**092 F4 BO CLUB_11 AUG 03**...เคน และ จีจี้ ใน QING QIAN YI XIAN

    กระทู้นี้แตกประเด็นมาจาก A2407833

    เคน และ จีจี้ ใน QING QIAN YI XIAN

    ในวันที่สองของการถ่ายทำมิวสิควีดีโอ QING QIAN YI XIAN เรารู้ว่าทางทีมงานต้องการหาสถานที่ที่อยู่ไกลๆและเงียบๆในการถ่ายทำฉากข้างนอก หลังจากการสืบที่ยาวนานของผู้สื่อข่าว ที่ได้ค้นพบการจัดฉากไว้ที่โรงทำแป้ง ซึ่งซ่อนตัวอยู่หลังโรงงานอื่นๆ ถ้าไม่มีใครบอกทางแล้วล่ะก็สถานที่แห่งนี้คงยากที่จะหาพบ มีคนบอกว่าโรงทำแป้งแห่งนี้เคยเป็นของครอบครัวที่มีฐานะชาวมองโกเลีย แต่เป็นเพราะว่าคำขอร้องจากทางการ มันจึงต้องปิดตัวลง

    ที่สถานที่ที่มีการจัดฉากนั้น อีกสิ่งที่ทำให้บรรดาผู้สื่อข่าวต้องประหลาดใจไปตามๆกันก็คือแฟนๆกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งของทั้งเคนและจีจี้ ซึ่งได้เดินทางมาถึงเกือบจะพอๆกันกะผู้สื่อข่าวเลย เรียกได้ว่าเซนส์ของแฟนๆดีกว่าความสามารถของนักข่าวเสียอีก แฟนๆชาวเซี่ยงไฮ้เหล่านี้มีความพิเศษที่ไม่เหมือนแฟนๆจากที่อื่นๆ ( แหม...แต่อาจเหมือนแฟนเพลงชาวไทยก็ได้นะ ลองให้เอฟซื่อมาไทยแลนด์สักครั้งสิ ) ที่จะกรีดร้องและตะโกนเวลาได้เห็นขวัญใจของพวกเขา แฟนๆกลุ่มเซี่ยงไฮ้สงบเสงี่ยม มีความสุภาพ และดูเหมือนจะขี้อายกันอีกด้วย พวกเธอไม่ขัดขวางการทำงานของผู้สื่อข่าวเลย ( ดีมากจ้ะ...เราต้องไม่ไปทำลายงานของผู้อื่น ชื่นชมเงียบๆก็พอแล้ว ) พอตกตอนเย็น รถยนต์สองคันได้เริ่มแล่นเข้ามายังบริเวณโรงงาน ผู้สื่อข่าวหลายคนคาดว่าต้องเป็นรถของเฮียเคนกะเจ๊จีจี้ขับมาแน่ๆ แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ เป็นรถของทางทีมงานที่มาเซ็ตฉากต่อ ทำให้บรรดาผู้สื่อข่าวรู้สึกผิดหวังไปตามๆกัน จนกระทั่งรถเคเบิลคาร์มาถึง ผู้สื่อข่าวก็ยกกล้องเตรียมทำข่าว แฟนๆก้อเริ่มลุกขึ้นยืนดู

    ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถตู้สีขาวก็เคลื่อนเข้าสู่บริเวณโรงงาน หลังจากการตื่นเต้นที่ผิดพลาดไปแล้วคราวนี้จึงไม่มีใครสนใจรถตู้คันนี้เลย และแล้วร่างสูงของสาวคนหนึ่งในชุดแจ๊กเก็ตสีชมพูก็ก้าวลงจากรถ คราวนี้นักข่าวจึงรู้สึกตัวซะทีว่า..นั่นมันจีจี้นี่หว่า ช่วงเวลานั้นทุกคนก็หันกล้องถ่ายรูปไปทางเธอแล้วแสงแฟลชก็ทำงาน ซึ่งเจ๊จีจี้เธอก็ทำหน้าประหลาดใจสุดๆที่ได้เห็นผู้สื่อข่าวจำนวนมาก แล้วเธอก็กลับเข้าไปในรถตู้อีกครั้ง หลังจากนั้นก็มีรถทยอยตามมาเรื่อยๆ แฟนๆก็เริ่มลุกขึ้นยืนอยู่ข้างหลังบรรดาผู้สื่อข่าวอย่างเงียบๆเพื่อมองขวัญใจของพวกเขา

    เมื่อเคนและหลิวจีมาถึง ทุกอย่างก็ได้เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว ผู้สื่อข่าวก็ได้รับอนุญาตให้เข้าไปข้างใน เมื่อเจ้จีจี้ เฮีย และหลิวจีเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็ออกมาปรากฏตัวพร้อมกัน

    เฮียวันนี้ตลกไม่ฝืดเล่นมุขไปหลายรอบ

    ดาราทั้งสามคนยืนเรียงกัน ให้บรรดาผู้สื่อข่าวได้ถ่ายรูปกันหลังจากที่ตั้งกล้องมานาน และเนื่องจากที่นั่นไม่มีโต๊ะให้วางของ บรรดาไมโครโฟน อุปกรณ์ในการสัมภาษณ์ทั้งหลายแหล่จึงต้องให้พวกเขาทั้งสามคนถือไว้ ( น่าสงสารเฮียจริง ขนาดจะถูกสัมภาษณ์ยังวิบากกรรมขนาดนี้ ) ผู้สื่อข่าวของนิตยสารของเราก็เดินตรงไปหาเฮีย และก้อขอร้องให้เธอช่วยถือ"Dian Shi Peng You" ซึ่งเป็นเครื่องที่ใช้ในการสัมภาษณ์หน่อยจะได้ไหม เฮียเธอก็ยิ้ม ( แบบน่าเอ็นดู๊มั่กมาก ) เป็นเชิงบอกว่าจะถือให้และแล้วการสัมภาษณ์ก็เริ่มขึ้น...
    “ Qing Qian Yi Xian เป็นเรื่องราวแบบไหนคะ แล้วพวกคุณได้รับบทอะไรกันบ้างเอ่ย”
    เฮียตอบเป็นคนแรกค่ะ ( เพราะเธอชอบเม้าท์เป็นชีวิตจิตใจ ) “ พวกเราทั้งสามคนรับบทเป็นนักเรียนครับ ( กระชากวัยกันสุดๆเลยนะเฮีย )” เจ๊จีจี้เธอก็พูดเสริมต่อว่า “ แต่เรามาจากคนละรุ่นกันค่ะ ฉันเป็นรุ่นดึกดำบรรพ์ ที่คอยสั่งสอนพวกเขาผ่านวิทยุว่าความรักคืออะไร” หลังจากพูดจบประโยคเธอก็หัวเราะ ซึ่งเฮียก็หัวเราะไปกะเธอด้วยก่อนจะพูดต่อว่า “ เจ๊แกแก่กว่าผมครับ ดังนั้นจึงเข้าใจความรักมากกว่าผม” หลังจากหยอดมุขแล้ว เฮียเธอก้อมาสรุปฉากที่ได้ถ่ายทำไปแล้วให้ผู้สื่อข่าวฟัง “ เมื่อเช้านี้ผมเพิ่งจะถ่ายทำฉากฝนตกเสร็จครับ เปียกไปทั้งตัวเลย แล้วก้อรีบมาเปลี่ยนชุดเพื่อมาเจอกับทุกๆคนนี่แหละครับ ฉากที่จะถ่ายทำที่นี่ก็จะเป็นฉากจบและก็เป็นฉากที่มีความสำคัญของมิวสิควีดีโอตัวนี้ครับ” เจ๊จีจี้เธอขอพูดบ้าง “ เมื่อวานเราไปถ่ายทำกันที่จิง ซาน อากาศที่นั่นหนาวมั่กมากเลยค่ะ เราต้องใส่เสื้อเปียกๆข้างในชุดของเรา หลายครั้งที่เราเกิดอาการ NG ( ม่ายรุว่ามันคืออาการอะไรค่ะ) ทำให้ต้องเทคกันบ่อยกว่าจะถ่ายฉากนั้นเสร็จ” “ แล้วการถ่ายทำวันนี้มีฉากของคุณไหมคะ” ผู้สื่อข่าวถามเจ๊จีจี้ “ อ๋อ..ไม่ค่ะวันนี้ฉันไม่ต้องเข้าฉาก เพียงแต่ว่าอยากมาเจอทุกคนเท่านั้นเอง”

    จะเห็นได้ว่าเจ๊จีจี้เป็นขาเม้าท์ตัวจริงฮ่ะ ผู้สื่อข่าวเลยถามเธอเรื่องฉากฝนตกเมื่อเช้าและความรู้สึกของเธอต่อเพื่อนร่วมงานทั้งสอง เจ๊จีจี้ตอบว่า “ ทุกคนทำงานกันหนักมากฮ่ะ เพราะเราต้องการให้งานออกมาเลิศสุดๆ พวกเขาต้องปล่อยน้ำฝนเย็นๆให้ตกลงมาบนตัวพวกเรา ( ฟังแล้วสงสารเฮียมากขึ้น ที่จีนก็หนาวมากๆอยู่แล้ว เอาน้ำเย็นมาลาดกันอีก) มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะทำกันได้นะคะ มันทำให้ฉันรู้สึกดีมากๆค่ะ ที่เห็นแต่ละคนมุ่งมั่นในการทำมิวสิควีดีโอตัวนี้ ทำให้ฉันต้องทุ่มเทสุดตัวค่ะงานนี้” “ เนื่องจากต้องมีการเทคเพราะอาการNGกันบ่อยๆ มีเบื่อกันมั่งหรือเปล่าคะ”
    นักข่าวซักเธอต่อ เจ๊เธอทำท่าละอายแก่ใจค่ะ แล้วก็หัวเราะก่อนจะตอบว่า “ ความจริงแล้วการเทคเพราะอาการNGเนี่ยมาจากฉันเองค่ะ พูดกันตรงๆนะคะ หลังจากทำงานมาได้สองวัน ฉันก็ยังปรับตัวไม่ได้สักที ไม่สามารถทำได้อย่างที่ผู้กำกับต้องการ ( เจ๊มีแผนแกล้งเทคอ๊ะเปล่าเนี่ย ) แต่ฉันก็พยายามจะทำให้ได้อย่างที่คาดหวังไว้ค่ะ” เฮียซึ่งนั่งอยู่ข้างๆก็ช่วยเจ๊ตอบค่ะ “ ไม่จริงหรอกครับ ผมก้เป็นอาการเดียวกับเธอนี่แหละ ( สุภาพบุรุษเจงๆเฮง ปกป้องตลอด) พวกเราพยายามทำความเข้าใจความต้องการของผู้กำกับ ถึงแม้ว่าบางครั้งมันจะยากไปบ้าง แต่เราก็ค่อยๆทำงานกันไปอ่ะครับ” นักข่าวเริ่มขุดคุ้ยถามคำถามที่ว่าทำไมเจ๊จีจี้กะเฮียเคนถึงร่วมงานกันบ่อยจังคะ เจ๊จีจี้แกทำหน้างงค่ะ เพราะคุณนายเธอไม่เข้าใจคำว่า"pin2 fan2" ซึ่งพูดในสำเนียงจีนกลาง เฮียก็เลยต้องกระซิบข้างหูเจ๊จีจี้ค่ะ ( ฉากนี้บาดตาฮูหยินจูทั้งหลายอย่างแรง) เพื่อบอกว่าคำว่า"pin2 fan2"เนี่ยแปลว่าบ่อยๆ หลังจากที่รู้เจีจีจี้ก็มีอาการอึกอักๆ ก่อนจะตอบว่า “ เอ่อ..เพราะว่า..บางที..เอ่อ..มันอาจจะเป็นเพราะเรามาจากบริษัทเดียวกัน” พอพูดจบเธอก็หัวเราะ ผู้สื่อข่าวกับทีมงานก็หัวเราะไปกะเธอด้วย เฮียเลยแซวซะเลยค่ะว่า “ มันยากลำบากมากใช่ไหมเนี่ย ที่จะพูดว่าเรามาจากบริษัทเดียวกัน” ( ก็เจ๊จีจี้เธออาจมีเหตุผลอื่นในใจที่ไม่ใช่คำตอบนี้ก็ได้นะ เธอเลยอึกอักอยู่นาน) พูดแซวจบแล้วเฮียก็หันหน้ามาหาผู้สื่อข่าวค่ะ “ เนื่องจากว่าเรามาจากบริษัทเดียวกัน ดังนั้นจึงสะดวกในการทำงานร่วมกันครับ”
    เมื่อผู้สื่อข่าวบอกให้ผู้ถึงบทบาทของอีกฝ่ายให้ฟังหน่อย เจ๊จีจี้ก็แย่งพูดก่อนเลยว่า “ เนื่องจากเราทั้งคู่เข้าฉากด้วยกันน้อยมาก เพราะฉะนั้นมันเลยไม่เหลือความรู้สึกอะไรสำหรับฉัน” เมื่อผู้สื่อข่าวขอให้พูดถึงอีกฝ่าย เจ๊จีจี้ก็พูดก่อนอีกแล้วค่ะว่า “ ฉันรู้สึกว่าเขาเป็นดาราดังค่ะ” พอได้ยินแบบนั้นเฮียแกก็เขินค่ะ แล้วทำเป็นพูดเล่นออกอาการโอเวร์ตามสไตล์เฮียล่ะค่ะ ก่อนจะหันมาพูดกับเจ๊ว่า “"Suan4 Ni2 Hen2" เจ๊จีจี้เธอก็อธิบายว่า “ มันเป็นแบบว่าไม่ว่าจะทำอะไรสาวๆก็กรี๊ด หน้างี้ขาวซีดเหมือนจะเป็นลม เคนเป็นคนสนุกตลก ถึงแม้เราจะไม่ค่อยเข้าฉากด้วยกัน แต่พอพักกอง เราจะสนิทกันมาก เขาเป็นคนสุภาพและมีเสน่ห์มากค่ะ” แล้วเธอก็หันมาพูดกับเฮีย “ เธอคงไม่พูดใช่ไหมว่าฉันเป็นคนดัง” “ หรือคุณไม่ดังล่ะ” หลังจากพูดกะเจ๊แล้วก็หันมาพูดกับผู้สื่อข่าว “ จีจี้เป็นคนอัธยาศัยดีมากครับ ถ้าคุณได้อยู่ใกล้ๆเธอคุณไม่ต้องกังวลเลยว่าเธอจะขี้โมโห ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามเธอก็จะพูดกับคุณดีๆ”

    ผู้สื่อข่าวสังเกตว่าเฮียดูจะตอบชัดถ้อยชัดคำขึ้น แม้ว่าการสัมภาษณ์ที่เซี่ยงไฮ้ครั้งนี้จะมีปัญหาด้านภาษาบ้างก็ตาม ผู้สื่อข่าวเลยถามเฮียว่าภาษาดีขึ้นใช่ไหม โดยไม่มีคาดฝัน เฮียก็ตอบเป็นสำเนียงจีนกลางแบบปักกิ่งว่า “ ใช่แล้วครับ ไม่มีปัญหาครับ ผมกำลังจะเป็นพลเมืองจีนเต็มตัวแล้วครับ” ( เฮียเก่งจริงๆ ปรบมือให้เฮียค่ะแปะๆๆๆ) คำตอบของเฮียเรียกเสียงหัวเราะจากคนอื่นๆในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ค่ะ แล้วเฮียเธอก้อมะหยุดโชว์ความสามารถของเธอ เธอพูดสำเนียงจีนทางใต้ว่า “ จริงๆแล้วมันสนุกนะครับ ผู้สื่อข่าวของจีนแผ่นดินใหญ่ก็เป็นมิตรดีมาก มันไม่เป็นปัญหาเลยในตอนนี้ ผมสามารถเข้าใจว่าคุณกำลังพูดอะไร โดยเฉพาะสำเนียงทางเหนือที่ออกเสียงยากๆต่างจากภาษาจีนที่ผมคุ้นเคย ” ซึ่งดูเหมือนว่าเฮียจะมีพรสวรรค์จำกัดจึงพูดได้แค่ “ ใช่ ไม่มีปัญหา จริงๆแล้ว และไม่” และเฮียก็ยังทำตัวคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในเซี่ยงไฮ้ เพราะเฮียแกว่างมากค่ะ “ อาหารเซี่ยงไฮ้ทานง่ายและที่นี่ก้อเป็นสถานที่น่าอยู่” ( น่านเริ่มต้นก็ของกินเลยนะเฮีย) “ ผมเอาคอมพิวเตอร์มาด้วยนะแล้วก้อเครื่องเล่นดีวีดี ตอนอยู่ในห้องผมก็ออกกำลังกายด้วยล่ะ” ( ก้อยังดีนะเฮียยังรู้จักเผาผลาญไขมัน )

    “ รู้สึกว่าตอนนี้ไวรัสโรคSARS กำลังระบาดในฮ่องกง พวกคุณเคยเจอบ้างไหม” ผู้สื่อข่าวถาม เจ๊จีจี้เริ่มหงุดหงิดค่ะ “ สงสัยว่าฉันมีเชื้อโรคนี้อยู่หรือคะ” เฮียซึ่งนั่งอยู่ข้างๆก็เริ่มไอค่ะ “ เธอเป็นอะไรไอหาตาเคน” เจ๊จีจี้หันมาถามเฮีย เฮียก้อจับมือเจ๊โบกไปโบกมาพร้อมพูดเสียงดังมากๆว่า “ เรามะด้ายเป็นSARS เรามะด้ายเป็นSARS” ( เฮียทำเป็นตลกเพื่อช่วยเหลือเจ๊จีจี้ค่ะ เป็นคนดีจริงๆ) เพราะเชื้อโรคที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วทำให้ดาราฮ่องกงหลายคนต้องสวมหน้ากาก แต่เจ้จีจี้แกบ่ยั่นค่ะ “ ตอนนั้นฉันมีแสดงคอนเสิร์ต พอเสร็จแล้วก็กลับบ้านนอนเลย ตื่นมาก็ทำความสะอาดห้อง ตอนนั้นมีดาราหลายคนสวมหน้ากาก แต่ฉันไม่ เมื่อฉันว่าเซี่ยงไฮ้ คนที่เข้ามาใกล้ฉันก็ไม่เห็นมีอาการอะไรเลย” เจ๊จีจี้ยังโปรโมตอัลบัมจีนฮกเกี้ยนของเธอ โดยบอกว่ามีเพลงนึงในนั้นที่เธอมอบให้คุณแม่ของเธอค่ะ ( เป็นลูกกตัญญูดีค่ะเจ๊ )

    เฮียกะหลิวจีตกหลุมรัก

    หลังการสัมภาษณ์การถ่ายทำก็เริ่มต้นขึ้น เชือกที่เอาไว้กั้นห้ามเข้าก็ถูกนำมาใช้ นักข่าวถูกกันออกมาข้างนอก ฉากที่ถ่ายทำเป็นฉากท้ายๆของมิวสิควีดีโอ หลังจากโทรศัพท์กับเจ๊จีจี้ซึ่งอยู่เมื่อ 20 ปีก่อนแล้ว ทั้งสองก็เดินจูงมือกัน( หมายถึงเฮียกะหลิวจีอ่ะค่ะ) ผู้สื่อข่าวก็ได้หาที่เหมาะในการทำข่าวได้ค่ะ อยู่ระหว่างโรงงานทั้งสอง ซึ่งจะเห็นการถ่ายทำทุกช๊อตเลย

    เมื่อเฮียกะหลิวจีได้พักกองตอนพระอาทิตย์ขึ้น ก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ฟังผู้กำกับอธิบายเกี่ยวกับบท แต่เมื่อผู้สื่อข่าวของเราตะโกนว่า “ หลิวจีหันมาทางนี้หน่อยคร๊าบ” หลิวจีเธอก็หันมายิ้มหวานให้กล้องและทำท่าทางว่ากำลังทำงานอยู่และมันจะเป็นการดีที่เราจะไม่ไปรบกวนการทำงาน เมื่อกล้องเดิน เฮียกะหลิวจีก็ยืนอยู่ด้วยกันที่มุมข้างๆ พูดคุยกันเบาๆ เฮียก็จัดอินเตอร์คอมของเฮียให้เข้าที่ แล้วทั้งสองก็เคลื่อนไหวไปตามกล้อง ฉากหลังเป็นพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม ทุกอย่างเงียบงัน มีเพียงเสียงฝีเท้ายามก้าวเดินของทั้งสองคนเท่านั้น แต่แล้วท่านผู้กำกับก็สั่งคัทค่ะ เนื่องจากเฮียได้โยนอินเตอร์คอมไปไหนไม่รู้ ทางทีมงานจึงต้องมาอธิบายการใช้ให้เธอฟัง และก็ทำให้ดุเป็นตัวอย่าง แล้วการถ่ายทำก็ดำเนินต่อไป

    แต่แล้วการถ่ายทำก็มีอุปสรรคอีกจนได้เมื่อมีคุณลุงคนหนึ่งปั่นจักรยานผ่านมาโดยที่แกก็ไม่รู้ว่าเขากำลังถ่ายทำมิวสิควีดีโอกันอยู่ พลางตะโกนถามว่าพวกเขาถ่ายทำอะไรกันอยู่หรือเปล่า ทำให้ทีมงานต้องตะโกนบอกคุณลุงท่านนั้นให้เงียบๆหน่อย และก็ถ่ายทำต่อ เฮียกะหลิวจีเริ่มมีอาการเหนื่อยปรากฏให้เห็นเมื่อต้องวิ่งกันหลายรอบ แค่ที่กำหนดไว้ก็600 เมตร แล้วจ้ะ มันไม่ง่ายเลยเนอะกะการเป็นนักแสดง ( เห็นด้วยกะประโยคสุดท้ายครับท่าน )
    แปลโดย: น้องโบ ณ บ้านโบ(มือใหม่ค่ะ)แต่เก่งสุดยอด
    วันที่ 17 เมษายน 2003
    sources: โดย เจีย จง เป้า

    จากคุณ : ~vanness_lover~ - [ 11 ส.ค. 46 15:20:27 ]