เนื่องจากวันนี้เป็นวันเด็ก เห็นผู้ปกครองพาเด็กๆ ไปเที่ยว แล้วเด็กๆ ก็มีความสุข
เห็นรอยยิ้มอันสดใสและบริสุทธิ์ของเด็กแล้วทำให้เรามีความสุขไปด้วย
วันนี้ช่างเป็นวันดีจริงๆ นอกจากจะเป็นวันที่ทำให้เด็กได้ไปเที่ยวสนุกสนานแล้ว
ยังเป็นวันที่ผู้ปกครองจะได้ใกล้ชิดลูกและมีกิจกรรมร่วมกันกับลูกอีกด้วย
คงเป็นอีกวันที่ทำให้ครอบครัวมีความอบอุ่นนะคะ
เห็นแล้วก็อยากกลับไปเป็นเด็กจัง แต่คงจะไม่ได้เพราะเวลาไม่เคยย้อนกลับ
ก็คงแต่ได้นั่งนึกทบทวนความหลังเมื่อครั้งที่เรายังเด็กอยู่ในตอนนั้นเมื่อใกล้ถึงวันเด็ก
เราจะรู้สึกตื่นเต้นมากเพราะรู้ว่าจะต้องได้ไปเที่ยว จะเตรียมชุดสวยไว้แต่เนิ่นๆ
เหมือนเด็กที่บ้าเห่อ ถึงวันนั้นจะตื่นแต่เช้าแล้วอาบน้ำแต่งตัวโดยที่แม่ไม่ต้องร้องบอก
(ทุกทีเวลาจะอาบน้ำทีแม่แทบจะอุ้มไปอาบ เพราะเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ไป แบบว่าเป็นโรคกลัวน้ำง่ะ อิอิ)
ทาแป้งฝุ่นหน้าขาววอก แล้วนั่งทำหน้าแป๋วแหววเพื่อให้แม่รู้ว่าเราพร้อมแล้วนะที่จะไป
แม่เห็นก็ขำแถมยังอดค่อนขอดลูกสาวตัวดีไม่ได้ว่าทีไปเที่ยวงี้กระดี้กระด้า
แต่งตัวเองได้แต่หัววัน เวลาเรียกไปโรงเรียนทำอิดออดเข็นแทบตายกว่าจะแต่งตัวเสร็จ
แถมบางทีมีงอนงอแงเวลาแม่ไปลากจากเตียงนอน แต่นี่ไม่ต้องปลุกลุกเองโดยอัตโนมัติ
เออเนาะ ก็ไปเที่ยวกับไปโรงเรียนมันต่างกันนิ ไปเที่ยวเรายังได้เล่น ได้ซนวิ่งอย่างอิสระ
แต่ไปโรงเรียนเล่นก็ไม่ได้ วิ่งก็ไม่ได้ คุยเสียงดังกับเพื่อนก็ไม่ได้ เดี๋ยวครูตี
สถานที่ในตอนนั้นที่ไปก็อยู่ไม่ไกลบ้านนัก อย่างโรงเรียนนายร้อย จปร.แถวสวนลุม
ที่นั่นจะจัดทุกปี น้าๆ ทหารจะใจดีมาก มีให้วาดภาพประกวดเราก็วาดด้วยแต่เสร็จไม่ทันเวลา
เลยได้แค่สมุดวาดเขียนกับดินสอเอามาวาดต่อที่บ้าน ฮี่ฮี่ ก็ไม่เก่งวาดภาพนิ
ประกวดร้องเพลง(อันนี้ค่อยถนัดหน่อย) เป็นซุ้มประจำที่จะเข้าไปประกวดทุกปี
วิ่งไปสมัครเองเลยโดยที่พ่อกับแม่ไม่ต้องพาไป แล้วก็เป็นซุ้มแรกที่วิ่งไปหาด้วย
จำได้ว่ามีอยู่ปีหนึ่งไปถึงก็บอกน้าทหารว่าหนูจะร้องเพลง น้าแกก็บอกร้องเพลงของใครหล่ะ
เราก็บอก"หนูจะร้องเพลงผ่องศรี" น้าทหารตกใจหนูเนี่ยนะจะร้องเพลงผ่องศรี
แล้วแกก็หัวเราะ นึกในใจจะหัวเราะทำไมก็คนมันชอบแล้วก็ร้องเพลงผ่องศรีมาตลอดด้วย
เขาก็ถามจะร้องเพลงอะไร เราบอกจะร้องเพลง "ไหนว่าไม่ลืม" เขายิ่งหัวเราะใหญ่
หันไปถามพ่อกับแม่ว่าเขาร้องได้เหรอ พ่อกับแม่บอกว่ามันร้องประจำอยู่แล้ว
ก็เลยให้ร้อง วันนั้นจำได้ว่าร้องแค่ประโยคแรกคนตบมือกันใหญ่ ปลื้มมากไม่อายเลย
ทำท่าแด๊ะแด๋ไปตามเนื้อร้อง เหลือบเห็นแม่เอามือปิดหน้าสงสัยคงอายแทน
ส่วนพ่อไม่รอช้ารีบคว้ากล้องถ่ายรูปลูกสาวจอมกระแดะทันที
พ่อจะปลื้มมากเพราะพ่อก็ชอบร้องเพลงเหมือนกัน เรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น อิอิ
มีลุงกับป้าเดินเข้ามาให้เงินด้วยคนละ 20-40 บาท บางคนก็เอาลูกโป่งมาให้
ดีใจมากๆ ร้องเสร็จน้าทหารคนนั้นยังบอกออกไมค์ว่าโตขึ้นคงได้เป็นนักร้องดังแข่งกับผ่องศรี
เรางี้ยิ้มแก้มแทบปริเพราะชอบและอยากเป็นมากๆ สุดท้ายเราก็ได้รางวัลที่หนึ่ง
ได้เงินมา 500 บาท กับเงินที่เขาให้รางวัลกันมาเอาให้แม่หมดเลย
แม่บอกดีแล้วจะเอาไปใส่ธนาคารให้ แล้วแม่ก็เก็บไป
จากวันนั้นถึงวันนี้ไม่รู้น้าทหารคนนั้นจะยังอยู่หรือเปล่าเพราะผ่านมายี่สิบกว่าปีแล้ว
อยากจะบอกน้าจังเลยว่า ไอ้หนูคนนั้นที่น้าบอกว่าโตขึ้นจะได้เป็นนักร้องดังแข่งกับผ่องศรีหน่ะ
มันเป็นได้แต่เพียงในฝันเท่านั้นแหล่ะ เพราะพอโตขึ้นมาเสียงมันก็เปลี่ยน
วันเวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยนไป จากเสียงที่เคยสดใสในวัยเด็กมันก็แตกเป็นเสียงห้าวๆ
จากเด็กสาวที่เคยสดใส(ออกแนวหวาน) มันก็กลายสภาพเป็นสาวห้าวที่ผู้ชายยังแขยง
ถึงร้องได้แต่ก็ไม่ดีใครเขาจะมาปั้นให้เป็นนักร้อง ค่ายเพลงคงไม่มีใครเสี่ยงจะเจ๊งเพราะหนูแน่
แม่ผ่องศรีเป็นราชินีลูกทุ่ง.....ส่วนไอ้หนูคนนี้เป็นได้แค่ราชินีช้างเจ้าค่ะ 555
แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 48 12:31:27
จากคุณ :
กระแตไทย
- [
8 ม.ค. 48 12:24:36
]