 |
กระทู้วันวานยังหวานอยู่: ระลึกถึงภาพยนตร์-ศิลปะบนแผ่นฟิล์ม-จากวงการ J-ROCK
วงการ J-ROCK นอกจากจะมีเพลงมากมายสารพัดแนวให้เรารับฟังกันแล้ว วงการนี้ยังให้มีศิลปะแขนงที่ 7 อันทรงคุณค่าอย่าง 'ภาพยนตร์' ด้วย ...แม้จะไม่มากนักก็ตาม (ซึ่งคงไม่ถูกนักที่เรียกว่า 'ศิลปะบนแผ่นฟิล์ม' เพราะส่วนใหญ่มันออกมาในรูปของ VDO, DVD เสียมากกว่า)
สืบเนื่องจากกระทู้ในเวบบอร์ด Bioscope เกี่ยวกับ 'ฉากคลาสสิคในประวัติศาสตร์ 100 ภาพยนตร์'
http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=13415
พิมพ์ไปพิมพ์มา ผมก็พลันไปนึกถึงฉากจากภาพยนตร์ที่มาจากวงการและบุคคลากรชาว J-ROCK เข้าจนได้ ว่าแล้วก็ขอระลึกความหลังหน่อยละกันนะครับ (หยิบมา 4 เรื่อง) ใครจำเรื่องไหนได้ รู้สึกอย่างไรก็ต่อเรื่องนั้น ก็แสดงความคิดเห็นกันนะครับ
**ข้อความส่วนใหญ่ copy มาจากเวบบอร์ด bioscope อันอิงบริบทจากกระทู้นั้นๆ ด้วย หากอ่านแล้วงงๆ ก็ขออภัยนะครับ**
1. Seth et Holth (1994)
(ถ้าพิมพ์ชื่อผิดพลาดก็ขออภัย...)
Seth et Holth (1994) เป็นหนังของ ฮิเดะวง X-Japan ครับ (เขาแสดงนำ) เล่นคู่กับนักร้องวิชวลร็อคอีกคนจำชื่อไม่ได้ (รู้สึกจะเป็น Tusk วง Zi:Kill หรือเปล่า - เอ๊ะ เรานี่ความจำดีเหมือนกัน)
เนื้อเรื่องเกี่ยวกับชายสองคน ที่เป็นเทพอยู่บนสวรรค์อยู่ดีๆ ไม่ชอบ อยากลงมาโลกมนุษย์ (โดยยานที่ลงมาโลกมนุษย์ดันเป็น 'แมลงสาบ'! - แสบมั้ยล่ะ) ฉากเปิดเรื่องเป็นเทพสองคนนี้กำลังกอดนัวเนียและ 'เลีย' ลูกตาให้ซึ่งกันและกัน (กรี๊ดส์!!!) ดูแล้วสยิวปนขนลุก
ลงมาแล้วก็ลองผิดลองถูก คนหนึ่งเหมือนกับจะคึกคะนองมากกว่า สร้างเรื่องก่อกวนชาวบ้านเค้าไปทั่ว อีกคนเหมือนจะพยายามรั้งอีกฝ่ายไว้ สุดท้ายพ่อคนหัวอ่อนถูกเพื่อนเลวชักจูงให้เข้าทางมืด ...ฉากคลาสสิคอีกหนึ่งฉาก สองเทพร่วมกันข่มขืนผู้หญิงคนหนึ่ง โดยเธอแหกขา 180 องศา (!!!!!)
สุดท้ายสวรรค์ลงทัณฑ์ ตรงนี้เป็นฉากสัญลักษณ์ มีรูปดวงตาดวงเดียวอยู่ตรงกลางจอ มีมือล้วงเข้าไปในลูกตานั้น แล้วควักบางสิ่งบางอย่างออกมา มันคือตัวอ่อนของเด็กทารก (!!!!)
และสุดท้าย...ทั้งสองก็ต้องถูกลงทัณฑ์อย่างทรมานไปชั่วนิรันดร์...
หนังเรื่องนี้เป็นหนังเรื่องแรกๆ ที่ผมต้องใช้ 'สมอง' คิดตามมันไปด้วย ดังนั้นช่วงที่ฮิเดะฆ่าตัวตาย (1998) แล้วสื่อมวลชนรุมประณาม ผมจึงไม่พอใจอย่างมาก และผมจะคัดค้านทุกครั้งไปที่ผู้คนกล่าวว่าฮิเดะเป็นแค่ตัวกิ๊กก๊อกหัวแดงแหกปากเอากีต้าร์(แพงๆ)ฟาดพื้น ...บุคคลนี้ไม่ไกลห่างจากคำว่า 'อัจฉริยะ' เลยครับ
**ปี 2004 ที่ผ่านมารุ้สึกว่าจะไม่ค่อยมีผลงานของ hide ออกมาหลอกหลอนสักเท่าไรนะครับ ^^''
2. Soundtrack (2002)
http://www.cdjapan.co.jp/detailview.html?KEY=KSXD-24344
Soundtrack (2002) นำแสดงโดย Sugizo (มือกีต้าร์ที่แร่ดที่สุดในโลกา จากวง Luna Sea) และนางเอกสุดโปรดของผม โค ชิบาซากิ (ตอนนี้เธอกำลังมีซีรี่ย์เรื่อง Good Luck ออนแอร์ทาง ITV ครับ)
เนื้อเรื่องเกี่ยวกับอะไร อธิบายยาก (เพราะดูแบบไม่มีซับ--แต่ความจริงหนังมันก็ไม่ค่อยมีพูดกันหรอกนะ!) น่าจะเกี่ยวกับความสันพันธ์ของพี่ชาย-น้องสาว ที่พ่อแม่ถูกหุ่นกระบอกปิศาจ (!) ฆ่าตาย ทั้งคู่เติบโต มาด้วยกัน...แต่ทั้งคู่ 'รัก' กัน
มีฉากหนึ่ง ทั้งคู่นอนอยู่ในกองเส้นฟาง ที่เหมือน 'รังนก' พี่ชายตัวสั่นเทา น้องสาวเอื้อมมือไปบีบจับ พี่ชายหยุดสั่นไหว ทั้งคู่นอนตะแคงหันเข้าหากัน เปรียบดั่ง 2 ข้างของ 'โครมาติด' ในคู่ของ 'โครโมโซม' ...ผมรักฉากนี้มาก
หนังมีโทนสีทั้งเรื่องเป็นสีเทามัว (ซึ่งเป็นหนึ่งในโทนสีของหนังที่ผมชอบมากๆ ให้คิดถึงหนังเรื่อง The Return* นะครับ) องค์ประกอบศิลป์นี่เรียกได้ว่าเด็ดขาด (เป็นด้านตรงข้ามของเรื่อง Moulin Rouge) และมีอิทธิพลของหนังเงียบคลาสสิคด้วย
พระเอกเป็นนักประพันธ์เพลง เขาเล่นไวโอลิน ตลอดทั้งเรื่องเราจะได้ยินเพลงประกอบที่เป็นเสียงไวโอลินที่แสนจะไพเราะและบาดลึก (ซีดีซาวด์แทร็กของหนังเรื่องนี้มี 3 ชุดด้วยกัน ซึ่งสุดยอดมาก) ...เขาสื่อสารกับเธอด้วยเสียงไวโอลิน (Sugizo เป็นมือกีต้าร์ที่เกรี้ยวกราดและกรีดกราย แต่เขาสามารถสีไวโอลินได้พริ้วไหวมากๆ) ส่วนนางเอกเป็นนักเขียน เธอสื่อสารกับเขาด้วยนิทานที่เธอแต่งขึ้น (เพราะงี้ไง หนังมันถึงไม่มีบทพูดเลย!)
ทีเด็ดที่สุดคือเพลงในตอนจบ ทุกวันนี้ยังอยู่ในหัวผมเลย...
*The Return (2003) เป็นหนังรัสเซียที่ได้รางวัลสิงโตทองคำจากงานเวนิซ ว่าด้วยความสัมพันธ์อันไม่ลงรอยของ 'พ่อ-ลูก' เป็นหนังที่ผมชอบสุดลึกสุดใจ แต่ไม่มีวันหยิบขึ้นมาดูซ้ำอีกแน่นอน เพราะมันช่างหดหู่เหลือเกิน
**อัลบั้มล่าสุดของ Sugizo ยังคงเป็น C:LEAR ครับ
3. 30 Minutes
นำแสดงโดยสุดหล่อ Hakuei จากวง Penicillin (น่าจะคุ้นชื่อวงนี้กันบ้างนะ) ปัจจุบันวงนี้ยังอยู่ ที่สำคัญวงนี้เคยมาเล่นคอนเสิร์ตที่เมืองไทยซะด้วย! ส่วนตัวหนังหลายคนบ่นว่าเป็นหนังที่ดูไม่รู้เรื่องที่สุดอีกหนึ่งเรื่อง! (ผมดูเมื่อสมัยก่อนนู้น..นนน แถมไม่จบด้วย เลยขอข้ามนะครับ เรื่องนี้)
*Penicillin เป็นวงที่อึดมากๆ ล่าสุดพึ่งออกอัลบั้มใหม่มาเอง
**ส่วน Hakuei ก็มีอัลบั้มเดี่ยวชุดที่ 3
***ที่เด็ดสุดก็คือวง Machine ยังกลับมาออกอัลบั้มอีกจนได้ (ไม่เห็นรู้เรื่องเลยอ่ะ...)
4. Verte Aile / Bel Air (1997)
โดย Malice Mizer**
http://www.cdjapan.co.jp/detailview.html?KEY=XT-1592
เป็นหนังที่แสดงโดยสมาชิกทั้ง 5 ของวง Malice Mizer ฉากของหนังเป็นยุโรปยุคกลาง (ซึ่งเป็นยุคที่มีอิทธิพลต่อชุดคอสตูมของวงนี้มากๆ) เนื้อเรื่องประมาณพระเอกเป็นเจ้าชายในวังใหญ่ แล้วก็มีตัวละครห้อมล้อมมากมาย ที่จะนำมาทั้งความสุข ความทุกข์ และความตาย...
สิ่งที่น่าสนใจคือ นักแสดงหนึ่งคนจะได้เล่นหลายบทบาท เช่น mana (มือกีต้าร์ของวง - หนึ่งในอัจฉริยะทางโลกดนตรี) เธอเล่นเป็นทั้งแม่บ้านและโสเภณีชั้นสูงในหนังเรื่องเดียวกัน!
ความจริงวงนี้มีหนังออกมาอีกเรื่องชื่อ Bridal of Rose (2002) เป็นหนังแดร็กคูล่า (!) แต่เรื่องนี้ผมไม่ค่อยชอบครับ
**Malice Mizer คือวงวิชวลร็อคจากญี่ปุ่นที่โดดเด่นมากๆ นอกจากชุดคอสตูมที่อลังการและหลุดโลก (ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่คนไทยเกลียดวงนี้! รวมถึงตระกูลวงศาขนาญาติวิชวลร็อคทั้งโครต) แนวเพลงก็ประหลาดโลกมาก กล่าวคือมีตั้งแต่ ร็อค-ป๊อป-โอเปร่า-อิเล็กโทรนิก จนไปถึงเพลง แคนดี้ป๊อป! (แต่โดยหลักเป็นวงโอเปร่าร็อคในยุคแรก และเป็นโกธิคร็อคในยุคหลังครับ)
วงนี้มีอัลบั้มล้ำค่ามากๆ ที่ชื่อว่า merveilles (1998) ซึ่งเป็นที่มาของชื่อผมนั่นเอง ...ปัจจุบันวงนี้แตกไปแล้วนะครับ
ส่วนหนัง J-Rock อีกเรื่องอย่าง Moonchild ที่นำแสดงโดย Hyde (L'Arc-en-Cial), Gackt (ex. Malice Mizer) และ Wang Lee Hom (มาได้ไง) ขอไม่พูดถึงละกัน เพราะผมฮาแตกมากๆกับหนังเรื่องนี้
ใครบอกว่า J-Rock มีแต่พวกแต่งตัวบ้าๆบอๆ เพลงกะโหลกกะลา ...หนังดีๆก็มีเหมือนกัน (ย่ะ!)
รูป - พระนางจากเรื่อง Soundtrack
-------------------------------
ฝากเวบ http://merveillesxx.bloggang.com
ภาพยนตร์-ดนตรี-วรรณกรรม-คอนเสิร์ต-สาระ และจับฉ่าย
จากคุณ :
merveillesxx 
- [
4 ม.ค. 48 21:51:59
]
|
|
|
|
|
|
