Rising Stars : แคน อติรุจ กิตติพัฒนะ
แม้หนุ่มๆ 3 ใน 4 ของแก๊ง The Star 8 จะลงมติเป็นเอกฉันท์ให้เขาเป็น เจ้าพ่อมุกแป้ก แต่หนุ่มเหนือเจ้าเสน่ห์ใบหน้าคมเข้มอย่าง แคน ที่แม้ภาย นอกจะแฝงไว้ด้วยท่าทีขัดเขินและขี้อายในบางเวลา แต่ลึกๆ แล้วกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและเป็นตัวของตัวเองอย่างที่สุด แถมยังรักธรรมชาติและชอบเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ เรียกว่าเป็นหนุ่มน่าค้นหาอีกคนก็คงไม่ผิดนัก
* หลายคนอาจจะยังเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นคนเชียงใหม่ แต่จริงๆ ผมเป็นคนสุโขทัย
* ก่อนประกวด The Star ผมใช้ชีวิตนักศึกษาคณะการสื่อสารมวลชนอยู่ที่มช. ที่จริงผมก็เรียนไปด้วยแล้วก็ชอบทำกิจกรรมไปด้วย เป็นพิธีกรบ้าง ร้องเพลงในม.บ้าง
* ผมชอบอยู่กับเพื่อนเพราะเป็นคน ขี้เหงา ถ้าว่างเมื่อไหร่ผมจะไม่เคยอยู่หอ แต่ชอบไปอยู่ที่คณะ เพราะมีเพื่อนเยอะ แล้วคณะที่ผมเรียนจะอยู่ติดเขา ผมชอบบรรยากาศที่นั่นมาก เหมือนกับได้เรียนและได้พักผ่อนในเวลาเดียวกัน ว่างๆ ก็จะขึ้น ไปนอนบนดอยปุย ชีวิตมีความสุขมากครับ (ยิ้ม)
* ที่จริงผมสมัคร The Star มา 3 ครั้งแล้ว ตั้งแต่ปี 6, 7, 8 ปี 6 ผมตกรอบตั้งแต่ห้องแรกเลย (ยิ้ม) พอปี 7 เข้ารอบลึกหน่อยเพราะติด 20 คน พอปี 8 ก็มาใหม่ แรกๆ ก็ท้อเหมือนกัน แต่พอคิดไปคิดมา ปีหนึ่งมีครั้งเดียวเอง ถ้าท้อแล้วไม่มาก็ น่าเสียดาย
* ที่แฟนคลับเรียกผมว่า เทพบุตร แอโรบิก ผมว่ามันก็ดูแตกต่างและตรงข้ามกันดี (หัวเราะ) ที่จริงไม่ได้คิดเลยว่าการที่ผมไปเต้นแอโรบิกตรงนั้นจะกลายเป็นเรื่องฮือฮา ผมเพิ่งรู้ทุกอย่างหลังจากออกจากบ้านว่าไอ้การเต้นแอโรบิกนี่มันทำให้คนจำผมได้ รู้สึกดีนะครับ เพราะเหมือนมีคนมองเห็นมุมมองเล็กๆ ที่มีในตัวเรา เพราะอย่างน้อยก็มีคำว่าเทพบุตร (ยิ้ม)
* เท่าที่ผมสังเกตตัวเอง ผมคิดว่า ตัวเองเป็นคนเรียนรู้อะไรเร็ว และค่อนข้าง ที่จะรับอะไรได้เร็ว อาจจะเป็นเพราะว่าใน หัวไม่มีอะไรอยู่แล้ว พอไปรับรู้อะไรแล้วก็จะรับได้เต็มๆ เลย ไม่รู้ว่ามันเป็นพรสวรรค์หรือเปล่า
* แนวเพลงที่ผมชอบมากและเป็น ตัวผมที่สุด มันเป็นคำตอบเดียวกันครับ ที่จริงผมไม่รู้จักชื่อแนวนี้เลยจนน้องแกงส้มมาบอกว่ามันเป็นแนว old school คือแนวเก่าๆ หน่อย ประมาณยุคบางแก้ว ลาบานูน ตอนที่ผมอยู่ ม.2 (ยิ้ม) ผมจะถนัดแนวนี้มาก แต่ถ้าเทียบกับสมัยนี้มันอาจจะเชย ไปแล้วเหมือนกัน แต่ผมก็ยังชอบแนวนี้นะ (ยิ้ม)
* ถ้าไม่ได้ประกวด The Star ปิดเทอมที่ผ่านมาผมคงว่างเปล่า กับชีวิตมาก ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น และไม่มีประสบการณ์ใหม่ๆ เข้ามา ต้องขอบคุณเวที The Star ที่เปิดโอกาสให้ผมได้เรียนรู้การทำงานจริง เพราะผมอยู่แต่ที่เชียงใหม่ จะไม่รู้เลยว่าการทำงานจริงๆ เป็นยังไง การที่ได้มาลองฝึกงานสักช่วงหนึ่งก่อนจะทำงานจริงในอนาคต ถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากนะครับ
* วีกเปิดตัวเป็นอะไรที่ผมทึ่งมาก เพราะตามสเต็ปผมจะต้องเดินออกมาแล้วหันหลัง พอดนตรีขึ้นแรงๆ ถึงจะหันหน้ามา ไอ้วินาทีที่หันหน้ามาแหละครับ โอ้โฮ! ตกใจ เพราะคนเยอะมาก มีป้ายไฟเต็มไปหมด เคยเห็นแต่ในทีวี แต่ตอนนี้เรามาเองความรู้สึกจริงๆ มันแตกต่างมากครับ เป็นอะไรที่สุดยอดจริงๆ จากที่สู้มา 3 ปี หายเหนื่อยเลย
* ตอนอยู่ในบ้านมีช่วงหนึ่งพี่ฮั่นเป็นริดสีดวง บางคนอาจจะรู้ว่าเป็นแต่ไม่รู้ว่าสภาพในบ้านเป็นยังไง ผมเข้าใจว่าเขาเจ็บปวด แต่ก็มีบางมุมที่มันตลก เขาจะนั่งตรงๆ ไม่ได้ อันที่จริงผมก็สงสารพี่เขานะครับเพราะเขาต้องซ้อมเต้น แต่ท่ามันฮาจริงๆ ผมก็อดไม่ได้ที่จะเม้าธ์ เพราะคราวก่อนพี่เขาเม้าธ์ผมไว้แรงมาก รับรู้ไว้นะครับพี่ (ยิ้ม)
* ที่น้องแกงส้ม โดมกับพี่ฮั่นบอกว่าผมมุกแป้ก ผมยอมรับว่าผมแป้กจริง แต่ ไม่ได้ตั้งใจให้แป้กเลย (ยิ้ม) ผมเคยสังเกต ตัวเองหลายครั้งจนรู้ว่ามุกบางมุกผมเตรียมมาแล้วและผมคิดว่ามันฮา แต่อาจจะเป็นเพราะว่าจังหวะผมไม่ถูกหรือเปล่า มีอยู่ ครั้งหนึ่งเคยเล่นในรายการบอกข่าวเล่าเรื่อง เล่นปุ๊บ ไม่ใช่แค่เพื่อนเงียบ แต่พิธีกร ทีมงาน พี่ๆ ทุกคนในนั้นเงียบ ผมเลยคิดว่าต่อไปผมคงต้องฝึกเข้าจังหวะให้แม่นกว่านี้ ต่อไปจะได้ไม่แป้กอีก (ยิ้ม)
* ทุกคนจะบอกว่าผมเนื้อเสียงดี แต่ผมรู้ว่าเทคนิคและวิธีการร้องของผมยังไม่ดีพอ ตอนนี้ผมพยายามร้องเพลงให้ดีขึ้นกว่าเดิม และกำลังพยายามเข้าฟิตเนสเพื่อออกกำลังกายฟิตหุ่น เพราะที่ผ่านมาผมจะเป็นมนุษย์ตัวหนีบ ไปถ่ายแบบที่ไหนก็ต้องมีตัวหนีบอยู่ข้างหลัง เพื่อให้เสื้อผ้าพอดี คราวนี้ก็เหมือนกัน (ฮา)
* ผมชื่นชมพี่โตโน่มาตลอด ตอนแรกแค่รู้จักเขาจากในสื่อว่าเขาเป็นยังไง แต่พอรู้จักเขาจริงๆ มันยิ่งกว่านั้นครับ ไม่ว่างานอะไรเขาเต็มที่หมด และเขาเห็นผมเป็นน้องจริงๆ เขาพยายามสอนทุกอย่าง พร้อมที่จะช่วยเหลือผมทุกเรื่อง ทุกวันนี้ ผมยังชื่นชมพี่เขามาก
* ผมฝันมาตั้งแต่เด็กแล้วว่าอยากทำโปรดักชั่นเฮาส์ของตัวเอง หรือไม่ก็เดินทางท่องเที่ยวไปในที่ที่ผมชอบ ผมไม่เคยเบื่อกับการเดินทางเลย
* ผมอยากมีชีวิตเรียบง่าย อยู่ในชนบทสักที่หนึ่ง อาจจะเป็นเมืองที่สบายๆ มีความเป็นธรรมชาติ ได้ทำในสิ่งที่ชอบ คือการได้ร้องเพลงไปตลอด และได้ไปอยู่ในที่ที่สบาย ทำแบบไม่ต้องเอาอะไรมาก ทำไปเรื่อยๆ แค่นี้มันก็โอเค แล้ว เพราะตัวแปรจริงๆ สำหรับผมคือความสุข
* สำหรับแฟนคลับ ผมอยากจะบอกว่าขอบคุณมากที่ให้โอกาสผมได้เข้ามาอยู่ตรงนี้ ได้มีพื้นที่ทำตามความฝันต่อไป บางทีผมเหนื่อย ป่วย หรือแม้แต่ว่าเพลงเราออกไปเขาก็จะบอกว่าให้โหลดให้ถูกต้อง เพราะเขาห่วงเรื่องลิขสิทธิ์ที่เป็นผลดีกับเรา ขอบคุณมากที่ดูแลผมดีขนาดนี้... เอาเป็นว่าผมจะพยายามพัฒนาตัวเองให้ ดีขึ้นเรื่อยๆ เพื่อที่จะได้รับการยอมรับจากพวกเขาและทุกๆ คนต่อไป ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมสู้อยู่แล้ว