PANTIP.COM : C3221503 นอกเรื่อง: ตะลุยงาน Bangkok International Film Festival 2005 [ดนตรีนอกกระแส]

ความคิดเห็นที่ 15

http://www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=13817

ศุกร์ 14 มกราคม 2548
วันเปิดเทศกาลสำหรับผม...

**ข้อควรทราบและระวัง**
- สำหรับท่านที่ไปซื้อบัตรหน้างานระวังให้ดี เพราะจากที่ติดตามมา วันที่หนังเรื่องนั้นฉายจริงๆ ตั๋วจะวิ่งเร็วมาก ฉะนั้นไปซื้อวันจริงเลย อาจจะได้ที่นั่งไม่ดีนัก อย่างเช่นวันนี้เพื่อนผมได้แถวที่ 2 จากข้างหน้า...แถมดันเป็นเรื่อง Anatomy of Hell!! (เห็น-เต็ม-ตา เลย!! Anatomy จริงๆ ทุก 'รู' ขุม 'ขน' -- ไม่ต้องห่วงผมเม้าท์ถึงหนังเรื่องนี้เต็มๆ แน่นอน โปรดติดตามข้างล่าง)

- ตอนนี้รอบหนังมีทั้งการ CANCEL และเปลี่ยนสลับโยกย้ายไปมาอย่างทั่วถึง กรุณาเชค (โดยเฉพาะจากสื่ออินเตอร์เน็ต) ก่อนออกจากบ้าน/ที่ทำงาน

- 2046 ได้ฉายแล้ว (ซะทีโว้ย!) มี 2 รอบคือ
19 มกราคม 20.30 (300 บาท - ผู้กำกับและนักแสดงจะมา ---จริงหรือ??) และ 22 มกราคม 18.00 (120 บาท) ใครดูวันที่ 19 เจอกันนะครับ

- สำหรับท่านที่เป็นกังวลเรื่องจะไปไม่ทันหนังฉาย มีข่าวดีว่าท่านมีเวลาเพิ่มขึ้นอีกหลายนาทีทีเดียว เพราะนอกจากจะรอคนเข้าโรงแล้ว ทางโรงหนังมีโฆษณาให้ท่านดูจนเต็มอิ่ม (?) ทั้งหนังตัวอย่างเอย สปอนเซอร์เอย เรียกว่าเดินทางกันสบายๆก็ได้ (ยกเว้นหนังก่อนหน้านั้นๆ มีความยาวเป็นพิเศษ)

**หนังสือที่มีแจกในงาน**
นอกจากเล่มเล็กที่แถมจาก Bio เล่ม 38 แล้วก็มี
- หนังสือเล่มเล็ก (ปกกินรีทอง พื้นขาว-เหลือง) อันนี้แจกฟรี พิมพ์ขาวดำ ข้างในแถมบัตรชิงโชค
- หนังสือเล่มใหญ่ (ที่เย็บแม็ก) อันนี้ต้องบริจาคช่วยเหลือเพื่อประสบภัยซึนามิก่อนถึงจะได้ (ไม่กำหนด แล้วแต่จิตศรัทธา) ข้างในก็เป็นข้อมูลหนังเหมือนเล่มเล็ก (แต่ detail ไม่เหมือนกัน) ที่สำคัญเป็นภาพสี น่าอ่านกว่าเยอะ
- หนังสือเล่มใหญ่ (ปกสีฟ้าๆ) ขายราคา 100 บาท จนท.งานบอกเองว่าเป็น 'ฉบับไฮโซ' (คล้ายๆ VCD ไฮโซ รึป่าว??) อันนี้ยังไม่ได้ซื้อ

-----------------------------
ภาพยนตร์ที่ได้ดูวันนี้
**ข้อมูลในส่วนนี้ผมจะพยายามพูดถึงเนื้อเรื่องให้น้อยที่สุด ในส่วนการลงรายละเอียด (เนื้อเรื่อง-ฉากเด็ด ฯลฯ) ผมจะไปยกไปในส่วน Your Review (ถ้าวาสนาเอื้อให้เขียนได้)**

SCHIZO -- Guka Omarova, 2004 (B)
หนังจากคาซัคสถาน...ซึ่งคิดว่าชาตินี้คงมีโอกาสหาดูได้ยาก มีคนดูพอประมาณ เห็นเด็ก ม.ปลายใส่ชุดนักเรียนมาดูด้วย ซึ่งเห็นแล้วก็ชื่นใจ แต่ส่วนใหญ่จะมาคนเดียว แน่ล่ะ..ใครชวนเพื่อนมาดูหนังคาซัคสถานได้ถือว่าเก่งมาก (ฮา)

หนังเล่าถึงเด็กหนุ่มวัย 15 ที่เพื่อนๆเรียกว่า SCHIZO (โดยมาจากคำว่า Schizophrenic --เก๋มั้ยล่ะ) ดูๆไปแล้วหนังเรื่องนี้คล้ายๆ Noi Albinoi ผสมกับ Lilya 4-EVER เพียงแต่ว่าอีตา Schizo ไม่ใช่เด็กเนิร์ดขนาดนายเหม่ง 'นอย' ส่วนเรื่องดีกรีชีวิตบัดซบน้องหนู 'ลิลย่า' ก็ชนะขาด

อีกจุดร่วมของหนังทั้งสาม คือสถานที่-ฉาก-ของหนังอันเป็นดินแดนที่ไม่น่าอยู่เอาเสียเลย ทั้งน้ำแข็งหนาวสุดขั้ว (Noi Albinoi) ดินแดนเศษเดนจากสงครามเย็น (Lilya) ส่วนเรื่องนี้ก็เป็นพื้นที่รกร้างแห้งแล้งสีน้ำตาลคลุ้งฝุ่น...

แม้พล็อตเรื่องจะไม่ได้เด่นมากนัก และในบางฉากก็ดูเปิ่นๆด้วย แต่อารมณ์ของหนังก็ค่อนข้างไปทางละเมียดละไม และสิ่งที่เด่นมากๆคือเรื่องของ 'ภาพ' ที่สามารถถ่ายทอดดินแดนรกร้างแห่งนี้ให้มีเสน่ห์ชวนติดตาได้ยิ่งนัก / การนำเสนอภาพที่ให้ 'เห็น' และสิ่งที่ 'ไม่เห็น' ในช่วงท้าย / รวมถึงช็อตเด่นประจำเรื่องคือภาพของพระเอกในระยะไกลท่ามกลางวัตถุปัจจัยล้อมรอบมากมายที่เน้นนำความเป็นคน 'ตัวเล็กๆ' ในสังคมอย่างเขา

อีกอย่างหนึ่งที่จะบอกก็คือ หนุ่มคาซัคสถานนี่ก็หล่อ (ในบางมุม) เหมือนกัน

--------------------------

Cafe Lumiere -- Hou Hsiao Hsien, 2004 (งดให้เกรด)
"เอ่อ..หนังเรื่องนี้จะเลทไปครึ่งชั่วโมงครับ เพราะทำซับไม่ทัน" ...หา! อะไรนะ ผมคิดในใจหลังจากได้ฟัง จนท.แจงเหตุผล ขณะกำลังคิดสะระตะอย่างหนักอยู่นั้นเอง "เอ่อ...ทางเราจะฉายเรื่องนี้เลยครับ แต่ว่าไม่มีซับไตเติ้ล ย้ำนะครับ ไม่มีซับไตเติ้ล พูดญี่ปุ่น(ล้วนๆ)" ด้วยความอยากลองของ บวกกับขี้เกียจจัดตารางใหม่แล้ว ผมก็เลยเปรี้ยวดูหนังเรื่องนี้แบบไม่มีซับเสียเลย (แถมบอก จนท.ไปอีกว่า "ไม่เป็นไรครับ ผมมั่นใจในภาษาภาพยนตร์" --โม้เห็นๆ) ทั้งที่ฟังญี่ปุ่นออกไม่เกิน 10 คำนี่แหละ! (แต่ผมถามทีมงานแล้ว เขาบอกว่ารอบวันที่ 21 จะมีซับให้)

เริ่มต้นฉายหนังคนก็พอมีอยู่ แต่ว่ามันเหมือนกับเกม Battle Royale ผู้เข้าแข่งขันก็หายไปทีละคนๆ นอกจากฟังไม่รู้เรื่องแล้ว หนังก็ยังนิ่งมากกกก...กก (อ้าว ก็ใครกำกับล่ะ) แถมงานนี้ไม่ให้มัน 'นิ่ง' ได้ยังไงเฮียโหวก็ทำหนังนิ่ง ดันมาทริบิวต์ให้ปู่โอสุอีก โอ..ตายแล้ว นี่มันอภิมหาหนังนิ่งแห่งประวัติศาสตร์เลยรึเนี่ย (ตอบ--ไม่ขนาดหรอก) ก็นั่นแหละ คนก็เลยเดินออกไปทีละคนๆ ส่วนบางคนก็ออกจากเกมไปด้วยการหนีไปเฝ้าพระอินทร์ (หลับนั่นเอง) ตัวผมก็หวิดจะไปหลายที ดีว่าได้ลูกอมจากคุณยายขายลูกอมหน้าสยามดิสฯ ช่วยไว้

ตามที่ผมเข้าใจช่วงแรกของหนังเป็นทริบิวต์โอสุอย่างชัดเจน เราจะเห็นฉากที่คุ้นเคยอย่างฉากในบ้าน พ่อ-แม่-ลูกนั่งล้อมโต๊ะกันอยู่ 3 คน ถ่ายทอดด้วยมุมกล้องทาตามิ ลูกสาวมีปัญหา คุณพ่อมีปัญหาแต่ไม่ยอมพูด อะไรประมาณนั้น

ส่วนคุณพี่อาซาโน่ที่ผมตั้งใจไปดูก็โผล่ออกมา...เอ่อ 6 ฉากได้มั้ง (เอ๊ะ หรือว่าเราเผลอหลับไป แต่ว่างานนี้ได้นางเอกมาแทน เพราะเธอน่ารักมีสไตล์ดี) ตรงกลางเรื่องก็จะเป็นการก่อความสัมพันธ์ของพระนางทั้งคู่ ซึ่งเข้าใจว่าพวกเขาคงมีเวลาว่างในชีวิตพอดู นางเอกของเราท่าทางจะเป็นแฟนพันธุ์แท้รถไฟ เพราะ she ขึ้นรถไฟเกือบทั้งเรื่อง อีกอย่างก็คือ โทรศัพท์ โทรศัพท์และโทรศัพท์! (ซึ่งฟังไม่ออก--โว้ย!) สงสัยอยู่เหมือนกันว่าลุงโหวต้องการใช้รถฟงรถไฟอะไรเนี่ย เป็นสัญลักษณ์หรือเปล่า (ใครรู้เรื่อง ช่วยบอกที้?????)

ตอนท้ายก็เข้าสูตรปู่โอสุเหมือนเดิมก็คือการคลายปมปัญหาในครอบครัว (ซึ่งไปคลายไปผูกกันอีท่าไหน อิชั้นก็มิอาจรู้ได้ เพราะฟังไม่ออก) แถมท้ายด้วยภาพตอนจบที่เก๋และเท่มากๆ ...จบแหล่ว หนังครบรอบ 100 ปีโอสุ โอ้ว! ก็อดซ์!!

สรุป -- เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่าทำกระแดะเป็นใช้ใจดูหนัง ถ้าฟังภาษาต้นฉบับไม่ออก (ฮา)

-------------------------

Anatomy of Hell -- วาทกรรมโยนีวิปลาศ (A+)
Catherine Breillat, 2004
**ไม่ต้องห่วงผมเขียนถึงหนังเรื่องนี้ โดยแทบไม่เล่าถึงฉากใดๆในหนังเลย**

มันเป็นเรื่องตลกที่ผมจองบัตรเรื่องนี้ได้แถวสุดท้ายของโรงหนัง SFX Emporium ซึ่งมันเป็นที่นั่งคู่เบาะนุ่มสุดสบาย เหมาะสำหรับคู่รักข้าวใหม่ปลามัน ซึ่งเพื่อนด่าว่า "หนังมันโรแมนติกตายห่ะเลย!"
มันเป็นเรื่องไม่ค่อยตลกที่เพื่อนผมดันมาซื้อบัตรวันนี้ ซึ่งได้แถวที่สองจากข้างหน้า กับหนังเรื่องอื่นก็ว่าแย่แล้ว แต่นี่มันคือ Anatomy of Hell !! (ฮ่าๆๆๆ) งานนี้เธอเลยได้ประสบการณ์กายวิภาค-anatomy-แบบชนิดทุก 'รู' ขุม 'ขน' (ก็แน่นอน...หนังเรื่องนี้มีให้เห็นทุกรู พร้อมขนทุกเส้น)
แต่มันไม่ตลกแน่ๆ เพราะ หนังเรื่องนี้ของBreillat เธอทำผมจุกจนกระอักเลือด!!

"เอื๊อก".... "ซี้ดส์"...."อุ๊บส์"...."เฮ่อ"
นั่นคือเสียงเปล่งอุทานที่ผมได้ยินจากคนดูที่เต็มโรงในวันนี้ (โดยเฉพาะเสียงถอนหายใจ--ฮา) บรรยากาศในหนังเหมือนทุกคนถูกตรึงอยู่กับที่ (รวมถึงหนังฉายภาพพระเยซูถูกตรึงบนไม้กางเขนด้วย -- อันนี้หน้าที่คุณเต้มาแถลงไขแล้ว อิอิ) ตั้งตัวพร้อมรับกับอะไรสักอย่าง ขณะเดียวกันก็เร่งลุ้นให้หนังผ่านไปจนถึงคืนที่ 4 โดยไว (หนังเล่าถึงความสัมพันธ์ของ The Man และ The Woman ใน 4 คืน) ปล่าวหรอก...หนังมันไม่ได้โหดทุกวินาทีอย่างนั้นหรอก แถมยังมีอะไรฮาๆ อยู่เรื่อย (ฟังจากเสียงหัวเราะที่ครื้นเครงใช้ได้)

กระนั้นก็ตามหนังเรื่องนี้มีอะไรให้คนดูร้องเล่นอยู่เสมอ-หมายถึง 'แต่ละคืน' ของชายหญิงทั้งสอง แถมดูเหมือนมันจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หนังมีฉากนิ่งๆแสดงด้วยสายตาของทั้งคู่ที่เยี่ยมยอด (โดยเฉพาะน้าร็อคโค่-แก่ไปเยอะ แต่ยังดูดีมาก) ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับฉากพูด-วาทกรรม-ถกเถียงประเด็นความเป็นผู้หญิง ความเป็นผู้ชาย ซึ่งผมต้องสารภาพว่าไม่รู้เรื่องเอาซะเลย เนื่องจากศัพท์มันหรูเกินสมองรับ แต่ก็พอจะจับคร่าวๆได้บ้าง (ซึ่งไม่ได้แปลว่าถูกต้อง-ฮา) อย่างไรก็ตาม หนังเรื่องนี้ทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกกัดกินแหว่งไปทีละนิดๆ โดยเฉพาะเมื่อถึงจาก 'ไคลแม็กซ์' ผมบอกได้เลยว่าตอนนั้นผมรู้สึก 'จุก' จริงๆ (ซึ่งนี่หมายความว่าผมอาจจะถูก 'ด่า' ไม่รู้ตัวไปหลายรอบ เนื่องจากแปลซับไตเติ้ลไม่ออก)

ในความคิดของผม ผู้ชมที่เป็นผู้หญิงและผู้ชายจะมีความรู้สึกต่อเรื่องนี้ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ผมสะดุ้งหลังติดเบาแล้วตั้งสติจ้องจอต่อ เพื่อนผู้หญิงข้างๆผมร้องไห้ ร้องไห้ และร้องไห้! (ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าเธอเข้าอกเข้าใจในตัวนางเอกหรือเธอกำลังจะอ้วกกันแน่!) นั่นหมายความว่านอกจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้น 'ในจอ' (ชาย-หญิงทั้งสอง) แล้ว Breillat ยังสามารถซัดความขัดแย้งมาสู่ 'นอกจอ' ได้ ในระดับเฉพาะการณ์ก็คือกระแสความคิดของชาย-หญิงในโรงหนัง ส่วนระดับต่อไปก็ขึ้นกับว่าเราจะเอาเรื่องนี้ไปสรรค์สร้าง 'วาทกรรม' ต่อกับเพื่อนชาย-หญิงของเราหรือไม่ ซึ่งในส่วนนี้ผมขอพักไว้ก่อนเพราะแค่ดูให้จบก็เหนื่อยแล้ว (ฮา)

อีกจุดหนึ่งที่ทำให้ผมยิ่งเจ็บเข้าไปใหญ่คือ ตอนจบของเรื่องที่แสบสันต์มากๆ (ตามความเข้าใจของผม) รวมถึงเสียงบรรยายที่เป็นของผกก.เอง (เสียงของเธอผมบรรยายไม่ได้ว่าเป็นลักษณะใด แต่ผมฟังแล้วเหมือนถูกเหยีดหยามอยู่) เพลงตอนท้ายจนถึงเพลง end credit ที่เป็นเพลงเดียวกับตอนเริ่มต้น ดั่งจะบอกว่า 'วาทกรรมโยนีวิปลาศ' ทั้ง 4 วันคืนที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่ความฝัน มันไม่ช่วยทำให้เขาและเรา-ในฐานะผู้ชาย-เกิดพุทธิสติปัญญาชนิดใหม่ต่อผู้หญิงบ้างเลย

ดังนั้นผมคิดว่าหาก Catherine Breillat กำลังจะทำหนัง Feminist สักเรื่องที่มา 'กระตุก' สติปัญญาผู้ชายหรือใครก็ตาม เธอทำสำเร็จ!
ที่สำคัญ-ซึ่งผมขอย้ำอีกทีว่า ผมไม่เข้าใจหนังเรื่องนี้เอาซะเลย-หนังเรื่องนี้แสบมาก
และมันทำให้ผมจุกจนกระอักเลือด!

ข้อแนะนำเพิ่มเติม -- ใครเบื่อแฟน เซ็งแฟนเต็มทน อยากหาเรื่องเลิกกัน เชิญไปดูหนังเรื่องนี้ได้เลย รับรองแจ่ม!

จากคุณ : merveillesxx - [ 15 ม.ค. 48 04:04:17 ]