ความคิดเห็นที่ 2
Bird Flies : Charlie Parker 1941-1955
เริ่มบทความตอนนี้กันแบบเดิม ๆ คือว่า ในขณะที่ Louis Armstrong ได้ยกระดับดนตรีแจ้สขึ้นจากรูปแบบความบันเทิงไปสู่ศิลปะทางดนตรีแล้วนั้น Charlie Parker ก็ช่วยย้ำความสำเร็จนั้นลงสู่ความเป็นศิลปะทางดนตรียุคใหม่อย่างแท้จริง เปรียบได้กับ Pablo Picasso หนึ่งในผู้ที่เป็นนิยามของคำว่า modern
นานมาแล้วก่อนที่นักดนตรีร็อคจะได้เป็นตัวอย่างผิด ๆ ให้กับสังคมด้วยการติดยา และใช้ชีวิตแบบสุด ๆ นักดนตรีแจ๊สนั้นเริ่มกันมาตั้งแต่ยุคบุกเบิกกันเลย ไม่ว่าจะเป็นในยุค 1920 ขึ้นมาเรื่อย ๆ จนถึง 1950 ไม่ว่าจะเป็น Chet Baker, Billie Holidays และอื่น ๆ อีกมากมาย Charlie Parker ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ทำทุกอย่างแบบสุด ๆ เหล้าหนัก, ยาก็หนัก, หญิงก็หนัก แล้วก็ยังเล่นดนตรีอย่างหนักอีกด้วย ทำให้ในขณะที่ร่างกายหมดสภาพ เขานั้นได้เปลี่ยนรูปแบบของแจ้สจากหน้ามือเป็นหลังเท้าไปเลย แม้ว่าจะไม่ใช่ด้วยตัวเขาคนเดียว แต่ถ้าขาดเสียงของ Bird ไปแล้วแจ้สในปัจจุบันก็คงไม่เป็นอย่างที่เป็น
ความสามารถของ Parker ดูเหมือนจะเป็นการนิยามความเป็นรูปแบบของดนตรีประเภทใหม่นี้ ความสามารถในการคิด และ เล่นโน้ตได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เขาสามารถสร้างท่อนโซโลที่ซับซ้อน ได้อย่างรวดเร็ว และยังเล่นได้เร็ว อีกทั้งเป็นเวลานานอีกด้วย เขาสามารถเปลี่ยนคอร์ดสร้างฮาโมนิคที่ซับซ้อนแบบสุด ๆ แต่ในขณะเดียวกันฟังเป็นธรรมชาติ และสมบูรณ์แบบ เขาสามารถเว้นจังหวะได้เหมาะสม เน้นในจุดที่ไม่สามารถคาดเดาได้ แต่ทุกท่วงทำนองที่ถ่ายทอดออกมานั้นกลับ ฟังดูแล้วลื่นไหล ฟังดูเหมือนง่าย เป็นธรรมชาติ เหมือนกับว่าเด็ก ๆ คนไหนมาจับเครื่องดนตรีก็สามารถทำออกมาได้อย่างเขา
อย่างไรก็ตามนักดนตรีที่ผ่านสนามมาอย่างโชกโชน กลับพบว่าทุกอย่างที่เขาทำนั้นมันซับซ้อน รวดเร็วยากนักที่จะตามความคิด และความเร็วของ Parker ได้ทัน และแล้วจนที่สุดเขาก็บินไปไกลสุดกู่เมื่อในช่วงสุดท้ายของชีวิตเขาเริ่มสนใจที่จะทำงานร่วมกับเครื่องสาย และสนใจในดนตรีของ Varese และ Stravinsky ปล่อยให้นักดนตรีแจ้สที่เหลือตามมาทำความเข้าใจกับสิ่งที่เขาสร้างขึ้น นั่นเกิดขึ้นหลังจากที่เขาเข้าพักรักษาตัวจากอาการทางประสาทเป็นเวลาถึง 6 เดือน
Parker ร่วมงานกับทุก ๆ คนที่มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ดนตรีประเภทใหม่นี้ ไม่ว่าจะเป็น Dizzy Gillespie, Charles Mingus, Thelonious Monk, Bud Powell และยังสร้างนักดนตรีที่จะปูทางไปสู่ความยิ่งใหญ่ในยุคถัดมาอีกอย่างเช่น Miles Davis, Max Roach, Kenny Clarke, Duke Jordan, Tommy Potter และ J.J. Johnson ความยิ่งใหญ่ของ Charlie Parker คือ นอกจากที่เขาจะส่งผลกับนักดนตรีที่เล่นเครื่องดนตรีประเภทเดียวกันกับเขาเหมือนกับผู้ยิ่งใหญ่ท่านอื่น ๆ สิ่งที่ Parker ทำขึ้นนั้นส่งผลไปสู่นักดนตรีแจ้สทุก ๆ คนเลยทีเดียว
แผ่น Charlie Parker มีเยอะมาก Boxset ก็มีเยอะ ที่ผมมักจะแนะนำอยู่บ่อย ๆ คือ Yardbird Suite : The Ultimate Charlie Parker Collection เป็น double CDs set แต่ดูเหมือนว่าจะหาซื้อยากขึ้นทุกที ๆ แบบถูก ๆ น่ะครับ ถ้าสนใจจริง ๆ ที่ Amazon มีขายรวมส่งแล้วก็ประมาณ 1600 บาทได้ครับ อีกแผ่นที่น่าฟังคือ The Quintet/Jazz at Massey Hall อันนี้หาง่าย OJC เอามาทำเป็น 20 bit แล้ว เป็นแผ่นสดที่หลายคนถือว่าเป็นแจ้สสดที่ดีที่สุดที่มีการบันทึกไว้ อัดในปี 1953 ในขณะที่ be-bop ได้เติบโตเต็มที่แล้วครับ ถ้าจะให้พูดกันตรง ๆ แล้วผมกล้าที่จะบอกว่า อย่า ไปเสียเงิน เสียเวลากับ Jazz at the pawnshop เลยครับ Jazz at Massey Hall นั้น ถูกกว่ามาก และมีคุณค่าทางดนตรีมากกว่าหลายขุมนัก แต่คงสู้เรื่องการอัดเสียงไม่ได้มั้ง
จากคุณ :
Nattapong (Arm1972)
- [
30 ส.ค. 46 23:58:01
]
|
|
|