ความคิดเห็นที่ 2
ชัดเจนดีครับสำหรับลิงค์คุณป็อบ ถ้าสังเกตให้ดีนักดนตรีส่วนใหญ่ที่สร้างmovementนี้เป็นผิวขาว ซึ่งเหมือนต้องการสร้างแนวทางในหมู่พวกพ้องกันเองและไม่ต้องการเดินรอยทางbob jazz ในแบบAfrican Americanที่เฟื่องฟูมากตั้งแต่ต้นทศวรรษที่40 ในฝั่งEast Costที่ได้รับอิทธิพลจากงานของ Charlie Parker โดยศิลปินที่คนมักพูดถึงคือ Stan Getz, Gerry Mulligan, Chet Baker, Art Pepper,Paul Desmond, Dave Brubeck, Bud Shank โดยงานดนตรีค่อนข้างจะฟังง่าย Relaxed Tone and Unhurried Improvisation ถึงขนาดเป็น Romanticism เลยทีเดียว และมักชอบเอางานในแบบละตินแจ๊สเข้ามามีส่วนโดยเฉพาะ Getzในช่วงต้นทศวรรษที่60ดังมากจากการนำเอาเพลงของJobimมาเล่น ทำให้โลกรู้จักงานของJobimแต่ภายใต้มนต์สะกดเสียงTenor Saxของ Getz โดยเฉพาะเพลงGirl From Ipanamaขึ้นBillBoard Chart เป็นอันดับสองรองจากงานของThe Beatles ในปี 1964
แต่ด้วยปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นกับศิลปินแต่ละท่าน ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการใช้ยา และถูกจำคุก หรือไม่ก็อพยพไปอยู่ตปทหรือฝั่งNY ทำให้ไม่มีผู้สืบทอดงานลักษณะนี้ ยิ่งเมื่อเจองานสุดฮอตจาก Sonny Rollin และJohn Coltrane ในช่วงปลาย50จนถึงต้น60 ที่มีความแข็งแรงมากจนเปลี่ยนประวัติศาสตร์งานดนตรีเข้าสู่ยุคPost Bop จนถึงกลุ่มงานAvantgarde ที่เริ่มได้รับแรงหนุนจากนักดนตรีหัวก้าวหน้าเช่น Ornett Coleman, Don Cherry,Eric Dolphy, Chales Mingus, Paul Bley, Jimmy Giuffre ยิ่งทำให้งานเดิมดูเป็นงานตลาดไปเลย
ผมเองโดยส่วนตัวรู้สึกผูกพันกับงานของ Art Peper เพราะสมัยฟังแรกๆฟังแต่ของเค้า ส่วนอีกคนก็Gerry Mulligan อาจเรียกได้ว่าเป็นมือBaritonist ที่ทำให้โลกต้องสนใจอุปกรณ์ดนตรีชิ้นนี้ก็ว่าได้ อีกคนก็Chet Bakerที่ถูกวิจารณ์ว่าทักษะการเล่นTrumpetในช่วงต้นในวงGerry Mulliganนั้นธรรมดาจนไม่น่าสนใจเลย แต่มาค้นพบสุ้มเสียงในการร้องที่ไม่เคยมีใครร้องในลัษณะดังกล่าว เหมือนคนติดยาร้อง ทำเสียงไม่ค่อยให้ชัด ร้องใกล้ๆไมค์ให้เสียงมันออกอู้อี้ แต่นั่นทำให้โลกรู้จักตัวตนของ Baker โดยเฉพาะเพลง My Funny Valentine ที่กลายเป็น Signature Tune ของเขาไปแล้ว
Jazzaholic
จากคุณ :
apison@prointered.com
- [
29 ต.ค. 47 11:43:56
A:203.107.198.125 X:
]
|
|
|