Slipknot Live in Bangkok 9 หน้ากากจากนรกกับการคลายเงื่อนปมของตนเอง
โดย merveillesxx
M-Max Live Never Stops Concert on [V] Rock Day - Slipknot Live in Bangkok
Date: 10 Nov 2004
Venue: Aktiv Square
Show: 20.00
Ticket: 1000 / 800 Baht
Promoter: BNT
As we maintain in the chaos, the fire becomes fuel and our hearts are the engine. We will flood this system with blood if we have to, and we will rule the world with cold retina and firm beliefs Slipknot
นั่นคือคำกล่าวอันบ่งบอกเจตนารมณ์ของทั้ง 9 หน้ากากจากนรกในอัลบั้มชุดล่าสุด
.
Slipknot น่าจะถือเป็นวงอันดับต้นๆที่จุดกระแสแนวเพลงแบบนี้ในบ้านเรา อย่างน้อยที่สุดคุณก็สังเกตได้จากเมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมาที่คนใส่เสื้อของวงนี้กันทั่ว พอกับยุคหลังๆที่เป็นเสื้อสัญลักษณ์ LP นั่นแหละ ในที่สุดหลังจากที่รอคอยมาเป็นเวลานาน Slipknot ก็มาเล่นคอนเสิร์ตในบ้านเราจนได้ เช่นเดียวกับหลายๆศิลปินอย่าง Oasis, Mariah Carey ฯลฯ ที่จะมาเล่นในเมืองไทยเมื่อถึง ขาลง ของอาชีพ Slipknot ก็คงจัดอยู่ในกรณีนี้เช่นเดียวกัน เพราะอัลบั้มล่าสุดอย่าง Vol.3 (The Subliminal Verses) (2004) ผมพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า ห่วย สุดๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้องที่ขาดพลัง แนวเพลงดนตรีที่อ่อนด้อยลงอย่างเห็นได้ชัด (ขอสารภาพว่าวินาทีที่ได้ยินเสียงตีคอร์ดกีต้าร์โปร่งออกมาจากลำโพงนี่ ผมอึ้งไปเลย นึกว่าใส่ผิดแผ่น) นั่นคงเพราะว่าทางวงดันทำอัลบั้มดีๆอย่าง Slipknot (1999) และอัลบั้มที่ ดีกว่า อย่าง IOWA (2001 - ส่วนตัวแล้วเป็นหนึ่งในไม่กี่อัลบั้มที่ชุดสองดีกว่าชุดแรก) เอาไว้ จนทำให้ผม (และอีกหลายคน) คาดหวังกับอัลบั้มชุดใหม่ไว้มาก แต่ก็ต้องผิดหวังไปในที่สุด อย่างไรก็ตาม ปี 2004 นี้ถือเป็นเป็นปีที่ดีมากๆ สำหรับชาวหูเหล็กเพราะมีคอนเสิร์ตใหญ่ๆถึง 3 ครั้งด้วยกัน นั่นคือ ต้นปีกับ KoRn กลางปีกับ Linkin Park และส่งท้ายปีกับ Slipknot ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรเลย ที่จะทำให้ผมพลาดกับคอนเสิร์ตครั้งนี้
10 พฤศจิกายน 2547
ผมไปถึงบริเวณงานประมาณ 16.00 ได้ยินเสียงแหกปากสำรอกโฮกฮากมาแต่ไกลจากบริเวณ Aktiv Square (ลานกว้างหน้าอิมแพคอารีนา) แต่เนื่องจากตอนนั้นแดดยังร้อนมาก (จนสงสัยว่าหน้าหนาวเมืองไทยหายไปไหนซะแล้ว) ผมจึงหลบไปดูงานโชว์ผลงานของ ท่านผู้นำ บริเวณอิมแพคอารีนาเสียก่อน ความจริงผมมาดูงานนี้ไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันจันทร์ แต่เข้าไปอีกสักรอบก็ไม่เสียหาย เพราะกะไปชิมของกินบริเวณโอทอป (คราวที่แล้วเอาซะอิ่มเลย) ซึ่งเป็นจุดที่ดีที่สุดของงานนี้แล้ว (อีกส่วนก็คงเป็นซีดีแกรมมี่ที่ลดเหลือ 69 บาท ส่วนอื่นๆของงานไม่พูดอะไรมาก นอกจากว่ารู้สึกเสียดายภาษีของพ่อแม่ยังไงก็ไม่รู้) สังเกตอากัปกิริยาของคนแถวนั้นแล้ว เขาก็คงงงปนตกใจอยู่เหมือนกันที่มีกลุ่มเด็กแต่งชุดดำ ทำผมตั้งๆ เจลเยิ้มเต็มหัว เจาะร่างกายทุกอณู มาเดินดูผลงานท่านผู้นำด้วย (ใครบอกวัยรุ่นไทยไร้สาระ? เอ๊ะ หรือพวกเขาแค่มาเดินตากแอร์นะ)
เวลาประมาณ 17.45 แดดร่มลม(ร้อน)ตก ผมจึงเดินเข้าไปในบริเวณงาน พบว่าบริเวณคราวนี้เล็กกว่าตอน Linkin Park อยู่โขเลยทีเดียว ชนิดที่ว่าจัดในอิมแพคก็ได้นะ (จัดกลางแจ้งเพราะอยากให้ได้อารมณ์ หรือเพราะไปชนกับงานของท่านผู้นั้นก็ไม่รู้) งานนี้ผมซื้อบัตรราคา 1000 บาท โซน AL โดยตอนที่ซื้อนั้นโซน AR ขายหมดไปแล้วเนื่องจากว่าเวทีมี 2 ฝั่ง ซ้ายและขวา โดยฝั่งซ้ายเป็นเวทีของวงเปิดทั้ง 10 วง ส่วนทางขวาเป็นของพ่องานอย่าง Slipknot แต่พอเข้าไปจริงๆแล้ว ทั้งสองโซนก็ไม่ค่อยต่างกันเท่าไร เพราะเวทีใหญ่ก็ค่อนข้างจะตั้งอยู่กลางๆอยู่แล้ว อีกทั้งมีรายงานมาทีหลังว่าความจริงมันเดินถึงกัน (อ้าว งั้นจะแบ่งทำไมล่ะเพ่!) ส่วนโซนบัตร 800 ได้ข่าวว่าเอาช้างมาเตะตะกร้อโชว์ได้เลยทีเดียว สำหรับผมราคาบัตร 1000 บาทคราวนี้ถือว่าถูกมาก
โดยเฉพาะหลังจากที่จ่ายค่าบัตร B-Day 3000 บาทไป T__T
บริเวณหน้างานก็มีบูธของศิลปินไทย บูธค่ายเพลงสากล บูธนิตยสารเพลง รวมถึงบูธสีเหลืองอ๋อยสปอนเซอร์ใหญ่ของงานอย่าง M-Max ด้วย เดินหาบูธขายเสื้ออยู่นาน (เล่นไปแอบอยู่ริมๆ) พอเห็นลายก็คิดได้ว่า ไปซื้อเจเจก็ได้ เพราะลายธรรมดาเหลือเกิน แถมตัวละ 600-700 บาท สู้ตอน Linkin Park ไม่ได้ อันนั้นลายไม่โหลแถมสวยด้วย (ไม่รู้ป่านนี้มีของก็อปขายหรือยัง) แล้วก็มีบูธที่มีวงร็อคเล่นโชว์ด้วย (ฮาดี เล่นกันหน้าบูธเลย เหมือนเปิดหมวกเล่นเพลง ประมาณนั้น) หลังจากเดินทั่วแล้วก็เดินเข้าไปในส่วนของคอนเสิร์ต ก่อนเข้าก็มีการตรวจค้นร่างกายตามระเบียบ (ถ้าออกไปเดิน แล้วกลับมาอีกที ก็ยังถูกค้นอีกรอบ - ซึ่งก็ดีแล้ว กันไว้ดีกว่าแก้) ตอนนั้นไม่รู้เหมือนกันว่าวงอะไรเล่นอยู่ แต่พอรู้ว่า Paradox เล่นไปแล้วก็แอบเซ็งนิดๆ แต่ไม่คิดมากเพราะวงนี้ดูจนเบื่อแล้ว
หลังจากวงที่เล่นอยู่ลงไป พิธีกรคู่หนุ่มสาวของงานก็ขึ้นเปิดมา นั่นคือ วีเจบอสและลูกเกด (ซึ่งเป็นวีเจผู้หญิงไม่กี่คนที่ผมทนดูเธอจัดรายการได้) แห่งแชแนลวีไทยแลนด์ ทั้งสองแนะนำวงเปิดที่ขึ้นมาเล่นถัดไป ก็คือวง DD-Doomed Day ซึ่งเขาบอกว่ามีสมาชิกเก่าของดอนผีบินด้วย วงนี้เขาก็เล่นแน่นใช้ได้ แต่ไม่ค่อยเข้าทางผมสักเท่าไร ก็นั่งดูไปเม้าท์ไป แต่ฮามากเวลาพี่แกพูดต้องทำเสียงแหบๆ เฮือกๆ แต่ดูตลกมากกว่าสยองแฮะ ระหว่างนั้นก็ลองดูไปรอบๆ พบว่างานนี้มีผู้หญิงน้อยมากถึงมากที่สุด (ซึ่งคนที่มาดูกับผมก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย) คาดว่างานนี้ใครมาแฟนมาดู ถ้าไม่รักกันจริง ก็คงเลิกกันไปเลยทีเดียว (ไปดูงาน PACK4 ดีกว่ามั้ยพี่) ส่วนการแต่งตัวก็ออกมาสไตล์เดียวกัน เสื้อดำเป็นหลัก (ใครใส่เสื้อสีชมพูมาดู Slipknot ก็คงแหวกดี) มีแต่งตัวประหลาดๆ แปลกๆ หลุดโลกไปเลยก็เยอะ ไม่แพ้งานแฟตเลยนะ แต่จะดูไปทางฮาร์ดๆกว่า ที่เด็ดสุดก็ต้องพวกที่แต่งตัวเลียนแบบ (Cos Play) พวก Slipknot นี่แหละ บางคนค่าลงทุนชุดคงแพงกว่าค่าบัตรอีกมั้งเนี่ย ก็ดีครับถือเป็นสีสันของงาน
พอวง DD ลงจากเวทีไป คนดูก็ลุกฮือขึ้นไปหน้าเวทีด้านซ้ายเลย ก็ถึงบางอ้อว่าวง Ebola มาแล้ว ส่วนตัวแล้วผมชอบวงนี้มากทีเดียว เป็นวงที่มีส่วนผสมของแนวทางของตัวเองและความเป็นตลาดได้พอดิบพอดี งานของพวกเขาหนักหน่วงแต่ว่าเข้าถึงง่ายดีครับ (พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือนักร้องนำร้องฟังรู้เรื่อง) ที่สำคัญเนื้อเพลงสร้างสรรค์ ไม่ใช่ เอะอะก็ ฆ่าๆๆๆ เชี่ยๆๆๆ อะไรแบบนี้ ปีนี้ผมเจอ Ebola บ่อยเหมือนกัน ตั้งแต่ Linkin Park ที่พวกเขาเป็นวงเปิด (ซึ่งขอบอกว่าเผลอๆเล่นมันกว่าเจ้าของงานอีก), งานคอนเสิร์ตของ M-Max (ที่รวม 7 วงมหากาฬ) และก็งานนี้นั่นเอง Ebola จุดชนวนความมันส์ด้วยเพลงเปิดตัวอัลบั้ม Pole (2004 ผมถือว่าเป็นหนึ่งในอัลบั้มยอดเยี่ยมของปีนี้) อย่าง ความเป็นไป ซึ่งได้ผลอย่างชะงัด คนดูบางส่วนเริ่มกระโดดกันแล้ว (ไม่คิดจะเก็บแรงไว้เลยหรือนี่) ถึงตอนนี้นั่งดูไม่ได้แล้ว เพราะเขายืนกันหมด ก็เลยต้องยืนบ้าง แต่ไม่เข้าไปแจมข้างหน้า เพราะอยากเก็บแรงไว้ก่อน จากนั้นวงก็ต่อด้วยเพลง เก็บกด (ไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า หากผิดพลาดขออภัยด้วย) ถึงตอนนี้ต้องขอชมว่านักร้องนำของวงนี้ยังพลังเสียงดีไม่มีตกอย่างเคย (นับถือในจุดนี้จริงๆ) อีกอย่างก็คือระบบเสียงในงานนี้ดีมากๆ แต่ก็ยังไม่ไว้ใจเพราะคราว Linkin Park ตอนวงเปิดก็ยังเสียงกระหึ่มอยู่ แต่วง LP เล่นเสียงกลับเบาไปซะงั้น เลยรอฟันธงตอน Slipknot ขึ้นมาจริงๆดีกว่า หลังจากเล่นไปประมาณ 3 เพลง Ebola ก็ให้คนดูรีเควสเพลง แน่นอน เสียงร้องเรียกเพลง เหตุเพราะ ดังขึ้นมา เพลงที่เป็นตำนานไปแล้วของวงนี้ ไม่รอช้าทางวงสนองให้ทันที อยากบอกว่าเพลงนี้ทำให้ผมเครื่องร้อนขึ้นมาเชียวล่ะ จากนั้น Ebola ก็ปิดท้ายด้วยเพลงประกอบโฆษณาของ M-Max อย่างเพลง get out ตอนท้ายมีแอบฮาเพราะนักร้องนำดันขอบคุณ เอ็มทีวี แต่จริงๆแล้วสปอนเซอร์ของงานคือ แชแนลวี ต่างหาก งานนี้เรียกว่าแก้คำพูดกันแทบไม่ทัน
เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ
จากนั้นก็เป็นการพักยาวเกือบๆ ครึ่งชั่วโมง และแล้ววงเปิดวงสุดท้ายก็มา นั่นคือวง Dezember นั่นเอง ต้องบอกก่อนว่าได้ยินชื่อวงนี้มานานแล้ว (ตั้งแต่สมัยอ่าน Music Express, Crossroad, Starpic จนเดี๋ยวนี้เลิกซื้อไปหมดแล้ว) แต่ไม่เคยฟังเลย ตามที่เข้าใจวงนี้น่าจะเป็นแนวสปีด-เมทัล ยอมรับว่าวงนี้เล่นแน่นมากๆ (โดยเฉพาะมือกีต้าร์) แต่ว่าแนวเพลงแบบนี้ไม่ค่อยเข้าทางผมสักเท่าไร สิริรวมวงนี้น่าจะเล่นไปประมาณ 4 เพลง แต่ละเพลงนี่ยาวมากๆ (เรียกว่าไปแข่งกับพวก X-Japan ได้เลย) แถมมีเพลงชื่อเด็ดมากๆว่า ดอกท_งแด่เธอ ไม่รู้เกี่ยวอะไรกับ ดอก ปนัดดา หรือเปล่า
พอวง Dezember เล่นเสร้จ ฝูงชนก็เริ่มทะลักทะลั่นเข้าไปบริเวณหน้าเวที เบียดเสียดกันพอดูเลย ถ้าเทียบกับงาน LP เพราะคราวนั้นแบ่งออกเป็น 4 ล็อคเลยไม่แน่นมาก แต่คราวนี้เหมือนมากระจุกกันที่บัตร 1000 บาทอยู่ที่เดียว ถึงตอนนี้ก็เริ่มปรึกษาทางหนีทีไล่กับคนที่ไปด้วย กลัวเหมือนกันว่าจะมีคนตีกัน (ส่วนหนึ่งมาจากตอนงานแฟตด้วย แต่สรุปแล้วรอบๆตัวก็ไม่มีตีกันนะ แต่อาจจะมีเหมือนกันเพราะเห็น สห. เดินเข้ามาในงานด้วย) แล้วก็ตกลงกันว่าถ้าไม่ไหวจะลี้ภัยไปข้างหลัง (ขอเอาชีวิตรอดไปก่อน เพราะวันรุ่งขึ้นมีเรียนตอน 08.00 แถมยังรู้เกรดไม่ครบด้วย) ระหว่างรอก็มีคนขึ้นมาเทสต์เสียง แบบว่าตีกลองทีนี่ตกใจกันทั้งงาน เสียงดังพลังช้างสารมากเลย ขอบอก
ตีทีนี่สะเทือนไปถึงปอดเลย ประมาณว่าชาวบ้านที่นอนอยู่ในเมืองทองคงสะดุ้งตื่นกันหมดเลย จากนั้นพี่แกก็หันไปเทสต์กีต้าร์บ้าง ซึ่งเล่นเอาเหล่าคนดูตาดำๆแสบแก้วหูเลยทีเดียว หลังจากรอพร้อมกับโดนรมควัน (บุหรี่) จนเกรียมได้ที่ เวลาประมาณ 20.15 เพลงสรรเสริญพระบารมีก็ขึ้นมา (ตรงนี้เพลงกระตุกทั้งเพลงด้วย เลยเริ่มใจไม่ค่อยดีเท่าไร เกี่ยวกับระบบเสียง) ต่อด้วยโฆษณาเครื่องดื่ม M-Max (ที่โดนคนโห่เล็กๆ) ทุกอย่างก็กำลังจะเปิดฉากขึ้น
ฉากด้านหลังเลื่อนขึ้นเป็นรูปหน้ากากปากซิปจากหน้าปกอัลบั้ม Vol.3 (The Subliminal Verses) แสงไฟสีม่วงที่ดูหลอนๆ และแล้วอินโทรเพลง Prelude 3.0 ก็ขึ้นมา ซึ่งความจริงก็ไม่ค่อยถูกใจผมสักเท่าไรเพราะผมคิดว่าเป็นเพลงเปิดอัลบั้มที่อ่อนด้อยที่สุดแล้วของวง สู้เพลง 742617000027 ในอัลบั้มแรก หรือเพลง [515] ในชุดสองไม่ได้เลย แต่ก็อย่างว่าอันนี้มันเป็นทัวร์โปรโมตอัลบั้มใหม่นี่หว่า พร้อมๆกับอินโทรเสียงคนดูโก่งคอร้อง เปล่งเสียงที่รอคอบการปลดปล่อย นั่น
นั่น 9 หน้ากากนรกขึ้นมาบนเวทีแล้ว ทันใดนั้นเองทุกอย่างก็ระเบิดขึ้นเพลง The Blister Exist จากอัลบั้มชุดที่สามนั่นเอง ตอนนี้รอบๆตัวผมมันเหมือนกับเหล่าอะตอมที่ถูกความร้อนจนเคลื่อนตัวกระแทกกันไปมา ผมกำลังอยู่ท่ามกลางเหล่าอนุภาคที่เคลื่อนตัวแบบทฤษฎีไร้ระเบียบ ยัง
ยังไม่ใช่เท่านี้หรอก ผมตระหนักถึงความจริงข้อนี้ได้เมื่อเพลงถัดมา คือเพลง (SIC) ขึ้นมา ไอ้ที่ว่ามาเมื่อกี้มันแค่เด็กๆ คราวนี้แหละของจริง ขอบอกเลยว่าถึงตอนนี้ไม่แน่จริง ไม่รอดแน่ เพราะมันกระโดดแทกกันทั้งงานเลยครับ จบเพลงนี้ไปผมก็ขอยอมเป็นพวกไม่แน่จริงแล้วละครับ ลาแล้วลาที จรลีไปอยู่ข้างหลังดีกว่า
(แถมอีกนิดว่าไอ้ตอนชุลมุนวุ่นวายกันอยู่ผมเห็นคู่รักคู่หนึ่ง ผจญอยู่ในวงนั้น แหมพี่ผู้ชายแกพระเอ๊กพระเอกนะครับ อุตส่าห์กอดปกป้องตัวแฟนไว้ แต่อยากจะบอกว่าพี่แกว่าถอยทัพดีกว่ามั้งครับพี่ เดี๋ยวแฟนพี่จะตายซะก่อน นี่พี่มาดูผิดงานรึป่าว คอนเสิร์ต Sting น่ะปีหน้าเลยนะพี่)
จากคุณ :
merveillesxx
- [
12 พ.ย. 47 01:20:17
]