เนื่องจากผมได้มีโอกาสไปเขียนคอลัมน์ Music Documentary ให้กับ Audiophile ซึ่งเป็นนิตยสารสำหรับคนรักเครื่องเสียง แต่ในขณะเดียวกันก็มีเนื้อหาเกี่ยวกับซ๊อฟท์แวร์ทางดนตรีดีๆมากมาย ผมประเดิมเขียนเล่มแรกด้วยการเล่าเรื่องดีวีดีของ Yes ชุด Yesyears มาเล่มที่ 2 ก็ได้เขียนเรื่องของ Dark Side Of The Moon ซึ่งก็คือเล่มนี้แหละ (ฉบับที่ 86) ที่กำลังนำมาแจก โดยมีกติกาง่ายๆคือตอบคำถามว่า...
อัลบัม Dark Side Of The Moon ของพิงค์ ฟลอยด์ที่สามารถคาอยู่ในบิลบอร์ดยาวนานกว่า 300 สัปดาห์ "ติดต่อกัน" นั้น ติดอยู่ในอันดับที่ 1 ได้กี่สัปดาห์?
อัลบัม Dark Side Of The Moon สร้างความสั่นสะเทือนแก่วงการเพลงนับจากปีที่มันออกสู่ท้องตลาดเมื่อปี 1973 ผ่านไปแล้ว 30 ปีแต่ตำนานของมันก็ยังคงเป็นที่กล่าวขานไม่รู้จบ และเนื่องในโอกาสพิเศษนี้นอกจากจะมีซีดีเวอร์ชันเซอร์ราวนด์ออกมาโกยเงินจากกระเป๋านักเล่นเครื่องเสียงทั้งหลายแล้ว ยังมีสารคดีชุด Classic Series ที่ออกอากาศในช่อง VH-1 ความยาวเฉียด 50 นาที มาบรรจุในแผ่นดีวีดี เพื่อเอาใจผู้ที่ต้องการทราบถึงเบื้องหลังและข้อมูลที่มาที่ไปของผลงานระดับขึ้นหิ้งชุดนี้อย่างละเอียดอีกด้วย
ดีวีดีชุดนี้รวบรวมบทสัมภาษณ์ในยุคปัจจุบันของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการผลิตอัลบัม Dark Side Of The Moon แบบต่างเวลาต่างสถานที่ ไม่ว่าจะเป็น Roger Waters, David Gilmour, Rick Wright และ Nick Mason ในฐานะสมาชิกวงในยุคนั้น, Alan Parsons วิศวกรด้านเลียง (ซึ่งต่อมาเป็นผู้ก่อตั้งวง The Alan Parsons Project), Storm Thorgerson ผู้ออกแบบภาพปก และ Chris Thomas ในตำแหน่ง Mixing Supervisor นอกจากนี้ยังมีความเห็นจากสื่อมวลชนผู้คลุกคลีกับวงการเพลงร๊อค ไม่ว่าจะเป็น David Fricke (Senior Editor ของนิตยสาร Rolling Stone), Nigel Williamson (นักข่าว), Robert Sandall (นักข่าวและบรอดคาสเตอร์) รวมถึง Bhashar Menon ประธาน Capital ในช่วงปี 1971-1990
CHAPTER 2 & 3: SET THE CONTROLS FOR THE HEART OF THE SUN / ECHOES
David Fricke: ผมจำได้ว่าไปชมการแสดงของพวกเขาในยุคที่เดวิด กิลมอร์เข้ามาร่วมวงใหม่ๆ จากเพลง Set The Controls For The Heart Of The Sun นั้น มันก็คือ Space Rock ดีๆนี่เอง
David Gilmour: ในยุคแรกๆ เราทำงานแบบ Instrumental มาก แต่เราก็พยายามทดลองสิ่งใหม่ๆ Echoes เป็นเพลงที่แสดงถึงแนวทางที่เรากำลังก้าวไปอย่างชัดเจน
Nigel: เราต้องไม่ลืมว่าช่วงนั้นมันเป็นยุคทองของ Glam Rock ไม่ว่าจะเป็น Marc Bolan & T. Rex, David Bowie กับอัลบัม Ziggy Stardust ของเขา ซึ่งเนื้อหาเป็นพวก Pop Fantasy แต่แล้วจู่ๆ พิงค์ ฟลอยด์ก็ออก DSOTM ที่มีเนื้อหาจริงจังมาก
David Gilmour: หลายๆความคิดทางดนตรีเกิดขึ้นจากการแจมในห้องซ้อม บวกกับเนื้อร้องที่รอเจอร์นำเข้ามา
Nigel: ประโยคหนึ่งที่เด็ดที่สุดของอัลบัมนี้คือ Hanging on in quiet desperation is the English way มันน่าจะเป็นประโยคจากนักเขียนอย่าง Evelyn Waugh หรือ Somerset Maugham มากกว่า มันเป็นการสำรวจบุคลิกภาพของคนอังกฤษ ซึ่งผมคิดว่าบุคลิกแบบนั้นแหละที่เป็นตัวนำเข้าสู่เนื้อหาของงานและมันก็เป็นวิถีของเส้นทางอาชีพของพิงค์ ฟลอยด์นั่นเอง