ความคิดเห็นที่ 2
คงเป็นเพราะความนิยมของบทเพลงในละครเพลงในอดีตเช่น Wizard of Oz,Gone with The Wind, My Fair Lady, Breakfast at the Tiffani, The Sound of Music,Casablanca, West Side Storyที่ มีอิทธิพลต่อผู้คนในอดีตจวบจนปัจจุบัน ยิ่งเมื่อถูกนำมาCover โดยศิลปินแจ๊สในสมัยนั้นทำให้มันถูกตอกย้ำภาพลักษณ์ความสำเร็จอย่างช่วยไม่ได้ ในลักษณะที่โดดเด่นและครองใจคนทั่วโลกเหนือดนตรีแนวอื่นในช่วงสมัยนั้น ประกอบกับภาพยนตร์ฮอลลีวู๊ดมักจะนำเพลงแจ๊สมาเป็นThemeหนังเลยยิ่งทำให้การสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ออกไปทางหรูหรา ต้องมีระดับ ทั้งที่ผู้ผลิตหาได้คิดอย่างนั้นไม่
เมื่อภาพลักษณ์แจ๊สถูกสื่อสารทางภาพยนตร์ส่วนใหญ่อย่างไม่ได้ทำความเข้าใจอย่างถูกต้อง ตลอดจนการจัดแสดงคอนเสิรต์แจ๊สตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก(แม้จะน้อยกว่าดนตรีแนวอื่น) เพื่อที่จะอยู่ได้จำเป็นต้องคิดค่าบัตรค่อนข้างแพงเพราะต้องนำเข้าศิลปินจากตปท(ทั้งที่บัตรถูกกว่าF4,Eaglesมาก)สถานที่จัดก็ต้องรองรับผู้ที่ค่อนข้างมีอันจะกินเพราะหากไปจัดImpactก็เกินไป จัดที่คับแคบก็เหมือนดูถูกคนฟัง ประกอบกับResourcesต่างๆเช่นซีดี มักมีราคาแพงเพราะผลิตและจำหน่ายน้อยกว่าแนวดนตรีประเภทอื่น ภาษีก็แพงเพราะเรายังต้องนำเข้าอยู่อีก99.99% ทำให้ผู้ที่เริ่ม จะเข้ามาใหม่หรือผู้อยู่รอบนอกกลัวที่จะเข้ามา จึงกลายเป็นถูกกีดกันไปโดยปริยาย ผลคือกลายเป็นของสูงไป
ทางแก้ 1.เราต้องแก้ที่ตัวเราเองก่อน ทุกวันนี้เราฟังเพลงแจ๊สเพื่ออะไรต้องตอบตัวเองให้ได้ การฟังแจ๊สเป็นเหมือนศิลปะอย่างหนึ่งจำเป็นต้องศึกษา แยกแยะให้เกิดความเข้าใจ เพื่อว่าเมื่อคนถามเราจะตอบได้ว่าแต่ละชนิดมีลักษณะอย่างไร ถ้าตอบไม่ได้มันจะเกิดความสงสัยกับผู้อื่นตลอดไป พยายามฟังหลายๆแนวเพราะบางครั้งการที่เราเลือกฟังเฉพาะแนว จะทำให้เราติดยึดจนเกินไป
ผลคือศิลปินใหม่ๆที่เขามีความตั้งใจจะนำเสนอผลงานที่สร้างสรรค์กลับถูกปฏิเสธอย่างไม่เหลือเยื่อใย ที่ร้ายกว่านั้นคือมันจะขาดพัฒนาการส่งผลให้มันไม่อาจขยายกลุ่มคนฟังใหม่ได้ จึงมีอยู่บางช่วงที่ดูเหมือนมันเกือบหมดลมหายใจทีเดียว เมื่อสมัยที่เพลงร็อคเฟื่องฟูแจ๊สเกือบตาย ดีที่ศิลปินในอดีตปรับตัวได้มีการผสมกันหลายGenres ทำให้มันยังเดินต่อได้แต่ระยะนี้ยังไม่น่าไว้ใจนักเพราะเท่าที่ติดตามค่ายMajor Labels มักจะไม่กล้าเสื่ยงที่จะออกผลงานใหม่ๆ จะเล่นของตายอย่างเดียว เลยจะเห็นงานReissues ออกมาเกลื่อนช่วงนี้ ถามว่าแล้วมันเกี่ยวกับเรายังไงก็เราชอบงานเก่าๆ ฟังแล้วเพราะดี ต้นตำรับดี ก็อยากจะบอกว่าจะทำให้ศิลปินใหม่ไม่อาจเบียดแทรกตลาดได้ โดยเฉพาะพวกงานจากIndependent Labelsที่มีนับพันนับหมื่นต้องล้มตายไป เพราะไม่มีกำลังที่จะไปต่อกรกับMajor Labelsได้ นอกจากนี้พวกค่ายใหญ่เดี๋ยวนี้ฉลาดเข้าTake Overค่ายเล็กที่ประสบความสำเร็จเช่น ECM, DIW เป็นต้นงานในช่วงหลังของค่ายพวกนี้ขาดพลังไปเยอะเมื่อเทียบกับตอนต้นๆที่ก่อตั้ง
2.ควรจะเลิกความคิดที่จะแบ่งแยกความคิดทำนองที่ว่าคนฟังแจ๊สบางคนไม่รู้เรื่อง ฟังเพื่อยกฐานะ หรืออะไรทำนองนี้ เพราะความคิดเหล่านี้มันจะกัดกร่อนการเกิดขึ้นและดำรงอยู่ของวงการแจ๊สในบ้านเรา เพราะอย่างน้อยคนเหล่านั้นวันหนึ่งเขาอาจเข้าใจและหันมาสนับสนุนแจ๊สที่เรารักอย่างจริงจังได้ เรายังต้องการฐานคนฟังอีกเยอะ ไม่ว่าเขาจะมีเทือกเขาเหล่ากอจากไหน ก็มีสิทธิจะฟัง ลองดูที่ตัวเราสิ จากฟังไม่รู้เรื่องเลยมาจนบ้าขนาดนี้ นอกจากนี้ต้องยอมรับว่าศิลปินแจ๊สมีรายได้จากคนกลุ่มที่ค่อนข้างมีฐานะเพื่อจุนเจือครอบครัวเช่นรายได้ค่าบัตร ซีดี ของชำร่วย ลำพังคนชั้นกลางอย่างเราๆอาจไม่มีเงินเพียงพอที่จะสนับสนุนเขาเหล่านั้นอย่างจริงจัง ลองดูซิครับว่าที่บ้านเรามีเทปผีซีดีเถื่อนอยู่กี่มากน้อย จุ๊ๆไม่มีใครรู้หรอกครับแต่เราเท่านั้นที่รู้
3.เลิกเสียทีกับEgo ที่ว่าชั้นมันเล่นขนาดนั้นขนาดนี้ ชั้นฟังขนาดนั้นขนาดนี้ ชั้นเรียนที่นั่นที่นี่ เพราะไม่ว่าเราจะเริ่มฟังชั้นไหน เรียนที่ไหน มันล้วนแต่เปลือกนอก หาได้เป็นผลิตผลตามความตั้งใจของแจ๊สไม่ เพราะความตั้งใจแต่เดิมมันเป็นดนตรีที่คอยปลอบประโลมคนชั้นล่างด้วยกันหลังจากผ่านความกดดันกับหน้าที่การงานที่ถูกกดขี่ข่มเหง มันเกิดมาเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ รักษาวัตนธรรมของบรรพบุรุษ แต่พอกาลเวลาผ่านไปคนเรากับดั๊นทำให้มันเป็นเครื่องแบ่งแยกทางสังคมไปได้ อย่าลืมว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือกระดาษมีซาละเปา (ฮา) ที่ผ่านมาก็ให้มันผ่านไป แล้วเริ่มเดินหน้าประคับประคองกันใหม่ แฟนแจ็สแต่ละคนทบทวนบทบาทตนเองต่อวงการแจ๊สบ้านเรา แม้ว่าเราเป็นส่วนน้อยแต่เป็นส่วนสำคัญนะครับ เฉกเช่นลุงชิวที่แกสัญญาว่าแกจะทำน้ำซุปไปให้เมียแกทุกวัน (มาจากไหนวะเนียะ)
Jazzaholic
จากคุณ :
apison@prointered.com
- [
4 ต.ค. 47 21:51:25
A:203.107.197.75 X:
]
|
|
|