เพลินเพลงชาวเกาะ ไพเราะเสนาะจับใจ
นายยางสน..คนบางขวาง
17 กันยายน 2547
แสงไฟเรื่อหรี่ทอดลำโรยแรงส่องแสงจับแท่นเคารพบนเบื้องขวาแห่งเวทีโรงละครแห่งชาติ ปรากฏภาพคุณครูผู้เฒ่าที่เราเคารพนบไหว้ จ่อจรดจุดต่อประทีปเทียน ธูป บูชา เบื้องหน้าพระพิฆเนศวร์ อีกพ่อแก่พระครูฤษี สว่างเรืองลุกดุจหมายปลุกสำนึกน้อยๆที่ค่อยๆหนักแน่นเป็นหวังในแผ่นดินของวันพรุ่ง
บ่ายโมงกว่าที่ว่าไว้ในกำหนดการ เคลื่อนผ่านนานเนิ่นพอสมควรชวนให้นิทรา นั่งฟัง อ.หน่อง (อ.อานันท์ นาคคง) เพื่อนผู้พี่ที่รับบทขัดตาทัพขยับคำขยำเรื่องผลาญเวลาได้ไม่เท่าไหร่ ใครคนหนึ่ง ซึ่งมีโอกาสเพียงสัมผัสไมตรีผ่านโลกไซเบอร์อินเตอร์เน็ต ก็ขึ้นมาแถลงความคำนำรายการ ประมาณที่จำได้ให้กระตุกฉุกคิดไว้ว่า
.สิ่งสำคัญอันกอรปไว้ให้เป็นชาติ
ใช่เอกราชเพียงอย่างเดียวก็หาไม่
ยังรวมทั้งวัฒนธรรมประจำใทย
เสริมสร้างไว้แต่โบราณเนิ่นนานมา
เสียงเพลงร้องรับจากวงเครื่องสาย โดยเด็กชายหญิง 7 คน ที่รวมตัวกันด้วย ความรักและสมัครที่จะเล่น ใน ไทยน้อย ค่อยๆ แว่วระลึกวานวัน ณ ที่แห่งนี้ เมื่อ 21 ปีที่แล้ว
หากแต่วันนี้ น่าชื่นใจกว่าเป็นยิ่งนัก..
15 กันยายน "ชมรมประชาชนสืบสานดนตรีไทย" ได้จัดงานสานพลังชวนฟังนั่งชมดนตรีอีกนาฏศิลป์ไทยสบายๆ ที่ได้หมายหัวจั่วชื่องานไว้ว่า ร้อยเส้นเสียง เรียงสายใจ เทิดไท้ 72 พรรษา บรมราชินีนาถ ประกาศจัดขึ้นที่เวทีมีเกียรติโรงละครแห่งชาติ โดย ศิลปินใหญ่ น้อย จาก ชมรมประชาชนสืบสานดนตรีไทย, ชมรมดนตรีไทยโรงเรียนสวนลุมพินี,ชมรมดนตรีไทยโรงเรียนวัดปทุมวนาราม, บ้านดุสิตา, โรงเรียนกสินธร
อาคาเดมีย์,อีกคณะครูผู้สอน, และวงชาวเกาะ ผู้ก่อการณ์
การแสดงเริ่มด้วย โหมโรงไอยเรศ โดยวงชาวเกาะ ลัดเลาะชำเลืองมองตามซอกหลืบด้วยหลบหนีเข้าชมงานโดยผิดกฎหมาย ทั้งยังแอบถ่ายรูปโดยเจตนาเป็นว่าเล่น จนน่าจะเป็นที่สงสัยของใครได้ว่าข้าพเจ้าคงจะเป็นโรคช้ำรั่ว เพราะพาตัวผลุบโผล่เข้าออกห้องน้ำชาย ที่หมายรู้ว่าเป็นทางเข้าออกหลังเวทีถี่ๆเสมือนเป็นที่เดินเล่น มองเห็น ครูปี๊บ หมอนก ยกขลุ่ยคุยขัด ถัดมาก็น้องเมษ ครูเค พี่วินัย และใครๆอีกหลายคนบนพรมแดงหน้าม่าน
ต่อด้วยเพลง ทองย่อน 6 ภาษา นักดนตรีเสื้อฟ้ามาจากปทุมวนาราม ตามรับสลับเสียงร้องของ สุดจิตต์ ดุริยประณีต ก่อนจะกรี๊ดสุดเสียงเพียงในใจดังๆให้ ครูเลื่อน สุนทรวาทิน (96 ปี
?) ยินเป็นมงคลหูในเพลงแขกมอญบางขุนพรหม เถา ทางร้องเก่าดั้งเดิม เติมเสียงเครื่องสายชายหญิงโดย ชาวเกาะ
พระราชนิพนธ์ใกล้รุ่ง อังกะลุง ยุคใหม่ไม่ใช้หางนกยูง จูงมือกันมาเป็นแถวทิวพริ้วขยับเขย่า โดยชาวโรงเรียนนานาชาติสินธรอาคาเดมีย์ ตามด้วยระบำลพบุรี ชมรมนาฏศิลป์และดนตรีไทย โรงเรียนสวนลุมพินี ที่น่ารักสมวัย
นักร้องเพลงไทยมีอยู่ดาษดื่น แต่จะมีสักกี่คนที่จะสะกดให้จดจำสำเนียงเพียงเพลงสวรรค์ได้เช่น ครูสุรางค์ ดุริยพันธุ์ ที่รำพันความงามหมดจดจับใจในเพลงแขกมอญ 3 ชั้น คลอครั่นสามสายร่ายลำนำโดยครูเฉลิม ม่วงแพรศรี โดยมีครูปี๊บ คงลายทอง อาสาจัดทัพรับร้อง
กระชากอารมณ์กระตุกตื่นจากภวังค์ ฟัง เจ้าพ่อเซี่ยงไห้ ที่มาแบบไม่มีปี่ มีแต่ขลุ่ยกับขิมและซอ นั่งปากหวอฟังซาวด์แทรคภาคภาษาจีน ที่ อ.สมศรี วิรุฬห์ชีว ขับร้องก้องมหาสมาคม จากนั้นชมรำ 4 ภาค เหนือ กลาง อิสาน ใต้ เด็กๆนักรำมากมายกระจายเต็มเวที เรียกแสงแฟลชแวบวับนับไม่ถ้วน
ถึงรายการเพลง 12 ภาษา พี่วินัย ขวัญยืน ใครคนนั้นท่านผู้ก่อตั้งวง ชาวเกาะ เหาะขึ้นไปนั่งบนกำแพง(เวที)แสร้งร้องส่งตรงเสียงคู่เคียงกันอีกหลายๆท่าน ประกอบการแสดงออกตัวภาษานานาชาติ
ก่อนที่เพลงสุดท้าย พระอาทิตย์ชิงดวง จะดังขึ้น ข้าพเจ้าก็ชิงเดินหลบฉากจากมาเสียก่อน ด้วยแบตเตอร์รี่ชีวิตอ่อนเต็มทน จึงอดฟังครูดวงเนตร ดุริยพันธ์ ร้องลาในบ่ายแห่งความปิติ
2-3 ปีที่แล้วไม่แน่ใจ ได้มีโอกาสไปนั่งฟัง คนดนตรีเล็กๆหลายๆท่านจากหลายๆที่ แต่มีใจรักในดนตรีเป็นจุดร่วม มารวมตัวดีด สี ตีเป่า เมา มัน ทุกๆวันอาทิตย์บ่ายสบายๆที่สวนสันติชัยปราการ ก็รู้สึกอิ่มใจ สุขใจอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก (..แต่ที่บอกได้ คือ หากอยากจะอิ่มท้อง แนะนำ โรตี มะตะบะ เจ้าเก่า สาวท้าวก้าวข้ามถนนไปเพียงหนึ่งเพลิน
) ที่ได้ฟังดนตรีที่เป็นดนตรีจริงๆ...
ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่น่าสนใจ ทั้งที่เกี่ยวตัวบุคคลผู้เกี่ยวข้อง และกิจกรรมที่น่าสัมผัส
แต่ก็ยังคงผลัดวันอยู่เรื่อยมาน่าละอายเสียจริง อย่างไรเสียก็จะหาโอกาสเข้าไปรับรู้ เรียนรู้ เพื่อจะได้แบ่งปันความสุขอีกกำลังใจให้กับผู้คนอื่นอีกมากมาย ที่เป็น คนเล็กๆ แบบที่ เราหรือท่าน เป็น ให้ได้มีความสุขกับดนตรีเช่นที่ ชาวเกาะ เป็นบ้าง
คนเป็นผู้สร้างดนตรี ให้ดนตรีเติบโตในทางที่ควรจะเป็น ริดกิ่ง เล็มใบ รดน้ำพรวนดินกันตามอัตภาพ ผืนป่าใหญ่ที่ให้ชีวิตย่อมเกิดจากหน่อพันธ์กระจิริดมิใช่หรือ
ปลายทางของ ดนตรีอาจมิใช่เป็นเพียงสรรพสำเนียงเสียงที่ไพเราะ
หากแต่หมายถึงชีวิตที่งดงามด้วยค่าของดนตรี
..หากพี่น้องผองไทยไม่มั่นมุ่ง
หมายผดุงเอกลักษณ์ร่วมรักษา
ไม่เกื้อกูลไม่หนุนค้ำไม่นำพา
จะเรียกหาความเป็นไทยที่ไหนกัน
.
จากคุณ :
ยางสน
- [
17 ก.ย. 47 19:15:00
]