เปิดตำนานD2B...งานเขียนของพี่แหม่มพัชริดา......น่ารักดีค่ะ ลองเข้ามาอ่านกันนะคะ

    ตัดออกบ้างบางส่วนนะคะเพราะมันยาว
    แหม่มกับบิ๊กได้พบกันครั้งแรกที่นี่… สตาร์ ชาเลจ์ ปี 2000 ปีนั้นเป็นปีแรกที่บริษัทอาร์.เอสฯ จัดโครงการประกวดนี้ขึ้นมาเอง
    บิ๊กเองก็ส่งเทปเข้ามาเหมือนคนอื่นๆ ตอนนั้นเขายังเป็นเด็กมัธยม อยู่โรงเรียนเพ็ญสมิทธิ์ ตัวผอมๆ ผมเกรียน คิ้วหนา หน้าแหลม แบบเด็กวัยรุ่นที่กำลังโตทั่วไป แต่ดูเค้าหน้าก็พอจะรู้ว่าโตขึ้นคงหล่อ เพราะโครงหน้าดี เสียงร้องก็ดีพอใช้ เราจึงเลือกให้เขาเข้ารอบ 20 คนสุดท้าย แต่ตอนนั้นเขาจะได้ที่หนึ่งหรือรางวัลอะไรหรือไม่เราไม่ค่อยมั่นใจนัก เพราะคนอื่นที่ร้องดีกว่าเขาก็มีมาก ก็ต้องให้ทุกคนไปวัดกันที่ความสามารถสดๆบนเวทีประกวดรอบสุดท้าย วันที่บิ๊กแข่งรอบแรกที่จะคัดจาก 20 เหลือ 10 คน เพื่อชิงที่หนึ่งไปแข่งระดับประเทศต่อไป กลายเป็นว่ารอบแรกที่กรุงเทพฯวันนั้น…

    บิ๊กตกรอบ ทีแรกแหม่มก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่กรรมการคนอื่นๆกลับมาคุยกันเป็นเสียงเดียวว่า..เด็กที่ตกรอบคนหนึ่งน่าสนใจมาก ร้องเพลงของ พี่เจมส์… เรืองศักดิ์ ซึ่งทางการแสดงออกมาดูดี ไม่เก้งก้าง ออกจะเหมือนพี่เจมส์มากๆด้วยซ้ำ แต่เสียดายที่ร้องเพลงเสียงหลงไปหลงมา กรรมการจึงให้เข้ารอบมาไม่ได้ แหม่มฟังแล้วก็แค่รู้สึกสนใจแต่ก็ผ่านๆไปอีก ได้แต่บอกน้องๆที่เกี่ยวข้องใหม่ว่าถ้าดีก็เอาเข้ามาเทสต์เสียงอีกรอบที่บริษัท ก็ได้ เวลาผ่านไปประมาณเดือนกว่าๆ เด็กคนนั้นกลับมาจริงๆ คราวนี้ได้เห็นตัวกันเป็นๆเสียที..หลังจากที่ฟังเทปตอนแรกและเห็นแต่รูปถ่าย

    บิ๊ก…วันนั้นยังเป็นแค่…”น้องบิ๊ก” ที่ผ่านเรื่องของหน้าตาและการร้องเพลงขึ้นพื้นฐาน เราจึงสรุปไปว่าเขาต้องเรียนร้องเพลง เรียนเต้น และเรียน Acting เพิ่มเติมอย่างน้อยๆไม่ต่ำกว่า 6 เดือน เพราะเสียงดีจริงแต่ร้องเพลงแล้วคุมให้เสียงนิ่ง และไม่เพี้ยนยังไม่ค่อยดี แหม่มจำได้ว่าถูกชะตาเขาทันทีที่เห็นหน้าเขาเพราะเขาเป็นเด็กน่ารัก ตาใสแจ๋วแหววประสาเด็กวัยรุ่นที่ชีวิตยังไม่ได้พบเจอปัญหาอะไรมามากนัก แววตาของเขามีความฝันและความหวังเต็มเปี่ยม แหม่มทดสอบเรื่องร้องเพลงแล้วก็คุยกับเขาไปด้วยว่าถ้าเข้ามาทำงานตรงนี้เขาจะเรียนหนังสือไปด้วยร้องเพลงไปด้วยไหวไหม เขาบอกว่า…

    ไหวเพราะเขาอยากจะร้องเพลงเพื่อความฝันของตัวเอง แต่ก็จะเรียนให้จบเพื่อความหวังของพ่อกับแม่ แหม่มฟังแล้วก็ชอบใจ เพราะอย่างน้อยแสดงว่าเด็กคนนี้เป็นคนคิดดี แต่ก็ขู่เขาไปว่า… “ถ้าอยากทำก็ต้องอดทนและทุ่มเทอย่างปากว่านะเพราะหนูยังร้องเพลงหลงๆไปมา คงต้องแก้ไขกันนาน แล้วก็ทิ้งการเรียนไปทำอย่างที่พูดกับพี่ไว้เมื่อกี้ละก็ พี่จะไม่ให้หนูผ่านไปออกเทปด้วย” ที่จริง…ดิฉันไม่มีอำนาจจะทำขนาดนั้นหรอกค่ะแต่ขู่ไว้ก่อน เพราะอยากให้เขากลัวและตั้งใจเรียนไปด้วยเท่านั้นเอง …สรุปว่าวันนั้นแหม่ม กับบิ๊กพบกันแล้วก็จากกันไปด้วยความรู้สึกดีๆ แหม่มรู้สึกดีมากๆเวลาเห็นเด็กที่มีแววดีและตั้งใจดี ทำให้มีพลัง มีความรู้สึกสนุกในการสอนและการทำงานต่อไป ส่วนบิ๊กนั้น…แหม่มก็คาดว่าเขาจะรู้สึกดีเช่นกันเพราะเขามีความหวังว่าเขาจะได้ออกเทป จะเดี่ยวหรือจะหมู่ไม่รู้ละ แค่รู้ว่า…ได้ทำ เขาก็มีความสุขแล้ว

    แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 46 21:32:43

    จากคุณ : น้องเมี๊ยน - [ 19 ต.ค. 46 21:23:57 ]