ความคิดเห็นที่ 1 14.When You Believe (15 US,4 UK 1998) เพลงจากภาพยนตร์การ์ตูน ของ Dreamworks เรื่อง 'The Prince of Egypt' นำ สิ่งที่แฟนๆ Believe มาตลอดชีวิตกลายเป็นจริง เมื่อนำคู่แข่งที่สูสีที่สุดในประวัติศาสตร์วงการเพลงและคู่ที่ตามสื่อกล่าวว่าไม่มีวันจะมาร่วมงานกันได้ มาเจอกัน เพลงนี้โปรดิวซ์โดย Babyface และได้รับรางวัล Oscar สาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในปีนั้นอีกด้วย Whitney กล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังการถ่ายทำ MV เพลงนี้ว่า เธอทั้ง 2 ไม่ได้เป็นศัตรูกัน เธอไม่เคยทะเลาะโต้แย้งกัน มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเธอทั้งคู่ไม่เคยเจอกันเลย จากคุณ : modjo! - [ 7 ก.ค. 47 14:00:09 ]

ความคิดเห็นที่ 2 13.On My Own (93 US, - UK 2003) เพลง Ballad จากอัลบั้มล่าสุด ที่ทำอันดับได้ต่ำที่สุดในชีวิตของเธอ แต่ด้วยเนื้อหาให้กำลังใจและเพิ่มความเข้มแข็งทำให้เพลงนี้เข้าไปอบู่ในใจแฟนๆได้ไม่ยาก จากบทวิจารณ์โดยนิตยสาร Billboard “a classic Whitney ballad that pushes every diva button, from huge celestial notes to a creamy orchestral arrangement.” จากคุณ : modjo! - [ 7 ก.ค. 47 14:01:26 ]

ความคิดเห็นที่ 3 12.My Love Is Your Love (4 US,2 UK 1999) เพลงที่แต่งและโปรดิวซ์โดย Wyclef Jean แห่งวง Fugees (ที่มี Luaren Hill เป็น 1 ในสมาชิก) เจ้าของเพลงดังอย่าง Gone ‘til Novenber เพลงนี้มีกลิ่น Reggae เล็กน้อย เนื้อหาพูดถึงการมอบความรักให้กับคนอื่นแบบไม่แบ่งแยก Wyclef ตกลงแต่งเพลงให้ หลังจากได้ฟังเพลง It’s not Right But It’s OK. กับ Heartbreak Hotel เขาอยากจะเป็นส่วนหนึ่งในอัลบั้มนี้ และเพลง My Love Is Your Love ยังเป็นเพลงแรกที่น้องหนู Christina ลูกสาว Whitney ได้มีส่วนร่วมในการพูดในเพลงอีกด้วย จากคุณ : modjo! - [ 7 ก.ค. 47 14:02:21 ]

ความคิดเห็นที่ 4 11.It's Not Right But It's OK (4 US,3 UK 1998) ที่จริงเพลงนี้จะเป็น Single แรกจากอัลบั้ม My Love Is Your Love แต่กระแสตอนแรกไม่แรง จึงสับมาตัด Heatbreak Hotel ก่อน แต่เดิม ชื่อ It Ain’t Right But It’s OK. ซึ่งเพลงนี้กลายเป็น 1 ในหน้าประวัติศาสตร์ของวงการ Remixer ช่วงนั้น เพราะการที่ CD Single ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในแผ่นมี Remix ให้เลือกมากมายหลายแบบมาก โดยมีแกนนำ คือ Hex Hector กับ Thunderpuss ช่วงนั้นไม่ว่างานของใครดังๆ จะต้องมีชื่อ 2 คนนี้รวมอยู่ด้วยเสมอ เพลงนี้แต่งและโปรดิวซ์โดยทีมของ Rodney Jerkins โปรดิวเซอร์ชื่อดังในยุคนั้น เจ้าของผลงานอย่าง The Boy is Mine เป็นต้น จากคุณ : modjo! - [ 7 ก.ค. 47 14:03:25 ]

ความคิดเห็นที่ 5 10.Why Does It Hurts So Bad ( 26 US, - UK 1996) อีกเพลงจาก Waiting To Exhale ที่เข้าอันดับมาข้ามหน้าข้ามตา Count On Me เฉยเลย เพลงนี้ยังคงแต่งและโปรดิวซ์โดย Babyface การที่เป็นเพลงถูกใจแฟนเพลงน่าจะมาจากการร้อง Ballad ที่เป็นสไตล์แบบดั้งเดิมของเธอ ที่สุดในอัลบั้ม รวมถึงการ Perform เพลงในงาน 1996 MTV Movie Awards ซึ่งเธอเค้นเสียงร้องจนเหงื่อแตก แต่ได้อารมณ์เจ็บปวดมากๆ จากคุณ : modjo! - [ 7 ก.ค. 47 14:04:38 ]

ความคิดเห็นที่ 6 9.Where Do Broken Heart Go? (1 US,14 UK 1988) Single ที่ 4 จากอัลบั้ม Whitney Houston เพลงที่ Whitney ไม่ชอบเลย และจะไม่ร้องในตอนแรก แต่ Clive Davis ผู้บริหาร Arista ขอให้เธอร้องเพลงมันจะขึ้นอันดับ 1 และแล้วเพลงรักหวานซึ้ง เนื้อหาตรงใจวัยระเริง เพลงนี้ก็ขึ้นอันดับ 1 และทำให้เธอเป็นเจ้าชองสถิติเพลงอันดับ 1 ติดต่อกัน 7 เพลงเป็นรายแรกและรายสุดท้ายจนถึงวันนี้ (Mariah 5 เพลง) จากคุณ : modjo! - [ 7 ก.ค. 47 14:05:40 ]

ความคิดเห็นที่ 7 8.I Wanna Dance With Somebody(Who Loves Me) (1 US,1UK 1987) เพลงอันดับ 1 Single แรกจากอัลบั้มชุดที่ 2 “Whitney “ มีชื่อเพลงเดิมว่า "I'm Gonna Dance With Somebody” โปรดิวซ์ โดย Narada Michael Walden เช่นเดียวกับ One Moment in Time เพลงนี้มีความโดดเด่นที่เสียง keyboard ซึ่งใช้เสียงสูง โดยการสร้างสรรค์ของ Walter Affanasieff (ที่เรารู้จักกันดีในฐานะ โปรดิวเซอร์คู่บุญของ Mariah Carey ในเวลาต่อมา) เพลงนี้แต่งโดย George Merrill และ Sherill Rubicam 2 คนผู้ก่อตั้งวง BOY MEETS GIRL ที่มีเพลงฮิตอันดับ 10 ปี 1988 "Waiting For a Star to Fall" (ซึ่งมีคนเคยว่ากันว่าแต่งให้ Whitney ) ในตอนแรกเพลงนี้ต้องการแต่งออกมาในสไตล์ Rock ‘n Roll แต่ Narada เปลี่ยนให้เป็น style เพลง Calyoso และให้โจทย์ Whitney ต้องร้องให้มันส์กว่าเพลงเร็วแบบเดิมๆอย่างเพลงของ Olivia Newton John จากคุณ : modjo! - [ 7 ก.ค. 47 14:06:57 ]

ความคิดเห็นที่ 8 7.I Believe In You And Me (4 US,16 UK 1996) เพลงจากภาพยนตร์เรื่องที่ 3 ของ Whitney The Preacher’s Wife ที่แสดงร่วมกับ Danzel Warshington โปรดิวซ์โดย โปรดิวเซอร์คู่บุญ David Foster โดย David เลือกที่จะเล่นเครื่องดนตรี เครื่องสายทุกชิ้นด้วย Electronic ซึ่งเป็นการลองกลับด้านความสำเร็จจาก The Bodyguard ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีสดๆทุกชิ้น จากคุณ : modjo! - [ 7 ก.ค. 47 14:07:35 ]

ความคิดเห็นที่ 9 6.Saving All My Love For You (1US,1UK 1985) เพลงสร้าง Whitney ให้เกิดในวงการตัวจริง จากอัลบั้มแรก" Whitney Houston" เป็นเพลงเก่าของ Marilyn McCoo and Billy Davis Jr. ผู้ร้องเพลงอันดับ 1 อย่าง You Don’t Have To Be A Star Whitney ทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงอันดับ 1 ในวัน Christmas ของอังกฤษปี 1985 เนื้อหาเกี่ยวกับรักต้องห้าม จากคุณ : modjo! - [ 7 ก.ค. 47 14:08:51 ]

ความคิดเห็นที่ 10 5.I Have Nothing (4 US,3 UK 1993) เพลงที่ติดอันดับ 1 Airplay นาน 6 สัปดาห์ แต่ต้นสังกัดตัดออกขายช้าไปทำให้ไปไม่ถึงอันดับ 1 เพลงนี้แต่งโดย David Foster และภรรยา Linda Thomson ซึ่งมีผลงานที่เป็นที่รู้จักอย่าง "Where Do We Go From Here" Vanessa Williams และ "Tell Him" Celine Dion and Streisand เพลงนี้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์อีกด้วย จากคุณ : modjo! - [ 7 ก.ค. 47 14:09:30 ]

ความคิดเห็นที่ 11 4.I Will Always Love You (1 US,1 UK 1992) เพลงจาก Soundtrack ภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตของเธอ The Bodyguard ประกบ Kevin Costner เพลงซึ่งประพันธ์โดยราชินีลูกทุ่ง Dolly Parton เพลงนี้สร้างกระแสความน่าสนใจให้กับวงการวิทยุยุคนั้น เนื่องจากการเริ่มเพลงโดยเสียงร้องของ Whitney เพียวๆ (ในทีแรก Kevin Costner เสนอให้ร้องเป็น Acappella ด้วยซ้ำ) ทำให้เพลงนี้ดังอันดับ 1 นาน 14 สัปดาห์ ใน US และ 10 สัปดาห์ใน UK ตอนแรก Kevin เสนอให้ร้องเพลงเก่า What Becomes of the Brokenhearted แต่ David Foster (Producer) ไปพบว่าเพลงนั้นเคยเป็นเพลงประกอบหนังมาแล้ว จึงเลือกเพลงนี้มา แต่ยังมีข้อโต้แย้งที่ว่าการนำเพลงเก่ามาร้องใหม่ ดีกว่าเพลง Country แต่แนวความคิดนี้เปลี่ยนไปเมื่อ David ชี้ให้เห็นประเด็นของ Linda Ronstudt ที่นำเพลง Desperado ของ The Eagles มาร้องใหม่ได้อย่างไพเราะ จากคุณ : modjo! - [ 7 ก.ค. 47 14:10:07 ]

ความคิดเห็นที่ 12 3.Exhale (Shoop Shoop) (1 US,11 UK 1995) จากอัลบั้ม Soundtrack ดัง Waiting To Exhale ที่แต่งและ Produce โดย Babyface ในยุครุ่งเรืองของเขา และภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ที่เธอแสดงนำ เนื้อหาให้กำลังใจชีวิต เป็นเพลงอันดับ 1 เพลงสุดท้ายของเธอ และสร้างประวัติศาสตร์เป็นศิลปินหญิงรายที่ 2 ที่สามารถนำเพลงสู่อันดับ 1 ได้ตั้งแต่สัปดาห์แรกที่วางจำหน่าย (เพลงแรกคือ Fantasy ของ Mariah Carey) แต่สามารถขึ้นอันดับ 1 ได้เพียงสัปดาห์เดียว จากคุณ : modjo! - [ 7 ก.ค. 47 14:10:46 ]

ความคิดเห็นที่ 13 2.One Moment in Time (5 US,1 UK 1988) NBC-TV's theme สำหรับ The 1988 Summer Olympic Games ประสบความสำเร็จทั่วโลกด้วยยอดขาย Single กว่า 1.5 ล้านแผ่น เนื้อหาเกี่ยวกับการมองโลกในแง่ดีกับการดำรงชีวิต เป็นเพลงอันดับ 1 ในอังกฤษเพลงที่ 3 ของเธอ จากคุณ : modjo! - [ 7 ก.ค. 47 14:11:23 ]

ความคิดเห็นที่ 14 1.The Greatest Love Of All (1 US,8 UK 1986) เพลงจากอัลบั้มแรก Whitney Houston เป็นเพลงที่แต่งเพื่อประกอบสารคดี ชื่อ The Greatest ของ Muhammed Ali ซึ่ง George Benson เคยร้องไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อปี 1977 เพลงนี้ประพันธ์โดย Michael Masser and Linda Creed ซึ่ง Linda ผู้แต่งเพลงป่วยเป็นมะเร็งเต้านมและสามารถรอดชีวิตจากการผ่าตัดมาได้ จึงนำประสบการณ์ชีวิตมาถ่ายทอดเป็นเพลงเพลงนี้ Whitney กล่าวว่า นี่คือเพลงที่เธอชอบที่สุดในบรรดาเพลงที่เธอเคยบันทึกเสียงมา หลังจากเพลงนี้ขึ้นสู่อันดับ 1 โดย Whitney แล้ว อีกไม่นานต่อมา Linda ก็เสียชีวิตลง “Learning to love yourself,it is the greatest love of all” จากคุณ : modjo! - [ 7 ก.ค. 47 14:12:31 ]

ความคิดเห็นที่ 15 และตามสัญญา 15 เพลงนี้จะถูกนำไปเปิดใน VH1 Top 15 The Greatest Song Of All ช่อง UBC 50 วันเสาร์ที่ 10 เวลา 11.00 - 12.00 น. และ re-run วันอาทิตย์ที่ 11 เวลา 23.00 น.-24.00 น. ครับ อย่าลืมติดตามชมนะครับ ปล.แต่เพลง Why Does It Hurt So Bad ไม่มี MV ครับ จึงอาจจะเลื่อนเปิดเพลงอันดับ 16 แทน คือ Didn't We Almost Have It All ----- ขอบคุณเพื่อนๆ ที่ร่วมกันเล่น Survivor ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาแบบไม่ขาดหายไปไหนกว่า 20 คนครับ สนุกมากๆครับ จากคุณ : modjo! - [ 7 ก.ค. 47 14:17:18 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ปล.2. อยากจะบอกว่าเพลงอันดับ 1 กับ 2 คะแนนห่างกันแค่คะแนนเดียว กินกันไม่ลงมากๆครับ จากคุณ : modjo! - [ 7 ก.ค. 47 14:54:52 ]

ความคิดเห็นที่ 17 big thank for u naja P MODJO! จากคุณ : tinyvoice (tinyvoice) - [ 7 ก.ค. 47 15:49:46 ]

ความคิดเห็นที่ 18 :) ดุเดือดมากค่ะ ขอบคุณข้อมูลแน่น ๆ น่าอ่านของพี่ modjo! ด้วยค่ะ จากคุณ : เมียน้อยกายริชชี่ - [ 7 ก.ค. 47 17:56:09 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ต้องขอบคุณ คุณmod ถึงจะถูก ที่คอยหาอะไรสนุกๆ ดีๆ มาให้เพื่อนเล่นอยู่เสมอครับ ขอบคุณจากใจ จากคุณ : Beloved_ - [ 7 ก.ค. 47 18:31:22 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เริ่สอ่ะ จำจดจำเวลาไว้ไปนั่งดูนะ่ค่ะ จากคุณ : lourd - [ 7 ก.ค. 47 19:50:27 ]

ความคิดเห็นที่ 21 สนุกดีเธอ หามาเล่นอีกนะ =========== Her Madgesty!!! จากคุณ : ClubFella - [ 7 ก.ค. 47 20:41:32 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอเซฟกระทู้นี้นะครับพี่ม่อน ข้อมูลเจ๋งเลย.. บางอันก้อไม่รู้มาก่อนอ่ะครับ.. ปล.ถ้า Why Does It Hurt So Bad ไม่มี MV ก้อเอา MV เจ๊เปิดแทนเด่ะเพ่.. ฮ่าๆ จากคุณ : virginguy (ซุฟ) - [ 7 ก.ค. 47 23:47:49 ]

ความคิดเห็นที่ 23 นับถือเรื่องข้อมูลพี่มดจริงๆ สะท้อนให้เห็นเลยว่ากว่าจะตั้งกระทู้แต่ละอัน พี่มดทำการบ้านขนาดไหน ว่าแต่ผมเคยเห็น mtv เล่นเพลง why does it hurt so bad แบบ live ออกอากาศน่ะครับ ช่วงที่โปรโมทเพลงเนี่ย เห็นใช้ภาพจากการแสดงสดตลอด ผมจำไม่ได้ว่าเป็นโชว์ที่ไหน ที่ป้าใส่กางเกงขาว เสื้อแขนกุด นั่งร้องเพลง เหยื่อแตกเหมือนเข้าซาวด์น่าอ่ะครับ จากคุณ : yev rugrats - [ 8 ก.ค. 47 19:34:52 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เห็นอันที่พี่เยฟพูดถึงเหมือนกันครับ เหงื่อออกพลั่กๆ น่ากลัวมาก จากคุณ : chisoso - [ 9 ก.ค. 47 08:33:44 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ดีใจจังเพลงโปรดได้อันดัีบ 1 กรี๊ดๆๆๆๆ จากคุณ : Vicky_b - [ 9 ก.ค. 47 11:48:14 ]