|
ฟูซารีนำเพลงที่เขาและกาก้าได้แต่งร่วมกัน ส่งให้เพื่อนของเขาที่เป็นโปรดิวเซอร์และผู้บริหารค่ายเพลง ชื่อ วินเซนต์ เฮอร์เบิร์ต เฮอร์เบิร์ตเซ็นสัญญากับกาก้าทันที ภายใต้สังกัดสตรีมไลน์เรคอดส์ ในเครืออินเตอร์สโคป[29] ในช่วงของการก่อตั้งค่ายเพลงค.ศ. 2007 เธอยกย่องเฮอร์เบิร์ตว่าเป็นผู้ชายที่เห็นความสามารถของเธอ และกล่าวว่า "ฉันรับรู้ว่า เราได้สร้างประวัติศาสตร์ป็อปอีกครั้ง และกำลังจะทำให้มันก้าวเดินต่อไป" กาก้าได้ทำงานเป็นนักแต่งเพลงหน้าใหม่ในค่ายเฟมัสมิวสิกพับลิชชิง แต่ต่อมาตกอยู่ภายใต้ความครอบครองของบริษัทโซนี่/เอทีวีมิวสิกพับลิชชิง[29] ดังนั้นเธอจึงถูกว่าจ้างให้แต่งเพลงให้กับบริทนีย์ สเปียร์ส และนักร้องร่วมค่ายอย่าง นิว คิดส์ออนเดอะบล็อก เฟอร์กี้ และวงพุสซี่แคทดอล[30] ระหว่าการเขียนเพลงให้กับอินเตอร์สโคป เอคอน นักร้องและนักแต่งเพลง ได้เห็นความสามารถในเสียงทรงพลังของเธอ เมื่อได้ร้องเดโมเป็นตัวอย่างสำหรับเพลงในแทร็กของเอคอน หลังจากนั้นเอคอนได้ขอร้องประธานบริษัทอินเตอร์สโคป-เกฟเฟน-เอแอนด์เอ็ม และจิมมี ไอโอวีนซีอีโอของบริษัท ให้เขาร่วมกับบริษัทได้ปั้นกาก้าให้เป็นนักร้องร่วมกัน และให้เธอเซ็นสัญญากับเขาภายใต้ค่าย คอนไลฟ์ดิสทริบิวชัน เอคอนเรียกเธอว่า "แฟรนไชส์เพลเยอร์" กาก้ายังคงร่วมงานกับเรดวันต่อไปในสตูดิโอ เพื่อร่วมกันทำอัลบั้มแรกของเธอ พร้อมทั้งเตรียมเพลงใหม่ "Just Dance" และ "Poker Face" นอกจากนั้นเธอยังได้ร่วมงานกับค่ายเชอร์รี่ทรี สังกัดอินเตอร์สโคป ที่ก่อตั้งขึ้นโดยโปรดิวเซอร์และนักแต่งเพลง มาร์ติน เคียร์เซนบาอัม ทั้งสองได้แต่งเพลงด้วยกันถึง 4 เพลง หนึ่งในนั้นมีเพลงดังอย่าง Eh, Eh (Nothing else I can Say)[31]
[แก้] 2008 - 2010: อัลบั้ม The Fame และ The Fame Monsterในปี 2008 กาก้าได้ย้ายไปอยู่ที่ลอสแองเจลลีส,แคลิฟอร์เนีย และได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับต้นสังกัดที่นั่น และเร่งทำอัลบั้มเปิดตัว The Fame ให้เสร็จ โดยผสมผสานแนวเพลงที่แตกต่างกันลงในอัลบั้ม โดยใช้จังหวะมือจากกลองเมทัลของเออร์บานแทร็ค [23] สอดคล้องกับสรุปผลการวิจารณ์ดนตรีโดยเมต้าคริติค ให้คะแนนอัลบั้ม The Fame 71คะแนนจาก 100 เต็ม [32] อัลบั้มนี้ขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่งในออสเตรีย, สหราชอาณาจักร, แคนาดา และไอร์แลนด์ ติดท็อปชาร์ต 5 อันดับแรกที่ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา
อัลบั้ม The Fame ทำยอดขายได้มากกว่า 12ล้านก็อปปี้ทั่วโลก ด้วยเพลงเปิดตัวอัลบั้ม Just Dance ที่แตะชาร์ตอันดับ 1 ในกว่า 6 ประเทศ คือ ออสเตรเลีย, แคนาดา, เนเธอร์แลนด์, ไอร์แลนด์, สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา [33] [34] ต่อมาถูกเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัลแกรมมี่ ในสาขาเพลงแดนซ์ยอดเยี่ยม [35] เพลงที่สอง Poker Face นับเป็นความประสบสำเร็จที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง เมื่อเพลงนี้ขึ้นท็อปชาร์ตอันดับ 1 ในเกือบทุกตลาดเพลงหลักในโลก รวมทั้งสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา เพลง Poker Face ได้รับรางวัล "เพลงแดนซ์ยอดเยี่ยม" ในงานประกาศผลรางวัลแกรมมี่ครั้งที่ 52 รวมถึงได้รับการเสนอให้เข้าชิงรางวัลในสาขา "เพลงแห่งปี" "บันทึกเสียงแห่งปี" และ รางวัลใหญ่ "อัลบั้มแห่งปี" ด้วย แต่ได้รับรางวัลในสาขาอัลบั้มเพลงอิเล็กทรอนิก-แดนซ์ยอดเยี่ยม แม้ว่าการทัวร์คอนเสิร์ตครั้งแรกของเลดี้กาก้าจะเป็นเพียงการแสดงเปิดเวทีให้กับนักร้องร่วมสังกัด นิว คิดส์ ออน เดอะ บล็อก [36] ในที่สุดเธอตัดสินใจออกเดินสายทัวร์คอนเสิร์ตครั้งแรกของตัวเอง The Fame Ball Tour ที่เริ่มขึ้นในเดือนมีนาคม 2009 และได้รับคำชื่นชมพอควร [37]
กาก้าขึ้นปกนิตยสารโรลลิ่งสโตน ฉบับเดือนพฤษภาคม 2009 ในสภาพก่งนู้ด สวมเพียงชุดฟองน้ำพลาสติดที่ปกปิดอวัยวะสงวนเท่านั้น ในคอลัมน์ Hot 100 เธอได้ให้สัมภาษณ์ถึงการเริ่มต้นสู่เส้นทางอาชีพสายดนตรี และได้พบรักกับมือกลองวงเฮฟวี่เมทัลขณะเล่นดนตรีอยู่ที่ไนท์คลับในนิวยอร์ก เธอเล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอและสุดท้ายก็เลิกรากันไป เธอบอกว่าเขาเป็นเบื้องหลังแรงบันดาลใจในการทำอัลบั้ม The Fame [38] ต่อมากาก้าได้รับการเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัลเอ็มทีวี วีดีโอมิวสิกประจำปี 2009 ทั้งหมด 9 สาขารางวัล แต่ได้รับรางวัลในสาขาศิลปินหน้าใหม่แห่งปี ส่วนเพลง Paparazzi ได้ชิงสองรางวัลคือ รางวัลการกำกับศิลป์ยอดเยี่ยมและรางวัลเทคนิคพิเศษในวีดีโอยอดเยี่ยม ในเดือนตุลาคมเธอได้รับรางวัลดาวรุ่งแห่งปี 2009 จากนิตยสารบิลบอร์ด[39]
เดือนเดียวกันกับที่เธอร่วมงานชุมนุมรวมพลังเพื่อความเท่าเทียม ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. [40] [41] เธอประกาศวางจำหน่ายอัลบั้ม The Fame Monster เพลงทั้ง 8 แทร็คกล่าวถึงด้านมืดของความมีชื่อเสียงโด่งดังที่จากประสบการณ์ในช่วงที่เธอทัวร์คอนเสิร์ตระหว่างปี 2008-2009 และถ่ายทอดผ่านคำ"Monster" (ปีศาจ) ทัวร์คอนเสิร์ตครั้งที่สองของเธอ "The Fame Monster Ball Tour" จัดขึ้นเพื่อโปรโมตอัลบั้มนี้ และเริ่มทัวร์ในเดือนพฤศจิกายน 2009 [42] [43] "Bad Romance" เป็นเพลงเปิดตัวอัลบั้ม และติดชาร์ตอันดับหนึ่งใน 18 ประเทศทั่วโลก และติดชาร์ตอันดับ 1 สองครั้ง ในสหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เดือนธันวาคม [44] กาก้าได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ณ โรงละครแบล็กพลู ประเทศอังกฤษ ในการแสดงรอยัลวาไรตี้ ประจำปี 2009 และได้ใช้เพลง "Speechless" แสดงสดต่อหน้าพระพักตร์ด้วย เธอสวมชุดผ้ายางลาเท็กซ์เลียนแบบฉลองพระองค์ของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 1ที่หลายคนเห็นว่าไม่เหมาะสม [45]
กาก้าได้ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน 10 บุคคลน่าชื่นชมมากที่สุดแห่งปี 2009 โดยบาร์บารา วอลเทอร์ส ระหว่างรายการวอลเตอร์ส แอนนวล เอบีซี สเปเชียล ในระหว่างให้สัมภาษณ์ในรายการเธอเลี่ยงที่จะตอบคำถามในข้อกล่าวหาที่ว่าเธอเป็นกะเทยแท้ ที่มีสองเพศในตัวเองตามข่าวลือ และตอบกลับไปว่า "ตอนแรกๆ เรื่องนี้แปลกประหลาดแต่แล้วทุกคนก็คิดว่ามันก็เป็นแค่เรื่องธรรมดาทั่วไปนั่นแหละ แต่ฉันเองเชื่อว่า ตัวเองมีภาพลักษณ์ของกะเทยอยู่จริง และฉันก็รักพวกกะเทยด้วย"[46]
เดือนมกราคม 2010 เธอได้รับการแต่งตั้งจากบริษัทโพลารอยด์ ให้เป็นหัวหน้าทีมครีเอทีฟและให้เริ่มต้นสร้างสรรค์แฟชั่น, เทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการถ่ายภาพ [47] เดือนกุมภาพันธ์ ซิงเกิลที่สองในอัลบั้ม The Fame Monster คือ "Telephone" ได้นักร้องหญิงอาร์แอนด์บี คือ บียอนเซ่มาร่วมฟีเจอร์ริ่งด้วย กลายเป็นเพลงลำดับสี่ของเธอที่สามารถขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่งในสหราชอาณาจักรได้ [48]
มีนาคม 2010 ร็อบ ฟูซารีฟ้องร้องบริษัทต้นสังกัดของเลดี้กาก้า เมอร์เมด มิวสิก แอลแอลซี ให้ข้อหาว่าได้รับส่วนแบ่งไม่เป็นธรรม ซึ่งเขาควรจะได้รับ 20% จากยอดขายอัลบั้มของเธอ ชาร์ลส์ ออร์ทเนอร์ ทนายความของกาก้าฟ้องกลับฟูซารีว่าสัญญาที่กาก้าได้ทำกับฟูซารีนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่ขอออกความเห็นใดๆ ต่อสื่อมวลชน ท้ายที่สุดในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน [49] ศาลฎีกาสูงสูดนครนิวยอร์ก ยกฟ้องคำร้องของร็อบ ฟูซารี [50] [51]
เดือนเมษายนปีเดียวกัน มีรายงานว่ามิวสิกวีดีโอของเธอมียอดคนดูมากกว่าพันล้านครั้งบนเว็บไซต์ Youtube และกลายเป็นศิลปินคนแรกที่มียอดดูในหลักพันล้าน [52] เดือนเดียวกันกาก้าได้รับการเสนอชื่อจากนิตยสารไทมส์ ให้เป็นหนึ่งใน100 ของบุคคลที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกแห่งปี 2009 ระหว่างให้สัมภาษณ์กับไทมส์นั้น เธอพูดเปรยๆ ว่า กำลังป่วยด้วยโรคลูปัส ซึ่งเป็นโรคเนื้อเยื่อติดเชื้อรุนแรงในร่างกาย [53] สองเดือนต่อมาเธอให้สัมภาษณ์ผ่านรายการทอล์กโชว์ของลาร์รี่ คิง ว่า เธอไม่ได้ป่วยด้วยโรคลูปัสแต่เล่าถึงผลการตรวจร่างกาย "พบว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็น" เพราะโรคลูปัสเป็นกรรมพันธุ์ในตระกูลของเธอ และป้าของเธอเพิ่งเสียชีวิตไปด้วยโรคนี้
ปลายปี 2010 อัลบั้ม The Fame Monster ได้รับการเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัลแกรมมี่ ในสาขาอัลบั้มเพลงป็อบยอดเยี่ยมและอัลบั้มแห่งปี[54]
กาก้าและเอลตัน จอห์น มีแผนจะปล่อยเพลงดูเอ็ตที่ร้องร่วมกันในชื่อ "Hello Hello" เพื่อใช้ประกอบภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่นของดิสนีย์ "Gnomeo and Juliet" ซึ่งกำลังจะเข้าฉายเร็วๆ นี้ [55] และเดือนกันยายน 2010 กาก้าได้เซ็นสัญญาทางธุรกิจกับโคตี้ อินคอร์ปเปเรชั่น เพื่อผลิตน้ำหอมร่วมกันที่มีชื่อ "มอนสเตอร์" และจะออกวางจำหน่ายในปี 2012
จากคุณ |
:
kissfair
|
เขียนเมื่อ |
:
28 พ.ค. 55 22:00:30
|
|
|
|
|