|
New Magazine of Zai : MilkX Magazine (May Issue No.69) ^O^ Credit Thanks : Yygrace Li for info. and MilkX.tw @ facebook
MilkX Taiwan Edition 2012.May Issue No.69/MilkX 台灣版第69期 2012.5月號.封面人物 周渝民 仔仔雙封面!周渝民 30歲的我,渴望40歲的成熟 A BIGGER MAN INSIDE/SNAP VUITTON/BASEL WORLD 2012 趨勢報告.....更多精彩訪問請看 milkX 5月號,全省7-11、各大連鎖書店,熱銷上架!(WARDROBE: BURBERRY/Cartier)
線上購書請洽
หน้าปกของนิตยสาร MilkX เขียนว่า MilkX Taiwan Edition ฉบับที่ 69 เดือนพฤษภาคม ปี 2012 ปกหน้าหลัง โจวอวี๋หมิน ไจ่ไจ๋
โจวอวี๋หมิน ผมอายุ 30 รอคอยที่จะเป็นผู้ใหญ่อายุ 40
credit Vicfan@AF for translation^^
จากคุณ: oilsharon
------------------------------------------------------- มีคำแปลออก Magazine ออกมาแล้วค่ะ….ขอบคุณ “พี่ออย” สำหรับคำแปลนะคะ --------------------------------------------------------- Credit to Loi@AF for translation^^
แปลสัมภาษณ์ไจ๋จากนิตยสาร MilkX Taiwan edition ฉบับที่ 69
จากเครื่องแต่งกายที่ทันสมัยไปจนถึงเครื่องแต่งกายยุคโบราณ จากไอดอลไปสู่จุดสูงสุดของนักแสดงที่มีความหลากหลาย
X: ปีที่แล้วถ่ายภาพยนตร์ไป 3 เรื่องและยังได้ถ่ายภาพยนตร์ย้อนยุคเป็นครั้งแรกด้วย คุณรู้สึกยังไงบ้าง? V: ผมชอบธีมของภาพยนตร์เรื่อง Saving General Yang ท่าทางการยิงธนูของผมล้วนแต่ฝึกมาเพื่อเรื่องนี้ ผมชอบในความจงรักภักดีต่อประเทศชาติและความองอาจกล้าหาญต่อศัตรู ผมไม่ชอบละครย้อนยุคเพราะว่าผมไม่ชอบสลิง แถมชุดก็ร้อนและผมเองก็ขี้เกียจมาก ในระหว่างที่ถ่ายทำเรื่องนี้ผมออกไปทานมื้อค่ำกับนักแสดงคนอื่นๆเป็นครั้งแรกจึงถือเป็นเรื่องที่แปลก ปกติแล้วภาพยนตร์แต่ละเรื่องจะมีบทของผมอยู่ 80% แต่ครั้งนี้พี่น้องทั้ง 7 คนมีบทเท่ากันในภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งทุกคนล้วนเป็นดารานำทั้งในภาพยนตร์ของไต้หวัน ฮ่องกงและจีน ตอนแรกผมนึกสงสัยว่าจะมีการชิงดีชิงเด่นกันมั้ย แต่แล้วก็ต้องประหลาดใจที่พวกเราเข้ากันได้เป็นอย่างดี บางครั้งมี 2 คนที่กำลังถ่ายทำอยู่ อีก 5 คนที่เหลือก็จะพูดคุยเล่นกันหรือไม่ก็ไปเตรียมอาหารกลางวันกัน ตอนที่ผมกำลังถ่ายทำอยู่ คนอื่นๆจะมาดูการถ่ายทำด้วย เพราะว่าผมมีอาวุธที่พิเศษสุด นั่นคือธนู คนอื่นๆมีความอยากรู้เกี่ยวกับอาวุธของผม มีอยู่ครั้งหนึ่ง หยาง 1 เข้ามาคุยกับผมและก็เล่นธนูของผม แล้วก็ทำส่วนที่เป็นไม้หักโดยไม่ตั้งใจ แล้วพวกเราก็เดินไปโดยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากนั้น หยาง 6 ก็มาหาแล้วก็เล่นอาวุธของผมแล้วก็ทำมันหัก ผมก็เลยพูดว่า “วางมันลงเร็วๆเลยนะ พี่ใหญ่ทำหักไปหนหนึ่งแล้ว”
X: ร่วมงานกับผู้กำกับที่เป็นผู้หญิง (ผู้กำกับ Yin Lichuan จากเรื่อง Sleepless Fashion) เป็นยังไงบ้าง? V: ผู้กำกับหญิงจะลงรายละเอียดมากประกอบกับผู้กำกับ Yin เธอเป็นนักเขียนด้วย ดังนั้นในหัวเธอจึงมีจินตนาการมากมาย มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมหารือกับเธอว่าจะขอเปลี่ยนบทพูดที่ไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไรเลย แต่เธอไม่เห็นด้วยเพราะว่าเปลี่ยนแล้วมันจะไม่สามารถสื่อสิ่งที่เธอต้องการออกมาได้ ตอนนั้นผมยังนึกสงสัยอยู่แต่ก็ทำตามที่เธอต้องการ ภายหลังผมพบว่าผู้ชมชาวจีนมักจะพูดคุยกันถึงบทพูดในภาพยนตร์ เนื่องจากว่าบทพูดของผู้กำกับจะสามารถทำให้ผู้คนจากหลากหลายอาชีพเห็นด้วยกับในเรื่องได้นั่นเอง ผู้กำกับ Chu จากไต้หวัน (กำกับเรื่อง Sweet Relationship) ก็ยืนกรานในความคิดของเขาด้วยเช่นกัน ศิลปิน (หมายถึงผู้กำกับ) ทุกคนจะยืนกรานในความคิดของตน ต่อมาภายหลังผมถึงได้เข้าใจถึงเหตุผลในการยืนกรานของพวกเขา หลังจากที่ได้เห็นผลงานที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็เลยได้ทราบคำตอบของการถ่ายทำที่ยาวนาน ถ่ายซ้ำแล้วซ้ำอีกในแต่ละครั้ง สัปดาห์ แรกที่ได้ร่วมงานกับผู้กำกับ Yin ผมคิดอยู่ตลอดเลยว่าเธอทำให้ผมนึกถึงใครบางคน แล้วผมก็คิดออกว่าคนนั้นคือ ผู้กำกับ Chu นั่นเอง
X: ในฐานะนักแสดง คุณมีการยืนกรานแบบที่ “ยอมไม่ได้” บ้างมั้ย? V: ก็ถ้ามันมีเหตุผลนะ แต่ว่าผมจะหารือกับผู้กำกับซึ่งบางครั้งผมคิดว่ามันน่าจะเปลี่ยนแปลงได้ การเป็นนักแสดง ถ้าหากว่าเอาแต่ความคิดของตัวเองมากไปจะทำให้คนอื่นๆไม่อาจเข้าใกล้ได้ ถ้าหากว่าผมชอบบทของเรื่องนั้นๆ ผมก็อยากจะรู้ถึงเหตุผลที่จะต้องทำให้เกินเลยกว่าปกติ เมื่อรู้แล้วผมถึงจะทำ
หนุ่มหล่อเป็นหนุ่มติดบ้าน X: ตอนที่ไม่ได้ทำงาน นอกจากที่บ้านแล้ว คุณจะไปที่ไหน? V: ถ้าไม่ทำงานผมก็จะอยู่ในรถ ผมชอบขับรถ แต่จะไม่ลงจากรถ แม้ว่าชายทะเลจะสวยงาม แต่ผมก็จะไม่ลงไป ผมจะแค่มองดูคนอื่นๆเล่นสนุกกัน ตอนนี้ผมไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับคนในไต้หวันแล้ว ผมสื่อสารไม่เก่ง ผมกลัวการทำเรื่องส่วนตัวต่อหน้าฝูงชน ผมไม่รู้สึกอิสระและสะดวกใจ ดังนั้นก็เลยนั่งอยู่ในรถดีกว่า
X: คุณชอบขับรถเพราะเรื่องความเร็วใช่มั้ย? V: ใช่ และผมก็ชอบความรู้สึกของการที่ได้อยู่คนเดียว เพราะว่าชอบเรื่องรถ ผมก็เลยมีเพื่อนที่อายุมากกว่าผมอยู่ในหลายสาขาอาชีพ เรามักจะดื่มชาแล้วก็พูดคุยกัน เมื่อไหร่ที่ผมมีเวลาผมก็จะไปพบปะกับพวกเขา ผมไม่ค่อยมีเพื่อนรุ่นเดียวกัน ผมชอบฟังคนอายุมากกว่าพูด เรียนรู้จากพวกเขา อย่างเช่น เรื่องการใช้ชีวิตและการรับมือกับเรื่องต่างๆ ผมชอบที่จะเป็นผู้ฟัง ไม่ชอบเป็นผู้นำในกลุ่ม เพราะเมื่อเป็นผู้นำในกลุ่มไปได้ซักพักหนึ่งก็จะเกิดปัญหายุ่งยากตามมา ผมก็เลยแค่ฟังเฉยๆ หัวข้อไหนที่ผมร่วมสนทนาด้วยไม่ได้ผมก็จะฟังเฉยๆ อย่างเช่น ผมไม่ชอบเรื่องหุ้น ผมก็จะแค่ฟังเฉยๆ
X: คุณเป็นคนที่ต้องการพื้นที่ส่วนตัวมากใช่มั้ย? V: ตอนที่ไปทำงาน ผมจะให้พื้นที่ส่วนตัวกับตัวเอง อาจจะเป็นในรถหรือในห้องน้ำที่ทางกองเช่ามาก็ได้ อารมณ์ของผมถูกกระทบได้ง่ายมากๆ ถ้าหากว่าในวันนั้นต้องถ่ายฉากที่ซีเรียส ผมก็จะต้องสงบจิตใจลง หน้าของผมก็เลยดูไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ เมื่อก่อนผมปล่อยให้คนอื่นๆเห็นหน้าตาแบบนี้ของผม พวกเขาก็จะถามว่า “โอเคมั้ย?” “ไม่สบายเหรอ?” “หิวมั้ย?” แต่มันไม่ใช่อะไรแบบที่พวกเขาคิดเลย ผมก็เลยได้แต่ทำหน้าเหวอๆ ดังนั้นตอนนี้ถ้าจำเป็นต้องทำหน้าแบบนั้นอีกผมก็จะแอบไม่ให้ใครเห็น
พูดคุยเรื่องการแสดงได้ไม่รู้จบ X: ภาพยนตร์เรื่องไหนที่คุณดูได้ครั้งแล้วครั้งเล่า? V: Jurassic Park ตอนที่ผมยังเด็ก ผมชอบไดโนเสาร์และผมก็อยากเป็นนักโบราณคดี นอกจากนี้ผมก็ยังชอบภาพยนตร์ตลกช่วงตรุษจีนของฮ่องกง ที่ฉายช่วงปี 1990 มีนักแสดงดังๆมากมายและมีการแสดงทุกรูปแบบ ซึ่งน่าสนใจมากๆ โจวซิงฉือแสดงตลกได้เก่งมาก ตอนที่ผมแสดงไม่ออก ผมก็จะดูภาพยนตร์ตลกพวกนี้ เพื่อดูการแสดงออกทางสีหน้าและการเปลี่ยนอารมณ์ของพวกเขา
X: ฉันคิดว่าคุณได้มีการแสดงด้านตลกของคุณออกมาในละครเรื่อง B&W V: ตอนแรกผู้กำกับไช่ อยากให้ผมดูการแสดงตลกของ Brad Pitt เพราะตอนเริ่มแรกเลยเขาต้องการให้เป็นตลกที่เป็นแบบผู้ใหญ่ แต่หลังจากดูแล้ว ผมไม่คิดว่าแบบนั้นมันเหมาะสมกับเรื่อง B&W บทพูดของ B&W ไม่เข้ากันกับตลกแนวตะวันตก เรื่อง ของตำรวจที่ทำงานคู่กัน ภาพยนตร์คลาสสิกของฮ่องกง เรื่อง “Spicy Curry” (ผู้แปล loi: ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเรื่องนี้ใช้ชื่ออังกฤษว่าอะไร) นั้นน่าดูมาก การพูดคุยไร้สาระในเรื่องเป็นอะไรที่เรา (B&W) ต้องการ ผมพยายามที่จะไม่ทำให้ในแต่ละฉากดูแข็งๆ ตอนที่ผมลงรายละเอียดในการแสดง/แสดงให้ต่างออกไปนั้น มันจะไปกระตุ้นนักแสดงคนอื่น อย่างเช่น มาร์ค เขาเองก็หัวไว ดังนั้นเราก็เลยส่งลูกกันไปมาได้ เฉินไจ้เทียนเป็นบทที่มีชีวิตชีวา ไม่ทำอะไรตามกฎ ผมรู้ภายในลึกๆของเขา การมีปฏิสัมพันธ์ในกองถ่ายทำให้การแสดงของผมพัฒนาขึ้น
X: ในตอนนี้อะไรที่คุณรู้สึกเพลิดเพลินที่สุดในการแสดง? V: ตอนแรก ผมคอยฟังคำสั่งของผู้กำกับ : แอคชั่น-คัท แต่ในขณะที่คุณกำลังอินอยู่กับการแสดง คุณจะไม่ได้ยินเสียงผู้กำกับสั่ง “คัท” เลย Chin Pei หรือ Chin Dad (Paul Chun นักแสดงอาวุโส ที่แสดงเป็นพ่อของ Yue Ru ใน JDB และเป็นพ่อของเฉินหลินใน B&W) บอกผมว่าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับคำสั่ง แอคชั่น-คัท เพราะตอนที่เราพูดบทจนจบประโยคแล้วนั้นมันจะยังมีอะไรที่เป็นธรรมชาติอีก เยอะแยะเลยตามมา ก่อนหน้านี้ ตอนที่พูดบทจบประโยคแล้ว ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อดี ผู้กำกับก็ยังไม่สั่งคัท ผมก็จะถามผู้กำกับว่าจะคัทมั้ยหรือไม่ผมก็หัวเราะออกมา แต่ตอนนี้ถ้าผู้กำกับยังไม่สั่งคัท ผมก็จะแสดงต่อไปเรื่อยๆจนเขาพอใจ ตอนแรกยังไม่แน่ใจ ก็เลยไม่ได้มองการแสดงว่าเป็นเรื่องของผม แต่จะแคร์กับคำสั่ง แอคชั่น-คัท มากๆ ถ้า หากว่าผมไม่ได้แสดงไปซักพักหนึ่ง พอผมไปเข้าฉากผมจะรู้สึกตื่นเต้นมาก ผมอยากจะเริ่มแสดงเร็วๆเพื่อดูว่าคราวนี้ผมจะแสดงฉากนี้ออกมาเป็นยังไง บาง ครั้งผมตื่นเต้นมากเกินไปจนผมต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หรือไม่ก็เดินขึ้นบันไดเพื่ออุ่นเครื่องและผ่อนคลายร่างกายของผม จากนั้นการแสดงก็จะออกมาสมจริงและเป็นธรรมชาติในแต่ละฉาก
X: เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงตอนอายุ 19 ตอนนี้เกือบ 31 แล้ว หมายเลข 30 มีความหมายกับคุณอย่างไร? V: ผมหวังว่าผมจะสามารถแสดงได้อย่างอิสระเมื่ออายุ 30 ตอนนี้ก็หวังที่อายุ 40 ปี ผมเป็นคนโลภ ตอนที่ผมอายุ 20 ผมก็คิดว่าคนอายุ 30 นั้นแสดงได้ยอดเยี่ยมมาก ตอนนี้ผมก็หวังว่า ผมที่อายุ 30 ขณะนี้จะสามารถแสดงได้มั่นคงเหมือนคนอายุ 40 ผมตั้งเป้าหมายนี้ให้ตัวเอง ผมกระตือรือร้นมากที่จะเป็นนักแสดงที่สมบูรณ์ ผมไม่สนใจพลังวัยหนุ่มที่คนอายุรุ่นผมควรจะมี ผมมักจะมองเข้าไปในดวงตาของผมและก็จะเห็นคนสูงอายุอยู่ในนั้น ไม่ใช่คนที่เจนจัดต่อโลก แต่แค่ไม่เหมือนคนอายุรุ่นผม บางครั้งบทจะสดใสมีชีวิตชีวามาก ผมไม่ชอบบทแบบนี้ เพราะว่าใจของผมเหมือนคนอายุ 40 ปี ผมจึงไม่สามารถแสดงความสดใสของวัยหนุ่มออกมาได้ ผม มักจะติดอยู่ในบทและก็ต้องให้คนอื่นมาช่วยดึงผมออกมา “นายลงลึกเกินไปแล้ว กลับออกมาหน่อย” (หัวเราะ) ตอนที่ผมอายุ 28 ผมก็เหมือนเป็นคนแก่แล้ว เพราะผมใม่สนใจอะไรต่างๆที่คนหนุ่มๆสาวๆสนใจ นักแสดงหลายคนที่อายุ 40 แต่ยังคงแสดงบทของคนอายุ 20 ซึ่งมักเป็นเรื่องยากที่จะบอกอายุของนักแสดงได้ ผมเองก็แค่ลืมไปว่าตัวเองยังอายุน้อยอยู่
X: คุณมีใครเป็นแบบอย่างมั้ย? V: ตั้งแต่เด็กผมก็ดูภาพยนตร์ฮ่องกงมากมายหลายเรื่องของ หลิวเต๋อหัว เหลียงเฉาเหว่ย จากนั้นผมก็พบว่ายังมี RenDeHua, LiangJiaHui และโจวซิงฉือ ประมาณ 6-7 ปีก่อนผมสังเกตเห็น Nicky CheungJiaHui ซึ่งเขามักจะแสดงในทุกบทบาท ไม่เกี่ยงว่าจะมีบทน้อยหรือไม่ เขามักจะแสดงกับหลิวเต๋อหัว และแสดงบทพระรองในภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง แต่เป็นบทเล็กๆที่เต็มไปด้วยพลัง ซึ่งผมชอบการแสดงของเขามากกว่าดาราดังๆซะอีก เขาไต่เต้ามาจากบทเล็กๆ ตอนที่เขาเริ่มได้รับรางวัลการแสดงจาก ฮ่องกง ไต้หวันและจีน ในช่วง 2-3 ปีมานี้นั้น ผมรู้สึกแฮปปี้กับเขาด้วยจริงๆ เขาเป็นแบบอย่างให้กับนักแสดงอายุน้อยๆหลายคน “ผมถูกมองข้าม ไม่เป็นไร ผมจะพยายามให้มากขึ้น แล้ววันหนึ่งโอกาสก็จะมาถึง”
- จบ -
จากคุณ: oilsharon
จากคุณ |
:
Orange_vic
|
เขียนเมื่อ |
:
17 มิ.ย. 55 20:04:42
|
|
|
|
|