ความคิดเห็นที่ 1 มีคนกล่าวไว้ว่า เพลงและการร้องของเธอ ไม่ใช่ Gospel แบบที่นักร้องผิวดำส่วนใหญ่มักจะรับอิทธิพลมา เธอไม่ใช่แนวนั้น แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอได้รับอิทธิพลเรื่องร้องเพลงมาจาก นักร้องแนว Jazz อย่าง Ella Fitzgerald และ Sarah Vaughan แต่เธอก็ไม่ใช่แนว Jazz และไม่ใช่ Soul แบบ Aretha Franklins เธอคือนักร้องผิวดำ ที่ร้องเพลง POP ครับ โดยมีนักแต่งเพลงคู่บุญ Burt Bacharach และ Hal David ที่ทำงานร่วมกับเธอเกือบทั้งชีวิต สร้างผลงานอมตะ จนทำให้ Dionne เป็น “เจ้าแม่เพลงถูกเอามาทำใหม่” อย่าง Walk On By(Garbrialle),I Say A Little Prayer(Diana King),There’s Always Something There To Remind Me(Naked Eye), I'll Never Fall in Love Again(Mary Chapin-Carpenters),I Just Don’t Know What To Do With Myself (The White Stripes) เป็นต้น และได้รับการขนานนามว่าเป็น “กล่องเสียง” ของ 2 Compser อัจฉริยะ ทั้ง 2 นั้นนั่นเอง Marie Dionne Warwick แม้จะเกิดในครอบครัวของคนดนตรี Gospel และแม่เธอก็เป็นนักร้องในโบสถ์รวมถึงให้เธอได้มีโอกาสร้องเพลงในโบสถ์ตั้งแต่ 6 ขวบ และเมื่อเข้าสู่วัยรุ่นก็ได้ตั้งวง The Gospeliares ซึ่งมีสมาชิกหนึ่งในนั้นเป็นน้าเธอเอง คือ Cissy Houston (แม่ Whitney Houston ซึ่งต่อมา Ciscy ได้ขอให้ Dionne เป็นแม่ทูนหัวให้กับ Whitney) โดยวงของเธอได้ไปร้อง Background ให้กับ Ben E. King (เจ้าของเพลง Stand By Me) และวง The Drifter กับเพลงที่แต่งโดย Burt Bacharac และ Hal David ทำให้พวกเขาได้รู้จัก Dionne และชักนำให้มาร้องเพลงให้พวกเขา จากคุณ : modjo! - [ 6 ก.ค. 47 23:15:41 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ในฐานะนักร้องนำเดี่ยวของเธอ เริ่มต้นเมื่อปี 1962 จาก Single ที่ชื่อว่า Don’t Make Me Over (อันดับ 21 US) ด้วยน้ำเสียงการร้องที่แผดเศร้า ร้าวราน ทำให้เพลงนี้สามารถเข้าอันดับทั้งชาร์ตของคนขาวและคนดำ ซึ่งเป็นศิลปินรายแรกๆที่สามารถมีเพลงเข้าทั้ง 2 ชาร์ตได้ในสมัยนั้น เพลงดังๆในยุค 60’s ของเธอตามมาอีกเป็นระลอก เช่น Alfie อันดับ 18 ปี 1967 ,Do You Know the Way to San Jose? อันดับ 10 ปี 1968 และ (Theme from) Valley Of The Dolls อันดับ 2 ปี 1968 รวมถึง I'll Never Fall in Love Again อันดับ 6 ปี 1970 เพลงของ Dionne ที่จริง มีทั้งเพลงที่เธอเอามาร้องใหม่หลายเพลง เช่นเพลง Alfie เคยถูกร้องมาแล้ว 42 Versions แต่ Version ของเธอได้รับความนิยมสูงสุด และไม่ใช่แค่เพลงนี้เพลงเดียว ยังมีอีกหลายต่อหลายเพลงที่กลายเป็นว่าเธอทำให้คนจดจำได้มากกว่า มีคนกล่าวไว้ว่า "When Dionne sings a song, she owns it" ผู้ที่กล่าวคือ 1 ในศิลปินที่มีเธอเป็นแรงบันดาลใจ Whitney Houston นั่นเอง จากคุณ : modjo! - [ 6 ก.ค. 47 23:17:37 ]

ความคิดเห็นที่ 3 Dick Clark นักจัดรายการโทรทัศน์ชื่อดัง กล่าวไว้ว่า “เสียงของ Dionne จะหลอกหลอนและติดอยู่ในหัวคุณไปจนวันตาย เสียงของเธอมีแรงดึงดูด เพลงรักของเธอเปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่เหมือนใครและเราไม่อาจจะจำกัดเธอลงในแนวดนตรีแนวใดแนวหนึ่งได้เลย” คำพูดนี้ไม่ได้เกินจริงเลย เพราะนอกจากเพลง Ballad หวานๆของเธอจะเข้าได้ทั้งชาร์ต Pop และ R&B แล้ว เธอยังเคยได้รับ Grammy Award สาขา Best Contemporary Vocal Performance, Female ปี 1968 จากเพลง "Do You Know the Way to San Jose" และปี 1970 จากเพลง "I'll Never Fall in Love Again." และในปี 1979 เธอกลายเป็นศิลปินรายแรกที่ได้รับรางวัล Grammy Award ทั้งในสาขา Pop และ R & B categories ในปีเดียวกัน (จากเพลง I’ll Never Love This Way Again และ Deja Vu ตมลำดับ) ปี 1971 เธอเซ็นสัญญากับ Warner แต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จนัก เนื่องจากเธออยากลองที่จะไม่ร่วมงานกับ 2 Composer คู่บุญของเธอ จนกระทั่ง ปี 1974 หลังจาก 12 ปีในวงการ เธอจึงกลับมาผงาดอีกครั้งด้วยเพลงอันดับ 1 เพลงแรกในชีวิตจากการร่วมร้องกับวง The Spinners เพลง Then Came You ขึ้นอันดับ 1 Billboard ได้สำเร็จ จากคุณ : modjo! - [ 6 ก.ค. 47 23:18:14 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ปี 1979 เธอย้ายสังกัดไปอยู่กับ Arista และที่นี่ก็ทำให้เธอได้มีโอกาสทำงานร่วมกับ Barry Manilow (เจ้าของเพลง Mandy และ Can’t Smile Without You) ทำเพลง Ballad สุดไพเราะ (อีกเพลงโปรดของผม) I’ll Never Love This Way Again ขึ้นไปถึงอันดับ 5 Billboard ในปี 1979 และ Manilow ยังเป็นคนที่ทำให้เธอมีอัลบั้มชื่อ Dionne ที่ขายได้รางวัล Platinum (1 ล้านแผ่น) ในรอบ 10 ปีของเธออีกด้วย ในปี 1982 เธอได้ทำงานร่วมกับศิลปินระดับตำนานอีกราย คือ Barry Gibb แห่งวง BeeGees ร่วมทำให้เพลง Heartbreaker ขึ้นไปถึงอันดับ 10 ในปี 1982 ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงที่มีความเป็น BeeGees มากๆ ไม่ต่างกับ Emotions ของ Samantha Sang หรือ Experience ของ Diana Ross หรือ Woman in Love ของ Barbra Streisand ซึ่งมักจะมีกลิ่น BeeGees อยู่ในเพลง แต่ด้วยเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์มากๆของ Dionne ทำให้เพลงนี้ พอจะเอาตัวรอดไปได้ไม่โดนรัศมี BeeGees กลบเหมือนรายอื่นๆ จากคุณ : modjo! - [ 6 ก.ค. 47 23:18:59 ]

ความคิดเห็นที่ 5 และในปี 1985 ปีประวัติศาสตร์ของเธอ (หลังจากปี 1984 เป็นปี come back ของป้า Tina) ปี 1985 ก็คือปี come back อย่างสมภาคภูมิของป้า Dionne เพลง That’s What Friends Are For ดังกระหน่ำชาร์ตอันดับ 1 นาน 5 สัปดาห์และเป็นเพลงอันดับ 1 ประจำปีของนิตยสาร Billboard โดยเพลงนี้มีแขกรับเชิญ คือเพื่อนร่วมวงการที่รักของเธออย่าง Elton John,Glady Knights และ Stevie Wonder มาร่วมร้องและเป่าฮาร์โมนิก้า และแต่งโดย นักแต่งเพลงเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขในวงการกับเธอมากว่า 20 ปี Burt  Bacharac (ร่วมกับ Carole Bayer Sager) เพลงนี้เป็นเพลงเก่าของ Rod Stewart มีเนื้อหาเกี่ยวกับ ความสำคัญของคำว่า "เพื่อน" และการให้กำลังใจ โดยรายได้จากการขาย Single ยังส่งมอบให้มูลนิธิวิจัยโรค AIDS อีกด้วยซึ่งก็น่าจะเหมือนเป็นการให้กำลังใจแก่ผู้ป่วยว่าอย่าหมดหวัง ท้อแท้ และเพลงนี้ก็ทำให้เธอได้รับรางวัล Grammy ตัวที่ 5 ในชีวิตในสาขา Best Vocal Group (และเพลงนี้ยังได้รางวัล Song Of The Year ซึ่งรางวัลมอบให้แก่นักแต่งเพลงอีกด้วย) หลังจากอัลบั้ม Friends แล้ว Dionne ก็ไม่สามารถกลับไปถึงจุดสูงสุดนั้นได้อีก แต่เธอก็สะสมเพลงใน Hot 100 Single ของ Billboard ไว้แล้ว 53 เพลง เท่ากับ Connie Francis แต่เป็นรองเพียง Aretha Franklins (77 เพลง) เธอเป็นแรงบันดาลใจของนักร้องขายเสียงมากมาย ทั้ง Celine Dion,Mariah Carey และ Whitney Houston เธอเป็นต้นตำรับเพลงอมตะที่ทุกวันนี้ยังมีคนนำเพลงของเธอมาขับร้องใหม่เสมอ เธอมีอัลบั้มแล้วกว่า 3 โหล (36 อัลบั้ม) และในบั้นปลายของชีวิตการเป็น Diva ในตำนานของเธอ เธอก็เลือกที่จะปิดตัวเองด้วยการอุทิศพรสวรรค์และชื่อเสียงที่สั่งสมมากับการกุศล เธอตั้งมูลนิธิ Warwick Foundation โดยเงินจากมูลนิธิจะมอบให้แก่ AMFAR หรือ The American Foundation for AIDs Research โดยมีการออกตระเวนคอนเสิร์ตทั่วโลกเป็นประจำ และนี่คืออีก 1 ตำนานที่จะไม่มีวันลืมเลือนครับ เสียงของเธอ (There's) Always Something There to Remind Me Forever --- แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 47 23:33:43 จากคุณ : modjo! - [ 6 ก.ค. 47 23:19:59 ]

ความคิดเห็นที่ 6 จบครับ แง..โพสท์รูปไม่ได้กระทู้จืดมาก จะมีคนอ่านไหมเนี่ย (เขียนตั้งแต่ 3 ทุ่มนะแหะๆ) ---- ข่าวคอนเสิร์ต Daimler Chrysler Presents A Charity Gala with Dionne Warwick ณ ห้องบอลรูม โรงแรมดุสิตธานี วันที่ 14 กรกฎาคม 2547 โดยคอนเสิร์ตครั้งนี้จะจัดขึ้นเพียงครั้งแรกและครั้งเดียวในประเทศไทย แถมได้ส่วนหนึ่งมอบเป็นการกุศลให้ สมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน (The Population & Community Development Association (PDA) จัดสรรให้กับ 20 กองทุนสาธารณะประโยชน์เพื่อผู้ป่วยโรคเอดส์ (20 AIDS Charity Organizations) โดยผู้ที่สนใจสามารถหาซื้อบัตรได้ที่ไทยทิคเก็ตมาสเตอร์ บัตรราคา 6,000 บาททุกที่นั่ง --- ปล.แม้จะชอบมากแค่ไหน แต่ 6,000 บาทนี่กรีดเนื้อเลยอะครับ งานนี้เลยนั่งเศร้าอย่างเดียว จากคุณ : modjo! - [ 6 ก.ค. 47 23:26:41 ]

ความคิดเห็นที่ 7 Sorry i can't type Thai now, and i don't know why?!? --- She is a wonderful and legendary soultress singer but she doesn't sing soul !!! just like k. Modjo already told. --- Her voice is great , but she dosen't often show off, most of time she sing just like easy listen song. If u wanna listen to a super diva with super octave you will be disapointed. ---- BUT you really can try this song out I’ll Never Love This Way Again It's such a super ordinary song!!!!!!! ( only live version ) Most of time she sing in live version better than album version sorry for my poor english na ja จากคุณ : tinyvoice (tinyvoice) - [ 7 ก.ค. 47 00:01:14 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ฮะ ==== Her Madgesty!!! จากคุณ : ClubFella - [ 7 ก.ค. 47 00:11:58 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณพี่มอดโจ้มากค่ะ จากคุณ : Vicky_b - [ 7 ก.ค. 47 06:31:45 ]

ความคิดเห็นที่ 10 /me เซ็น รับทราบ ค่าาาาาา /thx จากคุณ : เลดี้ กาลาเดรียล (ขนมไข่หวาน) - [ 7 ก.ค. 47 07:19:02 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เจ๋งมากครับ ชอบเพลงที่ทำโดย Burt Bacharach และ Hal David มากครับ กำลังซื้สะสมอยู่ ด้มาหลายๆศิลปิน เพราะเพลงหนึ่งๆ จะมีคนเปร้องเยอะมาก ส่วนเรื่องบัตรหายห่วง ยังไงก็เต็ม เพราะรู้สึก จะอารมณ์ ไฮโซ นั่งเป็นโต๊ะจัดเลี้ยง แบบจัดในโรงแรมอ่ะ (บัตร 6000) จากคุณ : a-zz - [ 7 ก.ค. 47 12:31:44 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ข้อมูลดีมากเลยครับพี่มด ผมเองก็มีรวมฮิตอันล่าสุดของป้าแกเหมือนกัน ฟังแล้วชอบโซลยุคแรกๆของป้าแกมาก อย่าง do you know way to san jose ,don't make me over ,walk on by ผมว่าดนตรีโซลยุคนั้นมีเสน่ห์มากๆๆๆๆๆๆเลย สไตย์การร้องของป้าก็รื่นหูดี ไม่แผด ไม่เค้นจนเวอร์ จากคุณ : yev rugrats - [ 7 ก.ค. 47 12:54:18 ]

ความคิดเห็นที่ 13 แน่นมากๆๆพี่ม่อน ข้อมูลอ่ะ แต่เอ หนูจะได้หยุดมั้ยน้อ เห็นมีข่าวว่าอาจยกเลิกประชุมอ่ะ จากคุณ : lourd - [ 7 ก.ค. 47 19:48:04 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆค่ะ แล้วจะไปหามาฟังนะค่ะ จากคุณ : candy perfume girl - [ 8 ก.ค. 47 13:17:33 ]