<<JBC>> บันทึกการเดินทางของสาวนิวยอร์กตลอดหนึ่งเดือนของการแกะรอย Jerry

    พอดีอ่านเจอบันทึกที่สาวนิวยอร์กเชื้อสายจีนคนหนึ่งเล่าถึงประสบการณ์ของตัวเองที่เดิมทีตั้งใจแค่ว่าจะเดินทางกลับมาฉลองคริสต์มาสและปีใหม่ที่บ้านเกิด แต่โชคเข้าข้างเธอมากๆ เพราะว่าประจวบเหมาะกับเป็นช่วงเวลาที่คุณชายเธอเดินสายออกงานและโปรโมทหนัง Magic Kitchen (เริ่มตั้งแต่คุณชายเดินทางไปปักกิ่งเพื่อร่วมงาน “ถงอีโส่วเกอ” เมื่อกลางเดือน ธ.ค. จนกระทั่งคุณชายหมดงานพบปะแฟนๆ / นักข่าวเพื่อโปรโมทหนังก่อนหน้าตรุษจีนหนึ่งอาทิตย์) เธอคนนี้เลยเก็บเกี่ยวเรื่องราวความทรงจำของเธอที่มีต่อคุณชายตลอดการเดินทางของเธอมาเล่าให้ฟังกันค่ะ อ่านแล้วเพลินดีจังเลย ^_^

    1. ตะลุยไต้หวัน (19 ธ.ค.)

    ชั้นกับ SNLIAO ใฝ่ฝันมานานที่จะมาท่องเที่ยวแดนศักดิ์สิทธิ์อย่าง “ไต้หวัน” สำหรับใครหลายๆ อาจจะบอกว่าไต้หวันไม่เห็นจะมีอะไรเลย แต่สำหรับเราสองคนที่ไม่เคยมาไต้หวันเลย สถานที่แห่งนี้ถือเป็นสถานที่พวกเราตั้งหน้าตั้งตารอคอยอยู่ทุกวี่ทุกวันตลอดเทอมที่แล้ว คิดมาเสมอว่าจะต้องใช้พลังงานอย่างเต็มในไต้หวัน ฮึมมม ช่างร้ายกาจซะขนาดนี้

    ชั้นกับเพื่อนดีอกดีใจอย่างมากที่ได้เดินทางมาไต้หวัน ได้ดูสถานที่ต่างๆ ที่ใช้ถ่ายทำ “หลิวซิงฮวาหยวน” ได้ลิ้มลองอาหารข้างทางในไต้หวัน และได้สูดอากาศเดียวกับ Jerry ด้วย ในใจก็คิดอยู่ตลอดเลยว่าที่แห่งนี้คือสถานที่ที่เค้าถือกำเนิดมา ไม่รู้ว่าตอนนี้เค้าอยู่แห่งหนใด กำลังวุ่นอยู่กับการอัดเพลงอัลบั้มของตัวเองหรือปล่าว หรือว่าจะเล่นบาสอยู่ที่สวนสาธารณะต้าอัน??? ดูเหมือนว่าสวรรค์จะได้ยินคำถามของชั้น ดังนั้น พอวันที่สองที่ชั้นมาถึงไต้หวัน ถึงทำให้เราได้รู้ว่า Jerry จะปรากฏกายแล้ว พรุ่งนี้ เค้าจะไปปักกิ่ง ... เพื่อบันทึกรายการ “ถงอีโส่วเกอ”

    แน่นอนว่าพวกเราต้องรีบฉวยโอกาสนี้ไปสนามบินเพื่อจะได้เห็นเค้า ตี 4 ของวันนั้นพวกเราก็ออกเดินทางไปสนามบิน ไฟท์เช้าเลย รออยู่นานกว่าจะได้เห็นเค้า ทันทีที่เห็นเค้า ชั้นก็ตะโกนว่า “เหยียนเฉิงซวี่” ตอนนั้น เค้ากำลังมุ่งหน้ามาทางพวกเรา แล้วชั้นก็รีบวิ่งเข้าไปที่ IMMIGRATION ใครจะไปคิดว่าเค้าไม่ได้กรอกใบตรวจโรค SARS จากนั้น ชั้นก็ยืนมองเค้ากรอกแบบฟอร์ม เงอะๆ งะๆ น่าดูเลย ไม่ถึง 5 นาทีเค้าก็กรอกเสร็จแล้ว แล้ว Jerry ก็เดินไปเข้าคิว ชั้นก็เดินไปกับเค้าด้วย แล้วชั้นก็ทักทายเค้า “Hi Jerry”เค้าเหลียวหลังหันมามองชั้น พอกับพูดว่า “Hi…. หน้าคุณคุ้นๆ จัง ดูเหมือนว่า....คุณจะมาจากอเมริกาใช่มั้ย” ว้าวววววว ช่างความจำดีซะจริงๆ พวกเรายืนตรงนั้นซักพัก แล้ว Jerry ก็หันไปคุยกับคนข้างๆ 2-3 คนว่า “โอ๊ะ เด็กคนนั้นน่ารักจัง” ที่แท้ ตรงนั้นมีครอบครัวชาวต่างชาติยืนอยู่ด้วย กำลังอุ้มทารกน้อยอายุไม่ถึงขวบเลย ..... น่ารักจริงๆ ด้วยล่ะ

    หลังจากขึ้นเครื่องบินกันแล้ว ชั้นไม่ค่อยได้คุยกับเค้าซักเท่าไหร่ แต่หนังสือพิมพ์บนเครื่องมีข่าวเค้ากับไจ๋ก็เลยชี้ให้เค้าดู เค้าเห็นข่าวของไจ๋ไจ๋แล้วก็ถามว่า “ไจ๋ไจ๋ใช่มั้ย?” ชั้นบอกว่า “ปล่าว ยังมีข่าวคุณด้วยนะ” อาเจวียนยิ้มพร้อมกับบอกว่าคุณดูเสร็จแล้วขอพวกเราดูบ้างนะ .... แต่จริงๆ แล้ว พวกเค้าต่างก็มีกันคนละฉบับแล้ว ไม่ตั้งเอาของชั้นก็ได้ อาจจะเป็นเพราะต้องบินไฟท์เช้า ทันทีที่ขึ้นเครื่อง เค้าก็หลับเลยตลอดเส้นทาง ไม่ได้กินอะไรเลยด้วย

    จากนั้นหนึ่งชั่วโมง ใกล้จะถึงฮ่องกงแล้ว Jerry ตื่นแล้ว เค้าคุยกับอาเจวียนอยู่ 2 ประโยค แล้วชั้นก็รีบบอกกับเค้าว่า “Jerry เซ็นต์ชื่อให้หน่อยได้มั้ย?” เดิมที คิดจะให้เค้าเซ็นชื่อบน BOARDING PASS ของชั้น เก็บไว้เป็นที่ระลึก แต่อาเจวียนบอกว่าไม่ได้ แล้วถามว่าชั้นไม่มีรูปถ่ายหรืออะไรของเค้าเลยเหรอ การเดินทางอันแสนจะฉุกละหุกเช่นนี้ ใครจะไปคิดถึงอะไรตรงนั้นเล่า ชั้นบอกว่าไม่มี จากนั้นก็หยิบสมุดจดบันทึกของตัวเองขึ้นมาแล้วถามว่านี่ได้มั้ย พวกเค้าลังเลซักพักแล้วบอกว่า ก็ได้ สักพักนึง สมุดบันทึกและปากกาของชั้นก็ไปอยู่ในมือคุณเหยียนแล้ว เห็นเค้าตั้งอกตั้งใจเซ็นต์ชื่อก็รู้สึกดีใจมากๆ แต่เซ็นต์ได้ครึ่งเดียว จู่ๆ ก็หยุดเซ็นต์ซะแล้ว ทำไมกัน???? ที่แท้ คุณเหยียนไม่ชอบปากกาของชั้น เลยหยิบปากกาอีกด้ามที่เสียบกับสมุดบันทึกของชั้นขึ้นมา แล้วก็วางกลับเข้าไปอีก แล้วหันมาขอปากกาอีกด้ามนึงจากอาเจวียน เซ็นต์ใหม่ ที่แท้...เค้าก็เป็นคนประเภท PERFECTIONIST นั่นเอง ดังนั้น ตอนนี้สมุดบันทึกของชั้นเลยมีลายเซ็นเพียงแค่ครึ่งเดียวของคุณเหยียนด้วย!!!!

    เมื่อเครื่องบินถึงแล้ว ผู้โดยสารค่อยๆ ทยอยลงจากเครื่องบิน แต่พวกเค้ายังยืนรอคนอื่นๆ อีกสองคน อาเจวียนไปเข้าห้องน้ำ Jerry ก้มหน้าก้มตาจัดข้าวของ ตัวชั้นเองก็ไม่รู้ว่าจะรอเค้าดีหรือไม่ ตัวเองไม่ค่อยมีความอดทนซะเท่าไหร่ สุดท้าย ตัดสินใจว่าไม่รอดีกว่า ชั้นพูดกับเค้าว่า “Jerry ชั้นไม่ไปปักกิ่งนะ งั้น...พรุ่งนี้พบกัน ขอให้งานที่ปักกิ่งราบรื่นนะ” ดูท่าเค้าจะยังไม่ตื่นนอนดี เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเค้าพูดอย่างไร้อารมณ์ว่า “ครับ...ขอบคุณครับ” แล้วชั้นก็เดินจากไป รู้สึกเบาใจเป็นอย่างมาก

    2. สนามบินไต้หวัน (20 ธ.ค.)

    วันที่ 2 ชั้นทำตัวเป็นนกพิราบส่งจดหมาย ทันทีที่เห็นเค้า คนแรกที่พูดขึ้นมาก่อนไม่ใช่ชั้น แต่เป็นเค้า เค้าเห็นชั้นแล้วก็ชี้มาทางชั้นแล้วพูดว่า “AH! SEE YOU AGAIN!” ฮ่าฮ่าฮ่า ชั้นพูดกับเค้าว่า “ใช่แล้ว ได้ยินว่าคุณกำลังเรียนภาษาอังกฤษอยู่” เค้าบอกว่า “ใช่แล้ว ใช่แล้ว” ชั้นบอกว่า “งั้นชั้นเขียนจดหมายภาษาอังกฤษให้คุณฉบับนึง คุณค่อยๆ อ่านแล้วกัน” เค้าบอกว่า “ดี ดี ขอบคุณครับ”

    จากคุณ : crazy for เสี่ยวเข่อ (noy2noi) - [ 27 ม.ค. 47 21:11:41 ]