'เป็นคุณนี่ยากนะ'
พี่เคยคุยกับน้องสาวคนหนึ่งแล้วหลุดประโยคนี้ออกมา
จากนั้นก็กลับเอาเรื่องนี้มาคิดๆดูว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกแบบนี้นะ
ในสายตาพี่ เท่าที่ได้เฝ้ามองคุณมาตลอดสองสามปีมานี้ ไม่เรียกว่ารู้จักดีหรอก แต่เอาเป็นที่ความรู้สึกส่วนตัวที่มีต่อคุณดีกว่า
แรกๆก็มองเห็นตามข่าวที่ออกมาว่าเป็นเด็กไทยคนหนึ่งที่เดินทางไปสู้ที่เกาหลี ประเทศที่พี่แทบไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำนอกจากเพลงอารีรัง กิมจิ แล้วก็เรื่องสงครามเกาหลีที่เคยเรียนมาก็เท่านั้น
ส่วนเรื่องโคเรียนเวฟนั้นก็พอมองเห็น สนุกในการมองแบบห่างๆแต่ก็ไม่เคยดึงความสนใจอะไรได้มาก
แต่เพราะเด็กไทยที่ชื่อ "นิชคุณ" มันก็เลยเรียกความสนใจให้มันเข้มข้นขึ้นมาจนได้
เคยได้ยินคนเกาหลีใต้บางคนพูดประมาณว่าเขามองคนไทยในด้านดีขึ้นกว่าเดิม(ซึ่งเราต้องยอมรับถึงความแตกต่างของ'ความไม่รู้'ของคนเราทั้งโลกนี่ล่ะ) ก็เพราะ 'นิชคุณ'
จริงๆพี่ก็ขอพูดแบบเดียวกลับไปเหมือนกันว่า พี่เองก็มองคนเกาหลีใต้โดยรวมดีขึ้นมากๆกว่าเดิมก็เพราะ 'นิชคุณ' เหมือนกัน
(ตัวพี่เองก็มีอคติบางอย่างเป็นที่ตั้งเหมือนกัน)
แค่เด็กผู้ชายหน้าเล็กๆขายาวๆคนหนึ่งกลับส่งอิทธิพลทางด้านดีทั้งสองด้านสะท้อนกลับไปมาแบบนี้ มันน่าแปลกและชวนให้น่าทึ่ง...จริงไหมล่ะ
พอคิดมาแบบนี้แล้วทำให้เริ่มเห็นภาพลางๆแล้วล่ะว่า "ทำไมการเป็นนิชคุณนี่มันถึงได้ 'ยาก'จัง"
ก็คงเพราะการถูกมอง "ด้วยสายตาคาดหวัง" แบบนี้ล่ะมั๊ง...แม้จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามทีเถอะ
คุณเคยพูดไว้ว่าตัวเองไม่เพอร์เฟค และไม่อยากให้ใครคิดว่าตัวคุณเองเพอร์เฟค
...เพียงแต่ว่า ความเป็นMr.can do ในสายตาใครต่อใครมันคงกดดันตัวน้องเองไม่น้อยในความคิดพี่
ตัวพี่เองก็ไม่เชื่อและไม่ชอบกับความคิดที่ว่าคนเราคนหนึ่งสามารถทำได้ดีไปหมดทุกอย่าง
ความรู้สึกแบบนี้มันกดดันตัวเองจนเกินไป แล้วสุดท้ายชีวิตมันจะไปสนุกอะไร(คนเราเกิดมาทั้งทีต้องสนุกกับการใช้ชีวิตสิคุณเอ๊ย)
เพราะมันจะไม่ต่างอะไรกับการขึงเชือกชีวิตเราจนตึง...สุดท้ายก็ขยับไปไหนไม่ได้ ติดแหงกอยู่ตรงนั้น และสุดท้ายไม่หย่อนลงมาเองเพราะหมดแรง ก็ต้องขาดผึงเพราะเส้นเชือกมันหมดสภาพ
...ซึ่งจะไม่ว่าแบบไหน ผลมันก็ไม่โสภาเท่าไรนักหรอก
เพราะฉะนั้นการรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา มันจะนำพาการเรียนรู้วิธีการรับมือกับเรื่องไม่คาดฝันที่ถาโถเข้ามาโดยไม่มีสัญญาณเตือนภัยได้ดีกว่านะ คุณว่าไหม
พี่มักมองเห็นสัญญาณแบบนี้จากตัวคุณนะ ไอ้ความเครียดที่แผ่ออกมามันทำให้พี่อึดอัดใจแทนน้องไม่น้อยเลย
มันทำให้พี่คิดว่ารอยยิ้มของคุณที่มอบให้คนรอบๆข้าง คนที่รักน้อง คนที่เฝ้ามองน้องต้องแลกมาด้วยอะไร
ตัวน้องเองกอดรับความกดดันจากสังคมซึ่งมากไปด้วยขนบธรรมเนียมปฏิบัติต่างจากบ้านเราอย่างมากโขไว้ขนาดไหนกันนะ
พี่จำทวีตหนึ่งของคุณได้ดี(แม้จะไม่เป๊ะทุกคำนะ...คนเริ่มแก่แล้ว โปรดมอบความเข้าใจให้ด้วยเถอะครับผม ^ ^")
คุณทวีตเรื่องการเรียนรู้ว่าไม่ใช่เพราะชอบที่จะรู้ แต่เกลียดความไม่รู้มากกว่า
ตอนนั้นที่อ่านเจอพี่ถึงกับยิ้มแล้วส่ายหัว บอกกับตัวเองว่า ไอ้เด็กคนนี้เกลียดความพ่ายแพ้และการเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่นล่ะสิ
และพอคิดไปคิดมาก็บอกกับตัวเองอีกว่า "สมแล้วที่ถูกเรียกว่า Mr. can do แบบนั้น"
ในบางครั้งคุณอาจไม่ได้อยากที่จะทำ หรือสนุกที่จะทำ แต่มันเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ ไม่ก็เพื่อไม่อยากจะยอมแพ้อะไรง่ายๆ
...ไอ้คำว่า เด็กผู้ชาย ที่มีคำว่า "ไทย' ห้อยท้ายไปในสังคมคนต่างชาติต่างภาษา มันก็บีบบังคับเราให้ยอมแพ้หรือพูดว่า 'ไม่' ไม่ได้ง่ายๆซะด้วยสิ
มันถึงยากจริงๆด้วยสินะกับการเป็น 'คุณ' แบบนี้
ก็เพราะหลายต่อหลายครั้งเมื่อพี่สัมผัสได้ถึงความเครียด ความลำบากใจของคุณแบบนี้
อยากจะบอกน้องออกไปจริงๆเลยนะว่า อย่าไปเครียดเล้ย อย่าไปพยายามมาก...มากจนกดดันตัวเองซะขนาดน้าน
อย่ายิ้มเลยถ้าไม่อยากจะยิ้ม ปล่อยตัวตามสบายๆ เล่นบ้าๆอย่างที่อยากจะทำ(อย่างอิเหมียวเพื่อนรักเรา)บ้างอะไรบ้างเถอะคุณเอ๊ย
แต่พอมองสถานการณ์รอบตัวคุณ สังคมเข้มงวดที่คุณต้องรับมือ ความรับผิดชอบที่คุณแบกรับ สายตาความคาดหวังจากหลายต่อหลายคนที่ฝากน้องเอาไว้
พี่ก็....เข้าใจ และอดไม่ได้จริงๆที่จะรู้สึกเห็นใจความเป็น "นิชคุณ" ไม่น้อยเลย
หลายสิ่งที่ได้มา ต้องแลกด้วยอะไรอีกหลายอย่างทั้งที่มองเห็นและคงต้องด้วยอีกหลายต่อหลายอย่างที่คนรักน้องมองไม่เห็นสินะ
ยากไปเนอะกับการเป็นคุณเนี่ย
พี่หวังจริงๆนะว่าความรักมากมายที่คุณได้รับนี่มันจะไม่ไปกดดันน้องจนหายใจไม่ออก ขอให้มันเป็นความรักที่เป็นกลายเป็นสายลมพัดสบายพาความสดชื่นมาให้จนน้องสามารถสูดลมหายใจได้เต็มปอด
โดยที่น้องสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นคุณแบบไหนก็ตาม
พี่จะไม่บอก...จริงๆคือไม่กล้าบอกหรอกว่าคุณอย่ากดดันตัวเองมากไป แต่แค่หวังว่าถ้าคุณจะกดดันตัวเองก็ขอให้เกิดจากความต้องการของตัวเอง
ถ้าอยากจะยิ้มก็ขอให้ยิ้มด้วยใจตัวเอง ไม่ใช่เพื่อจำต้องเอาใจใคร
ถ้าต้องจำต้องทำอะไรเพราะตกในเงื่อนไขใดใดก็ตาม ก็ขอให้มันเป็นเงื่อนไขที่คุณเต็มใจจะรับมันเอาไว้เอง
ถ้าอยากจะเรียนรู้ แม้เพราะเกลียดความไม่รู้ แต่ก็ขอให้อย่าแคร์สายตาคนอื่นที่จะมองเราเป็นตัวตลกเมื่อเห็นความไม่รู้ของเรา
...เพราะคนที่มองความไม่รู้ของคนอื่นด้วยความดูถูก คนแบบนั้นก็ไม่มีค่าอะไรพอให้ความใส่ใจ
อยากให้คุณสนุกกับความเป็น 'คุณ' ทั้งๆที่มันย๊ากยากแบบนี้ล่ะ แล้วค่อยๆเติบโตไปพร้อมกันจนมองมันเป็นเรื่องขำๆกับบางเรื่องทั้งที่มันอาจชวนให้ฉุนกึ้กแบบนั้นล่ะ
พี่ยังเชื่อคำพูดสวยๆประโยคที่ว่า "ให้คนเกลียดในตัวตนของเรา ยังดีกว่าให้เขามารักในสิ่งที่เราไม่ได้เป็นแต่ดันหวัง(เอาเอง)ว่าเราเป็น"
เพราะงั้น....
นี่คือสิ่งที่พี่อยากเห็นจากคุณ คือ การเป็นตัวของคุณเอง ไม่ว่าจะแบบไหนถ้ามันเป็นแบบที่คุณเลือกด้วยตัวเอง
จะยิ้มจะหน้าบึ้ง จะรู้จะไม่รู้ จะเข้าใจจะไม่เข้าใจ จะทำได้จะทำไม่ได้...ถ้านั่น 'เป็นคุณ' แล้วล่ะก็
พี่คนนี้รับได้หมดเลย...แถมอยากดึงมากอดด้วยนะเอ้อ(ถ้าคุณอนุญาตให้พี่กอดนะ)
ฮะ ฮะ ฮะ เขินฟุ้ย >////////<
สนุกกับชีวิตของตัวเองให้เต็มที่นะน้องชาย ก่อนที่จะก้าวไปสู่ช่วงเวลาที่จะมีใครอีกคนและอีกหลายคนมาอยู่ในมือความรับผิดชอบของคุณ
(ซึ่งพี่คนนี้จะต้องอิจฉาเขาอย่างสุดขั้วอย่างแน่นอน)
ชีวิตจะยากหรือง่ายก็ขอให้ขึ้นอยู่กับมือของตัวเองนะนิชคุณ หรเวชกุล