ความคิดเห็นที่ 15
เข้าใจปัญหาMr.Tea และจึงอยากแนะนำในฐานะที่ผ่านมาแล้วจากจุดนั้น แต่ไม่อยากให้รู้สึกGuilty เพราะที่พูดไม่ได้ต้องการBlameใคร แต่อยากติเตือนในฐานะเพื่อนร่วมทาง สมัยก่อนผมซื้อไม่เลือกทั้งที่เงินเดือนก็คงไม่ได้มากมายจากพวกเรา แต่จัดสรรเงินไว้ว่าเดือนหนึ่งๆจะซื้อเท่าไหร่
ทีนี้พอซื้อได้ซักพักพบว่ามันเหมือนติดยาเสพย์ติด ประเภทเพราะเป็นซื้อ จนมาคิดว่าเอ๊ที่ซื้อไปเนี่ยะได้คิดหรือยังว่ามันจะฟังได้นานแค่ไหนและอนาคตมันจะมีราคาค่างวดหรือซื้อแล้วขาดทุนอย่างเดียว จึงกลับตัวได้และเริ่มสังเกตว่าแผ่นที่มักมีค่างวดมักเป็นแผ่นที่ไม่popularนัก ไม่ใช่reissue แล้ว reissue ไปที่shelfทีไหร่ก็เห็นทุกที หรือก็มีแต่ใครๆเขาพูดกันสะสมกัน ถ้าเป็นเช่นนั้นคุณไม่จำต้องเสียเงินไปซื้อเลยด้วยซ้ำหาโอกาสรู้จักเพื่อนๆที่ฟังแนวเดียวกัน แล้วหยิบยืมกันมาฟังให้หายอยากสามวันสามคืนก็เป็นไปได้มากทีเดียว ฟังอัดมันเข้าไปหากมันไม่เบื่อภายในสามวันนั้นใช้ได้ นอกจากนี้พวกนี้คุณมีโอกาสเจอแผ่นใช้แล้วในอนาคต แม้จะไม่ใช่แผ่นที่คุณต้องการแต่จะเป็นแผ่นที่เล่นได้ใกล้เคียงกับที่คุณอยากได้แน่นอนเพราะเขาจะไม่เล่นอะไรพลิกแพลงไปจากนั้นอีกแล้วยกตัวอย่าง Take Five,Girl from Ipanama,Corcovado, Autumm Leaves,I love you, Porgy and bess, Youd be so nice to come home to, Love for sale, Afro Blue หรือกลุ่มที่Hardbob Bebob เล่นกันก็เห็นอยู่แทบจะจำไม่ได้กันละครับว่าใครเล่นกันไปบ้าง ผมเองทุกวันนี้ยังเสียใจกับแผ่นที่ซื้อมาหลายแผ่นรวมๆกันก็มากโขอยู่ แต่ตอนนั้นไม่มีใครมาห้ามเรา ไม่มีใครมาเตือนเราหากได้รับคำเตือนคงจะพิจารณากันเสียแต่ตอนนั้น
ทีนี้หลายคนอาจไม่เชื่อที่ผมพูด บ้าหรือวะใครๆเขาก็สะสมกันแผ่นนี้แผ่นนั้น นักวิจารณ์ก็ยกย่องกันนักหนา แต่ทีนี้นักฟังบ้านเราหลายท่านฟังตามกันมาเลยยังไม่มีวิธีคิดเป็นของตัวเอง บางคนหนักกว่านั้นเขามีฉันต้องมี กลายเป็นการแข่งกัน ไม่ก็ไม่ทันสมัยตามที่เขาฟังกัน แต่ถามว่าใครเสียเงิน ไม่มีใครหรอกเรานั่นแหละไม่ใช่นักวิจารณ์หรือเซียนที่ไหนจะมาช่วยออกให้เราหรอก สุดท้าย(แต่คุณอาจยังไม่รู้สึกตอนนี้)มานั่งเสียใจ เพราะจังหวะซื้อมันเหมือนต้องมนต์ เหมือนคนเล่นการพนันแล้วหยุดไม่ได้เหมือนมีใครมาบอกให้ซื้อเลย เจ๋งมาก เดี๋ยวหมดแล้ว ซึ่งผู้ขายที่ดีจะต้องแนะนำโดยดูจากฐานะผู้ซื้อไม่ใช่จะเอาเงินเด็กๆท่าเดียว เลยควักทันที คล้อยหลังถอนหายใจเฮือกใหญ่ว่าแพงชิบหาย ซื้อไปได้ไงวะ เก็บเงินไว้ซื้อแผ่นนั้นดีกว่า(มักเกิดหลังจากกลับไปฟังที่บ้านซักพัก)
ทีนี้ถ้าเป็นแผ่นที่มีคุณค่าซื้อแล้วราคาไม่ตก (ซึ่งจริงๆหาได้น้อย) ก็รอดตัวไปแต่ทีนี้หากเป็นแผ่นที่ผมอธิบายคร่าวๆเบื้องต้น ร้อยทั้งร้อยขาดทุนไม่ต่ำกว่า50%ทันทีที่ซื้อไป ยิ่งเป็นแผ่นก๊อปเหลือศูนย์ ไปดูที่เขาBid กันที่ eBay สำหรับแผ่นที่เราซื้อว่ามีราคาคุณค่าอย่างที่เราคิดไหม ทีนี้บางคนอาจบอกว่ามันมีคุณค่าทางใจแต่อย่าลืมว่าสิ่งที่มีคุณค่าทางใจควรมีลักษณะ perpetual หรืออมตะใช่ไหมครับ ไม่ใช่ประเดี๋ยวประด๋าว(ภายใน 6 เดือนถึง1ปีเรียกว่าสั้นตามความเข้าใจของผม) หรือเกิดอาการฟังไม่ทนจากแผ่นนั้น อยากเปลี่ยนแผ่นอยู่เรื่อย เช่นนี้เรียกอาการว่าเบื่อเพราะ Mood ของเพลงมันไม่ต่างกัน อยู่บนพื้นฐานเดียวกัน และนั่นคือคำตอบว่าแผ่นนั้นไม่ใช่แผ่นที่เราควรซื้อ แต่ซื้อเพราะเป็น emotional buying เนื่องจากมีสิ่งเร้าในขณะนั้น ทีนี้มันแพงแม้จะแผ่นก๊อปก็ยังเรียกว่าแพงเพราะมันราคาเท่าแผ่นของRS, Grammy แล้วแถมคุณภาพอย่าให้บอก
ผมจึงแนะนำวิธีง่ายๆว่าเวลาซื้อให้ชั่งใจก่อน ว่าแผ่นที่เล่นแบบนี้มีเยอะหรือยัง ถ้ายังไม่มีหรือเพิ่งหัดฟังใหม่ก็ซื้อได้เพราะระยะเริ่มต้นจำเป็นต้องมีการเรียนรู้ แต่หากฟังได้ซักปีสองปีแล้วยังฟังและซื้อแบบเดิมอีก มันจะเกิดเหตุการณ์อย่างที่ผมอธิบายไม่มีผิดไปจากนี้แน่นอน หลายคนไปไม่ถูกเลย ดูเหมือนมันตีบๆตันๆ เลยบอกว่าการชั่งใจสำคัญ และเรียนรู้จากเพื่อนต่างกลุ่ม ศึกษาคุณค่าให้ชัดเจนก่อน เพราะเงินที่จ่ายไปไม่มีทางหวนกลับ แทนที่เราจะได้แผ่นที่มีคุณค่าจริงๆ(แม้จะไม่มีคุณค่าตามความคิดตามกระแสของคนกลุ่มใหญ่) แต่ผมยืนยันได้ว่าวันหนึ่งคุณจะภูมิใจแผ่นนั้นที่คุณซื้อด้วยความยับยั้งชั่งใจ และไม่เสียใจกับแผ่นที่คุณไม่ได้ซื้อเลยเพราะถึงตอนนั้นภาวการณ์ฟังคุณเติบโตไปถึงขั้นแยกแยะงานดนตรีที่มีคุณค่าได้แล้ว และคุณต้องมาขอบคุณผมที่ทำให้คุณเสียเงินน้อยลง แถมมีเงินเหลือซื้อแผ่นแท้อย่างภูมิใจเพราะในเมื่อเราไม่ซื้อบ่อยเกินไปก็มีเงินเหลือพอซื้อแผ่นแท้แน่ อย่าให้มันตั้งกองรกห้องเราเลยครับ ซื้อด้วยสติไม่ใช่ซื้อด้วยอารมณ์จำคำนี้ไว้แล้วจะปลอดภัยนะโยม อาเมน ฮิๆ
Jazzaholic
จากคุณ :
apison@prointered.com
- [
27 ต.ค. 47 00:19:56
A:203.107.193.13 X:
]
|
|
|