ความคิดเห็นที่ 1 อ่านแล้วนึกถึง นายกทักษิณ เพราะท่านเป็นคนเรียนเก่ง จากคุณ : Utaka - [ 22 ต.ค. 46 00:35:41 ]

ความคิดเห็นที่ 2 "เรามีเด็กได้รางวัล โอลิมปิควิชาการทุกปี ผมไม่ค่อยเห็นเด็กญี่ปุ่น หรือเด็กอเมริกัน ได้รางวัลโอลิมปิควิชาการสักเท่าไหร่ น้อยกว่าเด็กไทยมากๆ" << เค้าได้เยอะกว่าเรามากๆๆครับ สหรัฐฯนี่วิชา math ก็เป็นคู่แข่งจำนวนเหรียญทองกับจีนทุกปี (คือประเทศพวกนี้เค้าไม่ได้สนว่าได้กี่รางวัล แต่เค้าสนว่าได้กี่"เหรียญทอง" แล้วการได้ของเค้ามันก็ปกติมาก เลยไม่ได้โปรโมตไง พูดไปตรงนั้นก็ไม่ใช่ประเด็นของกระทู้นี้เท่าไร ^^! ไอเดียที่เสนอน่าสนใจครับ พาลนึกถึงส่วนเปิดหัวของ Rich Dad Poor Dad ...รอความเห็นอื่นๆดีกว่า จากคุณ : นายAJ - [ 22 ต.ค. 46 00:49:38 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เรียนเพื่อเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ แต่การเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ไม่ได้อยู่แค่การเรียน จากคุณ : ให้ตายเถอะโรบิ้น!!!! - [ 22 ต.ค. 46 00:58:59 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อืมมมม อืมมมม จากคุณ : Fuzzylogic - [ 22 ต.ค. 46 01:12:46 ]

ความคิดเห็นที่ 5 น่าสนใจๆ จากคุณ : Royal Tenenbaums - [ 22 ต.ค. 46 01:15:43 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เรียนเพื่อหาโอกาสที่ดีให้ชีวิต แต่ถ้าคิดว่าโอกาสที่ดีมากๆและอาจเข้ามาได้แค่ช่วงนี้กำลังกวักมือเรียกละ...จะไม่ไปเชียวหรือ ผมคิดว่าน้องคนนั้นคิดแบบนี้ จริงๆเรื่องนี้มันเป็นความแตกต่างกันของปัจจัยของยุคสมัย ผมไม่ได้มองว่าสิ่งที่น้องเค้าทำถูกทุกอย่าง แต่ก็ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ผิดจนจะทำให้สังคมที่เราเห็นๆกันล่มสลายหรอกนะครับ ไม่รู้เขียนมาแบบนี้จะโดนถล่มรึเปล่า จากคุณ : นายเบียร์ - [ 22 ต.ค. 46 01:31:08 ]

ความคิดเห็นที่ 7 . . . อ่านกระทู้เครียดๆรอดูบอล หุหุหุหุ . . . . . . จากคุณ : nookieman - [ 22 ต.ค. 46 01:38:19 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อ่านความคิดเห็นผมระวังเครียดเด้อ เอาล่ะ เรียนไปเพราะว่าโลกกำลังต้องการคนเก่งคนมีคุณภาพมารักษาโลกใบนี้ครับ โลกใบนี้แก่ลงมากแล้ว ปัญหามลพิษ โรคระบาด ความยากจน ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ความขัดแย้งระหว่างศาสนาความเชื่อ และทรัพยากรณ์ที่ถูกใช้อย่างฟุ่มเฟือยซึ่งกำลังจะหมดไปและไม่เพียงพอต่อประชากรมนุษย์ที่กำลังจะล้นโลก ส่วนใหญ่เด็กที่เกิดออกมาจะถูกปล่อยให้เติบโตมาอย่างไร้คุณภาพไร้จริยธรรมซึ่งมีมากมาย ซึ่งพวกนี้ค่อยแต่จะไปตีกบาลชาวบ้านเขาเพื่อแย่งสมบัติ ประเทศมหาอำนาจบางประเทศตระหนักถึงเรื่องนี้ดีว่าโลกนี้จะอยู่ได้อีกไม่นานแล้วทรัพยากรณ์ที่กำลังจะหมดไปซึ่งไม่สำพันธ์กันกับประชากรที่กำลังจะล้นโลก มลพิษกำลังจะฆ่าทุกชีวิตบนโลก จึงได้มีโครงการสำรวจอวกาศและสำรวจดาวที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้ เพื่อที่จะไปตั้งรกรากใหม่ภายใต้ความเชื่อเดียวกัน เศรษฐกิจเดียวกัน ประเทศเดียวกัน การใช้ทรัพยากรอย่างมีแบบแผน ประชากรต้องมีคุณภาพได้รับการศึกษาทั้งทางด้านวิชาการและจริยธรรม ซึ่งดาวที่จะไปสร้างที่อยู่ใหม่นี้อาจจะเป็นดาวอังคารก็ได้ ซึ่งผู้ที่ไปจองและตั้งรกรากก่อนจะเป็นเจ้าของดาวดวงนั้นไป.....ปล่อยให้พวกไร้จริยธรรมตายไปพร้อมกับโลกแก่ๆใบนี้ เพราะฉะนั้นเราต้องมีการศึกษาครับเพื่อพวกเราจะได้ดูแลตัวเอง ดูแลประเทศตัวเอง ดูแลโลกตัวเอง เมื่อพวกเราถูกทอดทิ้งไว้กับโลกที่ไม่เหลื่ออะไรไว้เลยนอกจากพิษ ปล. ใครว่าการศึกษาไม่ได้ทำให้คนเป็นคนโดยสมบูรณ์ การศึกษาสอนทั้งด้านวิชาการและจริยธรรมเพื่อที่จะเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ไว้แล้ว จำได้ว่าที่โรงเรียนคุณครูจะสอนว่า ต้องเป็นเด็กดีนะ ต้องรู้จักแบ่งปันนะ สอนธรรมะสอนจริยธรรมเสมอ แต่เมื่อโตขี้นมา.."คืนนั้นคืนไหนใจแพ้ตัว คืนและวันอันน่ากลัวตัวแพ้ใจ ท่ามกลางแสงสีศิวิลัย อาจหลงทางไปไม่ยากเย็น..." สิ่งนี้นี่แหละที่ทำให้คนเหลือแต่สิ่งที่เรียกว่าวิชาการส่วนจริยธรรมที่ได้ศึกษาควบคู่กันมากับวิชาการนั้นหายไปกับเวลาและสิ่งยั่วยุแล้วหมดแล้ว เพราะว่าเราขาดสิ่งที่เรียกว่า ความอดทนต่อสิ่งยั่วเร้าต่างๆ ผมขอเสนอให้กระทรวงศึกษาธิการเพิ่มหลักสูตรความอดทนของจิตใจต่อสิ่งยั่วเร้าเข้าไปในหลักสูตรด้วย..... .............ต้องพอไว้แค่นี้ บอลมาแล้ว....ไปดูบอลดีกว่า.... ไปแช่งให้ยูเว่ แพ้ จากคุณ : โซเซียดัด - [ 22 ต.ค. 46 01:48:38 A:203.148.136.67 X:203.209.48.13 ]

ความคิดเห็นที่ 9 . . . ดีใจด้วย #8 . . . . . . 10 นาทีผ่านไป ยูเว่ 2 - 0 โซเซแดด . . . . . . แหะๆๆ . . . . . . จากคุณ : nookieman - [ 22 ต.ค. 46 01:55:37 ]

ความคิดเห็นที่ 10 (ส่วนตัวนะครับ)เรียนเพื่อศึกษา สังคมเล็กๆ ในรั้วสถาบัน ว่าเราจะอยู่ได้มั้ย อย่างเช่น คุณตกกี่วิชา มาเรียนบ่อยมั้ย ส่งงานครบมั้ย เรียนจบในสายที่ตนต้องการมั้ย ไม่จำเป็นต้องเก่งมากมาย เพราะเรื่องเหล่านี้ มันจะบอกเราเอง ว่าอนาคต ของเราจะเป็นอย่างไร เพราะว่าถ้าแค่นี้ เรายังเอาตัวเองไม่รอด แล้วสังคมที่กว้างกว่านี้ ในชีวิตการทำงานหล่ะ จะเป็นอย่างไร สรุปก็คือ รู้จักหน้าที่ของของตนเพื่ออยู่รอดในสังคม (ผมคิดว่านะครับ) จากคุณ : Dr. E - [ 22 ต.ค. 46 01:57:06 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เรียนไปเรื่อยๆครับ ยูเว่ 3-0 แล้ว นาที45 จากคุณ : voice from hell - [ 22 ต.ค. 46 02:40:39 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เพิ่งตื่นง่ะ สมองยังไม่แล่น (จริงๆ ไม่แล่นทั้งวันน่ะแหละ).. อยากตอบมาก แต่เรียบเรียงคำพูดไม่ถูก ขอบายละกัน จากคุณ : ปุ๋ย พันธุ์ทิพย์ - [ 22 ต.ค. 46 04:41:00 A:203.146.197.150 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 เห็นด้วยกับประโยคนี้มาก ๆ เลยฮะ "หน้าที่ของเราคือเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ต่างหาก" ทำให้นึกถึง Rich Dad Poor Dad อย่างที่ #2 ว่าน่ะแหละ เราใช้เวลา ประมาณ20ปี เพื่อมาเป็นลูกจ้างกินเงินเดือน ไปจนแก่ ในเมื่อสังคมของเรายังยึดติดกับคำว่า ปริญญา อยู่ มันก็ไม่มีความหมายครับ ค่านิยมต่าง ๆ ที่สืบทอดกันมาก็แค่นี้แหละ เรียนจบแล้วก็เป็นลูกจ้าง ได้เงินเดือนดี ๆ จากคุณ : พูดไม่ค่อยเก่ง แต่หน้าตาดี - [ 22 ต.ค. 46 07:16:31 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เห็นด้วยกะ #3 จากคุณ : Jawbreaker - [ 22 ต.ค. 46 07:55:21 ]

ความคิดเห็นที่ 15 สำหรับผมการเรียนในสถาบันเป็นแค่1ในวิวัฒนาการการสร้างสังคมของมนุษย์เท่านั้นแหล่ะ มันไม่ได้สำคัญตรงความรู้หรอก แต่มันสำคัญตรงพัฒนาการของเด็กที่จะได้รู้จักการมีสังคม(ที่มีระเบียบแบบแผน...อย่างน้อยก็น่าจะดีกว่าสังคมนอกสถาบัน) ส่วนเรื่องความรู้นั้นหาเอาที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นในสถาบันหรอก แต่การเรียนในระบบสถาบันยังคงสำคัญอยู่ดี เพราะเป็นหนึ่งในพัฒนาการของมนุษย์ และทำให้วิวัฒนาการทางอารมณ์ของเด็กอยู่ในภาวะปกติ ไม่บิดเบี้ยวไปจนเกินควร จากคุณ : Lu (Love Universe) - [ 22 ต.ค. 46 09:07:48 ]

ความคิดเห็นที่ 16 สำหรับผม คงจะเรียนเพื่อสร้างพื้นฐาน ในการอยู่รอดนะครับ การที่เรามีความรู้ไว้บ้าง ทำให้สามารถต่อยอด ทำอย่างอื่นได้ แต่ถ้าถึงขั้น เรียนเอาเป็นเอาตาย เพื่อเข้าสถาบันโน้นนี้ อันนี้ก็เกินไป สำหรับผม ขอแค่เรียนพอรู้ และเมื่อจะใช้จริง ก็ค่อยศึกษาให้เก่งดีกว่า จากคุณ : อยากรู้อยากเห็น - [ 22 ต.ค. 46 09:12:35 ]

ความคิดเห็นที่ 17 คนเรามันต้องเรียนรู้ตลอดชีวิตครับ.... คนเรามีความรู้ ก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ เป็นห่วงก็แต่ทุกวันนี้ คนเราเห็นแก่ตัวมากขึ้น สังคมชิงดีชิงเด่น ไม่ค่อยเห็นแก่ส่วนรวม มันถึงได้แข่งขันกันตั้งกะเรียนอนุบาล ยัน ทำงานเลยไงคับ จากคุณ : Cc. - [ 22 ต.ค. 46 10:53:47 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อืม....หัวข้อกระทู้ทำให้คิดเหมือนกันว่า เรียน....อะไรในโรงเรียน เรียนอะไร ในมหาวิทยาลัย คนเก่ง...คือคนได้เกรดดีๆ ส่วนใหญ่จำแม่นมาก (ขอนับถือ)เกือบทุกอย่างในหนังสือ เกือบทุกคำในแผ่นใส (ที่อาจารย์หลาย ๆ ท่าน กรุณาปิ้งตั้งแต่เช้าถึงเย็นเป็นเทอม ๆ ) ตอบผิดจากหนังสือที่อาจารย์เลือกมาสอน...มักจะไม่ค่อยได้คะแนนดีๆ เหมือนกับคำตอบที่อาจารย์ตั้งใจไว้ เอหรือเพราะอาจารย์ก็เรียนมาแบบนั้น(ตามแต่สำนักที่จบมา) แต่พอมาทำงานแทบจะเริ่มใหม่หมด...อืม...... จากคุณ : tawan - [ 22 ต.ค. 46 10:58:03 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เห็นหัวข้อกระทู้แล้วเศร้าใจนิดๆ ไม่อยากให้เยาวชนของชาติคิดอะไรอย่างงี้เลย เราเรียนหนังสือไปทำไม การเรียนก็คือ shortcut อันนึง คือการศึกษาจากประสบการณ์ การลองผิดลองถูกของคนในอดีต บางคนใช้เวลาตลอดทั้งชีวิต หรือหลายชั่วอายุคนศึกษา ทดลอง กว่าจะตั้งทฤษฎีอะไรมาให้เราอ่านแค่หนึ่งหน้ากระดาษ A4 แล้วคุณยังจะว่าเราเรียนไปทำไมเหรอ จะใช้เวลาตัวเองทั้งชีวิตลองผิดลองถูกเองหรือ จากคุณ : Queen of hearts - [ 22 ต.ค. 46 11:09:13 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เรียนเพื่อให้ได้ความรู้ไงครับ เพื่อที่จะได้ใช้ความรู้นำพาไปสู่ความสำเร็จ ส่วนจะเอาไปใช้ในทางไหน มันแล้วแต่บุคลครับ บางคนความรุ้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดก็มี บางคนความรุ้เท่าหางอึ่ง แต่เป็นใหญ่เป็นโตก็มี เหมือนกับที่ทุกคนอ่านพ่อรวยสอนลูก จะมีสักกี่คนที่เก็บเอาไปคิดและทำตาม ความรุ้กับความคิดมันต้องเดินคุ่กันไปครับ ประหนึ่งเหมือนช่วยสนับสนุนกันอยุ่ หากมีความคิดแต่ปราศจากความรู้ เรื่องที่มันควรจะง่าย มันก็จะยากขึ้น เช่นเดียวกับที่การมีความรุ้แต่ปราศจากความคิด ก็ย่อมไม่เกิดผลเป็นความสำเร็จ จากคุณ : HaloNaRak - [ 22 ต.ค. 46 11:39:25 A:57.72.66.20 X: ]

ความคิดเห็นที่ 21 คิดเหมือนคห. 19 น่าเศร้าใจจริงๆ หากสังคมจะมีค่านิยมที่เป็นคำถามว่า "เรียนไปทำไม?" อย่างน้อย การศึกษาก็ช่วยพัฒนาระบบความคิดให้กว้างขึ้น ให้รู้จักมีระบบการแก้ไขปัญหา จากคุณ : อาซิ่ม - [ 22 ต.ค. 46 12:03:01 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เหอเหอ ก็ไอ้ที่คุณเจ้าของกระทู้พูดอะ มันดูเหมือนว่าเราไปเรียนอย่างไม่มีวิญญาณ ไปเรียนเพราะว่าต้องไปเรียน แต่คนที่เขาอยากเรียนเพราะอยากรู้จริงๆมันก็มีนี่ครับ ในมหาวิทยาลัยมีเยอะแยะเลย ตัวอย่างก็พวกศิลปะทั้งหลายมาด้วยใจทั้งนั้นเลยนะครับแม้จะดูเหมือนไม่ใช่พวกตั้งใจเรียนแต่เวลาได้ไปดูผลงานพวกเขาก็รู้สึกถึงความตั้งใจและจิตวิญญาณที่แผงอยู่ในจิตใจเขานะครับ ผมอยากเรียนจิตวิทยามากตอนมัธยมก็ตั้งใจเรียนมากแต่ผลที่ได้ก็คุ้มครับเพราะตอนนี้เราได้เรียนในสิ่งที่เราอยากเรียน เพื่อนๆที่เอกปรัญญาหลายๆคนก็มีความมุ่งมั่นและตั้งใจเก็บเกี่ยวความรู้ตามที่ใจเขาหวังไว้ก็มีมากไม่เห็นจำเป็นเลยว่าคนที่เขาเรียนๆกันเนี่ยเพราะว่าเป็นหน้าที่กันเลยผมว่าคุณคงลองหลับตานึกดูนะครับว่าคุณอยากเรียนอะไรแล้วลองไปหาเรียนดูนะครับ เป็นที่เรียนพิเศษอะไรอย่านี้ก็ได้ ผมว่าทัศนะคุณอาจจะเปิดกว้างมากกว่านี้ก็ได้นะครับ จากคุณ : Disorder - [ 22 ต.ค. 46 12:40:59 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ดรียนไปเพื่ออนาคตครับ ถึงเป็นพนักงานกินเงินเดือน พอสักระยะก็อาจมาทำธุรกิจส่วนตัวหรืออย่างไรก็แล้วแต่ ก็ดีกว่าไม่เรียนแล้วจะทำอาชีพไรละครับ คืออาจจะพูดตรงไปหร่อยแต่ผมเชื่อว่าทุกคนเรียนเพื่อตัวเองทั้งนั้นเพื่อมีอาชีพ มีเงิน มีความรู้ ส่วนการพัฒนาชาติเป็นผลพลอยได้จากการที่มีคนมีความรู้มาทำงานชาติก็พัฒนาตาม แต่ผมก็มีข้อยกเว้นนะครับ ยกเว้นบางคน ที่เรียนให้ครบตามกฎหมายการศึกษาภาคบังคับ แล้วมุ่งไปทางที่ตนเองต้องการ เช่น ภราดร ที่ได้สัปดาห์นึงโดยเฉลี่ยนเป็นแสน แต่ก็อย่างว่าอาชีพนี้ไม่ค่อยมั่นคงคนส่วนใหญ่เลยไม่ค่อยเป็นนีกกีฬาอาชีพ เพราะถ้าความเก่งไม่ถึงขั้นจริงๆคงยากที่สำเร็จในอาชีพนี้ คนส่วนใหญ่จึงเน้นเรียนมากกว่า จากคุณ : อืม - [ 22 ต.ค. 46 12:46:24 A:203.155.126.5 X:203.107.167.130 ]

ความคิดเห็นที่ 24 "เรียนเพื่อส่งเสริมกันและกัน" พูดง่ายๆก็คือ เราเรียนเพื่อส่งเสริมครูอาจารย์ ให้ครูอาจารย์ ได้มีงานทำ ครูอาจารย์สอนเราเพื่อส่งเสริมเราให้มีความรู้และจะมีงานทำ(รึเปล่า) ทุกเรื่องมันก็เป็นเรื่องเงินทอง(ซึ่งหมายถึงความอยู่รอดของมนุษย์คนนึง)ทั้งนั้นแหละ หรือคุณว่าไม่จริง จากคุณ : K - [ 22 ต.ค. 46 13:47:16 A:202.12.73.6 X:unknown ]

ความคิดเห็นที่ 25 เรียนไปเพื่ออนาคตที่ดีขึ้นครับ จริงอยู่คนที่ไม่ได้เรียนแล้วเป็นใหญ่เป็นโตประสบความสำเร็จก็มี แต่คิดเป็นกี่เปอร์เซนต์ครับต่อประชากรไทยทั้งหมด ยังไงซะผมว่าถ้าได้เรียน อย่างน้อยอนาคตโอกาสที่จะเป็นผู้ใช้แรงงานหรือกรรมกรก็น้อยลง การเรียนในระบบผมถือว่าเป็นพื้นฐานของการเรียนรู้ต่อไปในอนาคต คนที่ไม่ได้รับการศึกษาแต่ยังเรียนรู้แล้วประสบความสำเร็จได้ผมถือว่าเค้าคนนั้นเก่งมาก แต่ก็มีไม่กี่คนหรอกที่จะทำได้อย่างเค้า เหมือนอัจฉริยะที่ไม่สามารถเป็นได้กันทุกคน ดังนั้นการศึกษาจึงยังจำเป็นสำหรับคนธรรมดาๆครับ อย่างน้อยเท่าที่ผมรู้ ผู้ใช้แรงงานหรือกรรมกรยังอยากให้ลูกเค้าได้รับการศึกษามากที่สุด เพราะเค้ารู้ดีว่า ถ้าได้รับการศึกษาซักหน่อยก็ไม่ต้องมาอยู่จุดนี้แล้ว จากคุณ : redcomet - [ 22 ต.ค. 46 13:50:32 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ผมชักเข้าใจว่าเจ้าของกระทู้ชักจะอยากเปรียบเทียบการเรียนของบ้านเรากับฝรั่งแล้ว ผมกล้าบอกได้เลยว่าไอ้การเรียน20ปีนั้นไม่ว่าที่ไหนในโลกเค้าก็ทำกัน การเรียนต่อยอดจากอนุบาลถึงปริญญาต่างๆนั้นมันเป็นเรื่องสามัญของทุกที่ในโลก เพราะฉะนั้น ถ้าถามว่าเรียนหนังสือกันไปทำไมมันก็เหมือนตั้งคำถามกับระบบการศึกษาโลก เพราะที่ไหนเค้าก็เรียนอย่างนี้กันทั้งนั้น แต่สิ่งที่ผมอยากจะบอกคือไม่จำเป็นเสมอไปที่จะต้องเรียนจนจบแล้วไปเป็นลูกจ้าง จบแล้วไปเป็นผู้ประกอบการไม่ได้หรือ? มันขึ้นอยู่กับความคิดของแต่ละบุคคลมากกว่า ใช่ว่าเราต้องเรียนจบปริญญาถึงจะเริ่มทำงานได้เมื่อไหร่ เราสามารถทำงานได้ทันทีที่คุณคิดว่าตัวเองเก่งพอ คุณอาจจบม.6แล้วไปเปิดกิจการของตัวเองได้ แต่คุณคิดว่าตัวเองมีความรู้เพียงพอรึยัง เพราะมีหลายคนรู้ว่าตัวเองยังไม่รู้พอน่ะสิถึงต้องเรียนต่อไป ซึ่งเราขาดการกล้าคิดกล้าทำในสิ่งที่อยากทำมากกว่า ดังนั้น"เกือบทุกคน"ที่คิดอย่างนี้จึงทำได้แต่ก้มหน้าก้มตาเรียนไปจนจบ เพราะเค้าไม่มีความกล้าที่จะออกไปทำในสิ่งที่อยากทำและไม่มีเป้าหมายชีวิต ผิดกับคนที่มีเป้าหมายในชีวิตว่าเราอยากทำงานอะไร เราจึงต้องเรียนอะไรและแค่ไหนจึงจะมีความรู้พอไปเผชิญโลกกว้างได้ และเมื่อจบมาเค้าก็พร้อมจะเริ่มตั้งต้นทำงานทันทีเพราะมีพื้นฐานมาจากทัศนคติการเรียนที่ถูกต้อง ผมเป็นคนหนึ่งที่โชคดีเพราะมีเป้าหมายในการเรียนว่าจบมาอยากจะทำธุรกิจดังนั้นจึงต้องร่ำเรียนและอัดความรู้รอบตัวมากๆไม่งั้นคงตามโลกไม่ทัน แน่นอนว่าผมอาจไม่ต้องเรียนจบปริญญาก็ได้แต่ผมคิดว่าตัวเองยังไม่เก่งพอจึงต้องเรียนต่อไป มันอยู่ที่เราว่าเรียนเท่าไหร่ถึงจะพอ ไม่จำเป็นต้องเต้นไปตามกระแสค่านิยม ไม่จำเป็นต้องรอใครมาปฏิรูปการศึกษา เรียนในสิ่งที่อยากรู้ หมั่นพัฒนาตัวเอง คิดว่าเก่งเมื่อไหร่ก็ทำงานก็แค่นั้น ที่มีโอกาสได้ศึกษาหาความรู้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว จากคุณ : Killy - [ 22 ต.ค. 46 15:10:03 ]

ความคิดเห็นที่ 27 สนับสนุน ความเห็นที่ 26 อย่างแรงครับ ผมว่า หลายคนกล้าคิดแต่ไม่กล้าทำ โครงการเพียบ สุดท้าย ก็ก้มหน้าก้มตาต่อไป จริงๆครับ คุณไม่ต้องเรียนถึงสิบ ยี่สิบปีก็ได้ถ้าคุณคิดว่าคุณสามารถทำอะไรได้ (ในสิ่งทีคุณอยากทำ) การทีจะมาเถียง หรือ โต้แย้ง (ขอใช้คำว่าโต้แย้งดีกว่า ความหมายดีกว่าหน่อย) นั้น ผมยอมรับครับ ดูดี ดูดีทีเดียว เหมือนคิดแปลกแยก เหมือนคิดใหม่ แต่แล้วผมว่าคุณก็ยังคงไปเรียน และเรียน แล้วก็ไปเป็นลูกจ้างเหมือนที่คุณเขียนหรือแสดงความคิดเห็น แล้วมีอะไรเกิดขึ้นเหรอครับ จากคุณ : สัปเหร่อเทียนไข - [ 22 ต.ค. 46 16:22:33 A:202.8.78.198 X: ]

ความคิดเห็นที่ 28 โลกเรามันไม่ได้ต้องการแค่หมอ พยาบาล นักวิทยาศาสตร์ ครู แต่โลกเราก็จำเป็นต้องมีนักร้อง นางแบบ ดารา นักกีฬา เหมือนกัน มันต้องมีทุกอย่าง ไม่ใช่ให้เรียนเพื่อจะเป็นอยู่ไม่กี่อย่างแค่ั้นั้น เปิดกว้า่งหน่อย แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 46 17:34:34 จากคุณ : ฉันรักท้องฟ้าเวลาค่ำคืน - [ 22 ต.ค. 46 17:33:51 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ถ้าเราเรียนแล้วมัวแต่มองวิชาความรู้ที่ได้มันก็แทบจะไม่ได้อะไร แต่เราได้มากกว่านั้น ได้ฝึกทักษะ ได้รู้ว่าเราชอบและถนัดอะไร ได้เพื่อน รู้จักคนหลากหลาย สำหรับผมการเรียนรู้มันมีตลอดชีวิต การได้เข้ามาเล่นบอร์ดพันทิพมันก็คือการเรียนรู้อีกอย่าง ที่ในห้องเรียนไม่สอน ส่วนใหญ่ผมจะไม่ค่อยสนใจการเรียนในห้องเท่าไหร่ สนใจนอกห้องมากกว่า เรียนรู้เพื่อจะได้ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข มีคำกล่าวนึง ใครก็ไม่รู้กล่าว จงอย่ากลัวความตายเลย จงกลัวการมีชีวิตที่ไม่สมบูรณ์ดีกว่า อ่านกระทู้นี้แล้ว ไปอ่านพ่อรวยสอนลูกต่อดีกว่า จากคุณ : คนหัวฟู - [ 22 ต.ค. 46 18:14:35 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ไม่เรียนแล้วจะมีปัญญามาตั้งกระทู้ ตอบกระทู้กัีนแบบนี้ได้เหรอคะ อิอิ จากคุณ : devillish girl - [ 22 ต.ค. 46 18:30:57 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ แล้ว#26-27ก็พูดถูก เรียนไปทำไม?? ได้ความรู้เหรอ ความรู้ที่เอาไปใช้ในชีวิตได้น่ะ มีเท่าไหร่ ความรู้ที่จะใช้ชีวิตในสังคม ความรู้ที่ว่าจะทำยังไงให้ตัวเองมีความสุข ความรู้ในการแก้ปัญหาต่างๆที่ต้องเจออยู่ทุกๆวัน ที่รร.ไม่เคยสอน ในตำราเรียนไม่มีบอก แต่เราก็เรียนรู้ได้ด้วยตัวเองไม่ใช่เหรอ เรียนให้ได้เกรดดีๆนะ จะได้เข้ามหาลัยดีๆ อยู่ในมหาลัยก็เรียนให้ดีๆ จะได้มีงานดีๆทำ งานที่ว่า มันก็คงจะเป็นลูกจ้างตามที่คุณบอก เราควรจะเรียนให้รู้ ให้ใช้เป็น ไม่ใช่เรียนเพื่อเกรดแบบที่ใครๆเขาทำอยู่ แต่เราก็เรียนแบบนั้นอยู่ ใช่ กล้าคิด แต่ไม่กล้าทำ แม่จะด่าเอา ทำไมต้องดูแค่ใบเกรด ใบเกรดบอกความเป็นคนได้ด้วยเหรอ บอกได้เหรอ ว่าคนนี้มีความมั่นใจ มีความเชื่อมั่นในตัวเองดีแค่ไหน บอกได้มั้ย ว่าถ้าเขาเจอปัญหานอกตำรา ปัญหาที่ไม่มีสูตร เขาจะแก้มันยังไง คนเก่ง ไม่ใช่เก่งแค่ในหนังสือ แค่เกรดออกมาดี คุณพูดถูก แค่นั้นมันไม่ใช่คนเก่งหรอก ตกลง เรียนไปทำไม ยังไม่เข้าใจ - - - - - - - - - ขอโหวตหน่อยเหอะ แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 46 19:03:52 จากคุณ : คนสวย (ทำใจได้) - [ 22 ต.ค. 46 18:56:37 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เรียนไปทำไม? มันแล้วแต่คนน่ะ ว่าคิดได้แค่้ไหน และถูกปลูกฝังมายังไง คำตอบไม่เหมือนกันหรอก สมัยที่ผมเรียน ผมแทบตายเพื่อโน่นเพื่อนี่ อย่ากเก่งโน่นเก่งนี่ อยากเข้าไปเรียนสถาบันดัง ๆ คณะดี ๆ แต่พอจบออกมารแ้วก็ได้เห็นภาพชัดขึ้น ว่า เก่งแค่ไหนก็เป็นแค่มนุษย์เงินเดือนคนหนึ่ง ผมเลยซื้อรถ. จากคุณ : ก๊อกสี่ - [ 22 ต.ค. 46 21:40:41 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เห็นด้วยว่าการเรียนเป็น shortcut อย่างหนึ่งขึ้นอยู่กับว่าสิ่งที่เราเรียนนั้นน่ะมันเกี่ยวกับอะไร เรียนหมอมารักษาคนป่วย เรียนวิทยาศาสตร์มาพัฒนาสิ่งต่าง ๆ เรียนวิศวะมาสร้างนู่นสร้างนี่ รวม ๆ แล้ว เราเรียน ๆๆๆๆ เพื่อที่จะมาพัฒนาประเทศ พัฒนาโลก เพราะโลกเรายังต้องก้าวต่อไป ตราบใดที่ยังมีมนุษย์อยู่บนโลกนี้ เรายังคงไขว้คว้าความเจริญอยู่เสมอ อยากพัฒนาอยู่เสมอ เรียนบัญชีมาดูแลเรื่องบัญชี เรียนบริหารฯ มาบริหารบริษัท เรียนเศรษฐศาสตร์มาพัฒนาเศรษฐกิจ เราทำทุกอย่างเพื่อให้ประชากรทุกคนมีโค้กดื่ม มีมาม่าไว้ชงกิน มีหนังเอาไว้ดูเพื่อความบันเทิง หากขาดสิ่งเหล่านี้แล้ว เราจะอยู่กันอย่างไร ขาดบริษัทพวกนั้นเราจะมีกินไม๊ ขาดวิศวกร เครื่องจักรจะถูกผลิตมาได้ยังงัย เราคงไม่มีเครื่องบินบินข้ามโลก ไม่มีทางขับรถไปเชียงใหม่ภายในวันเดียว ถ้าจะตอบคำถามที่ว่าเราเรียนไปทำไมด้วยการบอกว่ามันไร้สาระนี่ก็คงไม่ใช่นาคับ ถ้าเป็นสมัยก่อนที่เรายังทำนา เลี้ยงวัวเลี้ยงควาย หาของป่ามากินเนี่ย ก็คงไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ เพราะถ้าเรียนแคลคูลัสในสมัยนั้นก็ไม่รู้จะเอาไปดิฟอะไร วัน ๆ อยู่กับท้องทุ่งท้องนา แต่เด๋วนี้โลกเราเป็นอย่างนี้แล้วนี่นะ เราเรียนเพื่อว่าเราจะได้ทำอะไรได้บ้าง อย่างน้อยเราก็จะได้มีประโยชน์ในการพัฒนาประเทศสักอย่าง ไม่ทางใดก็ทางนึง แล้วจำเป็นต้องเป็นมนุษย์เงินเดือนไม๊ ถ้าไม่อยากเป็นก็ไม่ต้องเป็นครับ อยากทำอะไรทำ อยากเป็นอะไรก็เป็น แต่ไปให้สุดทางนะครับ คนส่วนใหญ่ที่ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนก็ไม่ใช่ว่าจะไม่แย่ซะไปหมด ตอนม.สองเพื่อนผมคนนึงเคยบอกว่าเคยไม่คิดจะทำอะไรใหญ่โตเลย เค้าแค่เรียนให้จบ ทำงานในบริษัท มีลูกมีภรรยา มีครอบครัวน่ารัก ๆ อยู่แค่นี้ไปจนตาย เพื่อนที่มหาลัยผมก็บอกว่าแม่เค้าสอนมาว่า "ใช้ชีวิตให้เป็นชีวิต อย่าให้เงินมากำหนดเส้นทางเรา แค่ทำงานในบริษัทดี ๆ มีเงินเดือน ทานมังสาวิรัต ออกวิ่งตอนเช้า รักษาสุขภาพ มีครอบครัวดี ๆ" แค่นี้ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวใช่ไม๊ครับ เป็นเจ้าของบริษัทใช่ว่าจะดีทุกอย่าง จริงอยู่ ได้เงินเยอะ แต่ลองคิดดูว่าเงินที่ได้มาต้องฟันฝ่าอะไรมาบ้าง แล้วมันคุ้มสำหรับคุณไม๊ครับ สำหรับผม ผมเป็นคนที่ทะเยอทะยาน ผมฝันไว้ไกล ๆ ครับ แล้วพยายามจะไปให้ถึงผลตอบแทนมันไม่ใช่ตัวเงินหรอกครับ แต่ถ้ามันสำเร็จ มันคืความภาคภูมิใจ แล้วก็เกียรติยศที่ธรรมดา ๆ จะหามาได้ ขอทิ้งท้ายหน่อย แม่ผมบอกว่า "สมัยก่อนถึงแม้จะไม่ได้เจริญ ถนนหนทางไม่ดี แต่ก็อยู่สุขสบายมากกว่าเด๋วนี้ อากาศดี อาหารมีพร้อม" ยังงัยก็แล้วแต่ ผมว่ามันอยู่ที่ทางเลือกของแต่ละคนครับ จากคุณ : บ้าบออยู่คนเดียว - [ 22 ต.ค. 46 22:12:10 ]

ความคิดเห็นที่ 34 so เครียดมาก กระทู้นี้ สำหรับเรา การเรียนเป็นสิ่งสำคัญนะ ลองไม่เรียนดูสิ คุณจะคิดอะไรๆได้อย่างนี้เหรอจะอ่าน-เขียนหนังสือรู้เรื่องมั้ย โอย อีกเยอะแยะ ขี้เกียจเขียน อีกอย่าง รู้ว่ามันแย่นะ ระบบนี้ แต่เราต้องยอมรับว่า ปริญญาจาก ม. ดังมันมีส่วนในสังคมนี้"จริงๆ" จากคุณ : ## WoodStock ## - [ 22 ต.ค. 46 22:34:34 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เรียนไปสูง ๆ เพื่อหางานได้ดี ๆ เพราะสิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างการันตีได้จากระดับการศึกษาของเราคือความขยัน อย่างน้อย ๆ คนที่สามารถเรียนจบสูง ๆ มาได้ ต้องมีความรับผิดชอบ มีความขยัน มีรอยยักอยู่ในสมองบ้าง ทำให้คนที่เค้ารับเราเข้าทำงานสามารถวางใจได้ว่าเราจะไม่ทำให้งานเค้าเสีย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนเรียนอ่อน จบต่ำ ๆ จะทำพวกนี้ไม่ได้ เพียงแต่ว่าพวกเค้าไม่มีอะไรมารับประกันว่าเค้าจะทำได้จริง ๆ ต่างหาก แล้วเรียนอย่างเดียวก็ไม่ได้หมายความว่าจะประสบความสำเร็จในชีวิตเสมอไป เมื่อชีวิตมีแต่เรียน ประสบการณ์บางอย่างในชีวิตก็หายไปเหมือนกัน เหมือนกับ "ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด" เรียนอย่างเดียวไม่สนใจคนอื่น มันก็ไม่รอดเหมือนกัน มนุษย์เป็นสัตว์สังคม วันนี้อาจจะเห็นว่าอยู่คนเดียวได้ แต่วันข้างหน้าล่ะใครจะไปรู้ เพื่อนเราเกรดมันตกจาก 4.00 เป็น 3.5 (ยังเป็นที่หนึ่งอยู่) มันเครียดมาก ตอนนี้มันไม่แทบไม่คุยกะใครเลย เอาแต่นั่งเรียนหน้าห้อง คิดดูนะว่าอย่างงี้ชีวิตจะมีความสุขอะไร คณะที่เราเรียนอาจารย์ยังบอกเลยว่า สิ่งที่คุณเรียนไม่ได้เอาไปใช้ตอนทำงานหรอก พอทำงานก็ต้องเรียนรู้ใหม่หมด การเรียนเป็นแค่ก้าวหนึ่งของชีวิต ก็เหมือนกับตอนเอ็นอ่านหนังสือแทบเป็นแทบตาย แต่พอเข้ามาได้ปุ๊บก็จะรู้ว่า มันเป็นแค่เสี้ยว ๆ เล็ก พอมาเรียนแล้วมันนรกกว่าตอนเอ็นหลายเท่า แต่ก็ต้องเรียนนะ จะมามันรอให้แต่ละคนไปขวนขวายหาความรู้เองมันคงยาก จากคุณ : เล็งตรงนั้น - [ 22 ต.ค. 46 22:45:32 ]

ความคิดเห็นที่ 36 จี้อะ ก๊อกสี่ 5555 เรียนไปทำไม.. เราว่ามันขึ้นอยู่กับ.. ความสุขของเราอยู่ตรงจุดไหนนะ.. สุขที่เราได้เรียนในสิ่งที่เรารัก.. หรือ สุขที่เราได้เรียนในสิ่งที่ดูแล้วมีอนาคต มีเครดิตหน่อย ความสุขของคนเราต่างกันนะ.. บางคนสุขถ้ามีกะตังค์ใช้.. ถึงแม้ต้องทำงานที่ตนไม่ชอบ.. เพราะความสุขอย่างหลัง อาจเติมเต็มได้มากกว่า บางคนสุขถ้าได้ขลุกอยู่กับสิ่งที่ตนหลงใหล.. ถึงแม้จะต้องไส้แห้ง.. อิอิ บางคนสุขที่จะมีชีวิตไปวันๆ.. จะให้ทำอะไรฉันก็ทำ.. โดย ไม่เดือดร้อนคนอื่น.. ความสุขอยู่ตรงไหน .. มันน่าจะมาจากที่ว่า .. เราขาดอะไรไปในชีวิตนะ .. (งงกันไหมเนี่ย) อีกอย่างที่เราคิดว่าน่าจะมีส่วนทำให้เกิดคำถามว่า เราจะเรียนไปทำไมนี่ เกิดระบบการศึกษาห่วยๆของประเทศไทย ด้วยนะ .. ที่ยิ่งเรียนแทนที่จะค้นพบตัวเองกลับสร้างความ สับสนให้ตัวเองมากกว่า เรียนมันไปเถอะตั้งกะเช้าจดเย็น เฮ้อ... เรื่องนี้บ่นได้อีกยาว.. พอดีกว่า ก็รู้ๆกันอยู่แล้วอะนะ ว่ามันเป็นยังไง จากคุณ : UnDeR_RaDaR - [ วันปิยมหาราช 03:19:45 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ก็ขนาดเรียนกันมากมายขนาดนี้ประเทศชาติยังไปได้แค่นี้เองเลย แล้วถ้าไม่เรียนมันคงจะเจริญกว่านี้หรอกนะ ผมไม่เถียงครับ ว่าหน้าที่ของคนเราคือการเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ แต่ลองย้อนถามตัวเองซักนิดว่าการที่จะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์นั้นมันประกอบด้วยอะไรบ้าง แล้วมันต้องแลกมาด้วยอะไรบ้างครับ แน่นอน ผมมั่นใจว่าในสมัยนี้ การได้รับการศึกษาที่เหมาะสมต้องเป็นองค์ประกอบหนึ่งในนั้น หมดยุคไปนานแล้วครับที่จบป.สี่แล้วเป็นเจ้าของห้างน่ะ จริงอยู่ คนที่เรียนสูงๆไม่ได้หมายความว่าจะมีชีวิตที่ดีไปหมดทุกคน แต่คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ณ.ยุคสมัยนี้ ไม่มีใครไม่มีการศึกษาครับ "หน้าที่ของเราคือการเรียน" คำนี้เขาเอาไว้พูดกับเด็กๆครับ เพราะผู้ใหญ่เขารู้ว่ารากฐานแห่งชีวิตที่สมบูรณ์ต้องมาจากการศึกษาที่ดี เป็นเด็กยังคิดไม่เป็น ทำอะไรไม่ได้ ก็ก้มหน้าก้มตาเรียนไป โอกาสผ่านมาเมื่อไหร่จะได้คว้าเอาไว้ได้ จะไปบอกว่า "หน้าที่ของเราคือการเป็นมนุษย์ที่สมบูณ์" คุณคิดว่าเด็กๆที่วิ่งไปวิ่งมามันจะเข้าใจมั๊ยล่ะ ผมยังมองไม่เห็นเลยว่าการเรียนจบสูงๆ มีการศึกษาดีๆ มันจะทำให้โอกาสในชีวิตมันน้อยกว่าการไม่มีการศึกษาตรงไหน และอีกอย่างนึงคือ ผมไม่เคยได้ยินคนที่จบสูงๆแล้วมาบอกว่าเรียนมากไม่ดี อย่าไปเรียนเลย แม้แต่คนเดียว ป.ล. คุณเจ้าของกระทู้เกิดไม่ทันสมัยโทรทัศน์ยี่ห้อธานินทร์หรือครับ? จากคุณ : Jawbreaker - [ วันปิยมหาราช 03:48:07 ]

ความคิดเห็นที่ 38 อืม ผมว่าที่เจ้าของกระทู้พูดไม่ได้หมายถึง จะเข้าโรงเรียนหรือไม่ไปเรียนหนังสือดี คิดแบบนี้มันคิดง่ายดิ ไม่ได้ขั้วหนึ่ง ก็ไปอยู่อีกขั้วหนึ่ง น่าจะหมายถึงคนที่เรียนแบบไม่มีความพอดีมั้ง คือเรียนอย่างเดียวจนไม่ได้คิดเรือ่งอื่น เลยแห้งแล้งในความเป็นมนุษย์ไป จากคุณ : ก๊อกสี่ - [ วันปิยมหาราช 20:30:29 ]

ความคิดเห็นที่ 39 พอเด็กไทยได้โอลิมปิก ก้อชื่นชมกันใหญ่ ให้โอกาสกะเด็กพวกนี้มากมาย สงสัยเค้าจะลืมไปมั้ง ว่าที่เก่งก้อมีแค่เนี้ย ลองไปดูทั้งหมดเดะมีแต่โง่ ๆ ทั้งนั้น และพวกเนี้ยก้อไม่เคยได้โอกาสอะไรเลย เออ และจะบอกให้รับประกันได้เลย ที่ไอ้พวกเด็กเก่งบอก ว่าเรียนพิเศษไม่จำเป็น เอาหัวเป็นประกันเลย เรียนทุกคน 100 % ที่พูดไปก้อสร้างภาพเอาใจผู้ใหญ่ไปงั้นเอง จากคุณ : เด็กม.ปลาย - [ 24 ต.ค. 46 14:38:32 A:203.144.143.250 X:202.133.179.109 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ตอนนี้เรียนจบปริญญาตรีแล้วครับ ยังหางานไม่ได้ เป็นคนว่างงาน เป็นภาระของสังคม ... ยิ่งเรียนยิ่งเรื่องมากและคิดมาก..ก็เลยตกงาน จากคุณ : เสื้อขาวเปื้อนเลือด - [ 24 ต.ค. 46 20:07:02 ]