|
Track By Track
Lost in the Echo
แทรคแรกของอัลบัมและเป็นเพลงที่ผมชอบมากที่สุดในอัลบัม เพราะไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าเป็นเพลงที่เอาใจสาวกเก่าๆ (สมัยHybrid Theory) เพลง นี้เป็นเพลงที่ผสมผสานทางด้านเสียง เทิร์นเทเบิลและซินธ์ไซเซอร์ เท่ห์ๆ ,ลีลาการแร็พของไมค์และการโชว์พลังเสียงของเชสเตอร์ในด้านคลีน และสครีม
ข่าวดี ครที่ชอบเพลงนี้เตรียมตัวเฮได้เลย เพราะ ทางวงได้ตัดเพลงนี้เป็นSingleที่2และกำลังเริ่มถ่ายทำ Music Videoกันอยู่
In My Remains
เพลงนี้ เปิดด้วยเสียงทิร์นเทเบิลและซินธ์ไซเซอร์ พร้อมกับเสียงการร้องของเชสเตอร์และเสียงของไมค์ในท่อน บริดจ์ Like an army, falling, one by one by one เพลงนี้เหมือนจะเป็นการเปิดไปสู่เพลงต่อไปอย่าง
Burn It Down
Singleแรกในอัลบัมนี้ซึ่งเป็นเพลงเรียบๆง่ายในภาคดนตรีและการร้อง ,ท่อนฮุคที่ทรงพลัง ผสมกับการแรพในช่วงท้ายเพลงของไมค์ เพลงนี้เรียกได้ว่าเป็นเพลงที่ฟังง่ายมากที่สุดเพลงนึงของLinkin Parkเลยทีเดียว และเพลงนี้เคยมีชื่อว่า "Buried At Sea"
Lies Greed Misery
มนุษย์ ทุกคนย่อมมีความ หยื่งยโส โลภ ความหลอกลวงและสุดท้ายก็ต้องพบกับความทุกข์ยากเองก็เท่านั้นและสุดท้ายเราก็ จะพบได้ว่ามันเกิดจากตัวของเราเอง
เพลงนี้เปิดมาด้วยเสียงซินธ์ไซเซอร์แบบเทคโนของแบรดและฟีนิกส์ ผสานไปกับการแรพของไมค์และเสียงสครีมอันเกรี้ยวกราดของเชสเตอร์
ส่วนตัวคิดว่า เป็นเพลงที่พูดได้ว่าเหมาะกับ Living Thingsมากทีุ่สุดแล้ว
I'll Be Gone
เมื่อถึงวันที่เราตาสว่าง สิ่งที่ต้องทำก็คือแค่จากไปนั่นเอง ไม้ เด็ดของLinkin Parkยังคงเป็นท่อนฮุค เท่ห์ๆ และเพลงนี้่ก็เช่นกันหลายครั้งที่เราได้ทึ่งในด้านพลังเสียงของเชสเตอร์คง ไม่แปลกที่เพลงนี้จะเป็นอีกเพลงและ นอกจากนี้เพลงนี้ยังได้ Owen Pallett มาช่วยในด้านเครื่องสาย
Castle of Glass
สิ่งที่มองเราเห็น อาจไม่สวยงามเท่าที่คิด ดั่งปราสาทแก้วที่อาจมีรอยร้าวอยู่ข้างใน เป็น อีกเพลงบัลลาดที่มีการสผสมระหว่างเสียงสังเคราัะห์อิเล็กทรอนิกส์ กับเสียงกีตาร์ไฟฟ้าบางๆ ผ่านการร้องเสียงคลีนระหว่างไมค์กับเชสเตอร์
เพลงนี้ มีความหมายมืดหม่นและหวาดระแวง แต่มีการใช้ ภาษาที่สละสลวยมากที่สุดอีกเพลงนึง ที่วงเคยเขียนเนื้อเพลงขึ้นมา
Victimized
สั้นๆ แต่ทรงพลัง คือนิยามของเพลงนี้
ผมเชื่อแหละครับว่า ชาวเบอดอน์เลี่ยน?! อยากจะตกเป็นเหยื่อในด้านการหวดกลองของพ่อหนุ่มร็อบคนนี้ ไม่กี่เพลงที่่เราจะได้เห็นร็อบหวดกลองได้มันส์และสะใจแบบนี้ และเพลงนี้เป็นไม่กี่เพลงที่ไช้กลองอัดสด แทนที่จะไช้กลองแซมเปิลอย่างในหลายๆเพลงที่ผ่านมา
ผมถือได้ว่า ร็อบคือพระเอกของเพลงนี้ครับ
Skin To Bone
อีก 1 เพลงที่ปราศจากเสียงกีตาร์ไฟฟ้า และแทนที่มาด้วยเสียงคีย์บอร์ดและเสียงสังเคราะห์ของ ฮาน และเพลงนี้เป็น Folk music ซึ่งพวกเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากผลงานต่างๆของ Bob Dylan ในยุค 80
Roads Untraveled
เพลง บัลลาดอีกเพลงที่มีเสียงร้องของไมค์ ผสานไปกับ เชสเตอร์ คลอๆไปกับเสียง เปียนโนและเสียงสังเคราะห์ ต่างๆ ผสมกับเสียงโซโล่เท่ห์ๆของไมค์ และก็เป็นอีก Folk music ที่ พวกเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Bob Dylan เช่นเดียวกันกับ Skin To Bone
Until It Breaks
ถ้าไมค์เป็นคนเริ่มเพลงนี้ แบรดก็คือคนเดียวที่จะมาจบเพลงนี้เช่นกัน เชื่อว่าทุกคนจะต้องรู้สึก เซอร์ไพรส์ เมื่อฟังเพลงนี้ซึ่งเดี๋ยวผมจะมาพูดทีหลังว่าอะไร
เพลง นี้อาจพูดได้ว่าเป็นเพลงร็อคได้ไม่เต็มปากนัก รู้สึกว่ามันคือ ฮิปฮอป ที่มีบีท ต่ำๆ คลอไปกับเสียงกลองอีเล็กทรอนิกส์,กีตาร์ผสมกับเสียงเครื่องสายรองพื้น (ซึ่งผมเผลอคิดไปว่ามันเหมือน Fort Minor)
โดยเนื้อเพลงนั้น2มุมมองที่แตกต่างกันระหว่างชีวิตคนกับสงครามโดยจะสื่อออกมาได้ว่าไม่ว่าเราจะเป็นใคร จุดจบของทุกคนคือสุดท้ายสักวันหนึ่งเราก็ต้องไปยังที่ๆนึงเหมือนกันทุกคน
And when the large bells ring, the poor men sing "Bring me to kingdom come"
ส่วนเซอร์ไพรส์ที่ผมได้กล่าวขึ้นมาขั้นต้นนั่นคือเสียงร้องเต็มๆในท้ายเพลงของ แบรด มือกีตาร์โดยไอเดียในด้านการร้องในเพลงนี้ เป็นของแบรดเอง
เชื่อว่าหลายๆคนรอชมแบรดร้องเพลงนี้ในการแสดงสดครับ
Tinfoil เพลงบรรเลง Interlude สั้นๆที่ชวนไห้นึกถึง Cure For The Itch และ Session" เพลงนี้คือการปล่อยของ อีกเพลงของ ฮาน และเพลงนี้คืออินโทรของเพลง
Powerless
ถ้าแทรคที่แล้วชวนให้นึกถึง Fort Minor แทรคนี้ก็อดนึกถึงDead By Sunriseไม่ได้ เพลงสุดท้ายในอัลบัม Living Things
ถ้าจะไห้พูดถึงเพลงนี้ก็คงจะเป็นอีกเพลงบัลลาด ของLPที่มีเสียงเปียนโนและซินธ์ไซเซอร์คลอเบาๆไปกับ เสียงร้องของเชสเตอร์ที่มีพลังโดยไม่ต้องสครีม ก่อนที่จะได้ยินเสียงกีตาร์ของแบรดในช่วงท้ายเพลง
เพลงนี้คือเพลงประกอบภาพยนต์เรื่อง Abraham Lincoln : Vampire Hunter
โดยรวมๆแล้ว Living Things คืออัลบัมที่ถือว่าเ็ป็นการคืนฟอร์มในแนวดนตรีของLinkin Park ในรอบ 8ปี (นับตั้งแต่ Meteora) ที่สากวกรุ่น เก่าๆชอบ แต่จะให้อัลบัมนี้ไปเทียบกับ Master Piece อย่าง Hybrid Theory ผมว่ายังห่างอีกหลาย ขุม
จากคุณ |
:
nuvision
|
เขียนเมื่อ |
:
21 ส.ค. 55 23:26:06
|
|
|
|
|