ความคิดเห็นที่ 5
ก็อย่างที่หลายๆ คนบอกไว้ล่ะครับ ผมว่านักดนตรีในบ้านเรา มีฝีมือกันไม่น้อยเลย เพียงแต่ว่าทางนี้เป็นผู้ผลิตซึ่งมีความสามารถในการผลิตดีอยู่แล้ว แต่ทางฝ่ายผู้บริโภค เกือบ 100% ในบ้านเรา จะรับงานเพลงที่เป็นเพลงตลาดกันเสียมากกว่า ("เพลงตลาด" คงไม่ต้องบอกว่าเป็นแนวไหน) ซึ่งถ้าจะให้ทำงานเพลงออกมาในแนวที่แสดงความสามารถกันเต็มที่ ก็ขายลำบาก สิ่งตรงนี้มันทำให้เกิดอะไรต่ออะไรตามมาอีกเยอะ งานเพลงดีๆ ไม่ใช่ไม่มีอออกมา แต่ออกมาแล้วก็แป้ก คนออกเงินให้ทำก็คงท้อ ซึ่งก็ต้องเห็นใจกันทุกๆ ฝ่าย
ทางออกตรงกลางระหว่างนายทุนกันคนทำเพลง มันก็เลยเป็นผลลัพธ์ออกมาอย่างที่เห็น นั่นก็คือ "เพลงตลาด" ซึ่งตรงนี้จะเห็นได้เลยว่านักดนตรี หรือวงดนตรีที่มีฝีมือดีๆ ไม่ว่าจะเป็นแนว Rock, Jazz, Blues, Ragge ฯลฯ พอทำเพลงออกมาขายในกลุ่มตลาดที่กว้าง ก็จะลดดีกรีทางด้านดนตรีลง ให้ฟังง่ายๆ เพื่อเข้าหูได้ง่ายๆ ขนาดเบอร์ใหญ่ๆ อย่าง พี่แมว จิระศักดิ์ ปานพุ่ม ที่แกถนัดแนว Jazz ก็ยังทำเพลงในแนวที่ฟังง่ายๆ เข้าไว้ นี่ผมก็รอว่าสักวันพี่แกจะทำอัลบั้มออกมาอย่างที่แกอยากทำ , พี่โก้ Saxman ผมก็รองานเพลงที่แกชอบเล่น ที่อยากเล่นเหมือนอย่างที่ผมเคยนั่งฟังที่ร้าน Saxophone .. เป็นต้น
นักดนรีหรือวงดนตรีที่อยากทำงานที่ตัวเองต้องการทำจริงๆ ก็เลยต้องหาทางออกโดยการออกเงินลงขันกันเอง ทำเพลงขายในวงแคบๆ ซึ่งทำให้การเผยแพร่เป็นไปได้น้อย
ความแตกต่างจริงๆ ผมว่าน่าจะอยู่ที่ "ผู้บริโภค" ครับ จากหัวข้อกระทู้พูดถึงเพลงญี่ปุ่น ที่นั่นแต่ไหนแต่ไร เค้าฟังเพลงกันหลากหลายอยู่แล้ว และมีกำลังซื้อค่อนข้างมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่วงทางฝั่งตะวันตก จะชอบไปที่ประเทศญี่ปุ่น
ย้อนกลับมาเรื่องของการผลิต ปัจจุบันเป็นที่รู้กันว่า MP3 มันแพร่หลายมาก คนจำนวนไม่น้อยที่อุดหนุนแผ่น MP3 โดยไม่ได้ซื้อสินค้าที่ออกมาจากนักดนตรีโดยตรง มันมีผลกระทบทั้งตลาดใหญ่และตลาดเล็กเข้าโดยตรง ตลาดใหญ่ ค่ายใหญ่ รายได้ไม่เข้าเป้า ดังนั้นจึงต้องพยายามทำตลาดให้ได้มากๆ โดยเข็นเพลงตลาดออกมามากๆ ในขณะเดียวกันที่ตลาดที่เล็กกว่าก็มีปัญหาเช่นกัน นักดนตรีก็ท้อ .. แล้วมันก็วกกลับมาที่เดิม ที่เรื่องของแนวคิดของการผลิต ที่ทำให้ขายได้เป็นเข้าว่า
งูมันกินหางกันอยู่อย่างนี้ ก็ลำบากล่ะครับ
จากคุณ :
กึ่งยิงกึ่งผ่าน
- [
27 ส.ค. 47 11:08:03
]
|
|
|