CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    *** ความรักของเจอร์รี่ จาก นสพ Great Daily (เป็นฉากๆ เลยค่ะ) "

    จากนสพ Great daily ค่ะ แปลแบบไม่ละเอียดมากนะคะ เอาใจความสำคัญ กับสิ่งที่เค้าพูดค่ะ (อ่านแล้วระวังนั่งกรี๊ดคนเดียวนะคะ)

    รักครั้งแรกของหนุ่มรูปงาม ราวกับละคร
    ตอนเจอร์รี่อยู่ ม. ต้น ก็พบกับรักครั้งแรกค่ะ เป็นความหลังที่ยากจะลืมเลือนที่สุดในชีวิตนี้ (โอ้ โห) เจอร์รี่บอกว่า "ผู้หญิงคนนั้นเป็นรุ่นพี่ผม จริงๆ แล้วในตอนนั้นเพื่อนซี้ของเธอคนนึงชอบผม พวกกลุ่มเธอก็เลยช่วยเค้าจีบผมกัน แต่ว่าคนที่ผมชอบกลับเป็นเธอ" เค้าบรรยายลักษณะของสาวที่เป็นรักครั้งแรกของเค้าว่าราวกับสาวงามภูเขาน้ำแข็ง สวยมาก แต่ไม่ค่อยพูด ไม่ชอบยิ้ม มีรุ่นพี่ผู้ชายหลายคนก็ตามจีบเธอ

    แต่ในที่สุด สองคนก็มารักกันค่ะ แต่เป็นรักที่ต้องซ่อนเร้นปิดบังคนทั้งโรงเรียนทั้งครูทั้งนักเรียน เป็นรักใต้ดิน

    เจอร์รี่บอกว่า "เพราะว่าพวกเรามีศัตรูทางความรักเยอะ เพื่อไม่ให้ใครรู้ แต่ละวันที่ส่งเธอกลับบ้าน เธอจะเดินอยู่ข้างหน้า ตรงกลางต้องมีนักเรียนคนอื่นอีก 1 คน แล้วผมถึงจะเดินเป็นคนที่สามตามหลังไป ต้องรักษาระยะอย่างน้อย 20 เมตร" พอพูดถึงตอนนี้ผจก. ก็เสริมทันที "แหม ที่แท้คุณก็เรียนรู้วิธีเป็นดารา ตั้งแต่ม. ต้น เลยนะ"

    และแล้ว (ตื่นเต้นไม๊คะ) ก็มีรุ่นพี่ผู้ชายคนนึงเกิดมาได้ยินเรื่องที่เจอร์รี่กับรุ่นพี่คบกันอยู่เข้า รุ่นพี่ผู้ชายคนนี้เค้าก็กำลังตามจีบรุ่นพี่ผู้หญิงคนนี้อยู่ เค้าก็เลยมาหาเรื่องกับเจอร์รี่ค่ะ ผลักเค้าตั้งหลายที แล้วบอกว่า "ได้ยินมาว่านายกับ xxx คบกันอยู่เหรอ เด็กน้อยเอ๊ย เด็กของพี่ยังกล้าจีบเหรอ" ตอนนั้นเค้าคิดว่าอยากจะซัดกลับ แต่ไม่อยากให้แฟนเค้าต้องลำบาก เค้าก็เลยอดกลั้นไว้ แล้วเดินหนีไปเงียบๆ เจอร์รี่บอกด้วยนะคะว่า "ตอนอัดรายการ Happy Sunday จริงๆ แล้วผมจะตามหาเธอ แต่เสียดายที่หาไม่เจอ เรื่องราวของพวกเราเหมือนละครมาก" จริงๆ แล้วมีอีกหลายช็อตค่ะ ที่เหมือนละคร แต่เจอร์รี่ไม่ยอมเล่า บอกแต่ว่า (ฟังไว้เร็วค่ะ) ในอัลบั้มใหม่ เพลงเสี่ยงเย่าอ้ายหนี่ กับ จว้อเก้อเห่าฉิงเหริน ก็คือสภาพจิตใจเค้าในตอนนั้นนั่นแหละ

    แอบรักเค้า รสชาติทั้งสุขทั้งเศร้า

    เรื่องนี้คือเรื่องที่รู้ๆ กันแล้ว แต่เล่าซักหน่อยแล้วกัน
    หลังจากเจ็บปวดกับรักครั้งแรก ก็ต้องหาทางออก อยากหาที่พักใจใหม่ ตอนม. ปลายก็เลยแอบรักนักเรียนหญิงข้างห้อง

    เจอร์รี่บอกว่า "ความรู้สึกของการแอบรัก มันแปลกจริงๆ สามารถทำให้คนคนนึงกลายเป็นคนบ้า แต่ละวันพอตื่นขึ้นมามาโรงเรียน เพียงแค่คิดว่าจะได้เจอเธอที่โรงเรียน ก็รู้สึกมีความสุขแล้ว พอได้เจอเธอจริงๆ ก็ตื่นเต้นดีใจ พอเห็นเธอยิ้ม แม้ว่าจะไม่ได้ยิ้มให้ผม ผมก็รู้สึกเหมือนลอยขึ้นไปบนฟ้า แต่ถ้าไม่ได้เจอเธอ ความหวังที่รอคอยมาทั้งวันก็เหมือนหล่นลงไปในก้นเหว กลับบ้านอย่างเศร้าซึม" (เชื่อแล้วจ้ะ ว่าบ้าจริง พูดเล่นนะ) นักข่าวถามว่า แล้วทำไมไม่สารภาพเลยล่ะ เจอร์รี่บอกว่า "ไม่รู้ ไม่อยากจะบอก อาจจะกลัวถูกปฏิเสธมั้ง แต่ว่าความรู้สึกของการแอบรักนี่มันสนุกดีนะ เหมือนเพลงตี้ซินอิ่นลี่ ใจของผมถูกดึงดูดไว้ที่เธอจนหมด แต่ผมก็ไม่กล้าบอกออกไป ในด้านนี้ ผมคงปิดตัวเองเกินไป อาจจะเป็นเพราะไม่ได้มีประสบการณ์ในการจีบผู้หญิงมากมั้ง"

    นักข่าวก็ร้ายมากสวนกลับว่า "อ๋อ แน่ละสิ ก็คุณหล่อขนาดนี้ ผู้หญิงควรจะมาตามจีบคุณมากกว่า ไม่ต้องให้คุณไปตามจีบหรอก ก็เหมือนพวกรุ่นพี่คุณสมัยม. ต้นไง"

    ผจก. ข้างๆ ก็เสริมอีก อย่าเห็นว่าเค้าเป็นขวัญใจคนเป็นหมื่นนะ แต่รุกไม่เป็นเอาเลย เจอผู้หญิงที่ตัวเองชอบจริงๆ ก็ถอย ไม่รู้จะทำยังไง

    หนุ่มหล่อก็เจอหักอก
    ตอนเป็นทหาร เจอร์รี่เค้าก็มีแฟนแบบเป็นตัวเป็นตนคนนึง อย่าคิดว่าหล่อแบบนี้ แล้วผู้หญิงจะยอมศิโรราบ เพราะว่ารสชาติของการถูกหักอกห็โดนมาแล้ว เพราะอยู่ไกลกันเจอกันน้อย ผู้หญิงเค้าก็เลยมีแฟนใหม่ แต่ละครั้งที่ได้ยินเสียงของเธอทางโทรศัพท์ ยิ่งมาก็ยิ่งเย็นชา เจอร์รี่ก็รู้แล้วว่าเรื่องมันไม่ชอบมาพากล ในที่สุดผู้หญิงเค้าก็ไม่ติดต่อกับเค้าอีกเลย เค้าก็เลยต้องยอมรับความจริงว่าใจเธอเป็นอื่นไปแล้ว

    เจอร์รี่บอกว่า "ตอนนั้นผมเป็นทหารเรือ การอกหักครั้งนี้ทำให้ผมนอนไม่หลับเลย เลยวิ่งมาที่ดาดฟ้าเรือ มองดวงจันทร์ ดวงจันทร์เหนือทะเลทั้งใหญ่ทั้งสวย ผมคิด ถ้าตอนนี้เธออยู่ข้างๆ ผม จะดีแค่ไหน ยิ่งคิดยิ่งเศร้า แล้วจู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกหุนหันพลันแล่น จะกระโดดลงทะเล เหมือนหลี่ไป๋กระโดดบ่อน้ำหยิบจันทร์แบบนั้น" (หลี่ไป๋เป็นกวีชื่อดังของจีน น่าจะสมัยถังนะ ไม่แน่ใจ ต้องกินเหล้าก่อนแล้วถึงจะแต่งกลอนได้) ผจก. ข้างๆ ก็เตือนความจำเจอร์รี่ใหม่ว่า หลีไป๋กระโดดบ่อหยิบจันทร์เป็นเพราะอารมณ์โรแมนติก ไม่ใช่จะฆ่าตัวตาย เจอร์รี่ก็แกล้งพูดเล่นกลับว่า "ผมก็กะว่าจะทำโรแมนติกเหมือนกัน"

    เจอร์รี่บรรยายว่า ความรู้สึกตอนนั้นก็เหมือนเพลง (มีใครทายไม่ถูกไม๊เนี่ย) อี้กงฉื่อ "แต่ว่า ในเพลงพระเอกยังสมารถนัดนางเอกออกมาคุยกัน เค้ายังสามารถรื้อฟื้นดึงเธอกลับมา แต่ว่าผมอยู่บนเรือ ออกมาไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้เลย ไม่สามารถฟังเธออธิบาย ไม่มีโอกาสรื้อฟื้นดึงเธอกลับมาเลย"

    คนมักคิดว่าหล่อขนาดนี้ เรื่องความรักคงราบรื่น แต่เจอร์รี่บอกว่า "มีครั้งนึงรวบรวมความกล้าโทรไปหาสาว แต่ถูกปฎิเสธอ่ะ" ผจก. ข้างๆ ก็ปลอบใจว่า "ก็ตอนนั้นคุณยังไม่ได้เข้าวงการไง"

    ไม่มีสิทธิที่จะรัก
    ตอนนี้เจอร์รี่ แน่นอนว่าอยากมีความรัก อยากให้ความรักของตัวเองเหมือนเพลงว่างเลอจื้อจี่ ที่ว่าถ้าฉันสามารถรักอย่างง่ายๆ ฉันจะไม่ต้องเจ็บปวดใช่ไม๊ (เดี๋ยวขอไปแก้คำแปลดีกว่า)) ให้เค้าได้ตามหาความรักแสนหวานแบบง่ายๆ แต่สภาพตอนนี้มันไม่ง่าย เพราะความดังของเค้าทำให้ ความหวังนี้สูญสลาย

    เจอร์รี่บอกว่า "มีบางครั้งที่ผมแค่คิดอยากจะไปกินข้าวกับเพื่อนๆ อย่างสงบ แต่ก็เจอนักข่าวมาถ่ายรูป เจอคนแปลกๆ มาพูดจาหาเรื่อง บ่อยครั้งที่โดนซะจนเซ็งแล้วกลับบ้าน ตอนนี้ไม่อยากออกไปไหนเลย" เค้าอยากจะ ว่างเลอจื้อจี่ (ลืมตัวตน) แต่ทุกคนกลับพยายามกวนให้เค้าจดจำตัวตน เค้าเหมือนกับหมดสิทธิที่จะคบเพื่อน เรื่องความรักแบบเรียบง่ายยิ่งไม่ต้องพูดถึง

    (เดี๋ยวขอไปแก้คำแปลเพลงอี้กงฉื่อกับว่างเลอจื้อจี่หน่อยนึงค่ะ)


    เรื่องราวสลับซับซ้อนกับหลินจื้อหลิง
    นักข่าวมีโม้นิดนึงว่ายากนะที่เค้าจะยอมพูดเรื่องหลินจื้อหลิง เจอร์รี่บอกว่า "คุณเชื่อไม๊ว่าระหว่างหญิงชายนอกจากความรักแล้วยังมีมิตรภาพที่จริงแท้ได้ พวกเราเป็นแบบนั้น แต่ทุกๆ คนไม่เชื่อ" เจอร์รี่บอกต่อว่า "ตอนที่อกหักตอนที่เป็นทหาร ผมเคยอยู่ต่อหน้าเธอร้องไห้เหมือนเด็กเลย เมื่อก่อนตอนที่เธอคิดจะเลิกกับแฟน ผมก็ยังโน้มน้าวเธอว่าอย่าเลิก ถ้าพวกเรามาสปารค์กันเอง ตอนที่อกหักจะเหลือใคร จะเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าพวกเราไม่มีทางเพราะผมกับเธอเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน" (สบายใจแล้วนะ สาวๆ)

    พอพูดถึงหลินจื้อหลิงนิดหน่อย เค้าก็หยุด เค้าอธิบายว่าเดี๋ยวอาจมีนักข่าวบางคนไปว่าหลินจื้อหลิงว่าอย่าเอาตัวเค้ามาสร้างข่าว เค้ารู้สึกเซ็ง "ก่อนหน้านี้ ผมเคยพูดถึงเธอเรื่องนึง ก็พบว่านักข่าวนั่นอาจจะมาว่าผมว่าอย่าเอาเธอมาสร้างข่าว ผมเลยคิดว่า พูดเรื่องความเป็นเพื่อนดีกว่าไม๊ แต่ในที่สุดก็ถูกคนอื่นหาว่าสร้างข่าว" เพราะเจตนาถูกบิดเบือน เค้ากับหลินจื้อหลิงก็เลยตกลงกันว่า ต่อไปต่างฝ่ายต่างจะพยายามไม่พูดถึงอีกฝ่าย

    พูดถึงตอนนี้เจอร์รี่ก็เลยอดกังวลใจไม่ได้ว่าคำพูดของเค้าจะถูกนักข่าวคนที่สัมภาษาณ์อยู่นี่เอาไปบิดเบือน ก็เลยบอกนักข่าวคนนี้ว่า "ส่วนนี้อย่าเอาไปลงได้ไม๊ ขอร้องล่ะ"

    ข้อความหลังจากสัมภาษณ์ของนักข่าวคนนี้
    คร่าวๆ นะคะ

    เค้าว่าจริงๆ เค้ารับปากเจอร์รี่แล้วว่าจะไม่เขียนถึงเรื่องหลินจื้อหลิง แต่พอมานั่งดราฟท์ เค้าก็ทบทวนใหม่ว่า ในเมื่อเป็นคำพูดจากใจจริงๆ ของเจอร์รี่ ความสัมพันธ์ของเค้ากับหลินจื้อหลิงก็เป็นสิ่งที่แฟนๆ อยากรู้มาก มิสู้ปล่อยให้เค้าได้พูดชัดๆ ไปเลย นักข่าวเค้าว่าเค้าก็ได้แต่พยายามให้เป็นกลางที่สุด ไม่บิดเบือนอารมณ์และเนื้อความของคำพูด ตอนนี้ก็ได้แต่ขอโทษด้วยนะเจอร์รี่นะ

    แล้วเค้าก็เล่าๆ ถึงความรู้สึกก่อนเจอ หลังเจอเจอร์รี่ ก็เหมือนที่เคยได้ยินกัน ว่าทีแรกคิดว่าจะชอบทำหน้าบึ้ง ไม่ค่อยพูด เองมาก ทำให้เค้าใจตุ๊มๆ ต่อมๆ กลัวว่าจะมีการล้มดต๊ะเดินหนี แต่พอจริงๆ แล้วก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น เค้าทักเจอร์รี่ว่า คุณเปลี่ยนไปไม่น้อยเลย เจอร์รี่ก็พูดประมาณว่าแต่ก่อนเค้าท่าทีแข็งกร้าว ไม่เข้าใจสถาพในวงการ ไม่เข้าใจนักข่าว แต่ตอนนี้มีนักข่าวดีๆ หลายคนให้กำลังใจ เป็นมิตร ก็เลยโอเค แต่ก็ยังแซวนักข่าวคนนี้ว่า แต่บางครั้งผมก็ยังตีคน คุณอย่าได้รีบด่วนดีใจ

    แล้วนักข่าวคนนี้ยังบอกอีกว่า เจอร์รี่ประหยัดมากไม่ทิ้งฃว้าง กินอาหารบนโต๊ะจนเรียบเลย

    จบแล้วค่ะ

    แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 47 23:24:11

    แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 47 23:23:22

    จากคุณ : Bam (Wen Wen) - [ 20 ก.ย. 47 21:47:07 ]