อดไม่ไหวเลยต้องมาแปะก่อน รู้ไม๊คะว่าคนที่บ้านเรียกเจอร์รี่ว่าอะไร
...
...
...
คุณแม่เรียกว่าตี่ตี (แต้จิ๋วก็คือ ตี่ตี๋ ที่แปลว่าน้องชายอ่ะค่ะ)
แล้วก็มีเกี่ยวกับรูปโปสเตอร์แบบเดย์ที่เค้าแปะกันตามร้านขายซีดี ที่ยืนในทะเลเอามือล้วงกระเป๋า แล้วรูดซิปเสื้อลงมาต่ำๆ หน่อย ท่านั้นนี่เค้าว่าหน้าตาดูแบบกลุ้มๆ หน่อยเพราะผู้กำกับสั่งให้ทำแบบนั้น แต่ประจวบเหมาะมาที่โดนแมงกะพรุนที่เท้าตอนนั้นพอดี
แล้วก็เพลงว่างเลอจื่อจี่นี่แต่งตอนกลางคืนนะคะ เค้าว่าตอนกลางคืนถึงจะมีอารมณ์แบบว่าอ่อนไหว
ส่วนคำแปลทั้งคลิปจะตามมานะคะ เค้าพูดเกี่ยวกับแฟนๆ ดีมากเลยค่ะ
-------------------------------------
แปลจบเลยแล้วกัน
พิธีกร: ยินดีต้อนรับกลับมาฮ่องกงอีกครั้ง
เจอร์รี่: สวัสดีครับ (3 ครั้ง)
พิธีกร: สวัสดีค่ะ (3 ครั้ง) ครั้งนี้อัลบั้มชุด Jerry For You ทำไมถึงให้พวกเรารอกันนานขนาดนี้ รอตั้ง 3 ปีแน่ะ พวกเราร้อรอกันนานมาก ถึงจะได้เห็นอัลบั้มเดี่ยวของคุณชุดนี้
เจอร์รี่: ก็หวังว่าจะให้ทุกคนได้เห็นเหยียนเฉิงซวี่ที่แตกต่าง ได้ฟังเหยียนเฉิงซวี่ที่แตกต่าง
พิธีกร: แล้วคุณคิดว่าในอัลบั้มชุดนี้เปรียบกับคุณเมื่อก่อนมีข้อแตกต่างอะไรคะ
เจอร์รี่: หลักๆ คือเสียง แต่ก่อนเหมือนกับว่าไม่เคยรู้เลยว่าจะใช้แรงยังไง ก็ใช้ประมาณว่าความรู้สึกกับดูว่ามีอารมณ์ประมาณไหนในการร้องเพลง ดังนั้นครั้งนี้ได้ไปเรียนมา ผลที่ออกมาก็เลยดีกว่าเมื่อก่อนนิดหน่อย
คำบรรยายเป็นกวางตุ้งค่ะ เลยไม่สามารถแปลได้
------------------------------
เจอร์รี่: ก็รู้สึกพิเศษมาก ที่สามารถเอาความในใจของตัวเองออกมาบรรยายเป็นเนื้อเพลง ผมรู้สึกว่าไม่เลวเลย เป็นประสบการณ์ที่พิเศษมาก
พิธีกร: เล่าเกี่ยวกับการแต่งเนื้อร้องของคุณได้ไม๊คะว่าเขียนตอนกลางวันหรือกลางคืน
เจอร์รี่: เขียนตอนกลางคืน เพราะว่าตอนกลางคืนจะมีความรู้สึกค่อนข้างอ่อนไหว สามารถคิดเรื่องต่างๆ หลายเรื่อง ก็เลยค่อนข้างจะสามารถเขียนพวกเนื้อร้องแบบนี้ออกมาได้
-------------------------------
พิธีกร: อัลบั้มชุดนี่มี 2 เวอร์ชั่น มีชุดกลางวันกับชุดกลางคืน คุณคิดว่าเวอร์ชั่นไหนค่อนข้างเหมือนเหยียนเฉิงซวี่ที่แท้จริงมากกว่า
เจอร์รี่: ทั้งสองเวอร์ชั่นก็มีส่วนเหมือนหมด เหตุสำคัญที่ทำ 2 เวอร์ชั่นก็เพราะว่าด้านที่ทุกคนเห็นจนชินก็คงเป็นชุดกลางคืน เหมือนกับว่าดู cool cool ความรู้สึกก็เหมือนที่อยู่บนเวที (น่าจะหมายความว่าที่ปรากฎตัวในสายตาสาธารณะ -ผู้แปล) ส่วนชุดกลางวันจะเหมือนชีวิตส่วนตัวที่อาจจะร่าเริงชอบออกกำงอะไรแบบนี้ ดังนั้นผมรู้สึกว่าการออกมา 2 เวอร์ชั่นจะสามารถทำให้ทุกคนรู้จักผมมากขึ้นอีกระดับหนึ่ง แล้วก็ทำให้ทุกคนมีทางเลือกเพิ่มอีกทาง
พิธีกร: แต่ก็หล่อหมดนะ
เจอร์รี่: ขอบคุณ (แล้วก็บ่นอะไรไม่รู้ ไม่มีตัวหนังสือ ประมาณว่า ทำไมจู่ๆ มาพูดแบบนี้ล่ะ)
พิธีกร: ตอนที่คุณถ่ายโปสเตอร์นี้ (รูปที่ยืนในทะเล เอามือล้วงกระเป๋า ซิปเสื้อรูดลงมาต่ำๆ รูปนั้น) มีเหตุการณ์อะไรพิเศษๆ มาเล่าให้กันฟังบ้างไม๊คะ
เจอร์รี่: พิเศษเหรอ ก็เหมือนเช่นรูปนี้ ดูเหมือนอยู่ริมทะเล พอดูแล้ว ผมรู้สึกว่าขำมาก เพราะรูปนี้ดูแล้วแบบว่าเป็นทุกข์ เพราะตอนนั้นเท้าผมถูกแมงกะพรุนกัด (ไม่รู้ใช้กิริยาว่าอะไรดี เหมือนต่อย แทง อะไรแบบนี้ -ผู้แปล) ตอนนั้นก็เลยรู้สึกเจ็บมาก
พิธีกร: แบบนี้แฟนๆ ได้โปสเตอร์นี้ไป ดูแล้วก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่
เจอร์รี่: ไม่หรอก ผมรู้สึกว่ามันขำ บังเอิญประจวบเหมาะกับที่ต้องทำท่ากลุ้มๆ ก็บังเอิญโดนแมงกะพรุนก่อนพอดี
------------------------------------
พิธีกร: ฉันได้ยินมาว่าตอนที่คุณถ่ายเอ็มวีเพลงอี้กงฉื่อ ทำให้คุณคิดถึงความรู้สึกตอนมีความรักครั้งแรกของคุณ
เจอร์รี่: เออ..ความรู้สึกที่ถูกทิ้งต่างหาก ผมรู้สึกว่าเพลงอีกงฉื่อคล้ายกับความรักของผมในช่วงหนึ่งมาก ผมก็เลยดึงเอาความทรงจำช่วงนั้นออกมา ทำให้ผมเกิดจินตนาการถึงความรู้สึกแบบนั้น ก็เลยแสดงออกมาถึงความรู้สึกเจ็บปวด อาลัยอาวรณ์แบบนั้น
---------------------------------------
เจอร์รี่: ก็หวังว่าในแต่ละช่วงเวลาจะสามารถตั้งใจทำงานทีละอย่าง ไม่ใช่มีการแทรกไปมา เดี๋ยวก็อัดเสีง เดี๋ยวก็ถ่ายละคร เดี๋ยวก็อัดเสียง เดี๋ยวก็ถ่ายละคร ผมกลัวแบบนี้มาก เพราะว่าผมไม่สามารถจะรับผิดชอบทำมันให้ดีได้
--------------------------------------
พิธีกร: เจย์เคยบอกว่าคุณสามาถเล่าความในใจให้เค้าฟังมากมาย ความสัมพันธ์ระหว่างพวกคุณนี่เริ่มมายังไงคะ
เจอร์รี่: เริ่มมายังไงเหรอ ตอนเริ่มแรกก็มีคนแนะนำให้รู้จักกัน แล้วก็เล่นบาสด้วยกัน เล่นไปเล่นมา บางทีก็มีเวลาว่างๆ หรือเจอกันในการทำงาน ก็มีเล่นแบด เล่น pool เพราะว่าเรามีความสนใจที่คล้ายกัน ก็เลยคุยกันถูกคอ เพราะมีความสนใจเหมือนกัน ก็เลยคุยกันถูกคอ แล้วก็ อยู่ราศีเดียวกันด้วย ก็เลยมีลักษณะนิสัยบางอย่างที่เหมือนกันมาก
----------------------------------------
เจอร์รี่: ทุกครั้งที่เห็นพวกเค้าให้การสนับสนุนผมขนาดนี้ จริงๆ แล้วก็พูดได้ว่า ไม่ว่าจะต้องลำบากอีกยังไง คิดถึงพวกเค้า ตัวเองก็รู้สึกว่ามันควรค่ามาก เพราะว่าจริงๆ แล้ว ในช่วงการทำอัลบั้มชุดนี้ จริงๆ แล้วมีเรื่องที่คนนึกไม่ถึงว่าจะมีเกิดขึ้นมากมาย รวมถึงตัวผมเองก็ผ่านช่วงเวลาที่ depressed มากๆ (ประมาณว่า down มากๆ หดหู่ ประมาณนั้น) แล้วก็อาจจะรวมถึงอัลบั้ม แล้วก็ผมรู้สึกว่าการปรับตัวของผมกับวงการนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างคน ผมปรับตัวได้ไม่ดีนัก ดังนั้นทุกครั้งที่เห็นคนมากมายให้การสนับสนุนผม ผมก็ไม่คิดมากอีก แค่อยากจะทำเรื่องต่างๆ ให้สำเร็จ คือว่าเป็นที่มาของกำลังใจ (แปลตรงตัวว่าแล่งกำเนิดพลังงาน) ที่สำคัญที่สุด ดังนั้นต้องขอบคุณพวกเค้าจริงๆ
พิธีกร: จริงๆ แล้ว 3 ปีที่ผ่านมาการงานของคุณก็ราบรื่นมาก แต่ทำไมคุณถึงได้มีความรู้สึก depressed ได้
เจอร์รี่: จริงๆ แล้วเป็นเพราะว่าตัวเองเรียกร้องความจริงใจมากเกินไป ในวงการนี้ จริงๆ แล้วมีเรื่องมากมายที่ไม่ได้ง่ายเหมือนที่คนอื่นคิดกัน แล้วก็เพราะว่าพวกเราเป็นไอดอล คนอื่นก็ตั้งความคาดหวังกับเราแค่ไอดอล แต่ผมอยากจะเป็นทั้งไอดอลและมีความสามารถที่แท้จริงด้วย ผมก็เลยค่อนข้างเจอปัญหาที่ realistic มากๆ
----------------------------------------
เจอร์รี่: เมื่อเร็วๆ นี้ผมก็คิดนะ ว่ามีชื่ออะไรไม๊ที่ฟังแล้วสนิทสนมมากขึ้น เพราะว่าบางทีผมรู้สึกว่าเรียก เจอร์รี่ ผมไม่รู้ว่าทำไมบางทีฟังแล้วรู้สึกว่าทื่อทื่อโง่โง่
พิธีกร: จริงเหรอ
เจอร์รี่: จริง เลยคิดว่ามีชื่อใหม่อะไรไม๊ที่อย่างน้อยฟังแล้วรู้สึกว่าทุกคนเป็นกันเองสนิทกันมากเหมือนความรู้สึกว่าเรียกเพื่อน
พิธีกร: แล้วคนในบ้านเรียกคุณว่าอะไร ที่สนิทที่สุด คุณแม่เรียกคุณว่าอะไร
เจอร์รี่: แม่เรียกผมว่าตี่ตี๋
พิธีกร: ตี่ตี๋เหรอ
เจอร์รี่: รู้สึกว่าเรียกตีตี๋แล้วสนิทสนมมาก
พิธีกร: งั้นคุณอยากให้แฟนๆ ต่อไปเรียกคุณว่าตี่ตี๋รึเปล่า
เจอร์รี่: เรียกผมตี่ตี๋เหรอ (หน้าตาแบบว่าลังเล แบบว่า จะเอางั้นเลยเหรอ)
พิธีกร: ก็คุณบอกว่าดูค่อนข้างสนิทสนมไง
เจอร์รี่: ก็ดูสนิทมากนะ
----------------------
จบแล้วค่ะ
แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 47 01:11:16
แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 47 00:48:41
จากคุณ :
Bam (Wen Wen)
- [
11 ต.ค. 47 23:33:06
]