ฮั่น อิสริยะ ภัทรมานพ
เส้นทางสู่ดวงดาว
ผมมีความคิดอยากเป็นนักร้องตั้งแต่เด็กแม้โตขึ้นมาแต่ความคิดนั้นยังอยู่ แต่เคยบอกตัวเองว่าถ้าหลังอายุ25ไปจะไม่สนใจงานตรงนั้นแล้ว จนผมหมดสัญญากับการเป็นแบ็กอัพให้กับศิลปินจึงลองมาสมัครดู ถ้าไม่เข้ารอบผมคงกลับไปทำงานที่ประเทศสิงคโปร์เพราะผมเคยไปร้องเพลงที่นั่น เป็นผับที่Esplanade mall คนที่มาเที่ยวโดยมากก็เป็นคนสิงคโปร์ แต่หลายคนชอบฟังเพลงไทย ผมทำได้ 2 เดือนแล้วกลับมาสมัคร
เมื่อก่อนผมไม่เคยร้องเพลง มีแต่เต้นอย่างเดียว การไปทำงานที่นั่นจึงเหมือนได้ซ้อมร้องและเต้นไปในตัว มีหลายคนตามดูตลอด เพราะมีคนบอกว่าร้านนี้มีคนเต้นเก่งทำให้สามารถดึงดูดลูกค้าเข้าร้านได้ เรื่องตลกๆที่นั่นไม่ใช่จากการร้องเพลง แต่เป็นตอนที่ผมออกไปออกกำลังหายตอนเช้าริมถนนแล้วถอดเสื้อวิ่ง สักพักก็มีตำรวจขี่มอเตอร์ไซด์ตาม แต่ด้วยความที่ภาษาอังกฤษของผมไม่แข็งแรงเลยไม่รู้ว่าเขาพูดอะไร จนเขาจอดรถแล้ววิ่งมาสะกิด ภาษามือที่สื่อพอเดาได้ว่าห้ามถอดเสื้อวิ่ง ความที่วิ่งไปไกล ผลคือกลับบ้านไม่ถูกหาทางกลับอยู่ตั้งนานกว่าจะถึงบ้าน
อดีตเด็กเกเร
ผมเคยเต้นเป็นแแดนเซอร์ เต้นเป็นแบ๊กอัพให้ศิลปินมาสี่ปี มันเริ่มมาจากครูของผมชื่อครูโด่งซึ่งสอนอยู่ที่โรงเรียนสัติราษฏร์บริหารธุรกิจ เมื่อก่อนผมเป็นเด็กเกเร เรียนก็ไม่ดี ครูโด่งจึงบอกให้ผมหากิจกรรมทำ จะได้ไม่ว่าง เขาให้ผมไปเป็นเชียร์ลีดเดอร์มือในงานกีฬาสีก่อน เข้าไปตอนแรกตกใจเหมือนกันเพราะมีแต่สาวประเภทสอง ต่อมาก็ได้ฝึกเต้นบีบอยโดยรุ่นพี่สอนให้ พอไปประกวดชนะได้ที่หนึ่งของภาคกลาง ผมเคยเต้นปอมปอมเชียร์ด้วย อยู่ตำแหน่งฐาน ชอบมากเพราะได้ใช้กำลังและได้เรียนรู้การทำงานแบบทีมเวิร์ค ถ้าคนใดคนหนึ่งพลาดภาพก็จะออกมาไม่สวย ฝึกเต้นหนักตั้งแต่บ่ายสามถถึงเที่ยงคืน เสียน้ำตาไปก็เยอะ
ตอนหลังผมไปประกวดเต้นชนะแล้วได้ไปญี่ปุ่น พอกลับมาพี่ญาซึ่งอยู่ใน D Dance troop ก็มาชวนไปทำงานเป็นแบ๊กอัพ งานแรกคือเต้นประกอบในเพลง I need somebody ของบี้ เดอะสตาร์ ทั้งเกร็งและเครียดเพราะกลัวทำได้ไม่ดี ก่อนถ่ายผมโม้กับเพื่อนไว้เยอะ แต่ภาพที่ออกมาเป็นแค่เงาดำๆ (หัวเราะ) เพลงต่อมาคือเพลงน้ำตาของพี่เบิร์ด ธงไชย ซึ่งต้องแสดงออกทางอารมร์มากกว่าเต้น แต่ดีหน่อยให้เห็นผมที่ปรกอยู่บนหน้า ใครอยากเห็นผมตอนอ้วนไปหาดูมาได้