C2498602 อยากรู้ประวัติอย่างละเอียดของ Ken อาจจะมีข่าวดีนะ(ถ้าใช่เพื่อนของพี่ชายเพื่อนเราเอง) [F4 Forever]

ความคิดเห็นที่ 11

จูเสี้ยวเทียน Chu Xiao Tian / Zhu Xiao Tian
ชื่ออังกฤษ
Ken Chu / Ken Zhu - เคน จู
"Chu" เป็นภาษากวางตุ้ง ส่วน "Zhu" เป็นภาษาจีนกลาง ในลายเซ็นต์เคนจะใช้เป็น "Ken Chu" เพราะฉะนั้นเวบเราจึงใช้ "Chu" แทนที่จะเป็น "Zhu" ค่ะ เพราะยึดตามเคนเป็นหลัก
ความหมายชื่อ
(Xiao Tian) แปลว่า "กตัญญูต่อฟ้า" ส่วน "Zhu-จู" ที่เป็นนามสกุลไม่นิยมแปลกันค่ะ แต่ถ้าจะแปลก็มีความหมายว่า หมึกสีแดงที่ไว้ใช้ในพิธีกรรมทางศาสนา (พุทธ) ที่คนจีนใช้กันค่ะ
การอ่านออกเสียง
Zhu / Chu อ่านว่า "จู" เทียบได้กับเสียง "จ. จาน" โดยยกปลายลิ้นขึ้นไปแตะเพดานแข็งก่อนออกเสียงค่ะ ส่วน Xiao Tian อ่านว่า "เสี้ยวเทียน" แต่ความจริงที่เห็นว่าเขียนเป็น "ส. เสือ" เวลาออกเสียงจะออกเสียงคล้ายกับ "ซ. โซ่" โดยให้ลิ้นมีตำแหน่งเหมือนกับจะออกเสียง "อี"
ชื่อเล่น
เสี้ยวก่านต้งเทียน
ชื่อนี้ F3 เป็นคนเรียก แปลได้ว่า "เจ้าคนนี้กตัญญูซะจนฟ้ารับรู้ได้" (แต่ไม่รู้ว่าใน 3 คนใครเป็นคนเรียกก่อน ....ความหมายดีจริงๆค่ะ เหมาะกับเคนมากเลย)
สถานที่เกิด
นานจิง
วันเกิด
15 มกราคม พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979)
อายุ
24 ปี
ราศี
มังกร (Capricorn)
เคนพูดเสมอๆเวลาให้สัมภาษณ์ว่าตัวเค้าเกิดราศีมังกร จึงเป็นแพะภูเขา (Mountain Goat) ค่ะ

กรุ๊ปเลือด
เอบี (AB)
สัญชาติ
ไต้หวัน
ศาสนา
พุทธ (สังเกตได้ว่าก่อนขึ้นคอนเสิร์ต Music Party เราจะเห็นเคนเอาพระที่ห้อยคอไว้ออกมาไหว้ก่อน)
ส่วนสูง
จริงๆแล้วเคนสูงกว่า 180 ซม. ไม่แน่ใจว่า 182 หรือ 186 ซม.ค่ะ
น้ำหนัก
72 กก. (ชั่งเมื่อปี 2001 ปัจจุบันนี้เคนหนักเท่าไหร่ก็ไม่แน่ใจนะคะ ^-^)
สัดส่วน
38,30,36 (สัดส่วนก็เพิ่ม-ลดไปตามกาลเวลา ไม่แน่ใจเช่นกันว่าปัจจุบันเท่าไหร่แล้ว)
เขียนหนังสือด้วยมือ
ขวา
เบอร์รองเท้า
เบอร์ 10 (ใหญ่มากก...)
ภาษา
อังกฤษ จีนกลาง กวางตุ้ง (นอกจากนี้เคนสามารถพูดภาษาบาฮาซ่า อินโดนีเซียนได้นิดหน่อยด้วย คิดว่าเคนก็น่าจะพอรู้ภาษาไทยบ้าง เนื่องจากคุณแม่ของเคนเคยมาทำงานที่ประเทศไทย คงจะเคยสอนให้เคนพูดบ้างหล่ะค่ะ ^_^)
คำพูดติดปาก
ไม่มี แต่เวลาอยู่หน้ากล้องชอบหัวเราะเสียงดังๆ (HAHAHAHAHA)
คำพูดติดปากเวลาอยู่กับ F3
(Da Jia Hao Wo Men Shi F4) แปลว่า สวัสดีทุกคน พวกเราคือเอฟซื่อ
รูบนร่างกาย
9 แห่ง หูซ้าย 5 , หูขวา 1, จมูก 1, หัวนม 1 และสะดือ 1
รอยสัก
3 แห่ง (ต้นแขนซ้าย ต้นแขนขวา และหลังแถวๆเอวถึงสะโพก)

เครื่องประดับ
นอกจากบรรดาห่วงต่างๆที่อยู่ตามรูทั้ง 9 บนตัวเคนแล้ว เท่าที่เห็นเคนใส่ติดตัวเป็นประจำก็คงจะเป็นแหวนที่นิ้วก้อยข้างซ้าย ซึ่งเคนถือว่าใส่แล้วจะโชคดีเลยใส่ติดตัวมาตลอด แล้วก็จะมีสร้อยข้อมือที่ข้อมือขวา และสุดท้ายก็คือนาฬิกาที่ข้อมือซ้าย
โทรศัพท์มือถือ
เคยได้ยินมาว่าแต่ก่อนเคนใช้ NOKIA 3310 แล้วเปลี่ยนเป็น NOKIA 8250 ปัจจุบันใช้ NOKIA 6100 แต่ก็ไม่มั่นใจว่าข้อมูลนี้ถูกต้องนะคะ แต่ที่มั่นใจว่าถูกต้องแน่ๆก็คือว่า โทรศัพท์มือถือของเคนจะมี Mickey Mouse ตัวจิ๋วห้อยไว้ด้วยค่ะ และไม่ใช่มี Mickey Mouse แค่อย่างเดียวนะคะ มีอย่างอื่นด้วย แต่ไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไร (น่ารักคิกขุไม่ใช่เล่นเลยนะคะ)
อวัยวะที่ชอบ
ฟันและตา
การศึกษา
เคนจบการศึกษาจาก Bukit Merah Primary School และ Boon Lay Secondary School ที่ประเทศสิงคโปร์
ยามว่าง
เล่นอินเตอร์เนต ว่ายน้ำ ฟังเพลง และทำอาหาร
*เคนเคยให้สัมภาษณ์ว่าเค้าไม่คุยกับแฟนๆทางอินเตอร์เนตค่ะ*
ของสะสม
แผ่นซีดี
เครื่องดื่มสุดโปรด
Ice Wine
สถานที่ที่อยากไป
เวนิส ประเทศอิตาลี
อาหารสุดโปรด
ทุกอย่างยกเว้นเนื้อวัว
กีฬาโปรด
ว่ายน้ำ
สีโปรด
สีฟ้าของท้องฟ้า (Sky Blue)
ขาว (White)
ประเทศที่ชอบ
ไต้หวัน

เครื่องดนตรีสุดโปรด
กีต้าร์
สัตว์เลี้ยงในฝัน
แมวและหมู

สไตล์โปรดปราน
สบายๆและเป็นธรรมชาติ
ภาพยนตร์เรื่องโปรด
Breakfast at Tiffany's (จัดว่าเป็นหนังคลาสสิคเรื่องนึงเลยนะคะ ออกฉายในปี ค.ศ. 1961 นำแสดงโดย Audrey Hepburn) และ The Sound Of Music (เรื่องนี้ก็เช่นกัน เป็นหนังที่ดังมากๆ น้อยคนที่จะไม่รู้จักนะคะ นำแสดงโดย Julie Andrews ออกฉายในปี ค.ศ. 1965)
ศิลปินในดวงใจ
The Beatles (เคนร้องเพลง Can't buy me love ของ The Beatles ในคอนเสิร์ต Fantasy World Tour ที่อินโดนีเซียด้วยค่ะ)
แนวเพลงที่ชอบ
Jazz, Trip Hop, Drum n Bass, Ambient
เหตุการณ์ที่ลืมไม่ลง
วันเวลาในสิงคโปร์ (เคนไปเรียนที่สิงคโปร์ตั้งแต่อายุได้ 7-8 ขวบ และอยู่ที่นั่นจนถึงอายุ 17 ปี)
เกลียดนัก
ลดน้ำหนัก ไม่มีเงิน และเหงื่อออก
ฝันไว้ว่า
สะพายเป้ท่องไปทั่วโลก
สไตล์ความเป็นอยู่
ไม่ต้องทำอะไรเลย และมีกินตลอด
บุคลิก
ท้าทาย ใจดี
สัตว์เลี้ยงในความดูแล
แมว 2 ตัว (Tang Tang & Pi Pi) แมวทั้ง 2 ตัวนี้เคนไม่ได้เสียเงินซื้อแต่อย่างใด แต่บังเอิญเก็บได้แถวๆบริษัท

นิสัย
ไม่สนใจหรือกังวลเรื่องเล็กๆน้อยๆ
สาวในอุดมคติ
สูง, เป็นคนที่คุยง่าย และมีสไตล์เป็นของตัวเอง (ยกตัวอย่างเช่น Karen Mok)

จากคุณ : Xiao_U - [ 15 ต.ค. 46 17:16:16 ]

ความคิดเห็นที่ 12

Biography / ประวัติของเคน

The Star Was Born
ย้อนกลับไป 24 ปีก่อน ที่ประเทศไต้หวัน วันที่ 15 มกราคม 2522 มีเด็กชายตัวน้อยคนนึง ได้ถือเอาเป็นฤกษ์งามยามดี ลืมตาดูโลกอันกว้างใหญ่ครั้งแรก เจ้าหนูเองและคนอื่นๆ คงไม่ คาดคิดมาก่อนว่า วันหนึ่งข้างหน้า เขาจะกลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงไปทั่วเอเชีย ข้ามไปถึง อีกฝั่งทวีปของโลกอย่างอเมริกา Ken Zhu หรือ Zhu Xiao Tian คือชื่อของเจ้าหนูหน้า ตาน่าเอ็นดูคนนั้น ชื่อที่มีความหมายว่า "กตัญญูต่อฟ้า" … แหม..ชื่อนี้ความหมายดีจริงๆ เลย นะเจ้าหนู

The Old Days
เจ้าหนูเติบโตในดินแดนดอกเหมยเกือบ 10 ปี ก็มีอันต้องจากบ้านเกิดไปกับคุณแม่ ไปยังเกาะ เล็กๆทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีชื่อว่า สิงคโปร์ โดยคุณแม่จำต้องฝากเจ้าหนูไว้ที่นั่นเพื่อ จะเดินทางมาทำงาน ณ ดินแดนอีกแห่งใกล้ๆกัน ซึ่งได้สมญานามว่า ดินแดนแห่งรอยยิ้ม ด้วยความซนชนิดลูกลิงเรียกพี่ ทำให้เจ้าหนูต้องเปลี่ยนครอบครัวผู้ดูแล 2-3 ครั้งเลยทีเดียว กว่าจะลงเอยได้ เจ้าหนู Ken เติบโตมาเป็นหนุ่มน้อย Ken ในสิงคโปร์เกือบ 10 ปี จนสิงค โปร์กลายเป็นบ้านอีกหลังของเขา หนุ่มน้อยเรียนและทำงานพิเศษไปพร้อมๆกัน เพื่อหารายได้ ให้กับตัวเองตั้งแต่วัยรุ่น ชีวิตที่เกาะแห่งนั่น มีหลากหลายความทรงจำทั้งดีและไม่ดี แต่สิ่ง หนึ่งที่เขาคงรักมันไปจนชั่วชีวิต คือ ดนตรี…หนุ่มน้อย สนใจเครื่องดนตรีชนิดหนึ่ง คือ กีต้าร์ เขาหัดเล่นดนตรีกับเพื่อนๆ จนตั้งวงดนตรีด้วยกัน โดยเขาเล่นกีต้าร์และเป็นนักร้องนำของวง … เขาคงจะฝันไว้ว่าอยากจะขึ้นร้องบนเวทีใหญ่ๆล่ะนะ แต่เขาจะคิดบ้างมั้ยว่า เวทีที่เขาจะยืนนั้น มันจะใหญ่ระดับนานาชาติ

The Beginning
เติบโต ณ บ้านหลังที่2 เกือบ 10 ปี ในที่สุด Ken ก็ได้กลับมายังบ้านเกิดอีกครั้ง … ใครเลย จะคิดว่าชายหนุ่มธรรมดาๆคนหนึ่งที่ทำงานพิเศษอยู่ในร้านอาหาร กลับสะดุดตาแมวมองจาก เอเจนซี่ชื่อดังเข้าอย่างจัง จึงได้รับการเชิญชวนให้มาทดสอบหน้ากล้อง และก็มีผลงานทาง โทรทัศน์ชิ้นแรกๆ ออกมาในที่สุด โฆษณาโทรศัพท์ยี่ห้อหนึ่ง เราจะได้เห็นชายหนุ่มหน้าตา น่ารัก ผมยาวเกือบปรกไหล่นั่งอยู่ในผับ มีหญิงสาวโต๊ะข้างๆ ลืมโทรศัพท์เอาไว้ จู่ๆ โทรศัพท์ ก็ดังขึ้น แล้วชายหนุ่มก็ตัดสินใจรับ .. นี่คือโฆษณาตัวแรกๆของเขา และไม่นานนัก Ken ก็มีโอ กาสได้แสดงความสามารถทางการแสดงมากขึ้น เมื่อได้รับบทนักเรียนหัวโจกคนหนึ่งในละคร ที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนญี่ปุ่นชื่อดัง GTO เรื่องนี้ เขาได้เล่นร่วมกับเพื่อนคนหนึ่ง ที่ต่างก็ไม่เคย รู้มาก่อนเลยว่าเขาทั้งคู่จะกลับมาพบกันอีกครั้ง และประสบความสำเร็จร่วมกัน

The Shining Star
คนจะดัง ช้างมาฉุดก็ไม่อยู่ … คงจริงอย่างเขาว่าล่ะนะ เพราะหลังจากที่ได้แสดง GTO แล้ว Ken ก็ถูกเรียกไปมาทดสอบบท 1 ใน 4 หัวโจกใหญ่ของโรงเรียน ซึ่งดัดแปลงมาจากการ์ตูน ญี่ปุ่น (อีกละ!!) เรื่อง Hana Yori Dango ตอนที่ทดสอบบทนั้น เขาคิดว่าตัวเองเหมาะกับ บทตัวเอกคนหนึ่งที่เงียบขรึม ไม่ค่อยพูดจา แต่ผู้กำกับมองต่างออกไปและเห็นอะไรบางอย่าง ในตัวเขา Ken จึงได้รับบทเป็น "ซีเหมิน" สมาชิก F4 ในละครเรื่อง Liu Xing Hua Yuan ในที่สุด พร้อมกับเพื่อนๆ อีก 3 คน คือ Vic ในบทฮัวเจ๋อเล่ย, Vanness กับบทคู่ซี้คือ เหมยจั้ว และ Jerry ในบทเต้าหมิงซื่อ หัวหน้ากลุ่ม (และเจอร์รี่นี่แหละ คือคนที่เคยแสดงร่วมกับเคน มาแล้วใน GTO)และเมื่อละครออกฉายในปี 2001 F4 กลายเป็นกลุ่มนักแสดงที่ร้อนแรงและ โด่งดังมากที่สุดในไต้หวัน ไม่มีใครไม่รู้จัก F4 สื่อบางสาขาถึงกับบอกว่าความดังของ F4 นั้น เทียบเท่าได้กับ Smap ในญี่ปุ่นเลยทีเดียว

F4 : The Most Glamorous Stars Of Asia
เมื่อโด่งดังจากละครในนาม F4 ไม่นานนักทั้ง 4 หนุ่มก็รวมตัวกันทำอัลบั้มเพลงชุดแรก คือ Meteror Rain ซึ่งมีทั้งเพลงหมู่และเพลงเดี่ยวที่แต่ละคนร้องในสไตล์ของตนเอง Here We Are และ Ai Bu Hui Yi Shi Deng Ni คือเพลงเดี่ยวของ Ken ในอัลบั้มชุดแรก โดยเฉพาะ Here We Are นั้นเป็นเพลงโปรดของแฟนๆ หลายคนเลยทีเดียว แม้แต่คนที่ชอบ F3 คนอื่นๆมากกว่า Ken ก็ยังชอบเพลงนี้กันมาก ด้วยเสียงที่มีเอกลักษณ์ และการร้องที่เข้าถึง อารมณ์ (แม้เราจะแปลไม่ออก แต่ฟังแล้วรู้สึกได้ว่าเพลงนี้คงมีเนื้อหาที่ปวดใจทีเดียว)

ความดังของ F4 ไม่ได้อยู่แค่ในไต้หวันเท่านั้น แต่ยังลามไปถึงประเทศอื่นๆ ในแถบเอเชียด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น อินโดนีเซีย สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง หรือแม้แต่เกาหลี จนF4 ต้องออกแสดงคอนเสิร์ต ทั่วเอเชีย ไม่เพียงเท่านี้หรอกสำหรับความดัง เพราะพวกเขาทั้ง 4 ได้รับเลือกให้ร้องเพลง Can't Help Falling In Love ประกอบภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง Lilo & Stitch ในภาษา แมนดาริน(A*Teens เป็นคนร้องภาคภาษาอังกฤษ F4 ได้ร้องภาษาแมนดาริน แล้วเผย แพร่ไปพร้อมกันทั่วเอเชียน่ะ ดังแค่ไหนก็คิดดูเองละกันนะ ^_^) แล้วยังมีงานโฆษณาที่ทั้ง 4 หนุ่มได้เป็นพรีเซ็นเตอร์อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ (ที่ค่าตัวตอนนั้นยังไม่แพงเท่าไหร่) รองเท้ากีฬา คอมพิวเตอร์ น้ำอัดลมยี่ห้อดัง(ที่ทำให้ค่าตัวของ F4 พุ่งกระฉูด) เสื้อผ้า และยาสระ ผมที่สาวๆ เห็นโฆษณาแล้วอยากจะเป็นฟองบนร่างกายหนุ่มๆ เสียเหลือเกิน นอกจากนี้ ยังมีรายการ ABCDEF4 หนังสือรวมภาพของ F4 อีกหลายเล่ม อาทิ Comic Man และ หนังสือรวม ภาพจาก Meteor Garden เป็นต้น และนิตยสารอีกมากมาย นี่ยังไม่รวมถึงผลงานเดี่ยวๆของ แต่ละคนที่ออกมาอีกนับไม่ถ้วนด้วย เมื่อละครภาคแรกประสบความสำเร็จ จึงมีการผลิตภาค 2 ในปีถัดมา พร้อมกับอัลบั้มเพลงชุดที่ 2 Fantasy 4ever และสมุดภาพ F4 in Barcelona … นี่พอจะพิสูจน์ถึงความโด่งดังของ 4 ห นุ่มในนาม F4 ได้มากพอรึยัง
The True Super Star
เมื่อความดังรั้งไม่อยู่ ผลงานก็ย่อมตามมาไม่ขาดสาย Ken มีผลงาน อีกหลายชิ้นที่ปรากฏสู่สาย ตาแฟนๆ …
--Meteor Rain ละครตอนพิเศษของ Meteor Garden เรื่องราวความรักครั้งแรก ของซีเหมินและเหตุผลที่เขากลายเป็นเพลย์บอย …
--Poor Prince ในบทคุณพ่อเพี้ยนๆของลูก 7คน แม้จะเล่นเพียงไม่กี่ตอน แต่ก็เด่นไม่น้อยหน้าเพื่อนร่วมวงที่แสดงเป็นลูกชายคนโตอย่าง Vic แม้แต่ นิด
--Come to My Place กับบทโปรดิวเซอร์ดนตรีของนางเอก ที่เล่นร่วมกับเพื่อนๆ F4 อีกครั้ง แม้จะไม่ใช่ตัวเอกแต่ก็เรียกคนดูได้มากทีเดียว …
--Hey Working Girl กับการเป็นแขกรับเชิญร่วม แสดง …
--Sunflower ในบทของโจวเสี่ยวหลง หลานชายรักสุดที่รักของคุณย่า แต่ไม่ค่อยมีอิสระนัก เป็นการแสดงบทชีวิตที่ท้าทายของ Ken เรื่องหนึ่ง …

และการรับบทนำอย่างเต็มตัวในละครเรื่อง Marmalade Boy กับบท You หนุ่มมาดเท่ห์ที่ต้องมาอยู่ร่วมบ้านกับหญิงสาวน่ารัก เมื่อ 2 ครอบ ครัวกลายมาเป็นหนึ่งเดียวและอาศัยอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน เรื่องวุ่นๆ จึงตามมา

Ken มีโอกาสเป็นพรีเซ็นเตอร์ของเบียร์ยี่ห้อหนึ่งซึ่งไปถ่ายทำที่มองโกเลีย และถ่าย ออกมา 3 เวอร์ชั่นด้วยกัน และมิวสิควีดีโอของ Gigi อีก 1 เพลง นอกจากนี้ ยังมีงานอีกหลายชิ้นที่อยู่ในระหว่างขั้นตอนการผลิต ทั้งภาพยนตร์ เรื่องแรกของเขา ละครที่เล่นกับ Vic และที่สำคัญคือ งานเพลงอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกในชีวิต หลังจากที่เพื่อนๆ อีก 2 คนนำร่องออกมาก่อนแล้ว (Vic-Make a Wish และ Vanness-Body Will Sing) ซึ่งคง ไม่เกินปีนี้เราคงได้ฟังเพลงของเขาแน่นอน
คงอีกไม่นานที่เราจะได้เห็นผลงานของเขา และก็หวังว่าจะได้เห็นผลงานของเขาไปอีกเรื่อยๆ จนกว่า เราจะไม่มีแรงติดตามผลงานเขา หรือเขาจะไม่มีแรงผลิตงานให้เราดูกันไปข้างหนึ่ง แต่ยังไงซะ นาย Ken คงไม่เลิกลาจากความฝันของเขาง่ายๆ หรอก เราคงจะได้เห็นเขาเป็นคนดนตรีคุณภาพ

จากคุณ : Xiao_U - [ 15 ต.ค. 46 17:16:53 ]