คดีคำหมายเลข F4/2003
จำเลย นางสาวยูมิ ไม่ทราบนามสกุล เพราะ she ปิดบังมาโดยตลอด
รูปพรรณสันฐาน ไม่สามารถมีรูปถ่ายมาประกอบได้ส่วนเหตุผลเดี๋ยวเล่าให้ฟัง แต่เธอมีลักษณะอ้วน เตี้ย มะขามข้อเดียว หน้าตากระเดียดไปทางจีน ญี่ปุ่นสมชื่อที่เธออ้างว่าเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น ผิวออกขาวเหลืองเหลือบแดง งงๆ ตัวเอง แต่งตัวไม่เป็นชอบทาปากแดง
ก่อนอื่นต้องขอเล่าที่มาที่ไปของเหตุการณ์ที่อาจเป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกท่านที่ออกติดตาม F4 ที่ท่านรัก แต่เนื่องจากได้มีมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามา และเข้าไปตีหนิดหนมกับกลุ่มที่ดูเหมือนต้องการข่าวแต่ตัวเองดูไม่มีศักยภาพพอ ทำให้เป็นจุดอ่อนที่คุณยูมิจะเข้ามา เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่ที่เพื่อนกลุ่มเราที่ได้เดินทางไปดูคอนเสิร์ตที่ Philippins แต่พอกลับมา เธอคนนี้ก็เริ่มโดยการโทรเข้ามาปล่อยข่าวว่าเพื่อนที่ฟู่หลงบอกว่าเฮียประกาศแต่งงานคนผู้หญิงที่ชื่อนิโคล ซึ่งเพื่อนเธอเป็นนักข่าวแอบไปถ่ายรูปมาได้แต่ฟู่หลงได้ขอซื้อฟิล์มคืนมาได้ ทำเอาเพื่อนนักแหกปากร้องไห้อยู่ที่ดอนเมืองทันทีในวันนั้น โดยเพื่อนเราได้พยายามให้เธอส่งรูปถ่ายมายืนยัน ยูมิจึงส่งรูปทาง mail มาให้โดยเป็นรูปของผู้หญิงที่เธอแอบอ้างว่าคือนิโคล แต่พอเพื่อนเราสอบถามถึงรูปที่เฮียถ่ายคู่กับนังนิโคล เธอก็อ้างว่าเพื่อนที่ไต้หวันไม่อยากให้เผยแพร่ เอาสิ ครั้งนี้เชื่อเธอไปก่อน และแล้วเรื่องราวสุดเด็ดของกลุ่มเราก็เกิดขึ้น ในวันที่ 26 กันยายน กับปฏิบัติการต้อนรับเสี้ยวเทียน ที่ airport จากเหตุการณ์ที่ผ่านมายูมิจะมีการส่งข่าวอยู่เรื่อยๆ ซึ่งดูเหมือนข่าวของเธอจะค่อนข้างแม่นยำซะด้วย เราเลยคิดว่าเธอคือคนที่น่าพึ่งพิงช่วยเหลือในการหาข่าวได้ และเมื่อการเดินทางเริ่มขึ้น เมื่อรถตู้มาจอดรับพวกเราจู่ๆเธอก็โดดขึ้นรถมากับเรา ซึ่งเรางงมาก เพื่อที่นัดกันไว้ไม่มีเธอ ซึ่งวันนี้เธอก็ไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาด้วย โดยเธอรู้จักกับเพื่อนเราในรถเพียงคนเดียวเท่านั้นแต่อีก 8 ชีวิตในรถไม่มีใครรู้จักเธอ เธอจึงแนะนำว่าชื่อยูมิ เรียน อาคิเทค อยู่ที่เอแบค (อันนี้เป็นสำนวนที่หล่อนพูดเป๊ะ เราจำได้เพราะหมั่นไส้ อีคำว่า อาคิเต๊ค ของหล่อนนี้หล่ะ) ซึ่งเราดูแล้วมันก็ขัดแย้งนิดหน่อยเพราะ เอแบค ค่าเทอมก็แพงนะแต่ทำไมหล่อนใช้ อีริคสัน T10 โบร๊าน โบราณ แล้วก็พูดว่า "จริงๆ ไม่ตั้งใจไปหรอกคิดว่าจะแค่มารับที่ Airport เฉยๆ แต่พอเห็นหน้าเฮียแล้วก็ห้ามใจไม่ได้ต้องตามไป แล้วเธอจึงปรากฎตัวอยู่ในรถให้พวกเราได้เห็น แต่ตลอดทางเธอก็จะยืมโทรศัพท์คนโน้น คนนี้ไปโทร เราก็งงๆ แต่ปากหนักไม่ถามดีกว่า เดี๋ยว Trip กร่อย จนไปถึงที่พักต้องมีการเก็บค่าใช้จ่ายทั้งค่ารถตู้และค่าห้อง เธอบอกว่าให้เพื่อนเราที่รู้จักเธอออกให้ก่อนเดี๋ยวกลับถึงกรุงเทพ เธอจะคืน อะ O.K เพื่อนเราใจดี สวยด้วย อ๊ะโปรดสัตว์ เอ๊ยช่วยเพื่อนมนุษย์ก็ออกให้ สรุปงานนี้ออกให้เธอเกือบพัน แต่ที่น่าแปลกและเราไม่สามารถมีรูปเธอได้เพราะตลอด Trip กลุ่มเรามีการถ่ายรูปบ้าง ถ่าย VDO ทำเป็น Scoop กันบ้างแต่เธอจะหลบตลอด ไม่เข้ากล้องเลยแม้แต่ในห้องเธอก็หดหัว และนี่คือเหตุผลที่เราไม่มีรูปเธอมาประกอบการบรรยาย แม้กระทั่งตอนกินข้าวซึ่งเราไปกินกันที่ Big C เธอก็ให้เพื่อนเราออกเงินให้ก่อนอีก จนถึงวันที่กลับกรุงเทพ เธอก็ทำท่าเซ็งๆ และบอกว่าเบื่อเพื่อนที่เป็นนักข่าวมาจากไต้หวันมากเลย พอมาถึงงานนะปิดมือถือหนี ไม่ยอมพาเธอเข้างาน เอ๊า เอาสิ เดินหน้าโกหกกันต่อไป เราก็เชื่อเพราะเราเป็นคนดี อ้อลืมบอกเธอไม่ได้เอาเสื้อผ้าไปดังนั้นเธอจึงยืมเสื้อเพื่อนเราไปตัวหนึ่งเป็นเสื้อของคณะสัตวแพทย์ และก็ไม่คืนด้วย แถมพอถึงพัทยาในรถเค้าแปลงโฉมแต่งหน้ากันหล่อนก็เอาด้วยไม่รู้ว่าเครื่องสำอางใคร เอามาแต่งหน้าทาปากซะแด๊ง แดง เราก็ไม่กล้าทักกลัวเออมาด้วยกันอย่าทักให้เสีย self ดีกว่า และก่อนกลับจาก Airport เธอก็ mem เบอร์โทรกลุ่มเราเอาไว้ ดังนั้นเธอจะรู้ว่าใครโทรมาเธอก็เลือกรับเฉพาะเบอร์ที่ปลอดภัยเท่านั้น
และเหตุกาณ์ในวันที่ 30/09 กับการมาถึงของคุณป๋าและคุณตี๋ เธอก็มาในชุดเสื้ออินเดียยาว รองเท้าหัวแหลม และผ้าคลุมไหล่แต่บังเอิญเธอเตี้ยผ้าก็เลยยาวไปอยู่ที่หัวเข่าและมุขเดิมปากเธอแดงมาก และเราก็ได้พบเธออีกครั้งที่สำโรงโดยมีผู้คนมากมายรุมล้อมฟังเธอเล่าเรื่อง แต่เราก็ไม่ได้ทักเรา ก็อืมไม่เป็นไร และที่สำคัญยังไม่มีการคืนเงินจากเธอแม้แต่บาทเดียว แต่เธอยังไม่หยุดยังโทรหาเพื่อนเราอยู่เรื่อยๆ บอกว่าเดี๋ยวจะเอากันสาด yamaha มาให้บ้าง เอารูปหลังกองถ่ายที่สำโรงมาให้บ้าง ซึ่งพอนัดจะเอาเธอก็บ่ายเบี่ยงไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็มีรูปเบื้องหลังกองถ่ายมาให้ 5 ใบ ซึ่งเป็นรูปจริงๆ แต่สุดท้ายก็รู้มาว่าที่ได้เพราะเธอไปนั่งร้องไห้เป็นวักเป็นเวร จนเจ้าหน้าที่ทนไม่ได้เลยถ่ายรูปให้เธอมา แต่แล้วเธอก็ไปคบกับน้องกลุ่มหนึ่ง แต่ที่พวกเราเจ็บใจเพราะน้องกลุ่มนั้นจำได้ว่ายูมิอยู่กับพวกเราที่พัทยา จึงถามว่า อ้าวแล้วพวกเพื่อนพี่ที่แต่งตัวสวยๆ ไปไหนละไม่อยู่กลุ่มเดียวกันเหรอ นังยูมิก็บอกว่า อ๋อกลุ่มนั้นเหรอ เห็นแต่งตัวสวยอย่างนั้นนะ เธอเองเป็นคนหารถตู้และเปิดโรงแรมให้นอน 3 ห้องเลยนะ เธอหมดไปเกือบ 3 หมื่นทีเดียว หมดกั๊น หมดกัน หลงเอ็นดูมัน มันเอาไปกัด เงินก็ยืมเขาเที่ยว คืนก็ไม่คืน ยังจะเอาเค้าไปว่าให้เสียหายอีกกลายเป็นพวกเราดีแต่แต่งตัวสวยแต่ไม่มีปัญญาจ่าย
(อย่างนี้อย่าให้เจอนะจะเอาบิลไปเก็บเงิน บอกว่าจ่ายค่าห้องค่ารถให้จะเก็บให้หมดจะได้เป็นการเที่ยวฟรีจริงๆ) และที่สำคัญเธอบอกกับเพื่อนเราว่าเธอเป็นหลานของคุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช และได้ไปทานนน้ำชากับท่านมาด้วย เพื่อที่จะได้สอบถามเรื่องคอนเสิร์ต F4 ด้วยโอ๊ย ยิ่งนานเธอยิ่งเพ้อเจ้อ
สุดท้ายนี้ก็ขอเตือนทุกท่านว่า ในการที่จะรับใครเข้ากลุ่มให้ screen กันนิดนึงอย่าคิดแค่ว่าเราชอบเหมือนกันก็เข้าได้เพราะตอนนี้เราจับมารสังคมได้แล้ว 1 ตนเจ็บแสบจริงๆ ของเรานับว่าโชคดีที่ไม่มีการสูญหายของทรัพย์สินเพราะไปนอนร่วมห้องเดียวกันและวางทรัพย์สินไว้เรี่ยราดมาก และตอนนี้ได้ข่าวว่า คุณยูมิได้ไปสร้างเครือข่ายด้วยการเปิดกระทู้สำหรับหาข่าวเกี่ยวกับ F4 โดยเฉพาะและมีสมาชิกของเธอด้วย ก็ขอเตือนให้ระวังกันด้วย เพราะภัยสังคมตอนนี้มีหลายรูปแบบเหลือเกิน แต่ก็อย่าให้ถึงกับระแวงทุกคนนะเพราะคนดีๆ ก็มีอีกเยอะ เราเชื่อว่าคนที่ชอบ F4 เป็นคนดี เราอยากให้คนอื่นที่เคยประสบกับยูมิ พี่สาวชื่อยูกิ เข้ามาเล่าเรื่องกันเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกคนได้ระวังตัวด้วย ส่วนคนที่อยากตามล่า F4 แต่เป็นคนที่ไม่แม่นเรื่องข่าว เราแนะนำให้สมัครตามคลับหรือบ้านต่างๆ แล้วไปทำกิจกรรมร่วมเพื่อหาเพื่อนที่เป็นเพื่อนเหล่านั้นจะช่วยคุณในการนำไปพบกันขวัญใจของเราได้ ดังที่เราจากที่ไม่รู้อะไรเลยตอนนี้เราได้เพื่อนดีๆ มาอีกตั้งมากมาย และได้ทำกิจกรรมที่ชีวิตนี้อาจไม่เคยทำก็ได้ อย่าลืมนะว่าตอนนี้เราเริ่มเปิดรับสายทางบ้านช่วยกันเข้ามาเล่าเรื่องด้วยนะ.....คิดถึงทุกคนมาก...สุดท้ายนี้อย่าลืมเข้าไป Vote ให้กับขวัญใจของเราที่ www.yamaha-motor.co.th ...
จากคุณ :
สน.เอฟซื่อ
- [
20 ต.ค. 46 09:36:48
A:203.155.5.202 X:192.168.1.149
]