .. และก็เชื่อว่ามีคนอีกมากมาย ที่รักต้นด้วยเหตุผลเหล่านี้
